คนในห้องกำลังพูดคุยเรื่อยเปื่อย มีคนนอกประตูเอ่ยเรียก“ท่านอ๋องเฉิง ท่านฮั๋ว หลานชายหลี่ว์จงเจ๋อกับบิดาหลี่ว์เซียงขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ!”หลี่ว์เซียง?ท่านอ๋องเฉิงผงะครู่หนึ่งพลางมองท่านฮั๋วท่านฮั๋วยังไม่ทันเอ่ย เสียงของหลี่ว์เซียงพลันลอยมาข้างนอก“ท่านฮั๋ว ข้าน้อยได้ยินว่าท่านอยู่ที่นี่ จึงรุดมาเชิญเองโดยเฉพาะขอรับ”“ท่านแม่ป่วยหนัก คาดหวังท่านฮั๋วแสดงความเห็นใจมาตรวจท่านแม่ที่จวนสักหน่อยขอรับ!”“ออกไปตรวจดูหน่อยเถอะ!”ท่านอ๋องเฉิงส่ายศีรษะ “ฮูหยินใหญ่หลี่ว์ป่วยแบบนี้มานานโขแล้ว ครอบครัวหลี่ว์เซียงเสาะหาหมอสอบถามยาทั่วสารทิศ ช่างน่าสรรเสริญจิตใจกตัญญูกตเวทีนัก!”ท่านฮั๋วส่ายศีรษะ เอ่ยเสียงขรึม “เข้ามาเถอะ!”หลี่ว์เซียงกับหลี่ว์จงเจ๋อเดินเข้ามาทีละคนหลิงอวี๋ไม่มีความประทับใจลึกซึ้งต่อหลี่ว์เซียงเกินไปนัก ทว่านางได้ยินจากปากแม่นมลี่เมื่อท่านปู่ปลดเกษียณปีนั้น ก็ได้แนะนำหลี่ว์เซียงรับตำแหน่งแทนเขาเสียแล้วคนที่ท่านปู่แนะนำบุคลิกน่าจะพอใช้ได้กระมัง!หลี่ว์เซียงอายุสี่สิบกว่าปีรูปร่างไม่สูงไม่เตี้ย โครงหน้าเหลี่ยม ทั่วร่างเปี่ยมอิทธิพลยศถาบรรดาศักดิ์สูงส่ง ทว่าความกลัดกลุ้มแผ่คล
เปิดทำการโรงเหยียนหลิงในวันสิริมงคลที่ 26กฎการพบแพทย์ของโรงเหยียนหลิง ต้องลงทะเบียนรักษาและตรวจสี่สิบคนต่อวันภายในสามวันของการเปิดทำการ คนป่วยห้าท่านแรกตรวจโรคกับจัดสำรับยาไม่เสียค่าใช้จ่ายโรงเหยียนหลิงเพิ่งติดใบประกาศ ข่าวพลันแพร่สะพัดตรอกใหญ่ซอยน้อยอย่างเร็วรี่ด้วยเหตุนี้ เหล่าคนที่หมายชมความครึกครื้น คนที่ต้องการขอรับรักษา คนที่อยากได้เครื่องยาให้เปล่าต่างตั้งตารอวันที่ 26 อย่างตาลีตาเหลือกวันนี้มาถึงเร็วมากช่วงเช้าตรู่และกลางดึก ด้านนอกโรงเหยียนหลิงต่อแถวยาวเฟื้อยรอรับหมายเลขกำหนดเวลาเปิดทำการโรงเหยียนหลิงที่ยามจี่(1) ซึ่งคือช่วงเก้าโมงเช้าเวลาเจ็ดโมงกว่าฟ้าเริ่มสาง ถนนสายนี้ฝูงชนแน่นจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านไม่ได้(2)ในคนหมู่นั้น นอกจากคนที่ขอรับรักษากับชมความครึกครื้น ยังมีหมอและผู้บุญหนักศักดิ์ใหญ่อีกมากมายประการแรกพวกเขามาเพื่อพบท่านฮั๋วปรมาจารย์แพทย์ ประการสองเพื่อมาพบแม่นางหลิง!แม้แต่ท่านฮั๋วปรมาจารย์แพทย์ล้วนเทียบแล้วสู้ไม่ได้ คนยังหมายกราบอาจารย์เรียนทักษะ วิชาแพทย์นั่นต้องเหนือชั้นแค่ไหนกัน!คนที่ขอรับรักษาก็อยากรับหมายเลขตรวจโรคจากแม่นางหลิงส่วนพวก
ดังสุภาษิตว่า ทวนเปิดเผยหลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับยากระวัง(1)โรงหุยชุนอาจไม่กล้าก่อเรื่องในที่สาธารณะ แต่แอบลงมือคนลับ ๆ อย่างน่ารังเกียจ“หลิงซิน!”หลิงอวี๋เรียกหลิงซินพลางการซิบสองสามประโยคข้างหูนาง หลิงซินเข้าใจแล้วจากไปก่อนหลิงอวี๋ไม่รีบไปโรงเหยียนหลิงแล้วเช่นกัน นางหมายฟังอยู่ที่นี่ดูว่าพวกคนโรงหุยชุนคิดเล่นลูกไม้อะไรตู้ตงหงมองรูปโฉมใหม่หลังบูรณะโรงเหยียนหลิง พลันเอ่ยหยัน“ปรับปรุงดีขนาดนี้จะไปมีประโยชน์อันใด? ไม่มีหมอฝีมือดีนั่งตรวจก็อยู่ไม่รอดหรอก! ข้าเดาว่าโรงเหยียนหลิงอยู่ได้ไม่นานก็ต้องปิดกิจการ!”สาเหตุที่หลิงหว่านก็ไม่ชอบหน้าตู้ตงหงกับคนพวกนั้นเป็นเพราะหลิงอวี๋ พอได้ยินวาจานั้นก็พูดถากถางโผงผางทันที“ใครบอกไม่มีหมอฝีมือดีนั่งตรวจ? เจ้ามิได้ยินที่ทุกคนมาล้วนเพื่อแม่นางหลิงรึไง?”“มีแม่นางหลิงนั่งตรวจ โรงเหลียนหลิงไม่ปิดกิจการหรอก!”“นี่เจ้ายังมิทันออกเรือนก็เข้าข้างกันซะแล้วรึ!”“วันนี้พวกเขาเปิดทำการโรงเหยียนหลิง เจ้าก็แช่งให้พวกเขาเจ๊ง… ฮูหยินน้อยโรงหุยชุนในอนาคตเช่นเจ้าช่างทำสิ่งมีคุณธรรมเสียจริง ๆ”เสียงพูดหลิงหว่านหยุดลง จางเจ๋อกับหมอหลวงจางก็มาแล้วจางเจ๋อ
“ตระกูลกวนกับคนของหลี่ว์เซียงมาทำไม? หรือว่าพวกเขาสองตระกูลก็มีคนต้องการพบแม่นางหลิงรักษาโรคเหมือนกัน?”การถกเถียงทุกรูปแบบดังขึ้นทุกทิศทันทีขณะเสียงถกเถียงดังพร้อมเพรียง คนกลุ่มหนึ่งเดินมาชายกำยำหลายคนเปิดทางอยู่ด้านหน้า ชายหนึ่งหญิงหนึ่งติดตามด้านหลังพร้อมพ่อลูกตระกูลหลี่ว์หลิงอวี๋เห็นพ่อลูกตระกูลหลี่ว์ก็จำหลี่ว์เซียงกับหลี่ว์จงเจ๋อได้ที่เคยเจออยู่โรงเหยียนหลิงในวันนั้นบุรุษข้างหลี่ว์เซียงอายุประมาณสี่สิบ ร่างสูงใหญ่ ทรงหน้าเหลี่ยม คิ้วเข้มสันจมูกโด่ง ดวงตาเว้าลึก ผสมเชื้อสายชนชาติอี๋เล็กน้อยเขาสวมเสื้อคลุมยาวสีน้ำเงิน ช่วงไหล่คือเสื้อกั๊กผ้าปักลายบุปผาซับซ้อนดูแล้วฝีมือละเอียดประณีตดรุณีน้อยราวสิบหกปีที่ติดตามเขา ทรงหน้ารูปไข่ คิ้วเข้มโค้งขึ้นเล็กน้อย เน้นหางตาชี้ของนางชัดทวีทรงพลังเสื้อผ้าส่วนบนของเด็กสาวคือเสื้อไหมสีขาวนมมีแขน ทับด้วยเสื้อกั๊กผ้าปักสีฟ้าเป็นกระโปรงจับจีบลายดอกเลาสีฟ้ายาวถึงน่องขา ถัดไปสวมรองเท้าหุ้มข้อคู่หนึ่ง ในมือถือแส้ห้าสีเส้นหนึ่งหลิงอวี๋มองแล้วก็แปลกหูแปลกตา เสื้อผ้าชนชาติอี๋ชุดนี้มาพร้อมกลิ่นอายท้องถิ่นสมัยนิยมยิ่งนัก เจ๋งเป้ง!“เป็นนายท
“พี่หลิงหลิง! เจ้าทำอันใด?”หลิงหว่านเห็นหลิงอวี๋ก้าวไปข้างหน้า พลันเอ่ยเรียกตะลีตะลาน“ที่เขาเรียกคือแม่นางหลิงเจ้าขึ้นไปทำอะไร รีบกลับมาอย่ายั่วโมโหท่านฮั๋ว!”ตู้ตงหงเห็นแล้วก็หัวเราะเยาะ “พระชายาอ๋องอี้หูตึงรึ? ได้ยินว่า ‘หลิง’ คำเดียวก็คิดว่าเรียกตัวเอง!”เสิ่นจวน เจิงจื่ออวี้ จางเจ๋อกับคนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดนั้นต่างก็หัวร่อกันเสิ่นจวนพูดล้อว่า “พี่สะใภ้ ไยเจ้าชอบก่อเรื่องขบขันเพียงนี้! ดูคราวนี้สิเจ้าไม่เคยเรียนวิชาแพทย์เลยก็กล้าสวมรอยเป็นแม่นางหลิงแล้ว!”หลิงอวี๋ทำเป็นไม่ได้ยินคำดูถูกของคนเหล่านี้ นางเพียงยิ้มปลอบหลิงหว่านพลางเอ่ยว่า“หว่านหว่าน คำพูดที่ข้าเพิ่งเอ่ยกับเจ้าคือความจริง! ข้าเคยให้คำมั่นกับเจ้าแล้วว่าภายหน้าจะไม่กระทำเรื่องเหลวไหลอีกมิใช่หรือ?”หลิงหว่านรู้สึกมึนงงพลางเรียกอย่างตระหนก “เมื่อกี้ที่เจ้าพูดว่าเจ้าคือแม่นางหลิง?”หลิงอวี๋พยักหน้าน้อย ๆ พลันก้าวยาวไปทางท่านฮั๋ว“อะไรนะ? พระชายาอ๋องอี้พูดว่านางคือแม่นางหลิง?” ตู้ตงหงอ้าปากกว้างประหลาดใจ“เป็นไปได้อย่างไร!”จางเจ๋อหัวเราะเย้ยหยัน “ในเมืองหลวงผู้ใดไม่รู้ว่าหลิงอวี๋ตระหนักแค่กินดื่มเที่ยวสำราญและไล
ตู้ตงหงก็ตอบโต้เช่นกัน นางรุนจางเจ๋อพลางพูดอย่างโมโห“พี่จางเจ๋อ มิใช่ท่านพูดว่าแม่นางหลิงตอบรับท่านเป็นศิษย์หรือเจ้าคะ?”“ท่านเคยเห็นแม่นางหลิง ท่านฮั๋วชราภาพตาลายอาจจะโดนหลอกแล้ว แต่ท่านไม่ใช่!”“ท่านลองพูดให้ทุกคนฟัง พระชายาอ๋องอี้ใช่แม่นางหลิงแน่หรือไม่?”จางเจ๋อถูกรุนไปข้างหน้า เขากล่าวอย่างมั่นใจ“ข้าเคยเห็นโฉมหน้าของแม่นางหลิงจริง ดังนั้นข้ายืนยันได้ว่าพระชายาอ๋องอี้มิใช่แม่นางหลิง!”“อีกอย่างแม่นางหลิงตอบรับข้าว่าจะไปเป็นหมอตรวจที่โรงหุยชุนแล้ว!”“ไม่แน่ แม่นางหลิงอาจถูกพระชายาอ๋องอี้คุกคาม จึงออกจากโรงเหยียนหลิงมาตอบรับโรงหุยชุนของเรา!”ยิ่งจางเจ๋อพูดมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้สูงที่แม่นางหลิงจะโดนพระชายาอ๋องนี้ขับไล่โชคดีที่ชายาอ๋องอี้คนไม่เอาถ่านผู้นี้ไล่แม่นางหลิงไป เพียงหาแม่นางหลิงพบเขาสามารถชักจูงแม่นางหลิงมาเป็นหมอที่โรงหุยชุนได้แน่!จางเจ๋อแอบปีติยินดีในใจ แต่พอมองหลิงอวี๋ปากกลับพูดไร้เมตตา“พระชายาอ๋องอี้ ท่านรังแกท่านฮั๋วคนชราสายตาไม่ดี หมายแอบอ้างเป็นแม่นางหลิงหมอชั้นเซียน กระทำเรื่องไร้ยางอายเพียงนี้ เจ้าไม่รู้สึกละอายหรือไร?”จางเจ๋อกล่าวปวดใจ “
“ตัวข้าเข้าวังพูดคุยเป็นเพื่อนไทเฮาเลยล่าช้าไปพักหนึ่ง พวกเจ้าก็กล้ารังแกผู้มีพระคุณช่วยข้าแล้ว!”“คิดว่าตัวข้าสิ้นแล้วจริงรึ?”ท่านอ๋องเฉิงกวาดมองฝูงชนรอบหนึ่ง สายตาดุดันทำให้คนที่เอ็ดตะโรเสียงดังเมื่อครู่ประหวั่นจนมิกล้าส่งเสียงเสิ่นจวนอาศัยความสัมพันธ์ว่าตนคือหลานสาวของพระสนมหรงเฟย ฝืนเอ่ยตีสนิท“ท่านปู่เฉิง นี่มิใช่เพราะเรากลัวท่านฮั๋วอายุมากแล้วตาลายจำคนไม่ชัดถึงเตือนสติเขาหรือเพคะ?”“ท่านปู่เฉิง ท่านเพิ่งมาเลยไม่ทราบว่าพี่สะใภ้ข้าสวมรอยเป็นแม่นางหลิง ท่านก็รู้ว่าพี่สะใภ้ข้าไม่เคยเรียนหมอ...”สีหน้าท่านอ๋องเฉิงครึ้มลง ความโกรธพุ่งทะยาน กล่าวตัดหน้าเสิ่นจวนโดยไม่ให้เกียรติสักกระผีก“หุบปาก! ท่านฮั๋วตาลายรึ? หรือว่าตัวข้าก็ตาลายเหมือนกันเล่า?”“ตัวข้าผู้เป็นอ๋องมิได้แก่จนจำใครมิได้! เจ้าไม่ต้องเตือนสติข้า!”“ใครกล้าก่อความวุ่นวายขัดขวางเวลามงคลการเปิดกิจการโรงเหยียนหลิง ตัวข้าก็จะไม่เกรงใจเขาแล้ว!”ท่านอ๋องเฉิงหันมาทางท่านฮั๋วกับหลิงอวี๋ สีหน้าพลันผันยิ้ม“ท่านฮั๋ว เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ ขอโทษตัวข้ามาสายแล้ว! ยังโชคดีที่ไม่พลาดเวลามงคล!”ท่านอ๋องเฉิงคำนับขออภัยต่อทั้งสอง ยื่น
ครั้นคนข้างล่างฟังคำพูดเหล่านี้ชัดแจ้งหมดแล้ว พลันมีคนเอ่ยเยาะเย้ย“เมื่อกี้ลูกเถ้าแก่จางยังสาบานด้วยใจจริงว่าตนเคยพบแม่นางหลิง บอกว่าแม่นางหลิงตอบรับไปเป็นหมอที่โรงหุยชุนแล้ว!”“ทว่าแม่นางหลิงยืนอยู่ตรงหน้าเขากลับไม่รู้จัก! คุยโม้ก็ไม่กลัวลิ้นต้องลมยามอ้าปากพูด(1)เสียจริง!”“ใช่ ยังจะว่าคนอื่นแอบอ้าง! เขาเองนั่นแหละที่แอบอ้างถึงถูก!”“ถูกต้อง! วันนั้นกระจ่างว่าเป็นแม่นางหลิงช่วยท่านอ๋องเฉิง แต่เขาก็พูดว่าตัวเองช่วยคนหน้าด้าน ๆ!”เมื่อจางเจ๋อได้ยินวาจาเหล่านี้ก็โกรธจนหน้าแดงหน้าดำ แทบอยากจะหาซอกมุดเข้าไปหมอหลวงจางเหลือบมองจางเจ๋อด้วยความเสียใจที่ไม่อาจหลอมเหล็กเป็นเหล็กกล้าได้(2) พลางเอ่ยเสียงขรึม“ตั้งสติไว้… เจ๋อเอ๋อร์ เจ้ายังจำคำพูดที่พ่อคุยกับเจ้าได้หรือไม่? ถึงกลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดจะสำคัญก็ตาม แต่ชื่อเสียงของเจ้าสำคัญยิ่งกว่า!”“พระชายาอ๋องอี้กับพวกเรามิใช่คนแปลกหน้า! ท่านฮั๋วเข้าข้างนางแล้ว หมอไร้สมองพวกนั้นถูกเขาปลุกปั่น พวกเรายังจะปักหลักโรงหุยชุนอยู่เมืองหลวงอย่างไรเล่า!”“นางหลิงอวี๋ศึกษากลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดได้ ก็พิสูจน์ได้ว่าใต้หล้านี้ยังมีผู้รู้อีก
หลิงอวี๋กวาดสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสถานที่ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา พวกเขาเป็นพยานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนกับเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่นี้ไป นางมิใช่วิญญาณที่หลงทางจากโลกอื่นอีกแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของฉินตะวันตกอย่างแท้จริงแล้ว“คารวะบุพการี...”หลิงอวี๋คารวะไปตามเสียงของท่านอ๋องเฉิง“สามีภรรยาคารวะกันและกัน!”หลิงอวี๋จับผ้าสีแดงที่อยู่ในมือแล้วหันไปทางเซียวหลินเทียนร่างสูงใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่รูปร่างแต่นางรู้ว่าต่อไปคนผู้นี้จะเป็นที่พึ่งให้ตนได้แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่นางก็เชื่อว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี!นางคำนับลงไปเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็พลันตัวสั่นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้นนับแต่นี้ไป หลิงอวี๋ก็คือภรรยาของตน อดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาไม่มีหน้าจะเอ่ยถึงอีกแล้วชีวิตนี้เขาจะต้องรักนางให้มากเท่าที่จะทำได้ จะปกป้องนาง จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่นาง ทำให้นางเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า!เซียวหลินเทียนเองก็คำนับลงไปเช่นกัน“เสร็จสิ้นพิธี!”ท่านอ๋องเฉิงยังคงยืนอยู่ต่อหน้
หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจัดงานแต่งงานคารวะฟ้าดินกันใหม่ เมื่อพวกหลิงซวนรู้เข้าก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งกว่าจะเปลี่ยนจากความโกรธเกลียดมาเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงได้ หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนข้ามผ่านเส้นทางนี้กันมาอย่างยากลำบากจนนับมิถ้วน!เมื่อเทียบกับงานแต่งที่เหลวไหลเมื่อคราก่อน ครานี้เซียวหลินเทียนขอหลิงอวี๋แต่งงานอย่างจริงใจกำไลหยกเขียวมรกตได้ชดเชยเรื่องสินสอดในคราก่อนไปแล้ว เรื่องพิธีหลิงอวี๋ขอให้เป็นพิธีเรียบง่ายจัดโต๊ะเพียงมิกี่โต๊ะก็พอแล้วมิได้มีการประกาศออกไป และมิได้เชิญแขกคนอื่น ๆ เชิญเพียงแค่ผู้อาวุโสเช่นท่านอดีตเสนาบดี ไทฮองไทเฮาและท่านอ๋องเฉิงสามคนเท่านั้นท่านอดีตเสนาบดีถูกเชิญเข้าวังมาก็ยังคงสับสนมิรู้ว่าด้วยเรื่องใดไทฮองไทเฮาเองก็เช่นกัน ถูกเชิญมาถึงพระตำหนักคุนหนิงก็ยังมิรู้ว่านี่คือพิธีคารวะฟ้าดินที่จัดขึ้นเพื่อทั้งสองคนท่านอ๋องเฉิงคือคนที่เซียวหลินเทียนเพิ่มเข้ามา เขาเป็นราชสำนักฝ่ายใน ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสที่เห็นเส้นทางที่พวกเขาผ่านมาอย่างใกล้ชิดที่สุด เมื่อจัดพิธีแต่งงานขึ้นอีกครั้ง จะขาดคนสำคัญผู้นี้ไปได้อย่างไร!แม่นมลี่เปลี่ยนชุดใหม่แล้วดึงเซียวเยวี่ยที่ใ
หลิงอวี๋ตกใจกับการเกี้ยวพาราสีอย่างกะทันหันของเซียวหลินเทียนจึงหน้าแดงขึ้นมาทันทีนี่… นี่คือการขอจะทำเรื่องเช่นนั้นกับตนหรือ?แต่นางยังมิได้คิดให้ดีเลยนะ!“อาอวี๋ ต่อให้คำสาบานใด ๆ จะสวยหรูสักแค่ไหนก็มิสู้การกระทำ! ข้าก็กำลังพยายามเต็มที่แล้ว!”เซียวหลินเทียนคว้ามือของหลิงอวี๋มาแนบที่หน้าอกของตน “ในนี้มีเพียงแค่เจ้า ชั่วชีวิตนี้ก็จะมีเพียงแค่เจ้าเท่านั้น! ไม่มีผู้ใดสามารถมาแทนที่เจ้าในใจของข้าได้!”“อาอวี๋ เรื่องของเมื่อวานก็ปล่อยให้มันผ่านไปแล้วเหลือแต่เรื่องของวันนี้ เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถิด!”หลิงอวี๋ปฏิเสธมิออกหลิงซวนเคยบอกกับนางไว้แล้วให้นางลืมอดีต อย่าได้ปิดกั้นเซียวหลินเทียนอีกเลยนางมิใช่เจ้าของร่าง และมิได้เกลียดเรื่องที่เซียวหลินเทียนเฆี่ยนตีตนในตอนแรกแล้ว!และครานี้เมื่อเกิดเรื่องกับตน เซียวหลินเทียนก็ทำงานหนักเพื่อตนอย่างเต็มที่ นางเห็นความทุ่มเทของเขาทั้งหมดแล้วนางยังจะมีเหตุผลอะไรไปปฏิเสธเขาอีกเล่า?“หม่อมฉัน...”หลิงอวี๋พูดมิออก ปฏิเสธมิออกจริง ๆดูเหมือนว่าเซียวหลินเทียนจะมองความลังเลของนางออก มือทั้งสองของเขาจึงโอบนางไว้แล้วดึงเข้ามาในอ้อมแขนเขาก้มหน้
เมื่อเซียวหลินเทียนพูดออกมา หลิงอวี๋ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเอ่ยถึงใต้เท้าเจี่ยงผู้นี้ว่าหอบรรพบุรุษในตระกูลเขาทำด้วยทองคำก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนส่งคนไปตรวจสอบแล้ว เช่นนั้นหลักฐานก็น่าจะสรุปได้แล้ว“อาอวี๋ เจ้าให้ข้าคิดหาวิธีสักหน่อยว่าจะโจมตีร้านตั๋วเงินสี่หลายอย่างไรโดยมิให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหาย”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็อยากจะจัดการใต้เท้าเจี่ยง แต่ก็คิดวิธีดี ๆ ที่จะทำให้ได้ผลดีทั้งสองฝ่ายมิได้ใต้เท้าเจี่ยงกับร้านตั๋วเงินสี่หลายมีความโยงใยกันไปหมด เซียวหลินเทียนกังวลว่าหากไปแตะใต้เท้าเจี่ยงแล้วจะทำให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหายไปด้วยก่อนหน้านี้หลิงอวี๋มิได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่นางเป็นคนยุคปัจจุบัน เคยได้ยินได้เห็นธนาคารล้มเหลวมามากมาย การระดมทุนอย่างผิดกฎหมายสร้างความเสียหายให้ราษฎรอย่างหนักหากราชสำนักปล่อยปละละเลยร้านตั๋วเงินเหล่านี้ เช่นนั้นก็คงจะได้เห็นหายนะครั้งใหญ่การที่เซียวหลินเทียนใส่ใจในจุดนี้เป็นการกระโดดเชิงคุณภาพ เป็นกษัตริย์ผู้ทรงปัญญาที่ล้ำหน้ากว่าแคว้นใด ๆแต่เท่านี้ยังมิพอ ตอนนี้เซียวหลินเทียนตระหนักได้เพียงว่าร้านตั๋วเงินสี่หลายเป็นพวก
เซียวหลินเทียนทอดถอนใจพลางเอ่ย “ตอนนั้นเสด็จพ่อยังต้องพึ่งพาท่านอดีตเสนาบดีให้ช่วยพระองค์เฝ้าระวังที่ชายแดน ท่านอดีตเสนาบดีขอร้องให้หลิงเสียงกัง เสด็จพ่อก็มิอยากทำร้ายจิตใจขุนนางเก่าแก่ จึงไว้ชีวิตหลิงเสียงกัง!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ มีจักรพรรดิสูงสุดเป็นเกราะป้องกันให้องค์ชายคัง มิน่าหลิงเสียงกังอยากจะพลิกคดีแต่กลับยากเย็นนักเกรงว่าตอนนั้นที่หลิงเสียงกังออกจากเมืองหลวงแล้วบอกจะออกไปตามหาความจริงก็คงเพราะมองจุดนี้ออกแล้ว“คดีกล่าวหาท่านลุงของหม่อมฉันคือเสด็จพ่อที่สร้างขึ้น หากตอนนี้ท่านจะพลิกคดีให้เขาก็จะเป็นการตั้งคำถามเสด็จพ่อของท่าน ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เหล่าขุนนางเชื่อมั่น การดึงคดีนี้ขึ้นมาก็จะเป็นการอกตัญญู!”หลิงอวี๋วิเคราะห์ได้ตรงประเด็นมากเซียวหลินเทียนกังวลว่า หลิงอวี๋จะเข้าใจผิดว่าตนมิยินดีจะล้างมลทินชื่อเสียงให้หลิงเสียงกัง จึงรีบเอ่ย “ข้าแค่จะบอกว่าหากต้องการจะพลิกคดีนี้ในเวลามินานนั้นเป็นไปมิได้! มิได้หมายความว่าข้าจะมิยินดีช่วยหลิงเสียงกังพลิกคดี!”“อาอวี๋ เรายังมีพื้นที่ให้จัดการเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “จนถึงตอนนี้เงินทหารสองล้านตำลึงนั้นก็ยังมิปราก
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะสิ้นสุดลงไปกับการโกนหัวของนางซุนแล้ว!นางซุนใช้วิธีเด็ดขาดนี้มาตัดการแต่งงานครึ่งชีวิตของตนกับหลิงเสียงกังแล้วทิ้งหลิงหว่านกับหลิงเสียงกังไว้และสุดท้ายนางก็มิอาจต้านทานการเกลี้ยกล่อมของหลิงหว่านได้ จึงเลือกที่จะเป็นแม่ชีอยู่ที่อารามเล็ก ๆ ซึ่งห่างจากเมืองหลวงไปห้าสิบลี้‘พิธีศพ’ ของนางซุน หลิงอวี๋ก็ออกจากวังมาร่วมงานด้วยในฐานะหลานสาวสำหรับการช่วยครั้งสุดท้ายของนางซุนที่มีต่อหลิงเสียงกังกับหลิงหว่าน ทำให้ความโกรธที่หลิงอวี๋มีต่อนางหายไปสำหรับนางซุน บทสรุปเช่นนี้ก็นับว่าสบายใจเช่นกันแต่สำหรับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ หลิงเสียงกังกับหลิงหว่านล้วนมีเส้นทางยาวไกลที่ตนต้องเดินไป...หลิงเสียงกังสามารถลงมาเดินได้แล้ว จึงมาร่วมงานศพนางซุนโดยมีหลิงหว่านประคองมาหลังจากงานศพเสร็จสิ้น เขาก็คุกเข่าให้หลิงอวี๋“ฮองเฮา เรื่องต่าง ๆ ก่อนหน้านี้เป็นหลิงเสียงกังเองที่ผิด กระหม่อมเป็นหนี้นางซุนและทุกคน!”“กระหม่อมสมควรตาย แต่กระหม่อมตายมิได้ กระหม่อมต้องแสวงหาความยุติธรรมเพื่อชื่อเสียงของตนและแสวงหาความยุติธรรมให้แก่เหล่าทหารที่ติดตามกระหม่อมและต้องตายไปอย่างอยุติธรรม!”หล
มิเพียงแต่หลิงอวี๋ที่กลุ้ม ท่านอดีตเสนาบดีเองก็โกรธมาก หลิงเสียงกังยังมิทันจะเดินลงพื้นได้ ท่านอดีตเสนาบดีก็ได้ยินเขาบอกว่าจะตามนางซุนไปที่บ้านเกิด จึงพุ่งเข้าไปด่าหลิงเสียงกังที่เตียงผู้ป่วย“หลิงเสียงกัง นางซุนทำเรื่องเลวร้ายเอง นางรนหาที่ตายข้าก็ปล่อยนางไปแล้ว แต่เหตุใดเจ้าต้องตามนางไปด้วย?”“ข้าดูแลเจ้ามา ลำบากลำบนสอนสั่งเจ้ามา มิใช่เพื่อให้เจ้าทำให้เสียเปล่าเองเช่นนี้!”หลิงเสียงกังมองท่านอดีตเสนาบดีที่แก่ลงไปมากอย่างขมขื่น พลางเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษขอรับท่านพ่อ ลูกทำให้ท่านผิดหวัง!”“อย่ามาพูดไร้สาระกับข้า เจ้ามันอกตัญญูมิรู้คุณ...”ท่านอดีตเสนาบดีเอ่ยอย่างปวดใจ “เจ้าอายุยังน้อย วรยุทธ์ในกายยังสามารถทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้ เจ้าไปเช่นนี้จะมิใช่การชดใช้ แต่เป็นการหลบหนี!”“ตอนนั้นเหตุใดเจ้าถึงถูกถอดออกจากตำแหน่ง? ก่อนหน้ามิสามารถพูดให้ชัดเจนได้ ตอนนี้หลิงอวี๋ก็เป็นฮองเฮาแล้ว ขอเพียงเจ้าอยากพลิกคดี นางจะมิช่วยเหลือเจ้าหรือ?”“ตระกูลหลิงของเรามิเคยเกิดเรื่องเช่นนี้ เจ้ามิคิดเพื่อตัวเจ้าเอง เจ้าก็ต้องนึกถึงฮองเฮากับหลิงเสี่ยงบ้าง!”หลิงหว่านยืนอยู่ข้างเตียงเงียบ ๆ นางมิ
นางซุนแขวนคอตาย!วันรุ่งขึ้นข่าวนี้ก็ไปถึงหูของหลิงอวี๋ หลิงซวนยิ้มขมขื่นพลางเอ่ยกับหลิงอวี๋ “ข้างนอกพูดกันว่านางซุนทำเรื่องแย่ ๆ ไว้ มิสามารถสู้หน้าครอบครัวและฮองเฮาได้จึงยอมตายชดใช้ความผิดเพคะ!”“แต่ความจริงคือหลิงหว่านไปพบทันเวลาจึงช่วยนางซุนลงมาแล้ว!”“ท่านอดีตเสนาบดีให้คนมาส่งข่าวบอกให้ฮองเฮาถือเสียว่านางตายไปแล้วเถิด! หลิงเสียงกังก็ฟื้นแล้วบอกว่าตนทำให้นางเดือดร้อนจึงขอร้องแทนนาง บอกว่าครอบครัวของพวกเขาจะไปจากเมืองหลวง นับแต่นี้ไปจะมิปรากฏตัวที่เมืองหลวงอีกเพคะ”หลิงอวี๋ฟังแล้วก็ทอดถอนใจ เพราะว่านางซุนมีบุญคุณต่อตน นางเองก็มิได้มีความคิดว่าจะต้องสังหารเสียให้หมดนางซุนจะฆ่าตัวตายเพราะอยากจะหลีกหนีการใส่โซ่ตรวนเดินตามถนน หลิงอวี๋เองก็มิอยากเห็นนางซุนทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน เช่นนั้นก็เอาตามนี้เถิด!“ความทรงจำของหลิงเสียงกังกลับมาแล้วหรือไม่?”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง แม้ว่าจะเอาก้อนเลือดออกมาสำเร็จแล้ว นางก็มิอาจรับประกันว่าประสาทของหลิงเสียงกังจะมิได้รับความเสียหาย“เห็นว่าจำได้มากแล้วเพคะ แต่ลืมรายละเอียดต่าง ๆ ไปแล้ว! อย่างน้อยเขาก็จำหลิงหว่านกั
หลิงหว่านกลั้นน้ำตาที่กำลังจะร่วงหล่นลงมาแล้วรีบเอ่ย “ขอบคุณท่านพี่เผยที่ช่วยข้ากับท่านพ่อ! แล้วก็ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าเผยที่ให้เกียรติข้าก่อนหน้านี้...”“เป็นข้าเองที่มิคู่ควรกับท่านพี่เผย ขอให้ในภายภาคหน้าท่านพี่เผยได้พบกับภรรยาที่ดีและมีคุณธรรมยิ่งกว่าข้า ข้าขอให้พวกท่านมีความสุข!”หลังจากพูดจบ หลิงหว่านก็หันหลังวิ่งเข้าบ้านไปเผยอวี้ตามนางไปแล้วรั้งนางไว้ จากนั้นก็กอดนางไว้ในอ้อมแขน“หว่านเอ๋อร์ นี่มิใช่ความผิดของเจ้า ข้าจะมิยอมถอนหมั้น!”“ข้าคิดแล้ว… การแต่งงานของเราเป็นการประทานจากองค์จักรพรรดิ มีพระราชโองการลงมาแล้ว ขอเพียงองค์จักรพรรดิมิเห็นด้วย ท่านพ่อกับท่านย่าของข้าก็มิอาจคัดค้านได้!”เผยอวี้ยิ่งพูดก็ยิ่งลนลาน “เจ้าเป็นภรรยาที่ดีและมีคุณธรรมที่สุด ข้ามิต้องการผู้อื่น หากต้องแต่งงานข้าก็จะแต่งกับเจ้าเท่านั้น!”“ท่านพี่เผย!”หลิงหว่านมิอาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกแล้ว จึงปล่อยให้น้ำใสไหลรินลงมาเป็นไปได้หรือ?นางยังแต่งงานกับเผยอวี้ได้หรือ?ท่านแม่ของนางทำเรื่องแย่กับพี่หญิงหลิงหลิงมากถึงเพียงนั้น องค์จักรพรรดิจะยังอนุญาตให้เผยอวี้แต่งงานกับตนหรือ?“เจ้าดูแลท่านพ่อของเจ้าอ