“พี่หลิงหลิง! เจ้าทำอันใด?”หลิงหว่านเห็นหลิงอวี๋ก้าวไปข้างหน้า พลันเอ่ยเรียกตะลีตะลาน“ที่เขาเรียกคือแม่นางหลิงเจ้าขึ้นไปทำอะไร รีบกลับมาอย่ายั่วโมโหท่านฮั๋ว!”ตู้ตงหงเห็นแล้วก็หัวเราะเยาะ “พระชายาอ๋องอี้หูตึงรึ? ได้ยินว่า ‘หลิง’ คำเดียวก็คิดว่าเรียกตัวเอง!”เสิ่นจวน เจิงจื่ออวี้ จางเจ๋อกับคนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดนั้นต่างก็หัวร่อกันเสิ่นจวนพูดล้อว่า “พี่สะใภ้ ไยเจ้าชอบก่อเรื่องขบขันเพียงนี้! ดูคราวนี้สิเจ้าไม่เคยเรียนวิชาแพทย์เลยก็กล้าสวมรอยเป็นแม่นางหลิงแล้ว!”หลิงอวี๋ทำเป็นไม่ได้ยินคำดูถูกของคนเหล่านี้ นางเพียงยิ้มปลอบหลิงหว่านพลางเอ่ยว่า“หว่านหว่าน คำพูดที่ข้าเพิ่งเอ่ยกับเจ้าคือความจริง! ข้าเคยให้คำมั่นกับเจ้าแล้วว่าภายหน้าจะไม่กระทำเรื่องเหลวไหลอีกมิใช่หรือ?”หลิงหว่านรู้สึกมึนงงพลางเรียกอย่างตระหนก “เมื่อกี้ที่เจ้าพูดว่าเจ้าคือแม่นางหลิง?”หลิงอวี๋พยักหน้าน้อย ๆ พลันก้าวยาวไปทางท่านฮั๋ว“อะไรนะ? พระชายาอ๋องอี้พูดว่านางคือแม่นางหลิง?” ตู้ตงหงอ้าปากกว้างประหลาดใจ“เป็นไปได้อย่างไร!”จางเจ๋อหัวเราะเย้ยหยัน “ในเมืองหลวงผู้ใดไม่รู้ว่าหลิงอวี๋ตระหนักแค่กินดื่มเที่ยวสำราญและไล
ตู้ตงหงก็ตอบโต้เช่นกัน นางรุนจางเจ๋อพลางพูดอย่างโมโห“พี่จางเจ๋อ มิใช่ท่านพูดว่าแม่นางหลิงตอบรับท่านเป็นศิษย์หรือเจ้าคะ?”“ท่านเคยเห็นแม่นางหลิง ท่านฮั๋วชราภาพตาลายอาจจะโดนหลอกแล้ว แต่ท่านไม่ใช่!”“ท่านลองพูดให้ทุกคนฟัง พระชายาอ๋องอี้ใช่แม่นางหลิงแน่หรือไม่?”จางเจ๋อถูกรุนไปข้างหน้า เขากล่าวอย่างมั่นใจ“ข้าเคยเห็นโฉมหน้าของแม่นางหลิงจริง ดังนั้นข้ายืนยันได้ว่าพระชายาอ๋องอี้มิใช่แม่นางหลิง!”“อีกอย่างแม่นางหลิงตอบรับข้าว่าจะไปเป็นหมอตรวจที่โรงหุยชุนแล้ว!”“ไม่แน่ แม่นางหลิงอาจถูกพระชายาอ๋องอี้คุกคาม จึงออกจากโรงเหยียนหลิงมาตอบรับโรงหุยชุนของเรา!”ยิ่งจางเจ๋อพูดมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้สูงที่แม่นางหลิงจะโดนพระชายาอ๋องนี้ขับไล่โชคดีที่ชายาอ๋องอี้คนไม่เอาถ่านผู้นี้ไล่แม่นางหลิงไป เพียงหาแม่นางหลิงพบเขาสามารถชักจูงแม่นางหลิงมาเป็นหมอที่โรงหุยชุนได้แน่!จางเจ๋อแอบปีติยินดีในใจ แต่พอมองหลิงอวี๋ปากกลับพูดไร้เมตตา“พระชายาอ๋องอี้ ท่านรังแกท่านฮั๋วคนชราสายตาไม่ดี หมายแอบอ้างเป็นแม่นางหลิงหมอชั้นเซียน กระทำเรื่องไร้ยางอายเพียงนี้ เจ้าไม่รู้สึกละอายหรือไร?”จางเจ๋อกล่าวปวดใจ “
“ตัวข้าเข้าวังพูดคุยเป็นเพื่อนไทเฮาเลยล่าช้าไปพักหนึ่ง พวกเจ้าก็กล้ารังแกผู้มีพระคุณช่วยข้าแล้ว!”“คิดว่าตัวข้าสิ้นแล้วจริงรึ?”ท่านอ๋องเฉิงกวาดมองฝูงชนรอบหนึ่ง สายตาดุดันทำให้คนที่เอ็ดตะโรเสียงดังเมื่อครู่ประหวั่นจนมิกล้าส่งเสียงเสิ่นจวนอาศัยความสัมพันธ์ว่าตนคือหลานสาวของพระสนมหรงเฟย ฝืนเอ่ยตีสนิท“ท่านปู่เฉิง นี่มิใช่เพราะเรากลัวท่านฮั๋วอายุมากแล้วตาลายจำคนไม่ชัดถึงเตือนสติเขาหรือเพคะ?”“ท่านปู่เฉิง ท่านเพิ่งมาเลยไม่ทราบว่าพี่สะใภ้ข้าสวมรอยเป็นแม่นางหลิง ท่านก็รู้ว่าพี่สะใภ้ข้าไม่เคยเรียนหมอ...”สีหน้าท่านอ๋องเฉิงครึ้มลง ความโกรธพุ่งทะยาน กล่าวตัดหน้าเสิ่นจวนโดยไม่ให้เกียรติสักกระผีก“หุบปาก! ท่านฮั๋วตาลายรึ? หรือว่าตัวข้าก็ตาลายเหมือนกันเล่า?”“ตัวข้าผู้เป็นอ๋องมิได้แก่จนจำใครมิได้! เจ้าไม่ต้องเตือนสติข้า!”“ใครกล้าก่อความวุ่นวายขัดขวางเวลามงคลการเปิดกิจการโรงเหยียนหลิง ตัวข้าก็จะไม่เกรงใจเขาแล้ว!”ท่านอ๋องเฉิงหันมาทางท่านฮั๋วกับหลิงอวี๋ สีหน้าพลันผันยิ้ม“ท่านฮั๋ว เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ ขอโทษตัวข้ามาสายแล้ว! ยังโชคดีที่ไม่พลาดเวลามงคล!”ท่านอ๋องเฉิงคำนับขออภัยต่อทั้งสอง ยื่น
ครั้นคนข้างล่างฟังคำพูดเหล่านี้ชัดแจ้งหมดแล้ว พลันมีคนเอ่ยเยาะเย้ย“เมื่อกี้ลูกเถ้าแก่จางยังสาบานด้วยใจจริงว่าตนเคยพบแม่นางหลิง บอกว่าแม่นางหลิงตอบรับไปเป็นหมอที่โรงหุยชุนแล้ว!”“ทว่าแม่นางหลิงยืนอยู่ตรงหน้าเขากลับไม่รู้จัก! คุยโม้ก็ไม่กลัวลิ้นต้องลมยามอ้าปากพูด(1)เสียจริง!”“ใช่ ยังจะว่าคนอื่นแอบอ้าง! เขาเองนั่นแหละที่แอบอ้างถึงถูก!”“ถูกต้อง! วันนั้นกระจ่างว่าเป็นแม่นางหลิงช่วยท่านอ๋องเฉิง แต่เขาก็พูดว่าตัวเองช่วยคนหน้าด้าน ๆ!”เมื่อจางเจ๋อได้ยินวาจาเหล่านี้ก็โกรธจนหน้าแดงหน้าดำ แทบอยากจะหาซอกมุดเข้าไปหมอหลวงจางเหลือบมองจางเจ๋อด้วยความเสียใจที่ไม่อาจหลอมเหล็กเป็นเหล็กกล้าได้(2) พลางเอ่ยเสียงขรึม“ตั้งสติไว้… เจ๋อเอ๋อร์ เจ้ายังจำคำพูดที่พ่อคุยกับเจ้าได้หรือไม่? ถึงกลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดจะสำคัญก็ตาม แต่ชื่อเสียงของเจ้าสำคัญยิ่งกว่า!”“พระชายาอ๋องอี้กับพวกเรามิใช่คนแปลกหน้า! ท่านฮั๋วเข้าข้างนางแล้ว หมอไร้สมองพวกนั้นถูกเขาปลุกปั่น พวกเรายังจะปักหลักโรงหุยชุนอยู่เมืองหลวงอย่างไรเล่า!”“นางหลิงอวี๋ศึกษากลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดได้ ก็พิสูจน์ได้ว่าใต้หล้านี้ยังมีผู้รู้อีก
หลิงอวี๋ยิ้มอ่อน“ใต้กล้านี้คงไม่มีหมอคนไหนกล้าพูดว่าตัวเองมีความสามารถทุกอย่างหรอกกระมัง?”“ศาสตร์แพทย์กว้างใหญ่ลึกซึ้งนัก หลิงอวี๋ได้เรียนรู้แค่เป็นลูกเกาลัดในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่(1)! จะกล้าพูดอวดดีประเภทนั้นได้อย่างไรเล่า!”คำพูดนี้ทำให้หมอบางคนฟังแล้วพยักหน้า พระชายาอ๋องอี้ช่างถ่อมตนยิ่งนัก!คุณหนูใหญ่กวนกลับส่งเสีย ‘เหอะ’ เย็นชาเอ่ยอย่างยกตนข่มท่าน“พระชายาอ๋องอี้มิได้ช่วยหลายคนก็กล้าอ้างตัวเป็นหมอชั้นเซียน! ตามความคิดเช่นนี้ของเจ้า งั้นหมอในเมืองหลวงนี้คือหมอชั้นเซียนทั้งหมดรึ!”หลิงอวี๋ยังคงตอบอย่างอารมณ์ดี“หลิงอวี๋มิได้อ้างตัวเป็นหมอชั้นเซียน นี่ล้วนคือข่าวคือเท่านั้น!”“เฮอะ ใครจะรู้ว่าเจ้าติดสินบนคนให้ปล่อยข่าวเหล่านี้หรือไม่ สร้างชื่ออิทธิพลให้ตัวเอง!”คุณหนูใหญ่กวนยิ่งมองหลิงอวี๋มากเท่าไรยิ่งขัดตานัก นางไม่มีความแค้นกับหลิงอวี๋ก็จริง แต่นางมีความแค้นกับเซียวหลินเทียนคุณหนูใหญ่กวนถูกใจเซียวหลินเทียนในปีนั้น และวานคนมากอิทธิพลทำให้เซียวหลินเทียนมาสู่ขอตระกูลกวนผลลัพธ์คือเซียวหลินเทียนปฏิเสธด้วยประโยคเดียวว่ามีคนที่หมายปองแล้ว!คุณหนูใหญ่กวนโตมาเป็นหมู่ดาราร่วมส
ท่านอ๋องเฉิงเป็นคนอารมณ์ร้อน ก่อนหน้านี้เขาสัญญาว่าจะปกป้องโรงเหยียนหลิงทันทีที่เห็นคนพาลผู้นี้มาก่อปัญหา เขาก็โกรธขึ้นมาทันที ถกแขนเสื้อแล้วจะพุ่งไปช่วยหลิงอวี๋ขับไล่พวกอันธพาลเหล่านั้นท่านฮั๋วตาไวมือไวคว้าท่านอ๋องเฉิงไว้ พลางเอ่ยเบา ๆ“ให้พระชายาอ๋องอี้แก้ปัญหาเองเถิด! พวกเราไม่สามารถอยู่ในโรงเหยียนหลิงได้ทุกวันใช่หรือไม่ ปกป้องนางได้แค่ช่วงหนึ่ง มิอาจปกป้องได้ตลอดชีวิตของนาง!”ท่านอ๋องเฉิงตะลึง ความโกรธหายไปครึ่งหนึ่งท่านฮั๋วพูดถูก วันนี้ขับไล่พวกอันธพาลเหล่านี้ออกไปได้ พรุ่งนี้พวกอันธพาลกลุ่มก็อาจจะมาอีกอยู่ดีหากหลิงอวี๋ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เช่นนั้นโรงเหยียนหลิงแห่งนี้จะไม่สามารถเปิดได้จริง ๆ!“ได้ หากพวกเจ้าไม่ยอมเข้าไป เช่นนั้นก็ดูอยู่ที่นี่แล้วกัน!”หลิงอวี๋ยังคงอารมณ์ดี พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“หลี่ชุง ช่วยยกกล่องยาออกมาให้อาจารย์ที!”หลี่ชุงรีบยกกล่องยาที่หลิงอวี๋เตรียมไว้ออกมาหลิงอวี๋หยิบหน้ากากออกมาจากในกล่องยา สวมถุงมือ จากนั้นนั่งลงแล้วเปิดผ้านวมที่คลุมอยู่บนตัวของคนป่วยไว้กลิ่นเหม็นโชยมา ผู้คนที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างพากันปิดจมูกแล้วก้าวถอยหลังไป เหม็นมาก!ผมของคน
ผู้คนที่ดูอยู่โดยรอบเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กัน“ใช่แล้ว อาการเจ็บป่วยของคุณชายหลี่มิสามารถรักษาให้หายได้ แต่แม่นางหลิงสามารถช่วยได้ เขาก็ยังจะผลักไสไปอีก นี่มาตรวจหรือมาก่อปัญหากันแน่?”“ต้องมาก่อปัญหาเป็นแน่! ครอบครัวของคุณชายหลี่ต่างก็ไม่ต้องการเขาแล้ว เขามีญาติที่ใดกันเล่า!”เมื่อคุณหนูใหญ่กวนได้ยินสิ่งนี้ ก็รู้สึกได้ทันทีว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้หลิงอวี๋อับอาย!นางเอ่ยขึ้นมาเสียงดัง "ญาติของเขาก็พูดถูก มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าแม้ว่าจะรักษาโรคหายก็น่าเกลียดมากอยู่ดี! หากเป็นข้า ยอมตายเสียดีกว่าให้หน้าเสียโฉม!"เมื่อตู้ตงหงเห็นว่า คุณหนูใหญ่กวนโจมตีหลิงอวี๋ นางก็เอ่ยผสมโรงด้วยเช่นกัน "ใช่ หากเป็นข้าก็รับมิได้ที่จะมีแผลเป็นบนใบหน้า!"“ลูกพี่ลูกน้อง เจ้าเป็นแพทย์ชั้นเซียนมิใช่หรือ? แพทย์ชั้นเซียนก็ควรมีหลากหลายวิธีรักษา เจ้าคิดหาวิธีรักษาเขาโดยไม่ต้องกรีดหน้าเขาสิ!”เสิ่นจวนก็เอ่ยสมโรงด้วยอย่างต้องการให้เกิดความวุ่นวายขึ้นหลิงหว่านมองหลิงอวี๋ จู่ ๆ ก็รู้สึกเสียใจกับหลิงอวี๋ทันทีชีวิตของพี่หลิงหลิงหลายปีมานี้มิใช่เรื่องง่ายเลย แม้ว่านางจะเป็นพระชายาอ๋องอี้ แต่กลับดูเหมือนเป็นหม้
“ท่านหมอฮั๋วแก่แล้วยังโง่อีก ไม่รู้จักนางอย่างถ่องแท้ ก็เคารพเป็นอาจารย์อย่างไม่เลือกหน้า! พระชายาอ๋องอี้รักษาคนตาย เจ้าเองก็ต้องรับผิดชอบด้วย!”ตู้ตงหงยิ่งพูดท่าทางก็ยิ่งดูมีความเป็นเหตุเป็นผล แล้วก็เอ่ยขึ้นมาอย่างดูมีความชอบธรรม“หากท่านมิได้ยึดเอาชื่อเสียงของเจ้ามายอมรับพระชายาอ๋องอี้ในฐานะอาจารย์ของท่าน ใครจะเชื่อว่าคนที่ไม่มีการศึกษาจะสามารถมีทักษะทางการแพทย์ได้เล่า?”“กลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดอันใดกัน พูดจาไร้สาระทั้งเพ! การฝังเข็มที่พี่จางเจ๋อของข้าทำให้ท่านอ๋องเฉิงในตอนนั้นต่างหาก ที่เป็นกุญแจสำคัญในการช่วยชีวิตท่านอ๋องเฉิงไว้!”หมอที่เฝ้าดูอยู่เหล่านั้นต่างก็มองหน้ากันไปมา ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เป็นเพียงข่าวเล่าลือกันมาเท่านั้นหรือจะเป็นเพราะท่านฮั๋วแก่และโง่เขลาจริง ๆ เข้าใจผิดว่ากลยุทธ์การฝังเข็มธรรมดา ๆ เป็นกลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดในตำนาน?ท่านฮั๋วทั้งกังวลทั้งโกรธกับสายตาสงสัยเหล่านี้เขาไม่เคยถูกสงสัยกับทักษะทางการแพทย์ของเขาเลย ตู้ตงหงเด็กผู้หญิงที่ไม่รู้อะไรเลยผู้นี้ กล้าใส่ร้ายตนเองเช่นนี้เลยหรือ?ท่านอ๋องเฉิงก็โกรธจนตัวสั่น ในคำพูดของคนเหล