ท่านอ๋องเฉิงเป็นคนอารมณ์ร้อน ก่อนหน้านี้เขาสัญญาว่าจะปกป้องโรงเหยียนหลิงทันทีที่เห็นคนพาลผู้นี้มาก่อปัญหา เขาก็โกรธขึ้นมาทันที ถกแขนเสื้อแล้วจะพุ่งไปช่วยหลิงอวี๋ขับไล่พวกอันธพาลเหล่านั้นท่านฮั๋วตาไวมือไวคว้าท่านอ๋องเฉิงไว้ พลางเอ่ยเบา ๆ“ให้พระชายาอ๋องอี้แก้ปัญหาเองเถิด! พวกเราไม่สามารถอยู่ในโรงเหยียนหลิงได้ทุกวันใช่หรือไม่ ปกป้องนางได้แค่ช่วงหนึ่ง มิอาจปกป้องได้ตลอดชีวิตของนาง!”ท่านอ๋องเฉิงตะลึง ความโกรธหายไปครึ่งหนึ่งท่านฮั๋วพูดถูก วันนี้ขับไล่พวกอันธพาลเหล่านี้ออกไปได้ พรุ่งนี้พวกอันธพาลกลุ่มก็อาจจะมาอีกอยู่ดีหากหลิงอวี๋ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เช่นนั้นโรงเหยียนหลิงแห่งนี้จะไม่สามารถเปิดได้จริง ๆ!“ได้ หากพวกเจ้าไม่ยอมเข้าไป เช่นนั้นก็ดูอยู่ที่นี่แล้วกัน!”หลิงอวี๋ยังคงอารมณ์ดี พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“หลี่ชุง ช่วยยกกล่องยาออกมาให้อาจารย์ที!”หลี่ชุงรีบยกกล่องยาที่หลิงอวี๋เตรียมไว้ออกมาหลิงอวี๋หยิบหน้ากากออกมาจากในกล่องยา สวมถุงมือ จากนั้นนั่งลงแล้วเปิดผ้านวมที่คลุมอยู่บนตัวของคนป่วยไว้กลิ่นเหม็นโชยมา ผู้คนที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างพากันปิดจมูกแล้วก้าวถอยหลังไป เหม็นมาก!ผมของคน
ผู้คนที่ดูอยู่โดยรอบเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กัน“ใช่แล้ว อาการเจ็บป่วยของคุณชายหลี่มิสามารถรักษาให้หายได้ แต่แม่นางหลิงสามารถช่วยได้ เขาก็ยังจะผลักไสไปอีก นี่มาตรวจหรือมาก่อปัญหากันแน่?”“ต้องมาก่อปัญหาเป็นแน่! ครอบครัวของคุณชายหลี่ต่างก็ไม่ต้องการเขาแล้ว เขามีญาติที่ใดกันเล่า!”เมื่อคุณหนูใหญ่กวนได้ยินสิ่งนี้ ก็รู้สึกได้ทันทีว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้หลิงอวี๋อับอาย!นางเอ่ยขึ้นมาเสียงดัง "ญาติของเขาก็พูดถูก มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าแม้ว่าจะรักษาโรคหายก็น่าเกลียดมากอยู่ดี! หากเป็นข้า ยอมตายเสียดีกว่าให้หน้าเสียโฉม!"เมื่อตู้ตงหงเห็นว่า คุณหนูใหญ่กวนโจมตีหลิงอวี๋ นางก็เอ่ยผสมโรงด้วยเช่นกัน "ใช่ หากเป็นข้าก็รับมิได้ที่จะมีแผลเป็นบนใบหน้า!"“ลูกพี่ลูกน้อง เจ้าเป็นแพทย์ชั้นเซียนมิใช่หรือ? แพทย์ชั้นเซียนก็ควรมีหลากหลายวิธีรักษา เจ้าคิดหาวิธีรักษาเขาโดยไม่ต้องกรีดหน้าเขาสิ!”เสิ่นจวนก็เอ่ยสมโรงด้วยอย่างต้องการให้เกิดความวุ่นวายขึ้นหลิงหว่านมองหลิงอวี๋ จู่ ๆ ก็รู้สึกเสียใจกับหลิงอวี๋ทันทีชีวิตของพี่หลิงหลิงหลายปีมานี้มิใช่เรื่องง่ายเลย แม้ว่านางจะเป็นพระชายาอ๋องอี้ แต่กลับดูเหมือนเป็นหม้
“ท่านหมอฮั๋วแก่แล้วยังโง่อีก ไม่รู้จักนางอย่างถ่องแท้ ก็เคารพเป็นอาจารย์อย่างไม่เลือกหน้า! พระชายาอ๋องอี้รักษาคนตาย เจ้าเองก็ต้องรับผิดชอบด้วย!”ตู้ตงหงยิ่งพูดท่าทางก็ยิ่งดูมีความเป็นเหตุเป็นผล แล้วก็เอ่ยขึ้นมาอย่างดูมีความชอบธรรม“หากท่านมิได้ยึดเอาชื่อเสียงของเจ้ามายอมรับพระชายาอ๋องอี้ในฐานะอาจารย์ของท่าน ใครจะเชื่อว่าคนที่ไม่มีการศึกษาจะสามารถมีทักษะทางการแพทย์ได้เล่า?”“กลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดอันใดกัน พูดจาไร้สาระทั้งเพ! การฝังเข็มที่พี่จางเจ๋อของข้าทำให้ท่านอ๋องเฉิงในตอนนั้นต่างหาก ที่เป็นกุญแจสำคัญในการช่วยชีวิตท่านอ๋องเฉิงไว้!”หมอที่เฝ้าดูอยู่เหล่านั้นต่างก็มองหน้ากันไปมา ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เป็นเพียงข่าวเล่าลือกันมาเท่านั้นหรือจะเป็นเพราะท่านฮั๋วแก่และโง่เขลาจริง ๆ เข้าใจผิดว่ากลยุทธ์การฝังเข็มธรรมดา ๆ เป็นกลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดในตำนาน?ท่านฮั๋วทั้งกังวลทั้งโกรธกับสายตาสงสัยเหล่านี้เขาไม่เคยถูกสงสัยกับทักษะทางการแพทย์ของเขาเลย ตู้ตงหงเด็กผู้หญิงที่ไม่รู้อะไรเลยผู้นี้ กล้าใส่ร้ายตนเองเช่นนี้เลยหรือ?ท่านอ๋องเฉิงก็โกรธจนตัวสั่น ในคำพูดของคนเหล
แต่หลายคนกลับยังคงมิได้สนใจอย่างเช่นตู้ตงหง นางคิดว่าจับจุดอ่อนของหลิงอวี๋ได้แล้ว จะสามารถช่วยชะล้าง “ความอยุติธรรม” ให้คู่หมั้นของนางได้ตู้ตงหงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พลางเอ่ยต่อ“ท่านอ๋องอี้ ท่านอ๋องทำผิดก็มีความผิดเช่นเดียวกับคนทั่วไป! แม้ว่าท่านจะเป็นท่านอ๋อง ก็มิสามารถปกป้องพระชายาอ๋องอี้ได้หรอกเพคะ!”“นางรักษาคนตาย ก็ต้องรายงานทางการ!”เซียวหลินเทียนเหลือบมองนางอย่างเย็นชา จากนั้นสายตาก็เลื่อนไปที่ใบหน้าของหลิงอวี๋“หลิงอวี๋ ไม่ต้องกลัว แม้ว่าจะถูกรายงานต่อทางการก็ไม่เป็นไร ข้ากับท่านอาจะจัดการให้เจ้าเอง”ท่านอ๋องเฉิงเห็นว่าเซียวหลินเทียนควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว ก็ลูบเคราแล้วจับจ้องไปตรงหน้า“เสี่ยวหลิงเอ๋อร์(หลิงอวี๋)ไม่ต้องกลัว เสี่ยวซื่อเอ๋อร์(เซียวหลินเทียน)พูดถูก ข้าจะจัดการให้เจ้าเอง!”แต่ใบหน้าของหลิงอวี๋กลับไม่มีสีหน้าของความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยและตอบโต้คำพูดของตู้ตงหงไป "อื้ม ควรรายงานต่อทางการ! ท่านอ๋องอี้ ท่านอ๋องเฉิง พวกท่านฟังที่คุณหนูตู้บอกเถิด รายงานต่อทางการเสีย!"เซียวหลินเทียตะลึงไปเล็กน้อย การแสดงออกของหลิงอวี๋ทำให้เขายกริมฝีปากขึ้นอย่างครุ่นคิด
“อืม เจ้าไม่เข้าใจ คนอื่นก็ยิ่งไม่เข้าใจเลย!”หลิงอวี๋ยิ้มอย่างเย็นชาพลางตะโกนเรียก "หลี่ชุง!"“อาจารย์ ข้าอยู่นี่!”หลี่ชุงตกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จนมือไม้อ่อนไปหมด พอหลิงอวี๋เรียกถึงได้สติขึ้นมานางรีบวิ่งไปข้างหน้าพลางเอ่ย "อาจารย์ มีอะไรจะสั่งหรือเจ้าคะ!"“ไปเอาหนูที่ข้าบอกให้เจ้าจับมามาหนึ่งตัว!” หลิงอวี๋เอ่ยหลี่ชุงพยักหน้า แล้ววิ่งเข้าไปในโรงเหยียนหลิงทันทีหลังจากนั้นไม่นานหลี่ชุงก็ถือกรงออกมา ในนั้นมีหนูที่กระโดดไปมาอยู่หนึ่งตัว“ให้มันเลียเลือดของคุณชายหลี่กระอักออกมาที่พื้น!”หลี่ชุงยกหนูไปยังตำแหน่งที่คุณชายหลี่นั่งอยู่ หนูได้กลิ่นเลือดและเริ่มเลียผ่านกรงนั้นทุกคนต่างจ้องไปที่หนูตัวนั้น เห็นว่าหลังจากที่หนูเลียเลือด ก็เริ่มแขนขากระตุกและมีเลือดออกจากปากท่าทางเช่นนั้น เหมือนกับตอนที่คุณชายหลี่ป่วยก่อนหน้านี้ทุกประการ“ในเลือดมีพิษ!”มีคนร้องออกมาอย่างตกใจหลิงอวี๋ยิ้มเบา ๆ และมองไปที่คุณชายหลี่คุณชายหลี่มองหนูตัวนั้นอย่างงุนงง เห็นหนูกระตุกสองสามครั้ง แล้วขนของมันก็ร่วง เลือดเนื้อของมันก็ดูจางลง แขนขาของมันกระตุกแล้วก็เสียชีวิตไปเขายังไม่ยอม ก้า
“ตัวเจ้าเองไม่คิดอะไรเลยหรือ? ความจริงอยู่ตรงหน้าแล้ว เนื้องอกเลือดของเจ้ามิมีใครในเมืองหลวงที่สามารถรักษาได้ ข้ารักษาให้เจ้าแล้ว นับว่าช่วยชีวิตเจ้าหรือไม่?”“เจ้ากินบัวกมลนิลเข้าไป พิษบัวกมลนิลนี้ ขอเพียงได้สัมผัสมันเพียงเล็กน้อย ภายในเวลาไม่ถึงธูปครึ่งดอก ก็ทำให้ร่างกายเปื่อยเน่าจนตายได้แล้ว!”“เจ้าก็เห็นจุดจบของหนูแล้ว ยังต้องการจะปกป้องคนที่คิดจะฆ่าเจ้าอยู่อีกหรือ?”“ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้ มิได้รับเงินจากเจ้าเลยสักนิด!”“เหตุใดเล่า เจ้ายังคาดหวังให้ข้าให้โอสถเจ้าไม่คิดเงินอีกหรือ? ใต้หล้านี้มีของถูกเช่นนี้ที่ใดกัน?”หลิงอวี๋ด่าออกมามากถึงเพียงนี้ แต่ความโกรธก็ยังคงไม่หายไป นางหันกลับไปตะโกนบอกแม่ทัพเฉิน“ใต้เท้าเฉิน ข้าต้องการรายงานต่อทางการ!”“คุณชายหลี่แล้วก็หวงหยาผู้นี้สมรู้ร่วมคิดกัน อาศัยการไปหาหมอเป็นข้ออ้าง แต่จริง ๆ แล้วซ่อนยาพิษไว้ในปาก จงใจใส่ร้ายข้าและสร้างความวุ่นวายการทำงานปกติของโรงเหยียนหลิง!”“พวกเขายังใส่ร้ายท่านฮั๋ว ท่านอ๋องเฉิง และทำลายทรัพย์สินส่วนตัวด้วย! ข้าอยากจะฟ้องร้องพวกเขาที่กลั่นแกล้งสร้างความวุ่นวาย มิสนใจกฎหมายบ้านเมือง!”“ใต้เท้าเฉิน ข้าหลิงอวี
คำพูดของตู้ตงหง ทำให้คนบางส่วนสั่นคลอน แบบนี้มันก็เป็นไปได้!ผู้คนเริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมาอีกครั้ง“คำพูดของคุณหนูตู้ฟังดูสมเหตุสมผล โรงหุยชุนกับโรงเหยียนหลิงเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน บางทีพระชายาอ๋องอี้อาจต้องการเป็นใหญ่เพียงฝ่ายเดียว จึงหาคนมาใส่ร้ายโรงหุยชุน!”“ช่างมันเถิด! พระชายาอ๋องอี้มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม โรงหุยชุนคงไม่สามารถเอาชนะพระชายาอ๋องอี้ได้ จึงคิดหาคนมาใส่ร้ายนาง!”“แต่คำกล่าวอ้างของคุณชายหลี่บอกว่าคุณชายจางเป็นคนสั่งนะ นี่มันก็เข้าทางแล้ว!”“คุณชายหลี่ผู้นี้นิสัยไม่ดี ใครจะรู้ว่าเขาจงใจปั้นแต่งคำพูดแบบนี้มาเอาใจพระชายาอ๋องอี้ เพื่อจะรักษาอาการป่วยหรือไม่!”เมื่อได้ยินว่าท่ามกลางผู้คนนั้น มีเสียงเอนเอียงมาทางตนเอง จางเจ๋อก็ชื่นชมไหวพริบของตู้ตงหงเขาคว้ามือของตู้ตงหง พลางเอ่ยอย่างอารมณ์ดี“คุณหนูตู้ ขอบคุณที่เจ้าเชื่อข้าถึงเพียงนี้! การมีคนรู้ใจเช่นเจ้าในชีวิต แม้ว่าจางเจ๋อจะถูกคนร้าย ก็รู้สึกชื่นใจ!”“คนอื่นไม่เชื่อข้าก็ไม่สำคัญ ขอเพียงเจ้าเชื่อในตัวข้าก็พอแล้ว!”เอ่อ......หลิงอวี๋ หลิงหว่านและอันซินเกือบจะอาเจียนกับคำพูดการแสดงความรักอย่างไร้
จางเจ๋อคิดจะตะโกนกลับด่าว่าคนคนนั้นโกหกแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นว่าคุณชายผู้นั้นคือลูกชายคนโตของราชองครักษ์ผาง จางเจ๋อก็กลืนคำด่ากลับคืนไปเลยเขาหรือจะกล้าทำให้คุณชายผางขุ่นเคือง!จางเจ๋อเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา จึงเอ่ย "จริงอยู่ที่ซื้อมาจากดินแดนม้ง! แต่เพื่อนของข้าซื้อมันให้ข้า!"“พระชายาอ๋องอี้ แม้ว่าข้าจะคาดเข็มขัดที่ซื้อมาจากดินแดนม้ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าเคยไปดินแดนม้งนี่!”จู่ ๆ ตู้ตงหงก็อารมณ์ขึ้น แล้วตะโกนขึ้นมา“ผู้ใดจะไม่มีเพื่อนเล่า! พระชายาอ๋องอี้ท่านคิดจะเอาเข็มขัดที่ซื้อมาจากดินแดนม้งมาใส่ร้ายพี่จางเจ๋อ นี่มันสมเหตุสมผลแล้วหรือ?”หลิงอวี๋ยิ้มเล็กน้อย“คุณหนูตู้ หูข้างใดของเจ้าที่ได้ยินว่าข้าใส่ร้ายพี่จางเจ๋อของเจ้าหรือ? เจ้าสอบสวนข้าเสียมากมายถึงเพียงนั้น จะไม่อนุญาตให้ข้าย้อนถามบ้างสักประโยคเลยหรือ?”"เห้อ ผู้ที่ไม่เคยไปดินแดนม้ง ทั้งยังไม่เคยได้ยินเรื่องบัวกมลนิล แต่กลับสามารถบอกฤทธิ์ทางยาของบัวกมลนิลได้..."“อีกทั้งยังเอาแต่พูดอยู่ตลอดว่าคุณชายหลี่จะต้องตายภายในธูปครึ่งดอก…”เสียงถอนหายใจของหลิงอวี๋ทำให้เหล่าผู้มีสติปัญญาต่างเข้าใจกันจางเจ๋อสามารถโต้เถีย
“ไปให้พ้น เจ้าคนชั้นต่ำ! เจ้าคิดจะนำหนังสือบัญชีปลอมมาหลอกพวกเรารึ? วันนี้มีเพียงพวกเราต้องได้เห็นหนังสือบัญชีหนี้สินของพวกเรากับตาเท่านั้นจึงจะเชื่อ!”หลงจิ้งใช้บานประตูเป็นอาวุฟาดไปทางผู้ดูแลเฝิงเมื่อผู้ดูแลเฝิงเห็นว่าหลงจิ้งมีท่าทีคุกคามก็แค้นจนอยากจะฟาดเขาให้ตายในทีเดียวแต่ตัวตนของหลงจิ้งสูงส่ง อย่าว่าแต่จะสังหารเขาเลย แม้ว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บก็คาดว่ามิถึงครึ่งชั่วยามทหารจากจวนเจ้าแห่งทิศใต้ก็คงจะมาล้อมบ่อนไว้แล้วผู้ดูแลเฝิงชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียแล้วก็ไม่มีทางเลือกจึงต้องหลบให้ จากนั้นหลงจิ้งก็นำทุกคนพุ่งเข้าไปในห้องบัญชีห้องบัญชีของบ่อนพนันมิได้มีเพียงนักบัญชีคนเดียว แต่มีอยู่เจ็ดแปดคน เมื่อพวกเขาเห็นคนมากมายถึงเพียงนี้พุ่งเข้ามา ทุกคนพากันตกตะลึง นี่มันเกิดเรื่องกระไรขึ้น?“เย่หรง ประเดี๋ยวฉวยโอกาสตอนชุลมุนจุดไฟเผาไปเสีย!”หลงจิ้งสั่งการเย่หรงอย่างเงียบ ๆ แล้วกระซิบต่อ “ข้ารู้สถานที่ที่พวกเขาเก็บขี้ผึ้งหอมไว้ เจ้าจุดไฟเผาที่นี่เสีย ส่วนข้าจะไปแอบจุดไฟเผาสถานที่เก็บขี้ผึ้งหอม!”“เช่นนี้ทุกคนก็จะไม่มีขี้ผึ้งหอมไว้สูบ แล้วก็จะรู้ถึงอันตรายของขี้ผึ้งหอม ทำเช่นนี้ได้ผลก
เมื่อเหล่าคุณชายที่มายืนดูได้ยินจำนวนนี้ ต่างก็ตกใจกันไปหมดแม้ว่าคนที่สามารถมาเล่นการพนันที่บ่อนสำนักซิงหลัวได้นั้นจะล้วนเป็นพวกที่อยู่ในตระกูลที่ร่ำรวย แต่มิว่าเงินของตระกูลใครก็มิได้ปลิวมาตามสายลม หากเป็นหนี้มากเกินไป จะไปอธิบายให้คนในบ้านฟังอย่างไรเล่า?“ผู้ดูแลเฝิง เจ้าคำนวณให้ข้าทีว่าข้าเป็นหนี้พวกเจ้าอยู่เท่าไร?”คุณชายคนหนึ่งเป็นผู้นำเอ่ยถามขึ้นมาก่อน จากนั้นคุณชายคนอื่น ๆ ก็พากันซักถามผู้ดูแลเฝิงผู้ดูแลเฝิงรู้สึกปวดหัวจัด เรื่องนี้จะสามารถบอกพวกเขาได้หรือ?คนมากมายถึงเพียงนี้ หากให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาเป็นหนี้สำนักซิงหลัวอยู่เท่าใด คาดว่าคืนนี้บ่อนแห่งนี้คงได้ถูกพวกเขาทำลายเป็นแน่“ไยเล่า เจ้ามิกล้าบอกรึ?”เย่หรงตะโกนออกมาเสียงดัง “ทุกคนดูท่าทางของเขาเถิด หากมิได้โกง แล้วจะทำหน้ามีพิรุธเยี่ยงนี้หาปะไร?”“ให้เจ้าสำนักของพวกเจ้าออกมาอธิบายให้ชัดเจนว่า เป็นสำนักซิงหลัวที่โกง หรือว่าผู้ดูแลเฝิงปลอมแปลงบัญชีกันแน่?”เมื่อคุณชายเหล่านั้นเห็นว่าผู้ดูแลเฝิงสีหน้ามิสู้ดีก็รู้ดีแก่ใจแล้ว พวกเขาคงจะเป็นหนี้มากเกินไปจนผู้ดูแลเฝิงมิสะดวกพูดในยามนี้เป็นแน่“ผู้ดูแลเฝิง ไปเรียกเจ้าส
เย่หรงเห็นว่าหลงจิ้งยิ่งแสดงยิ่งสมจริงขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็แอบหัวเราะอยู่ในใจ คาดมิถึงว่าท่านชายผู้สง่างามเช่นหลงจิ้งจะมีด้านนี้ด้วย!โชคดีที่หลงจิ้งมาด้วยตนเอง มิฉะนั้นตนก็คงคิดวิธีการก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้มิออกหรอก“ไปนำหนังสือบัญชีมา มิฉะนั้นข้าจะไปแจ้งทางการว่าพวกเจ้าหลอกลวง!”เย่หรงก็เอ่ยข่มขู่ตามไปด้วย“ผู้คุ้มกันหลิน หากไปแจ้งทางการเจ้ามิกลัวว่าคุณชายของเจ้าจะถูกเจ้าแห่งทิศใต้ลงโทษเอาหรือ?”ผู้ดูแลเฝิงเผชิญหน้ากับคำขู่ของเย่หรงแล้วหัวเราะเยาะออกมา เมื่อเห็นว่าหลงจิ้งพุ่งเข้ามาหาตนอีกครั้ง เขาก็ถอยหนีไปที่หน้าประตู“เจ้าไปเกลี้ยกล่อมคุณชายของเจ้าว่าอย่าก่อเรื่องจะดีกว่า สำนักซิงหลัวของข้ากล้าเปิดบ่อนในเมืองหลวงแดนเทพเช่นนี้ก็ย่อมมิใช่คนที่จะมารังแกได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว!”ผู้ดูแลเฝิงยิ้มเย็นชา “พวกเจ้าไปพักผ่อนอยู่ในห้องก่อนเถิด รอให้คุณชายของเจ้ามีสติเต็มที่แล้วข้าค่อยมาคุยกับเขาอีกที!”หลังจากพูดจบ ผู้ดูแลเฝิงก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป“จัดการมัน!”หลงจิ้งทำท่าทางให้เย่หรง จากนั้นก็เดินนำไปเตะที่ประตู“เจ้าสุนัขรับใช้ เจ้ากลับมาคุยกับข้าให้ชัดเจน อย่าแม้แแต่จะคิดหนี!”ผู้
ผู้ดูแลเฝิงยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างปลอบโยน “คุณชายสามอย่าได้ร้อนใจ พวกเราจะคิดไปรายงานกับบิดาของท่านได้อย่างไรกัน! พวกเรามีความลำบากจริง ๆ จึงได้ต้องจำกัดการจำหน่าย! หวังว่าคุณชายสามจะเข้าใจขอรับ!”หลงจิ้งมีใบหน้าเศร้าหมอง ดูคล้ายว่าจะถูกผู้ดูแลเฝิงทำให้หงุดหงิดเสียแล้ว “ข้าเองก็อยากจะรู้อยู่พอดีว่าข้าเป็นหนี้สำนักซิงหลัวอยู่เท่าไร เจ้าไปคำนวณให้ข้าก่อนแล้วกัน!”“เช่นนั้นข้าน้อยจะไปตรวจสอบที่ห้องบัญชีดูขอรับ!”ผู้ดูแลเฝิงมิอาจโต้แย้งกับหลงจิ้งได้ จึงเดินออกไปอีกครั้งหลงจิ้งมองขี้ผึ้งหอมบนโต๊ะแล้วเอ่ยกับเย่หรงอย่างสบาย ๆ “หยิบขี้ผึ้งหอมกับกล้องสูบยามาให้ข้าที!”เย่หรงตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นหลงจิ้งขยิบตาให้ตน ก็เข้าใจทันทีแล้วยื่นขี้ผึ้งหอมและกล้องสูบยาให้กับเขาหลงจิ้งจุดไฟแล้วแสร้งทำเป็นสูบเข้าไปสองสามครั้ง เขามิได้สูบเข้าไปจริง ๆเมื่อได้กลิ่นของขี้ผึ้งหอม หลงจิ้งต้องใช้ความตั้งใจอันแข็งแกร่งอย่างยิ่งเพื่อต้านทานแรงดึงดูดของกลิ่นหอมนี้ที่มีต่อตนเขาปล่อยให้ตนจินตนาการถึงความเจ็บปวดจากอาการติดยากำเริบ ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของเขา เมื่อต้องเผชิ
ในขณะที่พวกของเซียวหลินเทียนและเผยอวี้ติดอยู่ในตำหนักใต้ดิน เย่หรงและหลงจิ้งก็เข้าไปในบ่อนพนันของสำนักซิงหลัวได้อย่างราบรื่นแล้วเนื่องจากสถานะของหลงจิ้งคือแขกผู้มีเกียรติ เย่หรงที่อยู่ในฐานะผู้คุ้มกันจึงดูราวกับว่าเป็นคนที่พวกเขาคุ้นเคยด้วยเช่นกัน ทั้งสองจึงได้รับการต้อนรับให้เข้าไปอย่างราบรื่นก่อนหน้านี้เย่หรงก็เคยไปที่บ่อนพนันสำนักซิงหลัว ทั้งยังเคยเล่นการพนันที่นั่นอยู่สองสามครั้งด้วย แต่เนื่องจากบรรดาแขกที่มาส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนคุ้นเคยกัน พวกเขาจึงเป็นเช่นเดียวกับเย่ซวินที่เมื่อเจอเย่หรงก็จะเยาะเย้ยทุกครั้งหลังจากนั้นเย่หรงก็มิกลับมาอีกเลยบ่อนพนันใหญ่โตมาก และคนที่มาต้อนรับพวกเขาก็คือผู้ดูแลเฝิง เขาเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ อายุประมาณห้าสิบกว่าปีเมื่อก่อนเย่หรงก็รู้จักเขาเช่นกัน บุรุษผู้ไว้หนวดจิ๋มผู้นี้ก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นเฉียบคม มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นตัวตึงคนหนึ่ง“สองวันที่ผ่านมาคุณชายสามมีธุระหรือ? ไฉนมิแวะเวียนมาที่บ่อนบ้างเล่าขอรับ?”ผู้ดูแลเฝิงเอ่ยออกมาพร้อมยิ้มตาหยีคำพูดเหล่านี้แฝงด้วยกับดัก ระหว่างทางที่มาหลงจิ้งก็คิดไว้แล้ว เดิมทีเมื่อวานตนควรจะต
“ฉินซาน เจ้าเห็นอะไรหรือไม่?”เซียวหลินเทียนมองไปทางฉินซานอย่างให้กำลังใจ เมื่อครู่ฉินซานค่อนข้างท้อแท้กับความสามารถของตนเอง เซียวหลินเทียนจึงอยากใช้สิ่งนี้กระตุ้นความมั่นใจของฉินซานฉินซานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ชี้ไปที่แผนที่พลางเอ่ยออกมา “ในผังภาพหยินหยางมีเส้นอยู่สองเส้น เส้นหยินเริ่มจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนเส้นหยางเริ่มจากทิศตะวันออก”“หากเส้นหยินเคลื่อนที่ไปตามนี้แสดงว่าหยินแข็งแกร่งหยางอ่อนแอ และหากเส้นหยางเคลื่อนที่ไปทิศทางนี้ก็แสดงว่าหยางแข็งแกร่งหยินอ่อนแอ”“กลไกที่พวกเราผ่านมาได้เมื่อครู่นี้หากอิงตามผังแปดทิศ ถูกแบ่งและเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะของมัน กลไกเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นตามแบบของผังแปดทิศ หากพวกเราเดินไปที่กลไกในตำแหน่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ก็จะง่ายหน่อย ทว่าหากเป็นตำแหน่งทิศตะวันออก ก็จะมีกับดักกลไกอันตรายทุกย่างก้าว!” เมื่อเผยอวี้ ลู่หนานและคนอื่น ๆ ได้ฟังเช่นนั้นก็ต่างรู้สึกสับสนกันไปหมดลู่หนานจึงเอ่ยถามขึ้นมาอย่างร้อนใจ “แล้วทำอย่างไรพวกเราจึงจะแยกแยะตำแหน่งของทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันออกให้ชัดเจนได้เล่า มิใช่ว่าเดินไปตามนี้หรือ? มีโอกาสเลือกได้ที่ไหนกั
ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็เคยเห็นวิชากลไกที่เจ้าตำหนักปีกเงินคนก่อนรวบรวมไว้เช่นกัน เขาได้ทำการศึกษาพร้อมกับฉินซานและผ่านไปได้หลายด่านโดยไม่มีอันตรายใด ๆแต่ก็เป็นดังเช่นที่หุ่นไม้เตือน ด่านต่อ ๆ ไปจะยากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากเผยอวี้และเซียวหลินเทียนแล้ว คนอื่น ๆ ล้วนจะถูกกลไกหลอกในระดับที่ต่างกันผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุดก็คือจ้าวซวน เขาเกือบจะถูกกลไกตัดแขนขาดครึ่งหนึ่ง ทว่าเซียวหลินเทียนเห็นว่าสถานการณ์มิดี จึงพุ่งเข้าไปแล้วใช้กระบี่คุนอู๋ตัดกลไกได้ทันกาล สุดท้ายก็ช่วยจ้าวซวนออกมาได้แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ จ้าวซวนก็ถูกเฉือนจนเนื้อหนังเปิดอย่างน่าสยดสยอง และเลือดก็ยังคงไหลมิหยุดด้วยเผยอวี้รีบหยิบโอสถสมานแผลออกมาเทลงบนมือของจ้าวซวนจนหมดขวด แต่ก็ต้องใช้โอสถสมานแผลถึงสองขวดจึงจะห้ามเลือดที่แขนของจ้าวซวนได้เซียวหลินเทียนเห็นว่ายังเดินกันมิถึงครึ่งทางของตำหนักใต้ดิน แต่คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาก็ได้รับบาดเจ็บกันแล้ว ในใจจึงแอบด่าทอเจ้าสำนักซิงหลัวคนก่อนว่าช่างวิปริตเสียจริง ไม่มีอะไรจะเล่นแล้วหรือไร ถึงได้ต้องมาทำของอันตรายร้ายกาจเยี่ยงนี้!แต่ก็เพราะตำหนักใต้ดินอันตราย คนชุดขาวจ
ลู่หนานไปสำรวจเส้นทางข้างหน้ามาแล้ว ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนเคยบอกไว้ว่า กลไกในตำหนักใต้ดินนั้นซับซ้อนมาก และบอกพวกเขาว่าอย่าไปเสี่ยงง่าย ๆลู่หนานเดินไปจนถึงทางเลี้ยว เขาทำตามคำสั่งของเซียวหลินเทียน เมื่อเขาเห็นประตูบานหนึ่งจึงมิกล้าเข้าไปเขายืนอยู่ห่างจากหน้าประตูสองสามเมตร และพยายามตรวจดูว่าบริเวณโดยรอบมีกับดักหรือไม่แต่พื้นถนนตรงหน้าประตูกับตรงที่ที่เขายืนอยู่นั้นเป็นแบบเดียวกัน ล้วนปูด้วยแผ่นหินชนวน ดูแล้วก็หาได้มีสิ่งใดผิดปกติไม่และประตูบานนั้นก็ดูคล้ายกับว่าฝังอยู่ในผนังอุโมงค์ ไม่มีช่องว่างเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งประตูที่หนักอึ้งทั้งสองบานก็ประกบเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา มิได้มีช่องว่างใดด้วยลู่หนานเคลื่อนไหวไปช้า ๆ แต่เดินไปได้เพียงหนึ่งเมตร จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าที่ใต้เท้าว่างเปล่า แล้วแผ่นหินชนวนก็แยกออกจากกัน จากนั้นลู่หนานก็รู้สึกว่าร่างกายของตนตกลงไปเขาตกใจมากจึงกระโดดขึ้นไปจนหัวกระแทกกับเพดานถ้ำ จากนั้นก็มีลูกศรลับนับมิถ้วนพุ่งออกมาจากผนังทั้งสองด้านโชคดีที่ลู่หนานเป็นคนตาไวมือไว จึงเบี่ยงตัวหลบแล้วไถลตัวกลับไปได้ทันกาลแต่ถึงกระนั้น ที่ไหล่ของลู่หนานก็ถูกลูกศรยิ
“สหายหวงฝู่ ข้าขอแนะนำว่าเจ้าเองก็อย่าได้ตกลงตามเงื่อนไขของเขา!”เซียวหลินเทียนเอ่ยออกมาอย่างจริงใจ “แม้ว่าข้าจะรู้ว่าเจ้ากังวลเรื่องพิษของลูกสาวเจ้า แต่คนที่แม้แต่ใบหน้าที่แท้จริงก็ยังมิกล้าเปิดเผยออกมาเช่นนี้ เจ้าจะเชื่อคำสัญญาของเขาได้หรือ?”“แม้ว่าเขาจะรับปากว่าจะปล่อยพวกเจ้าไป แต่เมื่อฝูไห่ถูกปล่อยตัวออกมา เขาจะลืมความแค้นที่เมื่อนั้นบรรพบุรุษของเจ้าแช่แข็งเข้าไว้ใต้ภูเขาหิมะได้หรือ?”“จากที่ข้าเห็น เขาก็แค่มิกล้าบุกเข้ามาในตำหนักใต้ดิน ก็เลยจงใจล่อลวงเจ้า!”“สหายหวงฝู่ คนชุดขาวผู้เดียวก็เก่งกาจเช่นนี้แล้ว หากฝูไห่ถูกปล่อยตัวออกมา ทั่วทั้งใต้หล้านี้ ผู้ใดกันที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้? กลัวก็แต่เมื่อถึงกาลนั้น คนที่ตายจะมิใช่เพียงแค่พวกเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงราษฎรนับล้านในแดนเทพอีก!”ความเป็นความตายของคนเหล่านั้นเกี่ยวอะไรกับข้าเล่า!หวงฝู่หลินเกือบจะหลุดพูดคำนี้ออกไปแล้ว แต่เมื่อหันไปเห็นปี้ซง หวงฝู่หลินก็พูดเช่นนี้มิออกปี้ซงและเหล่าทาสในวังเทพ มีหลายคนที่อยู่กับตนมาตั้งแต่เด็ก แล้วเขาจะบอกว่ามิต้องไปสนใจความเป็นความตายของคนเหล่านั้นได้หรือ?หากเป็นเช่นนี้ ตนยังนับว่าเป