ท่านฮั๋ว?ฝูงชนส่งเสียงอื้ออึงทันใดครั้นมีคนจำชายชราผู้นี้ได้ปรมาจารย์แพทย์ท่านฮั๋ว เมื่อกี้ยังมีคนเอ่ยถึงเขา นั่นคือปรมาจารย์แพทย์ผู้เลื่องชื่อทัดเทียมปราชญ์แพทย์ซือคงชวิ่น เซียนหมอฮั๋ว!มีคนพูดเบา ๆ ว่า “มิใช่ลือว่าท่านฮั๋วตายแล้วหรอกรึ? นั่นใช่ท่านฮั๋วจริงหรือ?”มีคนด้านข้างมองค้อนคนคนนี้พลางกล่าวคำ“ท่านฮั๋วพละกําลังยอดเยี่ยมเพียงนี้ จะตายได้อย่างไร!”“ท่านฮั๋วคิดว่าพออายุมาก เกรงภายหลังกำลังจะเสื่อมถอย จึงฉวยตอนขาเท้ายังแข็งแรงไปท่องเขาลำเนาไพรไงเเล่า!”หลิงอวี๋ดูฉงนครั้นเห็นชายชรามองค้อนท่านอ๋องเฉิง ก็พลันหันมาทางตนยิ้มตาหยี“แม่นางหลิง เมื่อครู่เจ้าที่ใช้เคล็ดฝังเข็มชุดนั้น หรือว่าเป็นกลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดในตำนาน?”ท่านฮั๋วคลั่งไคล้ศาสตร์แพทย์นัก เมื่อครู่เห็นแม่นางหลิงใช้เข็มก็ตื่นเต้นจนสั่นทั้งร่างอยู่ข้าง ๆ บัดนี้ไม่สนใจตำหนิจางเจ๋อแล้ว เอ่ยสอบถามอย่างตื่นเต้น“นี่ถือได้ว่าคือกลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดประเภทหนึ่ง! แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด! ข้าปรับให้ดีขึ้นด้วย!”หลิงอวี๋เห็นชายชรามองกลยุทธ์ฝังเข็มของตนขาด ทั้งแสดงสีหน้ากระหายความรู้ก็พลันตอบอย่างไร้กังวลท่านฮ
ครั้นมาถึงโรงเหยียนหลิง หมอเลี่ยวมองอย่างคาดไม่ถึงว่าท่านฮั๋วปรมาจารย์แพทย์แห่งฉินตะวันตกกับท่านอ๋องเฉิงผู้สูงส่งแห่งเมืองหลวงจะมาด้วย มือไม้พัลวันไม่รู้จะจัดการเช่นไรที่เมืองหลวงหมอนักพรตเต๋าคนไหนบ้างไม่รู้จักท่านฮั๋ว?อย่างไรเสียท่านฮั๋วอยู่ต่อหน้าหลิงอวี๋กลับไม่วางมากสักนิด พอนั่งลงก็รีบเอ่ยทันที“อาจารย์ ท่านรีบเล่าให้ข้าฟังหน่อย ตอนนั้นจางเจ๋อเจ้าหนุ่มนั้นฝังร่องเหนือปากสหายเฉิง เหตุใดกล่าวว่าฝังแล้วอาจทำให้สหายเฉิงอัมพาตครึ่งซีกได้เล่า?”หลิงอวี๋ไม่ปิดบังพลันตอบว่า“ตอนนั้นท่านอ๋องเฉิงโลหิตไหลย้อนกลับ เพียงจางเจ๋อลงเข็มที่ต้นคอท่านเฉิงสองข้างและสองเข็มบนปลายเท้า ท่านก็ไม่เป็นไรแล้ว!”“แต่จางเจ๋อไม่ฟังคำเตือนฝังลงร่องเหนือปาก ทำให้เลือดของท่านบีบไปช่องอกทั้งหมด หัวใจท่านอ๋องเฉิงได้รับการกดทับหนักหน่วง หัวใจจึงหยุดเต้นและหยุดหายใจ!”ท่านอ๋องเฉิงได้ฟังสถานการณ์ล่อแหลมในตอนนั้น ก็รู้สึกผวาภายหลังอยู่บ้างพลางมองค้อนดุร้ายเฉิงตงที่คอยรับใช้ข้างกายเฉิงตงตกใจกลัวจนหน้าไร้สีเลือด คุกเข่าดังตุ้บพลันเอ่ยเสียใจภายหลังอย่างสุดซึ้ง“ท่านอ๋อง ทั้งหมดคือความโง่เขลาของกระหม่อม ได้ยินจา
คนในห้องกำลังพูดคุยเรื่อยเปื่อย มีคนนอกประตูเอ่ยเรียก“ท่านอ๋องเฉิง ท่านฮั๋ว หลานชายหลี่ว์จงเจ๋อกับบิดาหลี่ว์เซียงขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ!”หลี่ว์เซียง?ท่านอ๋องเฉิงผงะครู่หนึ่งพลางมองท่านฮั๋วท่านฮั๋วยังไม่ทันเอ่ย เสียงของหลี่ว์เซียงพลันลอยมาข้างนอก“ท่านฮั๋ว ข้าน้อยได้ยินว่าท่านอยู่ที่นี่ จึงรุดมาเชิญเองโดยเฉพาะขอรับ”“ท่านแม่ป่วยหนัก คาดหวังท่านฮั๋วแสดงความเห็นใจมาตรวจท่านแม่ที่จวนสักหน่อยขอรับ!”“ออกไปตรวจดูหน่อยเถอะ!”ท่านอ๋องเฉิงส่ายศีรษะ “ฮูหยินใหญ่หลี่ว์ป่วยแบบนี้มานานโขแล้ว ครอบครัวหลี่ว์เซียงเสาะหาหมอสอบถามยาทั่วสารทิศ ช่างน่าสรรเสริญจิตใจกตัญญูกตเวทีนัก!”ท่านฮั๋วส่ายศีรษะ เอ่ยเสียงขรึม “เข้ามาเถอะ!”หลี่ว์เซียงกับหลี่ว์จงเจ๋อเดินเข้ามาทีละคนหลิงอวี๋ไม่มีความประทับใจลึกซึ้งต่อหลี่ว์เซียงเกินไปนัก ทว่านางได้ยินจากปากแม่นมลี่เมื่อท่านปู่ปลดเกษียณปีนั้น ก็ได้แนะนำหลี่ว์เซียงรับตำแหน่งแทนเขาเสียแล้วคนที่ท่านปู่แนะนำบุคลิกน่าจะพอใช้ได้กระมัง!หลี่ว์เซียงอายุสี่สิบกว่าปีรูปร่างไม่สูงไม่เตี้ย โครงหน้าเหลี่ยม ทั่วร่างเปี่ยมอิทธิพลยศถาบรรดาศักดิ์สูงส่ง ทว่าความกลัดกลุ้มแผ่คล
เปิดทำการโรงเหยียนหลิงในวันสิริมงคลที่ 26กฎการพบแพทย์ของโรงเหยียนหลิง ต้องลงทะเบียนรักษาและตรวจสี่สิบคนต่อวันภายในสามวันของการเปิดทำการ คนป่วยห้าท่านแรกตรวจโรคกับจัดสำรับยาไม่เสียค่าใช้จ่ายโรงเหยียนหลิงเพิ่งติดใบประกาศ ข่าวพลันแพร่สะพัดตรอกใหญ่ซอยน้อยอย่างเร็วรี่ด้วยเหตุนี้ เหล่าคนที่หมายชมความครึกครื้น คนที่ต้องการขอรับรักษา คนที่อยากได้เครื่องยาให้เปล่าต่างตั้งตารอวันที่ 26 อย่างตาลีตาเหลือกวันนี้มาถึงเร็วมากช่วงเช้าตรู่และกลางดึก ด้านนอกโรงเหยียนหลิงต่อแถวยาวเฟื้อยรอรับหมายเลขกำหนดเวลาเปิดทำการโรงเหยียนหลิงที่ยามจี่(1) ซึ่งคือช่วงเก้าโมงเช้าเวลาเจ็ดโมงกว่าฟ้าเริ่มสาง ถนนสายนี้ฝูงชนแน่นจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านไม่ได้(2)ในคนหมู่นั้น นอกจากคนที่ขอรับรักษากับชมความครึกครื้น ยังมีหมอและผู้บุญหนักศักดิ์ใหญ่อีกมากมายประการแรกพวกเขามาเพื่อพบท่านฮั๋วปรมาจารย์แพทย์ ประการสองเพื่อมาพบแม่นางหลิง!แม้แต่ท่านฮั๋วปรมาจารย์แพทย์ล้วนเทียบแล้วสู้ไม่ได้ คนยังหมายกราบอาจารย์เรียนทักษะ วิชาแพทย์นั่นต้องเหนือชั้นแค่ไหนกัน!คนที่ขอรับรักษาก็อยากรับหมายเลขตรวจโรคจากแม่นางหลิงส่วนพวก
ดังสุภาษิตว่า ทวนเปิดเผยหลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับยากระวัง(1)โรงหุยชุนอาจไม่กล้าก่อเรื่องในที่สาธารณะ แต่แอบลงมือคนลับ ๆ อย่างน่ารังเกียจ“หลิงซิน!”หลิงอวี๋เรียกหลิงซินพลางการซิบสองสามประโยคข้างหูนาง หลิงซินเข้าใจแล้วจากไปก่อนหลิงอวี๋ไม่รีบไปโรงเหยียนหลิงแล้วเช่นกัน นางหมายฟังอยู่ที่นี่ดูว่าพวกคนโรงหุยชุนคิดเล่นลูกไม้อะไรตู้ตงหงมองรูปโฉมใหม่หลังบูรณะโรงเหยียนหลิง พลันเอ่ยหยัน“ปรับปรุงดีขนาดนี้จะไปมีประโยชน์อันใด? ไม่มีหมอฝีมือดีนั่งตรวจก็อยู่ไม่รอดหรอก! ข้าเดาว่าโรงเหยียนหลิงอยู่ได้ไม่นานก็ต้องปิดกิจการ!”สาเหตุที่หลิงหว่านก็ไม่ชอบหน้าตู้ตงหงกับคนพวกนั้นเป็นเพราะหลิงอวี๋ พอได้ยินวาจานั้นก็พูดถากถางโผงผางทันที“ใครบอกไม่มีหมอฝีมือดีนั่งตรวจ? เจ้ามิได้ยินที่ทุกคนมาล้วนเพื่อแม่นางหลิงรึไง?”“มีแม่นางหลิงนั่งตรวจ โรงเหลียนหลิงไม่ปิดกิจการหรอก!”“นี่เจ้ายังมิทันออกเรือนก็เข้าข้างกันซะแล้วรึ!”“วันนี้พวกเขาเปิดทำการโรงเหยียนหลิง เจ้าก็แช่งให้พวกเขาเจ๊ง… ฮูหยินน้อยโรงหุยชุนในอนาคตเช่นเจ้าช่างทำสิ่งมีคุณธรรมเสียจริง ๆ”เสียงพูดหลิงหว่านหยุดลง จางเจ๋อกับหมอหลวงจางก็มาแล้วจางเจ๋อ
“ตระกูลกวนกับคนของหลี่ว์เซียงมาทำไม? หรือว่าพวกเขาสองตระกูลก็มีคนต้องการพบแม่นางหลิงรักษาโรคเหมือนกัน?”การถกเถียงทุกรูปแบบดังขึ้นทุกทิศทันทีขณะเสียงถกเถียงดังพร้อมเพรียง คนกลุ่มหนึ่งเดินมาชายกำยำหลายคนเปิดทางอยู่ด้านหน้า ชายหนึ่งหญิงหนึ่งติดตามด้านหลังพร้อมพ่อลูกตระกูลหลี่ว์หลิงอวี๋เห็นพ่อลูกตระกูลหลี่ว์ก็จำหลี่ว์เซียงกับหลี่ว์จงเจ๋อได้ที่เคยเจออยู่โรงเหยียนหลิงในวันนั้นบุรุษข้างหลี่ว์เซียงอายุประมาณสี่สิบ ร่างสูงใหญ่ ทรงหน้าเหลี่ยม คิ้วเข้มสันจมูกโด่ง ดวงตาเว้าลึก ผสมเชื้อสายชนชาติอี๋เล็กน้อยเขาสวมเสื้อคลุมยาวสีน้ำเงิน ช่วงไหล่คือเสื้อกั๊กผ้าปักลายบุปผาซับซ้อนดูแล้วฝีมือละเอียดประณีตดรุณีน้อยราวสิบหกปีที่ติดตามเขา ทรงหน้ารูปไข่ คิ้วเข้มโค้งขึ้นเล็กน้อย เน้นหางตาชี้ของนางชัดทวีทรงพลังเสื้อผ้าส่วนบนของเด็กสาวคือเสื้อไหมสีขาวนมมีแขน ทับด้วยเสื้อกั๊กผ้าปักสีฟ้าเป็นกระโปรงจับจีบลายดอกเลาสีฟ้ายาวถึงน่องขา ถัดไปสวมรองเท้าหุ้มข้อคู่หนึ่ง ในมือถือแส้ห้าสีเส้นหนึ่งหลิงอวี๋มองแล้วก็แปลกหูแปลกตา เสื้อผ้าชนชาติอี๋ชุดนี้มาพร้อมกลิ่นอายท้องถิ่นสมัยนิยมยิ่งนัก เจ๋งเป้ง!“เป็นนายท
“พี่หลิงหลิง! เจ้าทำอันใด?”หลิงหว่านเห็นหลิงอวี๋ก้าวไปข้างหน้า พลันเอ่ยเรียกตะลีตะลาน“ที่เขาเรียกคือแม่นางหลิงเจ้าขึ้นไปทำอะไร รีบกลับมาอย่ายั่วโมโหท่านฮั๋ว!”ตู้ตงหงเห็นแล้วก็หัวเราะเยาะ “พระชายาอ๋องอี้หูตึงรึ? ได้ยินว่า ‘หลิง’ คำเดียวก็คิดว่าเรียกตัวเอง!”เสิ่นจวน เจิงจื่ออวี้ จางเจ๋อกับคนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดนั้นต่างก็หัวร่อกันเสิ่นจวนพูดล้อว่า “พี่สะใภ้ ไยเจ้าชอบก่อเรื่องขบขันเพียงนี้! ดูคราวนี้สิเจ้าไม่เคยเรียนวิชาแพทย์เลยก็กล้าสวมรอยเป็นแม่นางหลิงแล้ว!”หลิงอวี๋ทำเป็นไม่ได้ยินคำดูถูกของคนเหล่านี้ นางเพียงยิ้มปลอบหลิงหว่านพลางเอ่ยว่า“หว่านหว่าน คำพูดที่ข้าเพิ่งเอ่ยกับเจ้าคือความจริง! ข้าเคยให้คำมั่นกับเจ้าแล้วว่าภายหน้าจะไม่กระทำเรื่องเหลวไหลอีกมิใช่หรือ?”หลิงหว่านรู้สึกมึนงงพลางเรียกอย่างตระหนก “เมื่อกี้ที่เจ้าพูดว่าเจ้าคือแม่นางหลิง?”หลิงอวี๋พยักหน้าน้อย ๆ พลันก้าวยาวไปทางท่านฮั๋ว“อะไรนะ? พระชายาอ๋องอี้พูดว่านางคือแม่นางหลิง?” ตู้ตงหงอ้าปากกว้างประหลาดใจ“เป็นไปได้อย่างไร!”จางเจ๋อหัวเราะเย้ยหยัน “ในเมืองหลวงผู้ใดไม่รู้ว่าหลิงอวี๋ตระหนักแค่กินดื่มเที่ยวสำราญและไล
ตู้ตงหงก็ตอบโต้เช่นกัน นางรุนจางเจ๋อพลางพูดอย่างโมโห“พี่จางเจ๋อ มิใช่ท่านพูดว่าแม่นางหลิงตอบรับท่านเป็นศิษย์หรือเจ้าคะ?”“ท่านเคยเห็นแม่นางหลิง ท่านฮั๋วชราภาพตาลายอาจจะโดนหลอกแล้ว แต่ท่านไม่ใช่!”“ท่านลองพูดให้ทุกคนฟัง พระชายาอ๋องอี้ใช่แม่นางหลิงแน่หรือไม่?”จางเจ๋อถูกรุนไปข้างหน้า เขากล่าวอย่างมั่นใจ“ข้าเคยเห็นโฉมหน้าของแม่นางหลิงจริง ดังนั้นข้ายืนยันได้ว่าพระชายาอ๋องอี้มิใช่แม่นางหลิง!”“อีกอย่างแม่นางหลิงตอบรับข้าว่าจะไปเป็นหมอตรวจที่โรงหุยชุนแล้ว!”“ไม่แน่ แม่นางหลิงอาจถูกพระชายาอ๋องอี้คุกคาม จึงออกจากโรงเหยียนหลิงมาตอบรับโรงหุยชุนของเรา!”ยิ่งจางเจ๋อพูดมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้สูงที่แม่นางหลิงจะโดนพระชายาอ๋องนี้ขับไล่โชคดีที่ชายาอ๋องอี้คนไม่เอาถ่านผู้นี้ไล่แม่นางหลิงไป เพียงหาแม่นางหลิงพบเขาสามารถชักจูงแม่นางหลิงมาเป็นหมอที่โรงหุยชุนได้แน่!จางเจ๋อแอบปีติยินดีในใจ แต่พอมองหลิงอวี๋ปากกลับพูดไร้เมตตา“พระชายาอ๋องอี้ ท่านรังแกท่านฮั๋วคนชราสายตาไม่ดี หมายแอบอ้างเป็นแม่นางหลิงหมอชั้นเซียน กระทำเรื่องไร้ยางอายเพียงนี้ เจ้าไม่รู้สึกละอายหรือไร?”จางเจ๋อกล่าวปวดใจ “