ลู่หนานมองที่ถุงเลือด เลือดของเขาไหลลงมาตามท่อเข้าสู่ร่างกายของหลิงซวนทีละหยด!สิ่งนี่้ทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ!เขาช่วยชีวิตหลิงซวน เลือดของเขาไหลเวียนอยู่ในร่างกายของนาง...นี่มันก็หมายความว่านอกจากญาติสนิทของเขาแล้ว นางก็ยังถือเป็นญาติของเขาด้วยเช่นกันไม่ใช่หรือ!"พระชายา..."“หลิงอวี๋!”ลู่หนานกับเซียวหลินเทียนเอ่ยปากพูดพร้อมกันลู่หนานเห็นว่าเซียวหลินเทียนมีเรื่องจะพูด จึงทำได้เพียงอดทนไว้ก่อน“พวกเจ้าจะพูดสิ่งใด?” หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างแปลกใจเซียวหลินเทียนไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องคนอื่น แต่เมื่อเห็นหลิงอวี๋ช่วยรักษานางกำนัลในวังอย่างใส่ใจในวันนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเตือนนาง“เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า หลิงซวนไปทำให้จ่างหนิงขุ่นเคือง!”“แม้ว่านางจะรอดพ้นจากความตายมาได้! แต่ขอเพียงนางอยู่ในวังเพียงหนึ่งวัน สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็จะเกิดขึ้นอีก!”หลิงอวี๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อครู่นางยุ่งอยู่กับการช่วยชีวิตไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย!ตอนนี้ได้รับการเตือนจากเซียวหลินเทียนจึงนึกเรื่องนี้ขึ้นมาสิ่งนี้มันเป็นปัญหาจริง ๆ!หลิงอวี๋มองหลิงซวนที่ยังคงหลับอยู่ แล้วเริ่มครุ
จู่ ๆ เรือนบุหงาก็มีหลิงซวนเพิ่มเข้ามา เรื่องการขยายเรือนจึงถูกบีบว่าต้องทำทันทีเมื่อหลี่ต้าหนิวพาคนมาในวันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ก็คิดแล้วตรงไปหาเซียวหลินเทียน คิดว่าจะย้ายคนในเรือนบุหงาไปเรือนที่ว่างอยู่ก่อน รอให้การก่อสร้างเสร็จแล้วแล้วค่อยย้ายพวกเขากลับมาทันทีที่จ้าวซวนเห็นหลิงอวี๋มา เขาก็พาเข้าไปในห้องตำราด้วยรอยยิ้ม พลางเอ่ยอย่างกระตือรือร้น "ท่านอ๋องอยู่ขอรับ เชิญพระชายาขอรับ!"หลิงอวี๋ก็ไม่เกรงใจ พอเดินเข้าไปเห็นเซียวหลินเทียนนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ นางก็บอกความตั้งใจของนางไปตรง ๆทันทีที่เซียวหลินเทียนได้ยินก็เอ่ยออกมา "เรือนบุหงาไม่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยจริง ๆ! ตำหนักนี้มีเรือนว่างอยู่มากมาย เจ้าชอบเรือนไหนก็ย้ายไปอยู่ได้เลย! ไม่ต้องย้ายกลับมาอีกหรอก!"หลิงอวี๋ส่ายหน้าพลางเอ่ย "หม่อมฉันชอบเรือนบุหงามาก ปรับปรุงใหม่เสียหน่อยก็จะเป็นเรือนใหม่แล้ว! หม่อมฉันเป็นคนที่เชิญทุกคนมาอยู่ หากท่านไม่ว่าอะไรหม่อมฉันจะเลือกเรือนหอมหมื่นลี้อยู่ใกล้กับเรือนบุหงามากที่สุดแล้วกัน!"“ข้าไม่ว่าอะไรหรอก!” เซียวหลินเทียนพยักหน้าหลิงอวี๋หันหลังจากไปอย่างมีความสุข“หลิงอวี๋… ข้ายังมีเรื่องจะพูด
หลังจากนวดไปสักพัก หลิงอวี๋ก็แทงเข็มเงินที่ตัวเซียวหลินเทียน เข็มเงินหลายเล่มถูกแทงเข้าไปในจุดฝังเข็มบนน่องของเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนรู้สึกเพียงว่า ขาของเขาร้อนผ่าว เขาเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ "ข้ารู้สึกได้! มันร้อนผ่าว!"หลิงอวี๋พยักหน้า แทงเข็มไปที่ขาทั้งสองข้างของเขาอีกรอบ จากนั้นก็เก็บเข็มเงินออกไปพลางเอ่ย“หม่อมฉันจะเปลี่ยนตำรับโอสถให้ท่านใหม่! ท่านกินยาไปสามวัน แล้วหม่อมฉันจะฝังเข็มให้ท่านอีก!”"หม่อมฉันไม่อาจสัญญากับท่านได้ว่าจะใช้เวลารักษาท่านนานแค่ไหนถึงจะหายดี!"“หม่อมฉันคิดว่า จากสถานการณ์ในวันนี้ ใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่าน่าจะลุกขึ้นเดินได้แล้วกระมัง! หากฟื้นตัวดีก็จะใช้เวลาไม่ถึงเดือน!”หนึ่งเดือนกว่า?ในตอนแรกเซียวหลินเทียนคิดว่า มันจะใช้เวลานานมาก แต่เมื่อเขาได้ยินว่าใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่า ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจหนึ่งเดือนกว่า? เขาจะสามารถกลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนหน้านี้ได้หรือ?“ขหม่อมฉันขออภัย เส้นประสาทที่ขาของท่านต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะฟื้นตัว หากท่านรอไม่ไหว หม่อมฉันจะพยายามคิดหาวิธีที่จะย่นระยะเวลาให้สั้นลง!”หลิงอวี๋เห็นสีหน้าของเซียวหลินเทียน
บางทีอาจจะเป็นเพราะหลิงอวี๋ช่วยเซียวหลินเทียนไว้อย่างใหญ่หลวงนัก พอเซียวหลินเทียนเห็นว่ามีการก่อสร้างเรือนบุหงา เขาจึงให้จ้าวซวนส่งทหารองครักษ์และบ่าวรับใช้ชายในตำหนักไปช่วยที่เรือนบุหงามีคนช่วยเหลือมากมายถึงเพียงนี้ ภายในวันเดียว หลี่ต้าหนิวจึงได้ประกอบโครงห้องที่สร้างขึ้นใหม่หลายห้องได้เสร็จสิ้นเลยวันรุ่งขึ้นจ้าวซวนก็จ้างช่างมามากหลาย ช่วยกันคนละไม้คนละมือก็วางอิฐเรือนเสร็จเมื่อหลิงอวี๋กลับมาจากโรงเหยียนหลิง นางตกใจก็กับความเร็วของการก่อสร้างเรือนบุหงา เรือนบุหงากว้างขวางขึ้นและเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เหลือเพียงรายละเอียดบางส่วนเท่านั้นนางพาหลิงเยวี่ยเดินไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น ดูว่ายังมีรายละเอียดใดที่จำเป็นต้องเพิ่มอีกหรือไม่สวนดอกไม้ด้านหลังมีขนาดใหญ่มาก เรือนที่สร้างขึ้นใหม่ก็มีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของเรือนบุหงาดั้งเดิมตอนที่หลิงอวี๋ออกแบบก่อนหน้านี้ก็ทำห้องน้ำส่วนรวม และห้องนอนหลายห้องก็มีห้องน้ำส่วนตัวด้วยบริเวณตรงกลางสวน นางเหลือพื้นที่ให้หลิงเยวี่ยได้เล่นและออกกำลังกาย ทั้งยังได้ทำชิงช้าให้หลิงเยวี่ยด้วยทางเรือนบุหงามีการทาสีใหม่ หน้าต่างทั้งหมดล้วนเปลี่ยนเป็นกระ
หลิงอวี๋เบียดเข้าไปพลันเห็นมุมปากท่านอ๋องเฉิงเปื้อนโลหิตดำสายหนึ่ง สีหน้าขาวซีด นอนบนพื้นลมหายใจร่อแร่เต็มทีเด็กรับใช้สองคนกับหมอหลี่ของโรงหุยชุนคุกเข่าลงข้างหนึ่งสิ้นปัญญารักษาหลิงอวี๋หมายก้าวไปช่วยข้างหน้าพลันได้ยินเสียงอ่อนเยาว์หนึ่งพูดขึ้น“หมอหลี่ ข้าได้ยินว่าเฉิงทรงโรคกำเริบหรือขอรับ? ข้าขอตรวจสักหน่อย!”หลิงอวี๋ปรายตามองก็พบดรุณแรกรุ่นผู้หนึ่งก้าวเข้ามา ใบหน้าเขาดุจหยกประดับกวาน ร่างผอมสูง สวมเสื้อคลุมผ้าไหมสีจันทร์เสี้ยวราคาแพงหมอหลี่เห็นพลันเอ่ยดีอกดีใจ“น้องเล็กเฉิง เขาคือลูกเถ้าแก่ของโรงหุยชุนเรา จางเจ๋อ เขาเพิ่งกลับจากเที่ยวร่อนเร่แสวงความรู้เมื่อสองวันก่อน!”“ลูกเถ้าแก่ของเราประสบความสำเร็จตั้งแต่วัยเยาว์ ทักษะการแพทย์ก็ยอดเยี่ยมแม้จะอายุยังน้อย!”“ท่านอ๋องเฉิงมีทางรอดแล้ว… เขาช่วยท่านอ๋องเฉิงได้แน่!”เฉิงตงเห็นก็พลันรีบพูดว่า “คุณชายจาง ท่านรีบช่วยท่านอ๋อง ของเราด้วยขอรับ!”จางเจ๋อแย้มยิ้มมั่นใจพลางเอ่ย “ดูสถานการณ์แล้วข้าช่วยได้!”หลิงอวี๋พบว่าจางเจ๋อมิได้อยู่คนเดียว ยังมีตู้ตงหง เสิ่นจวนกับเจิงจื่ออวี้ติดตามเขามาด้วยบนหน้าตู้ตงหงพกความเหนียมอายประปรายขณะ
เข็มเงินจางเจ๋อใกล้แตะร่องเหนือริมฝีปากท่านอ๋องเฉิงแล้ว แต่ถูกเสียงร้องตกใจทำให้ชักกลับโดยสัญชาตญาณ“ใคร? ใครพูดสอดข้าช่วยคน”จางเจ๋อรั้งหน้ามองมาอย่างขุ่นเคือง ตะโกนลั่น“ร่องเหนือริมฝีปากคือตำแหน่งสำคัญของร่างกาย ผู้ใดโหวกเหวก ถ้าข้าตกใจพลั้งมือแทงท่านอ๋องเฉิงตายขึ้นมาเจ้าจะรับผิดชอบได้หรือไม่?”ตอนหลิงอวี๋ออกจวนคลุมผ้าคลุมหน้าไว้ เวลานี้ก็ไม่อยากเปิดเผยตัวตนแท้จริงของตัวเองจึงไปข้างหน้าสองสามก้าวพลางเอ่ย“หมอจาง อาการท่านอ๋องเฉิงมิใช่ภาวะลิ่มเลือดอุดตันและก็มิใช่โรคหลอดเลือดสมอง! ท่านมิอาจใช้วิธีรักษาหลอดเลือดสมองกับเขาได้!”“การฝังเข็มเงินร่องเหนือปากนี้ของท่านมิได้ส่งผลดีอะไรต่ออาการป่วย!”“กลับกัน ยังสามารถทำให้ท่านอ๋องเฉิงเป็นอัมพาตครึ่งซีกด้วย!”จางเจ๋อหน้ามืดครึ้มฉับพลัน ถลึงมองหลิงอวี๋อย่างโกรธเกรี้ยวพลางตะคอกลั้น “เจ้าคือใคร! เจ้าเป็นสตรีเข้าใจวิชาหมอรึ?”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าอาจารย์ข้าคือผู้ใด? เขาคือเซียนหมอโบราณเลื่องชื่อระบือนามแห่งฉินตะวันตก! ข้าเรียนหมอกับเขาสิบกว่าปี สืบทอดวิชาสายตรงจากเขาลึกซึ้ง! แม้แต่อาจารย์ข้าก็เยินยอข้าว่าเก่งกว่าอาจารย์เสียอีก”“ถ้าข้าไม่
“ฟื้นแล้ว! ท่านอ๋องเฉินไม่เป็นไรแล้ว! ข้าก็บอกแล้วว่าวิชาแพทย์ลูกเถ้าแก่ของเราเหนือชั้น ไม่มีคนเทียบได้...”เมื่อหมอหลี่เห็นก็ร้องขึ้นอย่างลิงโลดทว่าหมอหลี่ยังไม่ทันเอ่ยจบ ท่านอ๋องเฉินก็พ่นโลหิตดำออกจากปากคำโต ร่างกายสั่นเทิ้ม สองขาชักกระตุกผ่านไปไม่นาน สองขาท่านอ๋องเฉินถีบเหยียดตึง ขาดใจเสียแล้ว…หมอหลี่เห็นก็ตะลึงตาค้างฉับพลัน นะ… นี่…เฉิงตงตกใจจนอ้าปากตาค้างเหมือนกันเขาก้าวไปข้างหน้าตรวจลมหายใจของท่านอ๋องเฉิน จากนั้นค้นพบว่าหยุดหายใจแล้วพลันคุกเข่าลงพื้นดัง ‘ตุ้บ’ เอ่ยอย่างแตกสลายว่า“เกิดอะไรขึ้น… มิใช่เอ่ยว่าสามารถช่วยท่านอ๋องของเราได้หรือ… เหตุใดเป็นเช่นนี้...”เมื่อจางเจ๋อเห็นแล้วจิตใจก็ลุกลนเช่นกัน หลังจากเขาทำเป็นนิ่งสงบชักเข็มออกพลางถอนหายใจต่อเฉิงตง“สายเกินไป เมื่อครู่หากข้าฝังเข็มเร็วกว่าหน่อยยังมีทางรอดได้ แต่ถูกสตรีผู้นั้นทำเสียเวลาจึงพลาดโอกาสรักษาที่ดีที่สุด!”“ท่านอ๋องเฉิน… สิ้นพระชนม์แล้ว! ส่งกลับเรือนเตรียมงานพระราชพิธีพระเพลิงพระบรมศพเถิด!”“ตู้ตงหงตะลึงชั่วขณะ พลันแสดงท่าทีชี้หลิงอวี๋ร้องเรียก”“ทั้งหมดคือความผิดนางผู้นั้น รายงานราชการจับกุมนางเสีย
หลิงอวี๋หมดคำจะพูด หมอของโรงหุยชุนพวกนี้ปกติไม่ค้นคว้าวิชาแพทย์ แต่ต่างสนใจค้นคว้าด้านฆ่าคนงั้นรึ? นางกำลังฝังเข็มเงินเล่มสุดท้ายบนง่ามนิ้วมือซ้ายของท่านอ๋องเฉิง เอ่ยต่อเฉิงตงว่า “ครึ่งก้านธูป!”เฉิงตงยังไม่ตอบสนองมา ก็พลันเห็นท่านอ๋องเฉิงลืมตาท่านอ๋องเฉิงหายใจหนัก พลันกระโดดขึ้นนั่ง ใบหน้างงงวย“ตัวข้านอนบนพื้นได้ยังไง ไยคนรุมมากหลายเช่นนี้?”เอ่อ เฉิงหมิงเป็นคนแรกที่ตอบสนอง ผลักเฉิงตงร้องขึ้นอย่างแปลกใจระคนดีใจ“เมื่อครู่แม่นางหลิงพูดว่าเวลาครึ่งก้านรูปจะคืนชีวิตให้ท่านอ๋องพวกเรา นี่ก็มิใช่ครึ่งก้านธูปรึไร?”อา… เฉิงตงตะลึงตาค้าง ครึ่งก้านธูปจริง ๆ หรือ?“ท่านอ๋อง พื้นมันเย็น ให้บ่าวประคองท่านลุกเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋หัวเราะเบา ๆ เอื้อมมือไปพยุงท่านอ๋องเฉิง เฉิงหมิงก็รีบยื่นมือมาสมทบเช่นกันท่านอ๋องเฉิงยังมึนงงเล็กน้อย หลังโดนพยุงยืนขึ้นก็สะบัดมือทั้งสองออก กล่าวมาดเคร่ง“ตัวข้าผู้เป็นอ๋องเป็นอันใดไป? เหตุใดบนร่างมีแต่เลือด...”หลิงอวี๋เพิ่งว่างสังเกตท่านอ๋องเฉิงพบว่า เขากับท่านอดีตเสนาบดีปู่ของตนอายุพอ ๆ กันภายในเกศาสีเงินปะปนสีดำ เบ้าตาลึกเล็กน้อยมีดวงตาสีน้ำตาลเ