เปิดทำการโรงเหยียนหลิงในวันสิริมงคลที่ 26กฎการพบแพทย์ของโรงเหยียนหลิง ต้องลงทะเบียนรักษาและตรวจสี่สิบคนต่อวันภายในสามวันของการเปิดทำการ คนป่วยห้าท่านแรกตรวจโรคกับจัดสำรับยาไม่เสียค่าใช้จ่ายโรงเหยียนหลิงเพิ่งติดใบประกาศ ข่าวพลันแพร่สะพัดตรอกใหญ่ซอยน้อยอย่างเร็วรี่ด้วยเหตุนี้ เหล่าคนที่หมายชมความครึกครื้น คนที่ต้องการขอรับรักษา คนที่อยากได้เครื่องยาให้เปล่าต่างตั้งตารอวันที่ 26 อย่างตาลีตาเหลือกวันนี้มาถึงเร็วมากช่วงเช้าตรู่และกลางดึก ด้านนอกโรงเหยียนหลิงต่อแถวยาวเฟื้อยรอรับหมายเลขกำหนดเวลาเปิดทำการโรงเหยียนหลิงที่ยามจี่(1) ซึ่งคือช่วงเก้าโมงเช้าเวลาเจ็ดโมงกว่าฟ้าเริ่มสาง ถนนสายนี้ฝูงชนแน่นจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านไม่ได้(2)ในคนหมู่นั้น นอกจากคนที่ขอรับรักษากับชมความครึกครื้น ยังมีหมอและผู้บุญหนักศักดิ์ใหญ่อีกมากมายประการแรกพวกเขามาเพื่อพบท่านฮั๋วปรมาจารย์แพทย์ ประการสองเพื่อมาพบแม่นางหลิง!แม้แต่ท่านฮั๋วปรมาจารย์แพทย์ล้วนเทียบแล้วสู้ไม่ได้ คนยังหมายกราบอาจารย์เรียนทักษะ วิชาแพทย์นั่นต้องเหนือชั้นแค่ไหนกัน!คนที่ขอรับรักษาก็อยากรับหมายเลขตรวจโรคจากแม่นางหลิงส่วนพวก
ดังสุภาษิตว่า ทวนเปิดเผยหลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับยากระวัง(1)โรงหุยชุนอาจไม่กล้าก่อเรื่องในที่สาธารณะ แต่แอบลงมือคนลับ ๆ อย่างน่ารังเกียจ“หลิงซิน!”หลิงอวี๋เรียกหลิงซินพลางการซิบสองสามประโยคข้างหูนาง หลิงซินเข้าใจแล้วจากไปก่อนหลิงอวี๋ไม่รีบไปโรงเหยียนหลิงแล้วเช่นกัน นางหมายฟังอยู่ที่นี่ดูว่าพวกคนโรงหุยชุนคิดเล่นลูกไม้อะไรตู้ตงหงมองรูปโฉมใหม่หลังบูรณะโรงเหยียนหลิง พลันเอ่ยหยัน“ปรับปรุงดีขนาดนี้จะไปมีประโยชน์อันใด? ไม่มีหมอฝีมือดีนั่งตรวจก็อยู่ไม่รอดหรอก! ข้าเดาว่าโรงเหยียนหลิงอยู่ได้ไม่นานก็ต้องปิดกิจการ!”สาเหตุที่หลิงหว่านก็ไม่ชอบหน้าตู้ตงหงกับคนพวกนั้นเป็นเพราะหลิงอวี๋ พอได้ยินวาจานั้นก็พูดถากถางโผงผางทันที“ใครบอกไม่มีหมอฝีมือดีนั่งตรวจ? เจ้ามิได้ยินที่ทุกคนมาล้วนเพื่อแม่นางหลิงรึไง?”“มีแม่นางหลิงนั่งตรวจ โรงเหลียนหลิงไม่ปิดกิจการหรอก!”“นี่เจ้ายังมิทันออกเรือนก็เข้าข้างกันซะแล้วรึ!”“วันนี้พวกเขาเปิดทำการโรงเหยียนหลิง เจ้าก็แช่งให้พวกเขาเจ๊ง… ฮูหยินน้อยโรงหุยชุนในอนาคตเช่นเจ้าช่างทำสิ่งมีคุณธรรมเสียจริง ๆ”เสียงพูดหลิงหว่านหยุดลง จางเจ๋อกับหมอหลวงจางก็มาแล้วจางเจ๋อ
“ตระกูลกวนกับคนของหลี่ว์เซียงมาทำไม? หรือว่าพวกเขาสองตระกูลก็มีคนต้องการพบแม่นางหลิงรักษาโรคเหมือนกัน?”การถกเถียงทุกรูปแบบดังขึ้นทุกทิศทันทีขณะเสียงถกเถียงดังพร้อมเพรียง คนกลุ่มหนึ่งเดินมาชายกำยำหลายคนเปิดทางอยู่ด้านหน้า ชายหนึ่งหญิงหนึ่งติดตามด้านหลังพร้อมพ่อลูกตระกูลหลี่ว์หลิงอวี๋เห็นพ่อลูกตระกูลหลี่ว์ก็จำหลี่ว์เซียงกับหลี่ว์จงเจ๋อได้ที่เคยเจออยู่โรงเหยียนหลิงในวันนั้นบุรุษข้างหลี่ว์เซียงอายุประมาณสี่สิบ ร่างสูงใหญ่ ทรงหน้าเหลี่ยม คิ้วเข้มสันจมูกโด่ง ดวงตาเว้าลึก ผสมเชื้อสายชนชาติอี๋เล็กน้อยเขาสวมเสื้อคลุมยาวสีน้ำเงิน ช่วงไหล่คือเสื้อกั๊กผ้าปักลายบุปผาซับซ้อนดูแล้วฝีมือละเอียดประณีตดรุณีน้อยราวสิบหกปีที่ติดตามเขา ทรงหน้ารูปไข่ คิ้วเข้มโค้งขึ้นเล็กน้อย เน้นหางตาชี้ของนางชัดทวีทรงพลังเสื้อผ้าส่วนบนของเด็กสาวคือเสื้อไหมสีขาวนมมีแขน ทับด้วยเสื้อกั๊กผ้าปักสีฟ้าเป็นกระโปรงจับจีบลายดอกเลาสีฟ้ายาวถึงน่องขา ถัดไปสวมรองเท้าหุ้มข้อคู่หนึ่ง ในมือถือแส้ห้าสีเส้นหนึ่งหลิงอวี๋มองแล้วก็แปลกหูแปลกตา เสื้อผ้าชนชาติอี๋ชุดนี้มาพร้อมกลิ่นอายท้องถิ่นสมัยนิยมยิ่งนัก เจ๋งเป้ง!“เป็นนายท
“พี่หลิงหลิง! เจ้าทำอันใด?”หลิงหว่านเห็นหลิงอวี๋ก้าวไปข้างหน้า พลันเอ่ยเรียกตะลีตะลาน“ที่เขาเรียกคือแม่นางหลิงเจ้าขึ้นไปทำอะไร รีบกลับมาอย่ายั่วโมโหท่านฮั๋ว!”ตู้ตงหงเห็นแล้วก็หัวเราะเยาะ “พระชายาอ๋องอี้หูตึงรึ? ได้ยินว่า ‘หลิง’ คำเดียวก็คิดว่าเรียกตัวเอง!”เสิ่นจวน เจิงจื่ออวี้ จางเจ๋อกับคนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดนั้นต่างก็หัวร่อกันเสิ่นจวนพูดล้อว่า “พี่สะใภ้ ไยเจ้าชอบก่อเรื่องขบขันเพียงนี้! ดูคราวนี้สิเจ้าไม่เคยเรียนวิชาแพทย์เลยก็กล้าสวมรอยเป็นแม่นางหลิงแล้ว!”หลิงอวี๋ทำเป็นไม่ได้ยินคำดูถูกของคนเหล่านี้ นางเพียงยิ้มปลอบหลิงหว่านพลางเอ่ยว่า“หว่านหว่าน คำพูดที่ข้าเพิ่งเอ่ยกับเจ้าคือความจริง! ข้าเคยให้คำมั่นกับเจ้าแล้วว่าภายหน้าจะไม่กระทำเรื่องเหลวไหลอีกมิใช่หรือ?”หลิงหว่านรู้สึกมึนงงพลางเรียกอย่างตระหนก “เมื่อกี้ที่เจ้าพูดว่าเจ้าคือแม่นางหลิง?”หลิงอวี๋พยักหน้าน้อย ๆ พลันก้าวยาวไปทางท่านฮั๋ว“อะไรนะ? พระชายาอ๋องอี้พูดว่านางคือแม่นางหลิง?” ตู้ตงหงอ้าปากกว้างประหลาดใจ“เป็นไปได้อย่างไร!”จางเจ๋อหัวเราะเย้ยหยัน “ในเมืองหลวงผู้ใดไม่รู้ว่าหลิงอวี๋ตระหนักแค่กินดื่มเที่ยวสำราญและไล
ตู้ตงหงก็ตอบโต้เช่นกัน นางรุนจางเจ๋อพลางพูดอย่างโมโห“พี่จางเจ๋อ มิใช่ท่านพูดว่าแม่นางหลิงตอบรับท่านเป็นศิษย์หรือเจ้าคะ?”“ท่านเคยเห็นแม่นางหลิง ท่านฮั๋วชราภาพตาลายอาจจะโดนหลอกแล้ว แต่ท่านไม่ใช่!”“ท่านลองพูดให้ทุกคนฟัง พระชายาอ๋องอี้ใช่แม่นางหลิงแน่หรือไม่?”จางเจ๋อถูกรุนไปข้างหน้า เขากล่าวอย่างมั่นใจ“ข้าเคยเห็นโฉมหน้าของแม่นางหลิงจริง ดังนั้นข้ายืนยันได้ว่าพระชายาอ๋องอี้มิใช่แม่นางหลิง!”“อีกอย่างแม่นางหลิงตอบรับข้าว่าจะไปเป็นหมอตรวจที่โรงหุยชุนแล้ว!”“ไม่แน่ แม่นางหลิงอาจถูกพระชายาอ๋องอี้คุกคาม จึงออกจากโรงเหยียนหลิงมาตอบรับโรงหุยชุนของเรา!”ยิ่งจางเจ๋อพูดมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้สูงที่แม่นางหลิงจะโดนพระชายาอ๋องนี้ขับไล่โชคดีที่ชายาอ๋องอี้คนไม่เอาถ่านผู้นี้ไล่แม่นางหลิงไป เพียงหาแม่นางหลิงพบเขาสามารถชักจูงแม่นางหลิงมาเป็นหมอที่โรงหุยชุนได้แน่!จางเจ๋อแอบปีติยินดีในใจ แต่พอมองหลิงอวี๋ปากกลับพูดไร้เมตตา“พระชายาอ๋องอี้ ท่านรังแกท่านฮั๋วคนชราสายตาไม่ดี หมายแอบอ้างเป็นแม่นางหลิงหมอชั้นเซียน กระทำเรื่องไร้ยางอายเพียงนี้ เจ้าไม่รู้สึกละอายหรือไร?”จางเจ๋อกล่าวปวดใจ “
“ตัวข้าเข้าวังพูดคุยเป็นเพื่อนไทเฮาเลยล่าช้าไปพักหนึ่ง พวกเจ้าก็กล้ารังแกผู้มีพระคุณช่วยข้าแล้ว!”“คิดว่าตัวข้าสิ้นแล้วจริงรึ?”ท่านอ๋องเฉิงกวาดมองฝูงชนรอบหนึ่ง สายตาดุดันทำให้คนที่เอ็ดตะโรเสียงดังเมื่อครู่ประหวั่นจนมิกล้าส่งเสียงเสิ่นจวนอาศัยความสัมพันธ์ว่าตนคือหลานสาวของพระสนมหรงเฟย ฝืนเอ่ยตีสนิท“ท่านปู่เฉิง นี่มิใช่เพราะเรากลัวท่านฮั๋วอายุมากแล้วตาลายจำคนไม่ชัดถึงเตือนสติเขาหรือเพคะ?”“ท่านปู่เฉิง ท่านเพิ่งมาเลยไม่ทราบว่าพี่สะใภ้ข้าสวมรอยเป็นแม่นางหลิง ท่านก็รู้ว่าพี่สะใภ้ข้าไม่เคยเรียนหมอ...”สีหน้าท่านอ๋องเฉิงครึ้มลง ความโกรธพุ่งทะยาน กล่าวตัดหน้าเสิ่นจวนโดยไม่ให้เกียรติสักกระผีก“หุบปาก! ท่านฮั๋วตาลายรึ? หรือว่าตัวข้าก็ตาลายเหมือนกันเล่า?”“ตัวข้าผู้เป็นอ๋องมิได้แก่จนจำใครมิได้! เจ้าไม่ต้องเตือนสติข้า!”“ใครกล้าก่อความวุ่นวายขัดขวางเวลามงคลการเปิดกิจการโรงเหยียนหลิง ตัวข้าก็จะไม่เกรงใจเขาแล้ว!”ท่านอ๋องเฉิงหันมาทางท่านฮั๋วกับหลิงอวี๋ สีหน้าพลันผันยิ้ม“ท่านฮั๋ว เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ ขอโทษตัวข้ามาสายแล้ว! ยังโชคดีที่ไม่พลาดเวลามงคล!”ท่านอ๋องเฉิงคำนับขออภัยต่อทั้งสอง ยื่น
ครั้นคนข้างล่างฟังคำพูดเหล่านี้ชัดแจ้งหมดแล้ว พลันมีคนเอ่ยเยาะเย้ย“เมื่อกี้ลูกเถ้าแก่จางยังสาบานด้วยใจจริงว่าตนเคยพบแม่นางหลิง บอกว่าแม่นางหลิงตอบรับไปเป็นหมอที่โรงหุยชุนแล้ว!”“ทว่าแม่นางหลิงยืนอยู่ตรงหน้าเขากลับไม่รู้จัก! คุยโม้ก็ไม่กลัวลิ้นต้องลมยามอ้าปากพูด(1)เสียจริง!”“ใช่ ยังจะว่าคนอื่นแอบอ้าง! เขาเองนั่นแหละที่แอบอ้างถึงถูก!”“ถูกต้อง! วันนั้นกระจ่างว่าเป็นแม่นางหลิงช่วยท่านอ๋องเฉิง แต่เขาก็พูดว่าตัวเองช่วยคนหน้าด้าน ๆ!”เมื่อจางเจ๋อได้ยินวาจาเหล่านี้ก็โกรธจนหน้าแดงหน้าดำ แทบอยากจะหาซอกมุดเข้าไปหมอหลวงจางเหลือบมองจางเจ๋อด้วยความเสียใจที่ไม่อาจหลอมเหล็กเป็นเหล็กกล้าได้(2) พลางเอ่ยเสียงขรึม“ตั้งสติไว้… เจ๋อเอ๋อร์ เจ้ายังจำคำพูดที่พ่อคุยกับเจ้าได้หรือไม่? ถึงกลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดจะสำคัญก็ตาม แต่ชื่อเสียงของเจ้าสำคัญยิ่งกว่า!”“พระชายาอ๋องอี้กับพวกเรามิใช่คนแปลกหน้า! ท่านฮั๋วเข้าข้างนางแล้ว หมอไร้สมองพวกนั้นถูกเขาปลุกปั่น พวกเรายังจะปักหลักโรงหุยชุนอยู่เมืองหลวงอย่างไรเล่า!”“นางหลิงอวี๋ศึกษากลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดได้ ก็พิสูจน์ได้ว่าใต้หล้านี้ยังมีผู้รู้อีก
หลิงอวี๋ยิ้มอ่อน“ใต้กล้านี้คงไม่มีหมอคนไหนกล้าพูดว่าตัวเองมีความสามารถทุกอย่างหรอกกระมัง?”“ศาสตร์แพทย์กว้างใหญ่ลึกซึ้งนัก หลิงอวี๋ได้เรียนรู้แค่เป็นลูกเกาลัดในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่(1)! จะกล้าพูดอวดดีประเภทนั้นได้อย่างไรเล่า!”คำพูดนี้ทำให้หมอบางคนฟังแล้วพยักหน้า พระชายาอ๋องอี้ช่างถ่อมตนยิ่งนัก!คุณหนูใหญ่กวนกลับส่งเสีย ‘เหอะ’ เย็นชาเอ่ยอย่างยกตนข่มท่าน“พระชายาอ๋องอี้มิได้ช่วยหลายคนก็กล้าอ้างตัวเป็นหมอชั้นเซียน! ตามความคิดเช่นนี้ของเจ้า งั้นหมอในเมืองหลวงนี้คือหมอชั้นเซียนทั้งหมดรึ!”หลิงอวี๋ยังคงตอบอย่างอารมณ์ดี“หลิงอวี๋มิได้อ้างตัวเป็นหมอชั้นเซียน นี่ล้วนคือข่าวคือเท่านั้น!”“เฮอะ ใครจะรู้ว่าเจ้าติดสินบนคนให้ปล่อยข่าวเหล่านี้หรือไม่ สร้างชื่ออิทธิพลให้ตัวเอง!”คุณหนูใหญ่กวนยิ่งมองหลิงอวี๋มากเท่าไรยิ่งขัดตานัก นางไม่มีความแค้นกับหลิงอวี๋ก็จริง แต่นางมีความแค้นกับเซียวหลินเทียนคุณหนูใหญ่กวนถูกใจเซียวหลินเทียนในปีนั้น และวานคนมากอิทธิพลทำให้เซียวหลินเทียนมาสู่ขอตระกูลกวนผลลัพธ์คือเซียวหลินเทียนปฏิเสธด้วยประโยคเดียวว่ามีคนที่หมายปองแล้ว!คุณหนูใหญ่กวนโตมาเป็นหมู่ดาราร่วมส
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต