บางทีอาจจะเป็นเพราะหลิงอวี๋ช่วยเซียวหลินเทียนไว้อย่างใหญ่หลวงนัก พอเซียวหลินเทียนเห็นว่ามีการก่อสร้างเรือนบุหงา เขาจึงให้จ้าวซวนส่งทหารองครักษ์และบ่าวรับใช้ชายในตำหนักไปช่วยที่เรือนบุหงามีคนช่วยเหลือมากมายถึงเพียงนี้ ภายในวันเดียว หลี่ต้าหนิวจึงได้ประกอบโครงห้องที่สร้างขึ้นใหม่หลายห้องได้เสร็จสิ้นเลยวันรุ่งขึ้นจ้าวซวนก็จ้างช่างมามากหลาย ช่วยกันคนละไม้คนละมือก็วางอิฐเรือนเสร็จเมื่อหลิงอวี๋กลับมาจากโรงเหยียนหลิง นางตกใจก็กับความเร็วของการก่อสร้างเรือนบุหงา เรือนบุหงากว้างขวางขึ้นและเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เหลือเพียงรายละเอียดบางส่วนเท่านั้นนางพาหลิงเยวี่ยเดินไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น ดูว่ายังมีรายละเอียดใดที่จำเป็นต้องเพิ่มอีกหรือไม่สวนดอกไม้ด้านหลังมีขนาดใหญ่มาก เรือนที่สร้างขึ้นใหม่ก็มีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของเรือนบุหงาดั้งเดิมตอนที่หลิงอวี๋ออกแบบก่อนหน้านี้ก็ทำห้องน้ำส่วนรวม และห้องนอนหลายห้องก็มีห้องน้ำส่วนตัวด้วยบริเวณตรงกลางสวน นางเหลือพื้นที่ให้หลิงเยวี่ยได้เล่นและออกกำลังกาย ทั้งยังได้ทำชิงช้าให้หลิงเยวี่ยด้วยทางเรือนบุหงามีการทาสีใหม่ หน้าต่างทั้งหมดล้วนเปลี่ยนเป็นกระ
หลิงอวี๋เบียดเข้าไปพลันเห็นมุมปากท่านอ๋องเฉิงเปื้อนโลหิตดำสายหนึ่ง สีหน้าขาวซีด นอนบนพื้นลมหายใจร่อแร่เต็มทีเด็กรับใช้สองคนกับหมอหลี่ของโรงหุยชุนคุกเข่าลงข้างหนึ่งสิ้นปัญญารักษาหลิงอวี๋หมายก้าวไปช่วยข้างหน้าพลันได้ยินเสียงอ่อนเยาว์หนึ่งพูดขึ้น“หมอหลี่ ข้าได้ยินว่าเฉิงทรงโรคกำเริบหรือขอรับ? ข้าขอตรวจสักหน่อย!”หลิงอวี๋ปรายตามองก็พบดรุณแรกรุ่นผู้หนึ่งก้าวเข้ามา ใบหน้าเขาดุจหยกประดับกวาน ร่างผอมสูง สวมเสื้อคลุมผ้าไหมสีจันทร์เสี้ยวราคาแพงหมอหลี่เห็นพลันเอ่ยดีอกดีใจ“น้องเล็กเฉิง เขาคือลูกเถ้าแก่ของโรงหุยชุนเรา จางเจ๋อ เขาเพิ่งกลับจากเที่ยวร่อนเร่แสวงความรู้เมื่อสองวันก่อน!”“ลูกเถ้าแก่ของเราประสบความสำเร็จตั้งแต่วัยเยาว์ ทักษะการแพทย์ก็ยอดเยี่ยมแม้จะอายุยังน้อย!”“ท่านอ๋องเฉิงมีทางรอดแล้ว… เขาช่วยท่านอ๋องเฉิงได้แน่!”เฉิงตงเห็นก็พลันรีบพูดว่า “คุณชายจาง ท่านรีบช่วยท่านอ๋อง ของเราด้วยขอรับ!”จางเจ๋อแย้มยิ้มมั่นใจพลางเอ่ย “ดูสถานการณ์แล้วข้าช่วยได้!”หลิงอวี๋พบว่าจางเจ๋อมิได้อยู่คนเดียว ยังมีตู้ตงหง เสิ่นจวนกับเจิงจื่ออวี้ติดตามเขามาด้วยบนหน้าตู้ตงหงพกความเหนียมอายประปรายขณะ
เข็มเงินจางเจ๋อใกล้แตะร่องเหนือริมฝีปากท่านอ๋องเฉิงแล้ว แต่ถูกเสียงร้องตกใจทำให้ชักกลับโดยสัญชาตญาณ“ใคร? ใครพูดสอดข้าช่วยคน”จางเจ๋อรั้งหน้ามองมาอย่างขุ่นเคือง ตะโกนลั่น“ร่องเหนือริมฝีปากคือตำแหน่งสำคัญของร่างกาย ผู้ใดโหวกเหวก ถ้าข้าตกใจพลั้งมือแทงท่านอ๋องเฉิงตายขึ้นมาเจ้าจะรับผิดชอบได้หรือไม่?”ตอนหลิงอวี๋ออกจวนคลุมผ้าคลุมหน้าไว้ เวลานี้ก็ไม่อยากเปิดเผยตัวตนแท้จริงของตัวเองจึงไปข้างหน้าสองสามก้าวพลางเอ่ย“หมอจาง อาการท่านอ๋องเฉิงมิใช่ภาวะลิ่มเลือดอุดตันและก็มิใช่โรคหลอดเลือดสมอง! ท่านมิอาจใช้วิธีรักษาหลอดเลือดสมองกับเขาได้!”“การฝังเข็มเงินร่องเหนือปากนี้ของท่านมิได้ส่งผลดีอะไรต่ออาการป่วย!”“กลับกัน ยังสามารถทำให้ท่านอ๋องเฉิงเป็นอัมพาตครึ่งซีกด้วย!”จางเจ๋อหน้ามืดครึ้มฉับพลัน ถลึงมองหลิงอวี๋อย่างโกรธเกรี้ยวพลางตะคอกลั้น “เจ้าคือใคร! เจ้าเป็นสตรีเข้าใจวิชาหมอรึ?”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าอาจารย์ข้าคือผู้ใด? เขาคือเซียนหมอโบราณเลื่องชื่อระบือนามแห่งฉินตะวันตก! ข้าเรียนหมอกับเขาสิบกว่าปี สืบทอดวิชาสายตรงจากเขาลึกซึ้ง! แม้แต่อาจารย์ข้าก็เยินยอข้าว่าเก่งกว่าอาจารย์เสียอีก”“ถ้าข้าไม่
“ฟื้นแล้ว! ท่านอ๋องเฉินไม่เป็นไรแล้ว! ข้าก็บอกแล้วว่าวิชาแพทย์ลูกเถ้าแก่ของเราเหนือชั้น ไม่มีคนเทียบได้...”เมื่อหมอหลี่เห็นก็ร้องขึ้นอย่างลิงโลดทว่าหมอหลี่ยังไม่ทันเอ่ยจบ ท่านอ๋องเฉินก็พ่นโลหิตดำออกจากปากคำโต ร่างกายสั่นเทิ้ม สองขาชักกระตุกผ่านไปไม่นาน สองขาท่านอ๋องเฉินถีบเหยียดตึง ขาดใจเสียแล้ว…หมอหลี่เห็นก็ตะลึงตาค้างฉับพลัน นะ… นี่…เฉิงตงตกใจจนอ้าปากตาค้างเหมือนกันเขาก้าวไปข้างหน้าตรวจลมหายใจของท่านอ๋องเฉิน จากนั้นค้นพบว่าหยุดหายใจแล้วพลันคุกเข่าลงพื้นดัง ‘ตุ้บ’ เอ่ยอย่างแตกสลายว่า“เกิดอะไรขึ้น… มิใช่เอ่ยว่าสามารถช่วยท่านอ๋องของเราได้หรือ… เหตุใดเป็นเช่นนี้...”เมื่อจางเจ๋อเห็นแล้วจิตใจก็ลุกลนเช่นกัน หลังจากเขาทำเป็นนิ่งสงบชักเข็มออกพลางถอนหายใจต่อเฉิงตง“สายเกินไป เมื่อครู่หากข้าฝังเข็มเร็วกว่าหน่อยยังมีทางรอดได้ แต่ถูกสตรีผู้นั้นทำเสียเวลาจึงพลาดโอกาสรักษาที่ดีที่สุด!”“ท่านอ๋องเฉิน… สิ้นพระชนม์แล้ว! ส่งกลับเรือนเตรียมงานพระราชพิธีพระเพลิงพระบรมศพเถิด!”“ตู้ตงหงตะลึงชั่วขณะ พลันแสดงท่าทีชี้หลิงอวี๋ร้องเรียก”“ทั้งหมดคือความผิดนางผู้นั้น รายงานราชการจับกุมนางเสีย
หลิงอวี๋หมดคำจะพูด หมอของโรงหุยชุนพวกนี้ปกติไม่ค้นคว้าวิชาแพทย์ แต่ต่างสนใจค้นคว้าด้านฆ่าคนงั้นรึ? นางกำลังฝังเข็มเงินเล่มสุดท้ายบนง่ามนิ้วมือซ้ายของท่านอ๋องเฉิง เอ่ยต่อเฉิงตงว่า “ครึ่งก้านธูป!”เฉิงตงยังไม่ตอบสนองมา ก็พลันเห็นท่านอ๋องเฉิงลืมตาท่านอ๋องเฉิงหายใจหนัก พลันกระโดดขึ้นนั่ง ใบหน้างงงวย“ตัวข้านอนบนพื้นได้ยังไง ไยคนรุมมากหลายเช่นนี้?”เอ่อ เฉิงหมิงเป็นคนแรกที่ตอบสนอง ผลักเฉิงตงร้องขึ้นอย่างแปลกใจระคนดีใจ“เมื่อครู่แม่นางหลิงพูดว่าเวลาครึ่งก้านรูปจะคืนชีวิตให้ท่านอ๋องพวกเรา นี่ก็มิใช่ครึ่งก้านธูปรึไร?”อา… เฉิงตงตะลึงตาค้าง ครึ่งก้านธูปจริง ๆ หรือ?“ท่านอ๋อง พื้นมันเย็น ให้บ่าวประคองท่านลุกเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋หัวเราะเบา ๆ เอื้อมมือไปพยุงท่านอ๋องเฉิง เฉิงหมิงก็รีบยื่นมือมาสมทบเช่นกันท่านอ๋องเฉิงยังมึนงงเล็กน้อย หลังโดนพยุงยืนขึ้นก็สะบัดมือทั้งสองออก กล่าวมาดเคร่ง“ตัวข้าผู้เป็นอ๋องเป็นอันใดไป? เหตุใดบนร่างมีแต่เลือด...”หลิงอวี๋เพิ่งว่างสังเกตท่านอ๋องเฉิงพบว่า เขากับท่านอดีตเสนาบดีปู่ของตนอายุพอ ๆ กันภายในเกศาสีเงินปะปนสีดำ เบ้าตาลึกเล็กน้อยมีดวงตาสีน้ำตาลเ
ท่านฮั๋ว?ฝูงชนส่งเสียงอื้ออึงทันใดครั้นมีคนจำชายชราผู้นี้ได้ปรมาจารย์แพทย์ท่านฮั๋ว เมื่อกี้ยังมีคนเอ่ยถึงเขา นั่นคือปรมาจารย์แพทย์ผู้เลื่องชื่อทัดเทียมปราชญ์แพทย์ซือคงชวิ่น เซียนหมอฮั๋ว!มีคนพูดเบา ๆ ว่า “มิใช่ลือว่าท่านฮั๋วตายแล้วหรอกรึ? นั่นใช่ท่านฮั๋วจริงหรือ?”มีคนด้านข้างมองค้อนคนคนนี้พลางกล่าวคำ“ท่านฮั๋วพละกําลังยอดเยี่ยมเพียงนี้ จะตายได้อย่างไร!”“ท่านฮั๋วคิดว่าพออายุมาก เกรงภายหลังกำลังจะเสื่อมถอย จึงฉวยตอนขาเท้ายังแข็งแรงไปท่องเขาลำเนาไพรไงเเล่า!”หลิงอวี๋ดูฉงนครั้นเห็นชายชรามองค้อนท่านอ๋องเฉิง ก็พลันหันมาทางตนยิ้มตาหยี“แม่นางหลิง เมื่อครู่เจ้าที่ใช้เคล็ดฝังเข็มชุดนั้น หรือว่าเป็นกลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดในตำนาน?”ท่านฮั๋วคลั่งไคล้ศาสตร์แพทย์นัก เมื่อครู่เห็นแม่นางหลิงใช้เข็มก็ตื่นเต้นจนสั่นทั้งร่างอยู่ข้าง ๆ บัดนี้ไม่สนใจตำหนิจางเจ๋อแล้ว เอ่ยสอบถามอย่างตื่นเต้น“นี่ถือได้ว่าคือกลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดประเภทหนึ่ง! แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด! ข้าปรับให้ดีขึ้นด้วย!”หลิงอวี๋เห็นชายชรามองกลยุทธ์ฝังเข็มของตนขาด ทั้งแสดงสีหน้ากระหายความรู้ก็พลันตอบอย่างไร้กังวลท่านฮ
ครั้นมาถึงโรงเหยียนหลิง หมอเลี่ยวมองอย่างคาดไม่ถึงว่าท่านฮั๋วปรมาจารย์แพทย์แห่งฉินตะวันตกกับท่านอ๋องเฉิงผู้สูงส่งแห่งเมืองหลวงจะมาด้วย มือไม้พัลวันไม่รู้จะจัดการเช่นไรที่เมืองหลวงหมอนักพรตเต๋าคนไหนบ้างไม่รู้จักท่านฮั๋ว?อย่างไรเสียท่านฮั๋วอยู่ต่อหน้าหลิงอวี๋กลับไม่วางมากสักนิด พอนั่งลงก็รีบเอ่ยทันที“อาจารย์ ท่านรีบเล่าให้ข้าฟังหน่อย ตอนนั้นจางเจ๋อเจ้าหนุ่มนั้นฝังร่องเหนือปากสหายเฉิง เหตุใดกล่าวว่าฝังแล้วอาจทำให้สหายเฉิงอัมพาตครึ่งซีกได้เล่า?”หลิงอวี๋ไม่ปิดบังพลันตอบว่า“ตอนนั้นท่านอ๋องเฉิงโลหิตไหลย้อนกลับ เพียงจางเจ๋อลงเข็มที่ต้นคอท่านเฉิงสองข้างและสองเข็มบนปลายเท้า ท่านก็ไม่เป็นไรแล้ว!”“แต่จางเจ๋อไม่ฟังคำเตือนฝังลงร่องเหนือปาก ทำให้เลือดของท่านบีบไปช่องอกทั้งหมด หัวใจท่านอ๋องเฉิงได้รับการกดทับหนักหน่วง หัวใจจึงหยุดเต้นและหยุดหายใจ!”ท่านอ๋องเฉิงได้ฟังสถานการณ์ล่อแหลมในตอนนั้น ก็รู้สึกผวาภายหลังอยู่บ้างพลางมองค้อนดุร้ายเฉิงตงที่คอยรับใช้ข้างกายเฉิงตงตกใจกลัวจนหน้าไร้สีเลือด คุกเข่าดังตุ้บพลันเอ่ยเสียใจภายหลังอย่างสุดซึ้ง“ท่านอ๋อง ทั้งหมดคือความโง่เขลาของกระหม่อม ได้ยินจา
คนในห้องกำลังพูดคุยเรื่อยเปื่อย มีคนนอกประตูเอ่ยเรียก“ท่านอ๋องเฉิง ท่านฮั๋ว หลานชายหลี่ว์จงเจ๋อกับบิดาหลี่ว์เซียงขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ!”หลี่ว์เซียง?ท่านอ๋องเฉิงผงะครู่หนึ่งพลางมองท่านฮั๋วท่านฮั๋วยังไม่ทันเอ่ย เสียงของหลี่ว์เซียงพลันลอยมาข้างนอก“ท่านฮั๋ว ข้าน้อยได้ยินว่าท่านอยู่ที่นี่ จึงรุดมาเชิญเองโดยเฉพาะขอรับ”“ท่านแม่ป่วยหนัก คาดหวังท่านฮั๋วแสดงความเห็นใจมาตรวจท่านแม่ที่จวนสักหน่อยขอรับ!”“ออกไปตรวจดูหน่อยเถอะ!”ท่านอ๋องเฉิงส่ายศีรษะ “ฮูหยินใหญ่หลี่ว์ป่วยแบบนี้มานานโขแล้ว ครอบครัวหลี่ว์เซียงเสาะหาหมอสอบถามยาทั่วสารทิศ ช่างน่าสรรเสริญจิตใจกตัญญูกตเวทีนัก!”ท่านฮั๋วส่ายศีรษะ เอ่ยเสียงขรึม “เข้ามาเถอะ!”หลี่ว์เซียงกับหลี่ว์จงเจ๋อเดินเข้ามาทีละคนหลิงอวี๋ไม่มีความประทับใจลึกซึ้งต่อหลี่ว์เซียงเกินไปนัก ทว่านางได้ยินจากปากแม่นมลี่เมื่อท่านปู่ปลดเกษียณปีนั้น ก็ได้แนะนำหลี่ว์เซียงรับตำแหน่งแทนเขาเสียแล้วคนที่ท่านปู่แนะนำบุคลิกน่าจะพอใช้ได้กระมัง!หลี่ว์เซียงอายุสี่สิบกว่าปีรูปร่างไม่สูงไม่เตี้ย โครงหน้าเหลี่ยม ทั่วร่างเปี่ยมอิทธิพลยศถาบรรดาศักดิ์สูงส่ง ทว่าความกลัดกลุ้มแผ่คล
หลิงอวี๋ยิ้มออกมา ต่อให้นางใจดีแค่ไหนก็มีขอบเขตของตน ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นกับดักแล้วตนจะพาตัวเองเข้าไปได้อย่างไรกัน!หากตนรู้จักฮูหยินเฉิง บางทีอาจจะเสี่ยงไปช่วยชีวิตนาง!แต่ตนกับฮูหยินเฉิงมิได้รู้จักกัน มิรู้ด้วยซ้ำว่านางเป็นคนดีหรือคนเลวแม้ว่าจะเห็นใจฮูหยินเฉิงที่ต้องประสบความทรมานของการเจ็บป่วย แต่นางก็มิใช่แม่พระ มิสามารถไปช่วยชีวิตทุกคนที่เจ็บป่วยได้หรอก!หลิงอวี๋ครุ่นคิดแล้วเอ่ยกับเย่หรง “ในช่วงสองวันนี้ท่านคอยติดตามอาการป่วยของฮูหยินเฉิงไว้ และไปตรวจสอบตัวตนของแม่ทัพเฉิงให้ละเอียดอีกสักหน่อย!”“หากเขาสามารถเป็นสายลับให้ท่านไปช่วยมารดาของท่านออกมาได้จริง ๆ ข้าจะหาวิธีตามหาหลิงอวี๋มาช่วยชีวิตนาง!”สำหรับเย่หรงแล้ว คนที่สำคัญที่สุดนั้นคือมารดาของเขาหากมั่นใจได้ว่าแม่ทัพเฉิงยินดีจะช่วยเป็นสายลับให้เย่หรง ต่อให้หลิงอวี๋ต้องเสี่ยงอันตรายก็จะช่วยเย่หรงทำสิ่งนี้“เจ้ามีวิธีตามหานางหรือ?”เย่หรงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“พี่ชายข้าเก่งเรื่องการสืบหาข่าวมาก บางทีคนที่ผู้อื่นหามิเจอ เขาอาจจะตามหาเจอก็ได้!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “เอาตามนี้ก่อนแล้วกัน หากแม่ทัพเฉิงมิควรเชื่อ
วันรุ่งขึ้นเมื่อหลิงอวี๋ไปที่บ้านตระกูลเย่ นางก็บอกเรื่องหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่ซื่อฝานในบ้านตระกูลเย่นั้นเย่ซื่อฝานจัดการเพียงแค่การปรุงโอสถเท่านั้น มิได้จัดการเรื่องการบริหาร เนื่องจากการบริหารเป็นเรื่องของผู้นำตระกูลแต่ในฐานะที่เย่ซื่อฝานเป็นสมาชิกตระกูลเย่ เขาก็รู้เรื่องภายในบางส่วนเช่นกันเขาจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจัง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดเจ้าแห่งทิศใต้จึงให้หลงเพ่ยเพ่ยมาแสดงความปรารถนาดีต่อเจ้าในเวลานี้?”“ก่อนหน้านี้เขามิได้สนใจการต่อสู้ระหว่างหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ เขาแค่หวังว่าหอโอสถไป๋เป่าจะกดหอโอสถซ่างกู่ลงไปให้ถึงจุดต่ำสุดเสียก่อน จากนั้นก็ค่อยยื่นไมตรี เช่นนี้ก็จะเป็นการช่วยเหลือในยามลำบาก แล้วกูลเย่ของข้าก็จะจงรักภักดีต่อเขาอย่างสุดหัวใจ!”เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินเช่นนั้น จึงเอ่ยขึ้นมา “หากท่านอาจารย์รู้สึกว่ามิเหมาะสม เช่นนั้นข้าก็จะรักษาระยะห่างกับหลงเพ่ยเพ่ยเจ้าค่ะ!”ถึงอย่างไรตอนนี้หลิงอวี๋ก็เป็นศิษย์ของเย่ซื่อฝาน นางจะมิละทิ้งสำนักไปทำดีกับศัตรูของอาจารย์เพื่อความปลอดภัยของตน“ไม่! มิต้อง!”เย่ซื่อฝานส่ายหัวแล้วเอ่ย “เมื่อเทียบกับเจ้าแห่งทะเละชายาเจ้าแห่งทะเล
จงเจิ้งเฟยได้ยินเช่นนั้น ก็เอ่ยขึ้นมา “ใช่แล้ว เมื่อขัดแย้งกันก็ควรจะแก้ปัญหามิใช่สร้างความบาดหมาง ท่านพ่อท่านแม่หลายตระกูลล้วนเป็นมิตรสนิทกัน ไม่มีใครอยากให้คนรุ่นหลังทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตายหรอก!”“ศิษย์พี่หญิง เย่หรงกับเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เจ้าก็ไปโน้มน้าวเขาด้วยเถิด แม้ว่าจะมิยอมแต่งงานกับหยางหงหนิง ก็อย่าได้ทะเลาะกันจนตึงเครียดเกินไปนัก!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าทั้งสองคนล้วนเอ่ยเช่นนี้ นางก็คิดแล้วเอ่ยออกมา “ข้าจะไปคุยกับเย่หรงดู ขอเพียงมิบังคับให้เขาแต่งงานกับหยางหงหนิง ข้าคิดว่าเขาก็น่าจะยอมคืนดี!”“ใช่ แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมมิหวาน พวกเราล้วนรู้เหตุผลข้อนี้ดี เราไม่มีทางไปบังคับให้เย่หรงทำเรื่องเช่นนั้นแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยพยักหน้าแล้วเอ่ย “เจ้ากลับไปโน้มน้าวเย่หรงดูก่อน ประเดี๋ยววันหลังข้าจะจัดงานเลี้ยง เมื่อทุกคนมารวมตัวกัน เช่นนี้พวกเขาก็จะมิอึดอัด แล้วก็ปรับความเข้าใจกันได้!”“อืม!”หลิงอวี๋พยักหน้า และกำลังจะเดินไป หลงเพ่ยเพ่ยก็เรียกนางไว้อีก “สิงอวี๋ ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากับเหมียวหยางผู้เป็นศิษย์ของปรมาจารย์ไป่หลี่ก็ทะเลาะกันหรือ?”“เรื่องนี้ข้าจะยืนอยู่ข้างเจ้า
กระทั่งเดินตามจงเจิ้งเฟยมาถึงในศาลาแห่งหนึ่งของสำนักศึกษาชิงหลง หลงเพ่ยเพ่ยก็รออยู่ที่นั่นแล้วเมื่อเห็นหลิงอวี๋ นางก็มองพิจารณาหลิงอวี๋อย่างสงสัยใคร่รู้อยู่หลายครั้ง ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ข้าได้ยินมาว่า หงหนิงแพ้การประลองปรุงยากับเจ้า ฮ่า ๆ นางหยิ่งทะนงมาโดยตลอด ควรจะมีคนมาทำให้นางรับรู้ได้แล้วว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคนอีก!”“สิงอวี๋ เรื่องสาเหตุและขั้นตอนในการประลองของเจ้ากับหงหนิงนั้นข้ารู้ทั้งหมดแล้ว ข้ามิได้เข้าข้างผู้ใด ข้าคิดว่าเจ้าทำถูกต้องแล้ว หากใครมาใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ข้าก็จะสู้กับนางจนถึงที่สุดเช่นกัน!”หลิงอวี๋ย่อมมิเชื่อหลงเพ่ยเพ่ยเสียทั้งหมดเพราะคำพูดมิกี่คำอยู่แล้ว“คุณหนูหลงมาหาข้ามีธุระอันใดหรือไม่?” หลิงอวี๋เอ่ยถามไปตามตรงหลงเพ่ยเพ่ยยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ข้าชอบผูกมิตร และนิสัยของเจ้าก็ถูกใจข้ายิ่งนัก!”“แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ข้ายังอยากให้เจ้ากับหงหนิงปรับความเข้าใจกันอยู่ หงหนิงมิใช่คนเลว เพียงแต่นางหลงเย่หรงจนหน้ามืดตามัว จึงได้ทำเรื่องโง่ ๆ เหล่านั้นไป!”“ควรจะหาทางแก้ไขมิใช่สร้างความบาดหมางต่อกัน เจ้าเห็นแก่ข้าเถิด อย่าได้ถือสาหาความกับนางเล
เมื่อหลิงอวี๋เห็นหยางหงหนิงก็ตะลึงไปเล็กน้อย แล้วก็นึกถึงคำขู่ที่หยางหงหนิงบอกว่าจะทำให้เย่หรงแต่งงานกับนางให้ได้ภายในหนึ่งเดือนหรือว่าหยางหงหนิงทำมิได้ ในตอนนี้จึงคิดจะมาทำให้ตนลำบาก?“สิงอวี๋ เจ้าจะเป็นศัตรูกับข้าจริง ๆ หรือ?”เป็นดังที่คาด ทันทีที่เอ่ยปากหยางหงหนิงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างก้าวร้าว “เจ้าก็รู้อยู่ว่าข้าชอบเย่หรง เจ้ายังกล้าชวนเขาไปที่ภูเขาหมางหลิ่งด้วยกันอีก เจ้ายังจะเถียงว่าเจ้ามิชอบเขาอีกหรือ!”“ข้าขอเตือนเจ้า อยู่ให้ห่างจากเย่หรง มิฉะนั้นข้าจะมิเกรงใจเจ้าแน่!”หลิงอวี๋หมดคำพูดไปทันที ตนมาที่สำนักศึกษาชิงหลงเพื่อศึกษาเล่าเรียน มิใช่มาแย่งชิงบุรุษกับผู้ใด!ในหัวของหยางหงหนิงนั้นนอกจากเรื่องระหว่างบุรุษกับสตรีแล้ว ก็ไม่มีเรื่องอื่นเลยหรือ?“คุณหนูหยาง ข้าได้แสดงทัศนคติของจ้าไปอย่างชัดเจนแล้ว เย่หรงเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาจะชอบใครก็เป็นอิสระของเขา!”“ข้ามิได้ตั้งใจจะแย่งเขากับเจ้า เจ้าก็อย่ามายุ่งกับข้าเช่นกัน!”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยบอกไปแล้วว่า เจ้าอย่าได้ผลักเขาให้ไกลออกไปเรื่อย ๆ แล้วเจ้าดูพฤติกรรมของเจ้าในตอนนี้สิ แพ้แล้วก็มิรักษาคำพูด แล้ว
“ฮูหยินเฉียว นอกจากนี้แล้ว พวกเราต้องตามหาป้าวซวนให้เจอโดยเร็วที่สุดด้วย!”นี่คือสิ่งที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยนึกขึ้นได้ตอนที่ถูกเซียวหลินเทียนซักถาม แม้ว่าตอนนั้นจะเป็นการรับมือกับเซียวหลินเทียน แต่หลังจากนั้นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็รู้สึกว่าคำโกหกที่ตนพูดไปนั้นสามารถนำมาใช้ได้เช่นกันหลิงอวี๋เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพและศีลธรรม นางกับป้าวซวนร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน หากจับตัวป้าวซวนไว้ จะต้องล่อให้หลิงอวี๋มาติดกับได้อย่างแน่นอนเป็นดังที่นางบอกกับเซียวหลินเทียนไว้ว่า ป้าวซวนมิได้ฉลาดเท่าหลิงอวี๋ นางไม่มีทางหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้อย่างแน่นอน“ฮูหยินเฉียว ข้าเคยบอกเซียวหลินเทียนไว้ว่า หลิงอวี๋จะไปช่วยป้าวซวน เซียวหลินเทียนจะต้องมิอยากให้หลิงอวี๋ตกอยู่ในอันตรายแน่นอน ขอเพียงพวกเราปล่อยข่าวออกไปว่าป้าวซวนอยู่ในมือพวกเรา เซียวหลินเทียนจะต้องชิงมาช่วยป้าวซวนก่อนหลิงอวี๋เป็นแน่!”“เมื่อเป็นเช่นนี้ มิว่าใครจะมาช่วย พวกเราก็จะสามารถหนึ่งในนั้นได้แล้ว!”กลยุทธ์ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้รับการชื่นชมจากฮูหยินเฉียว ฮูหยินเฉียวจึงให้คนออกไปแพร่ข่าวลือในทันทีในขณะเดียวกันก็วางกับดักไว้อย่างรัดกุม
หลิงอวี๋คิดตามความคิดนี้ต่อไป ก่อนหน้านี้เถาจื่อขอให้ตนช่วย และบอกไว้ว่าหากตัวตนของเซียวหลินเทียนถูกเปิดเผยออกไป ชีวิตของคนนับร้อยในคฤหาสน์อู่อาจตกอยู่ในอันตรายนั่นก็คือปัจจัยที่เซียวหลินเทียนกังวลเซียวหลินเทียนมิได้เปิดเผยตัวตนของตน ก็แค่มิอยากเปิดโปงตนให้ผู้อื่นรู้เขาต้องการเก็บหยกหล้าสุขาวดีไว้ผู้เดียว!นี่ก็หมายความว่า ในตอนที่เซียวหลินเทียนยังคลี่คลายวิกฤตมิได้นั้น นางจะปลอดภัยอยู่ก่อนชั่วคราวหลิงอวี๋บอกสิ่งที่ตนนึกได้กับผู้รอบรู้ แล้วสุดท้ายก็เอ่ยออกมา “พวกเรายังมีเวลา กระทั่งงานประมูลตอนปลายเดือนจัดขึ้น แล้วจะได้รับเงินจากการประมูลโสมเก้าคด จากนั้นพวกเราก็จะหาวิธีออกไปจากเมืองหลวงแดนเทพกัน!”“ตอนนี้เซียวหลินเทียนไม่มีทางทำให้พวกเราลำบากแน่ หากเขากล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่น พวกเราก็จะกระจายข่าวเรื่องเสือปีกกาฬออกไปเพื่อดึงดูดความสนใจของตระกูลเหล่านั้น!”หลิงอวี๋นึกถึงคำพูดของเย่หรงเมื่อครู่ ในเมื่อนางกับเย่หรงมีโชคชะตาของเมื่อชาติที่แล้ว เช่นนั้นก่อนจากไปนางจะต้องช่วยให้เขาช่วยมารดาของเขาออกมาให้ได้“พี่ใหญ่ ท่านช่วยข้าสืบอีกสักหน่อยเถิดว่า ในเกวียนทาสหญิงที่เซียวหลินเที
“เย่หรง!”หลิงอวี๋เรียกงึมงำ และกำลังคิดว่าจะบอกเรื่องภาพที่ตนเห็นกับเย่หรงเพื่อยืนยันสักหน่อย แล้วก็ได้ยินเสียงประตูใหญ่ดังมาแย่แล้ว!หรือว่ามีคนแอบฟัง?หลิงอวี๋ตกใจจนเด้งตัวลุกขึ้นทันที เย่หรงเองก็ชักกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน“น้องหญิง ข้ากลับมาแล้ว!”เสียงของผู้รอบรู้ดังขึ้นมา เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินว่าเป็นผู้รอบรู้จึงได้ถอนหายใจโล่งอก แล้วเก็บแผนที่ไปอย่างรวดเร็ว“พี่ชายข้ามิรู้ว่าท่านกำลังวางแผนเรื่องพวกนี้ อย่าได้หลุดปากไปนะ ข้ามิอยากลากเขาเข้ามาเกี่ยวด้วย!”เย่หรงพยักหน้าแล้วซ่อนแผนที่ไว้ในมิติ“น้องหญิง…”ผู้รอบรู้พุ่งเข้ามา เมื่อเขาเห็นเย่หรงก็ตะลึงไปเล็กน้อย แล้วกวาดสายตามองทั้งสองคนอย่างสงสัย“เสี่ยวชี ข้ามีธุระอื่นอีก ข้าไปก่อนนะ ไว้วันหลังข้าค่อยมาพาเจ้าไปงานประมูล!”เย่หรงรีบบอกกับหลิงอวี๋แล้วเดินจากไป“เขามาทำอะไร?”ผู้รอบรู้เอ่ยถามออกมา“มาหารือกับข้าเรื่องขายเครื่องยาสมุนไพร!”หลิงอวี๋ตอบออกไปแล้วเปลี่ยนหัวข้อ "ท่านสืบได้ข่าวอะไรมาหรือไม่?”ผู้รอบรู้เห็นว่ามีชาอยู่บนโต๊ะ จึงดื่มไปรวดเดียว ก่อนจะเอ่ยออก “น้องหญิง พวกเราต้องออกจากเมืองหลวงแดนเทพโดยเร็ว
“เย่หรง จ้าวหรุ่ยหรุ่ยอ้างว่าเคยจับตัวหลิงอวี๋ได้มิใช่หรือ? เหตุใดนางมิสังหารหลิงอวี๋แล้วชิงหยกหล้าสุขาวดีไปเล่า?”หลิงอวี๋ถามคำถามที่ตนคิดมิตกออกไปเย่หรงจึงหัวเราะเยาะออกมา “ข้ารู้เหตุผลในเรื่องนี้!”“ข้าได้ยินมาว่า หยกหล้าสุขาวดีเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่มีวิญญาณ ต้องใช้ยาสลายเลือดเนื้อของผู้ครอบครองในขณะที่คนผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่จึงจะนำมันไปได้ มิเช่นนั้นหยกหล้าสุขาวดีจะตายไปพร้อมกับความตายของผู้ครอบครอง!”“เครื่องยาสมุนไพรที่พิเศษนี้ก็มีเพียงที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น และเมื่อขุดเครื่องยาสมุนไพรนี้ออกมาแล้วจะต้องใช้ภายในครึ่งชั่วยาม มิเช่นนั้นก็จะเฉาตายไป!”“ดังนั้น จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงทำได้เพียงต้องพาหลิงอวี๋กลับมาที่เมืองหลวงแดนเทพ และเข้าสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อหาเครื่องยาสมุนไพรนั้น จึงจะสามารถนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาจากตัวหลิงอวี๋ได้!”หลิงอวี๋ฟังแล้วก็ขนลุกซู่ เข้าใจเหตุผลแล้วว่าเหตุใดจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงมิสังหารตน!จริงสิ หรือว่านี่จะเป็นสาเหตุที่เซียวหลินเทียนมิสังหารนางเช่นกัน?เขาเองก็อยากได้หยกหล้าสุขาวดีที่ตัวนางด้วยใช่หรือไม่?แต่เมื่อคิดอีกแง่หนึ่ง หลิงอวี๋ก็รู้ส