“ฟื้นแล้ว! ท่านอ๋องเฉินไม่เป็นไรแล้ว! ข้าก็บอกแล้วว่าวิชาแพทย์ลูกเถ้าแก่ของเราเหนือชั้น ไม่มีคนเทียบได้...”เมื่อหมอหลี่เห็นก็ร้องขึ้นอย่างลิงโลดทว่าหมอหลี่ยังไม่ทันเอ่ยจบ ท่านอ๋องเฉินก็พ่นโลหิตดำออกจากปากคำโต ร่างกายสั่นเทิ้ม สองขาชักกระตุกผ่านไปไม่นาน สองขาท่านอ๋องเฉินถีบเหยียดตึง ขาดใจเสียแล้ว…หมอหลี่เห็นก็ตะลึงตาค้างฉับพลัน นะ… นี่…เฉิงตงตกใจจนอ้าปากตาค้างเหมือนกันเขาก้าวไปข้างหน้าตรวจลมหายใจของท่านอ๋องเฉิน จากนั้นค้นพบว่าหยุดหายใจแล้วพลันคุกเข่าลงพื้นดัง ‘ตุ้บ’ เอ่ยอย่างแตกสลายว่า“เกิดอะไรขึ้น… มิใช่เอ่ยว่าสามารถช่วยท่านอ๋องของเราได้หรือ… เหตุใดเป็นเช่นนี้...”เมื่อจางเจ๋อเห็นแล้วจิตใจก็ลุกลนเช่นกัน หลังจากเขาทำเป็นนิ่งสงบชักเข็มออกพลางถอนหายใจต่อเฉิงตง“สายเกินไป เมื่อครู่หากข้าฝังเข็มเร็วกว่าหน่อยยังมีทางรอดได้ แต่ถูกสตรีผู้นั้นทำเสียเวลาจึงพลาดโอกาสรักษาที่ดีที่สุด!”“ท่านอ๋องเฉิน… สิ้นพระชนม์แล้ว! ส่งกลับเรือนเตรียมงานพระราชพิธีพระเพลิงพระบรมศพเถิด!”“ตู้ตงหงตะลึงชั่วขณะ พลันแสดงท่าทีชี้หลิงอวี๋ร้องเรียก”“ทั้งหมดคือความผิดนางผู้นั้น รายงานราชการจับกุมนางเสีย
หลิงอวี๋หมดคำจะพูด หมอของโรงหุยชุนพวกนี้ปกติไม่ค้นคว้าวิชาแพทย์ แต่ต่างสนใจค้นคว้าด้านฆ่าคนงั้นรึ? นางกำลังฝังเข็มเงินเล่มสุดท้ายบนง่ามนิ้วมือซ้ายของท่านอ๋องเฉิง เอ่ยต่อเฉิงตงว่า “ครึ่งก้านธูป!”เฉิงตงยังไม่ตอบสนองมา ก็พลันเห็นท่านอ๋องเฉิงลืมตาท่านอ๋องเฉิงหายใจหนัก พลันกระโดดขึ้นนั่ง ใบหน้างงงวย“ตัวข้านอนบนพื้นได้ยังไง ไยคนรุมมากหลายเช่นนี้?”เอ่อ เฉิงหมิงเป็นคนแรกที่ตอบสนอง ผลักเฉิงตงร้องขึ้นอย่างแปลกใจระคนดีใจ“เมื่อครู่แม่นางหลิงพูดว่าเวลาครึ่งก้านรูปจะคืนชีวิตให้ท่านอ๋องพวกเรา นี่ก็มิใช่ครึ่งก้านธูปรึไร?”อา… เฉิงตงตะลึงตาค้าง ครึ่งก้านธูปจริง ๆ หรือ?“ท่านอ๋อง พื้นมันเย็น ให้บ่าวประคองท่านลุกเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋หัวเราะเบา ๆ เอื้อมมือไปพยุงท่านอ๋องเฉิง เฉิงหมิงก็รีบยื่นมือมาสมทบเช่นกันท่านอ๋องเฉิงยังมึนงงเล็กน้อย หลังโดนพยุงยืนขึ้นก็สะบัดมือทั้งสองออก กล่าวมาดเคร่ง“ตัวข้าผู้เป็นอ๋องเป็นอันใดไป? เหตุใดบนร่างมีแต่เลือด...”หลิงอวี๋เพิ่งว่างสังเกตท่านอ๋องเฉิงพบว่า เขากับท่านอดีตเสนาบดีปู่ของตนอายุพอ ๆ กันภายในเกศาสีเงินปะปนสีดำ เบ้าตาลึกเล็กน้อยมีดวงตาสีน้ำตาลเ
ท่านฮั๋ว?ฝูงชนส่งเสียงอื้ออึงทันใดครั้นมีคนจำชายชราผู้นี้ได้ปรมาจารย์แพทย์ท่านฮั๋ว เมื่อกี้ยังมีคนเอ่ยถึงเขา นั่นคือปรมาจารย์แพทย์ผู้เลื่องชื่อทัดเทียมปราชญ์แพทย์ซือคงชวิ่น เซียนหมอฮั๋ว!มีคนพูดเบา ๆ ว่า “มิใช่ลือว่าท่านฮั๋วตายแล้วหรอกรึ? นั่นใช่ท่านฮั๋วจริงหรือ?”มีคนด้านข้างมองค้อนคนคนนี้พลางกล่าวคำ“ท่านฮั๋วพละกําลังยอดเยี่ยมเพียงนี้ จะตายได้อย่างไร!”“ท่านฮั๋วคิดว่าพออายุมาก เกรงภายหลังกำลังจะเสื่อมถอย จึงฉวยตอนขาเท้ายังแข็งแรงไปท่องเขาลำเนาไพรไงเเล่า!”หลิงอวี๋ดูฉงนครั้นเห็นชายชรามองค้อนท่านอ๋องเฉิง ก็พลันหันมาทางตนยิ้มตาหยี“แม่นางหลิง เมื่อครู่เจ้าที่ใช้เคล็ดฝังเข็มชุดนั้น หรือว่าเป็นกลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดในตำนาน?”ท่านฮั๋วคลั่งไคล้ศาสตร์แพทย์นัก เมื่อครู่เห็นแม่นางหลิงใช้เข็มก็ตื่นเต้นจนสั่นทั้งร่างอยู่ข้าง ๆ บัดนี้ไม่สนใจตำหนิจางเจ๋อแล้ว เอ่ยสอบถามอย่างตื่นเต้น“นี่ถือได้ว่าคือกลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดประเภทหนึ่ง! แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด! ข้าปรับให้ดีขึ้นด้วย!”หลิงอวี๋เห็นชายชรามองกลยุทธ์ฝังเข็มของตนขาด ทั้งแสดงสีหน้ากระหายความรู้ก็พลันตอบอย่างไร้กังวลท่านฮ
ครั้นมาถึงโรงเหยียนหลิง หมอเลี่ยวมองอย่างคาดไม่ถึงว่าท่านฮั๋วปรมาจารย์แพทย์แห่งฉินตะวันตกกับท่านอ๋องเฉิงผู้สูงส่งแห่งเมืองหลวงจะมาด้วย มือไม้พัลวันไม่รู้จะจัดการเช่นไรที่เมืองหลวงหมอนักพรตเต๋าคนไหนบ้างไม่รู้จักท่านฮั๋ว?อย่างไรเสียท่านฮั๋วอยู่ต่อหน้าหลิงอวี๋กลับไม่วางมากสักนิด พอนั่งลงก็รีบเอ่ยทันที“อาจารย์ ท่านรีบเล่าให้ข้าฟังหน่อย ตอนนั้นจางเจ๋อเจ้าหนุ่มนั้นฝังร่องเหนือปากสหายเฉิง เหตุใดกล่าวว่าฝังแล้วอาจทำให้สหายเฉิงอัมพาตครึ่งซีกได้เล่า?”หลิงอวี๋ไม่ปิดบังพลันตอบว่า“ตอนนั้นท่านอ๋องเฉิงโลหิตไหลย้อนกลับ เพียงจางเจ๋อลงเข็มที่ต้นคอท่านเฉิงสองข้างและสองเข็มบนปลายเท้า ท่านก็ไม่เป็นไรแล้ว!”“แต่จางเจ๋อไม่ฟังคำเตือนฝังลงร่องเหนือปาก ทำให้เลือดของท่านบีบไปช่องอกทั้งหมด หัวใจท่านอ๋องเฉิงได้รับการกดทับหนักหน่วง หัวใจจึงหยุดเต้นและหยุดหายใจ!”ท่านอ๋องเฉิงได้ฟังสถานการณ์ล่อแหลมในตอนนั้น ก็รู้สึกผวาภายหลังอยู่บ้างพลางมองค้อนดุร้ายเฉิงตงที่คอยรับใช้ข้างกายเฉิงตงตกใจกลัวจนหน้าไร้สีเลือด คุกเข่าดังตุ้บพลันเอ่ยเสียใจภายหลังอย่างสุดซึ้ง“ท่านอ๋อง ทั้งหมดคือความโง่เขลาของกระหม่อม ได้ยินจา
คนในห้องกำลังพูดคุยเรื่อยเปื่อย มีคนนอกประตูเอ่ยเรียก“ท่านอ๋องเฉิง ท่านฮั๋ว หลานชายหลี่ว์จงเจ๋อกับบิดาหลี่ว์เซียงขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ!”หลี่ว์เซียง?ท่านอ๋องเฉิงผงะครู่หนึ่งพลางมองท่านฮั๋วท่านฮั๋วยังไม่ทันเอ่ย เสียงของหลี่ว์เซียงพลันลอยมาข้างนอก“ท่านฮั๋ว ข้าน้อยได้ยินว่าท่านอยู่ที่นี่ จึงรุดมาเชิญเองโดยเฉพาะขอรับ”“ท่านแม่ป่วยหนัก คาดหวังท่านฮั๋วแสดงความเห็นใจมาตรวจท่านแม่ที่จวนสักหน่อยขอรับ!”“ออกไปตรวจดูหน่อยเถอะ!”ท่านอ๋องเฉิงส่ายศีรษะ “ฮูหยินใหญ่หลี่ว์ป่วยแบบนี้มานานโขแล้ว ครอบครัวหลี่ว์เซียงเสาะหาหมอสอบถามยาทั่วสารทิศ ช่างน่าสรรเสริญจิตใจกตัญญูกตเวทีนัก!”ท่านฮั๋วส่ายศีรษะ เอ่ยเสียงขรึม “เข้ามาเถอะ!”หลี่ว์เซียงกับหลี่ว์จงเจ๋อเดินเข้ามาทีละคนหลิงอวี๋ไม่มีความประทับใจลึกซึ้งต่อหลี่ว์เซียงเกินไปนัก ทว่านางได้ยินจากปากแม่นมลี่เมื่อท่านปู่ปลดเกษียณปีนั้น ก็ได้แนะนำหลี่ว์เซียงรับตำแหน่งแทนเขาเสียแล้วคนที่ท่านปู่แนะนำบุคลิกน่าจะพอใช้ได้กระมัง!หลี่ว์เซียงอายุสี่สิบกว่าปีรูปร่างไม่สูงไม่เตี้ย โครงหน้าเหลี่ยม ทั่วร่างเปี่ยมอิทธิพลยศถาบรรดาศักดิ์สูงส่ง ทว่าความกลัดกลุ้มแผ่คล
เปิดทำการโรงเหยียนหลิงในวันสิริมงคลที่ 26กฎการพบแพทย์ของโรงเหยียนหลิง ต้องลงทะเบียนรักษาและตรวจสี่สิบคนต่อวันภายในสามวันของการเปิดทำการ คนป่วยห้าท่านแรกตรวจโรคกับจัดสำรับยาไม่เสียค่าใช้จ่ายโรงเหยียนหลิงเพิ่งติดใบประกาศ ข่าวพลันแพร่สะพัดตรอกใหญ่ซอยน้อยอย่างเร็วรี่ด้วยเหตุนี้ เหล่าคนที่หมายชมความครึกครื้น คนที่ต้องการขอรับรักษา คนที่อยากได้เครื่องยาให้เปล่าต่างตั้งตารอวันที่ 26 อย่างตาลีตาเหลือกวันนี้มาถึงเร็วมากช่วงเช้าตรู่และกลางดึก ด้านนอกโรงเหยียนหลิงต่อแถวยาวเฟื้อยรอรับหมายเลขกำหนดเวลาเปิดทำการโรงเหยียนหลิงที่ยามจี่(1) ซึ่งคือช่วงเก้าโมงเช้าเวลาเจ็ดโมงกว่าฟ้าเริ่มสาง ถนนสายนี้ฝูงชนแน่นจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านไม่ได้(2)ในคนหมู่นั้น นอกจากคนที่ขอรับรักษากับชมความครึกครื้น ยังมีหมอและผู้บุญหนักศักดิ์ใหญ่อีกมากมายประการแรกพวกเขามาเพื่อพบท่านฮั๋วปรมาจารย์แพทย์ ประการสองเพื่อมาพบแม่นางหลิง!แม้แต่ท่านฮั๋วปรมาจารย์แพทย์ล้วนเทียบแล้วสู้ไม่ได้ คนยังหมายกราบอาจารย์เรียนทักษะ วิชาแพทย์นั่นต้องเหนือชั้นแค่ไหนกัน!คนที่ขอรับรักษาก็อยากรับหมายเลขตรวจโรคจากแม่นางหลิงส่วนพวก
ดังสุภาษิตว่า ทวนเปิดเผยหลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับยากระวัง(1)โรงหุยชุนอาจไม่กล้าก่อเรื่องในที่สาธารณะ แต่แอบลงมือคนลับ ๆ อย่างน่ารังเกียจ“หลิงซิน!”หลิงอวี๋เรียกหลิงซินพลางการซิบสองสามประโยคข้างหูนาง หลิงซินเข้าใจแล้วจากไปก่อนหลิงอวี๋ไม่รีบไปโรงเหยียนหลิงแล้วเช่นกัน นางหมายฟังอยู่ที่นี่ดูว่าพวกคนโรงหุยชุนคิดเล่นลูกไม้อะไรตู้ตงหงมองรูปโฉมใหม่หลังบูรณะโรงเหยียนหลิง พลันเอ่ยหยัน“ปรับปรุงดีขนาดนี้จะไปมีประโยชน์อันใด? ไม่มีหมอฝีมือดีนั่งตรวจก็อยู่ไม่รอดหรอก! ข้าเดาว่าโรงเหยียนหลิงอยู่ได้ไม่นานก็ต้องปิดกิจการ!”สาเหตุที่หลิงหว่านก็ไม่ชอบหน้าตู้ตงหงกับคนพวกนั้นเป็นเพราะหลิงอวี๋ พอได้ยินวาจานั้นก็พูดถากถางโผงผางทันที“ใครบอกไม่มีหมอฝีมือดีนั่งตรวจ? เจ้ามิได้ยินที่ทุกคนมาล้วนเพื่อแม่นางหลิงรึไง?”“มีแม่นางหลิงนั่งตรวจ โรงเหลียนหลิงไม่ปิดกิจการหรอก!”“นี่เจ้ายังมิทันออกเรือนก็เข้าข้างกันซะแล้วรึ!”“วันนี้พวกเขาเปิดทำการโรงเหยียนหลิง เจ้าก็แช่งให้พวกเขาเจ๊ง… ฮูหยินน้อยโรงหุยชุนในอนาคตเช่นเจ้าช่างทำสิ่งมีคุณธรรมเสียจริง ๆ”เสียงพูดหลิงหว่านหยุดลง จางเจ๋อกับหมอหลวงจางก็มาแล้วจางเจ๋อ
“ตระกูลกวนกับคนของหลี่ว์เซียงมาทำไม? หรือว่าพวกเขาสองตระกูลก็มีคนต้องการพบแม่นางหลิงรักษาโรคเหมือนกัน?”การถกเถียงทุกรูปแบบดังขึ้นทุกทิศทันทีขณะเสียงถกเถียงดังพร้อมเพรียง คนกลุ่มหนึ่งเดินมาชายกำยำหลายคนเปิดทางอยู่ด้านหน้า ชายหนึ่งหญิงหนึ่งติดตามด้านหลังพร้อมพ่อลูกตระกูลหลี่ว์หลิงอวี๋เห็นพ่อลูกตระกูลหลี่ว์ก็จำหลี่ว์เซียงกับหลี่ว์จงเจ๋อได้ที่เคยเจออยู่โรงเหยียนหลิงในวันนั้นบุรุษข้างหลี่ว์เซียงอายุประมาณสี่สิบ ร่างสูงใหญ่ ทรงหน้าเหลี่ยม คิ้วเข้มสันจมูกโด่ง ดวงตาเว้าลึก ผสมเชื้อสายชนชาติอี๋เล็กน้อยเขาสวมเสื้อคลุมยาวสีน้ำเงิน ช่วงไหล่คือเสื้อกั๊กผ้าปักลายบุปผาซับซ้อนดูแล้วฝีมือละเอียดประณีตดรุณีน้อยราวสิบหกปีที่ติดตามเขา ทรงหน้ารูปไข่ คิ้วเข้มโค้งขึ้นเล็กน้อย เน้นหางตาชี้ของนางชัดทวีทรงพลังเสื้อผ้าส่วนบนของเด็กสาวคือเสื้อไหมสีขาวนมมีแขน ทับด้วยเสื้อกั๊กผ้าปักสีฟ้าเป็นกระโปรงจับจีบลายดอกเลาสีฟ้ายาวถึงน่องขา ถัดไปสวมรองเท้าหุ้มข้อคู่หนึ่ง ในมือถือแส้ห้าสีเส้นหนึ่งหลิงอวี๋มองแล้วก็แปลกหูแปลกตา เสื้อผ้าชนชาติอี๋ชุดนี้มาพร้อมกลิ่นอายท้องถิ่นสมัยนิยมยิ่งนัก เจ๋งเป้ง!“เป็นนายท
และหลังจากที่เซียวหลินเทียนรู้เรื่อง สายตาของเขาก็มองไปทางเผยอวี้ ฉินซาน เถาจื่อและคนอื่น ๆ อย่างเย็นชาเมื่อเผยอวี้ถูกมองเช่นนั้นก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัว ฉินซานเองก็เหงื่อแตกพลั่กเช่นกันแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมิได้ก่นด่าออกมา แต่พวกเขาต่างก็รู้สึกกระวนกระวายกันไปหมดในที่สุด เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมา เขาเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึง “วันนี้คนที่ถูกจับตัวไปคือสิงจั๋ว พวกเจ้ารู้สึกว่าโชคดีใช่หรือไม่… เพราะคนที่ถูกจับตัวไปมิใช่ฮองเฮาของพวกเจ้า!”ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ทุกคนต่างก็ยืนก้มหน้าอยู่เช่นนั้นพวกเขาเพิ่งจะรู้ข่าวว่าสิงจั๋วถูกหลงเพ่ยเพ่ยส่งกลับไปที่เรือนเล็กหากคนที่ถูกจับตัวไปเป็นหลิงอวี๋ ศัตรูจะรอจนพวกเขารู้ข่าวก่อนแล้วให้ไปช่วยเหลือหรือ?เช่นนั้นจะยังทันหรือ?“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าติดตามข้าออกมาหลายเดือนแล้ว พวกเจ้าคิดถึงครอบครัวและชีวิตก่อนหน้านี้!”เซียวหลินเทียนเปลี่ยนเป็นตะคอกเสียงแข็ง “หากพวกเจ้ารู้สึกว่ามิคุ้นเคยกับการอยู่แดนเทพ เช่นนั้นใครอยากจะกลับไป ข้าก็จะมิห้าม!”เผยอวี้เหงื่อตก จากนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง“ฝ่าบาท พวกกระหม่อมประมาทละเลย สมควรได้รับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”
เป็นหนี้บุญคุณหนึ่งครั้งก็นับว่าเป็นหนี้ เป็นหนี้บุญคุณสองครั้งก็นับว่าเป็นหนี้เช่นกัน!หลิงอวี๋รับความกรุณาของหลงเพ่ยเพ่ยมาแล้ว เอาไว้ค่อยตอบแทนนางภายหน้าก็แล้วกัน!“ข้าจะไปเตรียมยา พี่ใหญ่มู่ ประเดี๋ยวเจ้าช่วยทายาให้พี่ชายข้าที!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าหน้าอกที่เปลือยเปล่าของผู้รอบรู้นั้นแทบจะไม่มีผิวหนังตรงไหนปกติดีเลย นางจึงจดจำความโหดร้ายของครอบครัวเหมียวหยางไว้ แล้วรีบออกไปเตรียมยานางรีบนำยาทากระปุกใหญ่ที่เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วไปที่ห้องของผู้รอบรู้มู่ตงก็มิได้ปฏิเสธ เขารับยามาแล้วเอ่ยออกไป “แม่นางสิง เมื่อครู่ข้าตรวจดูพี่ชายของเจ้า นอกจากบาดแผลที่ผิวหนังภายนอกเหล่านี้แล้ว แขนซ้ายของเขาก็ถูกตีจนหัก และซี่โครงก็หักไปสองซี่!”“แล้วก็…”ดูเหมือนว่ามู่ตงจะยากที่จะพูดออกมาหลงเพ่ยเพ่ยก็มองไปทางหลิงอวี๋อย่างเห็นใจเช่นกัน“แล้วก็อะไร? พี่ใหญ่มู่พูดออกมาตามตรงเถิด ข้ารับได้ทุกอย่าง!”หลิงอวี๋รู้สึกกังวลขึ้นมา แต่ใบหน้าก็ยังดูสงบอยู่“เชื้อ… เชื้อสายลูกหลานของพี่ใหญ่เจ้าถูกทำลายไปเสียแล้ว ต่อไปอาจจะมิสามารถมีทายาทสืบสกุลให้ตระกูลเจ้าได้แล้ว!”มู่ตงกัดฟันพูดออกมาหลิงอวี๋ราวกั
หลิงอวี๋นั่งอยู่เช่นนั้น มิรู้ว่านั่งอยู่นานเท่าใด เมื่อน้ำมันในตะเกียงหมดลงภายในห้องก็เข้าสู่ความมืดมิด และนางก็มิได้จุดตะเกียงอีกนางนั่งอยู่เงียบ ๆ มิได้หลับทั้งคืนแต่ก็ไม่มีความง่วงเลยแม้แต่น้อยในสมองครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย ในขณะที่กำลังคิดจนเข้าสู่ภวังค์ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก“แม่นางสิง ข้าชื่อไป๋อวี้ เป็นนางรับใช้ของท่านหญิง นางให้ข้านำข้อความมาบอกเจ้า!”หลิงอวี๋ได้สติขึ้นมาทันที จึงวิ่งออกไปเปิดประตูไป๋อวี้คือนางรับใช้ที่หลิงอวี๋พบที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้ก่อนหน้านี้ นางรับใช้ผู้นั้นที่ติดตามหลงเพ่ยเพ่ย นางสูงมาก หลิงอวี๋จึงจำนางได้“ไป๋อวี้ มีข่าวคราวพี่ชายข้าแล้วหรือ?” หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างร้อนใจไป๋อวี้ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ท่านหญิงของข้าลงมือเอง หากไม่มีข่าวอะไร จะมิเป็นการรู้สึกผิดต่อเจ้าหรือ!”“วางใจเถิด เราเจอพี่ชายของเจ้าแล้ว และท่านหญิงก็กำลังพาเขากลับมา นางเกรงว่าเจ้าจะกังวล จึงให้ข้าล่วงหน้ามาบอกเจ้าก่อน!”หลิงอวี๋ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็จ้องแล้วเอ่ยถามออกไป “ผู้ใดจับตัวเขาไป?”รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋อวี้จางหายไป แล้วมองหลิงอวี๋อย่างเห็นอกเห็นใจ “ก็เป็
หลิงอวี๋ออกจากบ้าน แล้วก็ตรงไปที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้นางให้คนเฝ้ายามไปรายงานหลงเพ่ยเพ่ย เมื่อคนเฝ้ายามได้ยินว่านางมาหาหลงเพ่ยเพ่ย ก็รีบส่งคนเข้าไปรายงานในทันทีหลิงอวี๋ยืนอยู่ที่หน้าประตู ก่อนหน้านี้นางเคยผ่านจวนเจ้าแห่งทิศใต้ และรู้สึกเพียงว่าจวนเจ้าแห่งทิศใต้นั้นหรูหรามาก นางมิเคยคาดคิดว่าวันหนึ่งตนจะต้องติดต่อกับจวนเจ้าแห่งทิศใต้หลังจากรอไปสักพัก ก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยพานางรับใช้หนึ่งคนเดินออกมาอย่างรีบร้อนเมื่อหลงเพ่ยเพ่ยเห็นหลิงอวี๋ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง “มีเรื่องอันใดหรือ? มิเช่นนั้นมืดค่ำป่านนี้เจ้าก็คงมิมาหาข้ากระมัง!”ความเฉียบแหลมของหลงเพ่ยเพ่ยทำให้หลิงอวี๋รู้สึกชื่นชมยิ่งนัก นางจึงดึงหลงเพ่ยเพ่ยไปยืนด้านข้าง แล้วเอ่ยเบา ๆ “ข้าอยากให้เจ้าช่วย เวลานี้ข้านึกมิออกว่านอกจากเจ้าแล้วจะมีผู้ใดช่วยข้าได้ ข้าจึงมาหาเจ้า!”“เจ้าอย่าได้กังวล บอกข้ามา หากข้าสามารถช่วยได้ข้าก็จะช่วยอย่างแน่นอน!” หลงเพ่ยเพ่ยเอ่ยปลอบใจหลิงอวี๋หายใจเข้าลึก ๆ ระหว่างทางที่มานางได้เตรียมคำพูดไว้แล้ว จึงเอ่ยออกไป “เจ้าก็รู้ว่าข้ามาหาโอกาสที่เมืองหลวงแดนเทพกับพี่ใหญ่ของข้า และพี่ใหญ่ก็เป็นญาติเพียงคนเดี
หลิงอวี๋ยิ้มออกมา ต่อให้นางใจดีแค่ไหนก็มีขอบเขตของตน ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นกับดักแล้วตนจะพาตัวเองเข้าไปได้อย่างไรกัน!หากตนรู้จักฮูหยินเฉิง บางทีอาจจะเสี่ยงไปช่วยชีวิตนาง!แต่ตนกับฮูหยินเฉิงมิได้รู้จักกัน มิรู้ด้วยซ้ำว่านางเป็นคนดีหรือคนเลวแม้ว่าจะเห็นใจฮูหยินเฉิงที่ต้องประสบความทรมานของการเจ็บป่วย แต่นางก็มิใช่แม่พระ มิสามารถไปช่วยชีวิตทุกคนที่เจ็บป่วยได้หรอก!หลิงอวี๋ครุ่นคิดแล้วเอ่ยกับเย่หรง “ในช่วงสองวันนี้ท่านคอยติดตามอาการป่วยของฮูหยินเฉิงไว้ และไปตรวจสอบตัวตนของแม่ทัพเฉิงให้ละเอียดอีกสักหน่อย!”“หากเขาสามารถเป็นสายลับให้ท่านไปช่วยมารดาของท่านออกมาได้จริง ๆ ข้าจะหาวิธีตามหาหลิงอวี๋มาช่วยชีวิตนาง!”สำหรับเย่หรงแล้ว คนที่สำคัญที่สุดนั้นคือมารดาของเขาหากมั่นใจได้ว่าแม่ทัพเฉิงยินดีจะช่วยเป็นสายลับให้เย่หรง ต่อให้หลิงอวี๋ต้องเสี่ยงอันตรายก็จะช่วยเย่หรงทำสิ่งนี้“เจ้ามีวิธีตามหานางหรือ?”เย่หรงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“พี่ชายข้าเก่งเรื่องการสืบหาข่าวมาก บางทีคนที่ผู้อื่นหามิเจอ เขาอาจจะตามหาเจอก็ได้!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “เอาตามนี้ก่อนแล้วกัน หากแม่ทัพเฉิงมิควรเชื่อ
วันรุ่งขึ้นเมื่อหลิงอวี๋ไปที่บ้านตระกูลเย่ นางก็บอกเรื่องหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่ซื่อฝานในบ้านตระกูลเย่นั้นเย่ซื่อฝานจัดการเพียงแค่การปรุงโอสถเท่านั้น มิได้จัดการเรื่องการบริหาร เนื่องจากการบริหารเป็นเรื่องของผู้นำตระกูลแต่ในฐานะที่เย่ซื่อฝานเป็นสมาชิกตระกูลเย่ เขาก็รู้เรื่องภายในบางส่วนเช่นกันเขาจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจัง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดเจ้าแห่งทิศใต้จึงให้หลงเพ่ยเพ่ยมาแสดงความปรารถนาดีต่อเจ้าในเวลานี้?”“ก่อนหน้านี้เขามิได้สนใจการต่อสู้ระหว่างหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ เขาแค่หวังว่าหอโอสถไป๋เป่าจะกดหอโอสถซ่างกู่ลงไปให้ถึงจุดต่ำสุดเสียก่อน จากนั้นก็ค่อยยื่นไมตรี เช่นนี้ก็จะเป็นการช่วยเหลือในยามลำบาก แล้วกูลเย่ของข้าก็จะจงรักภักดีต่อเขาอย่างสุดหัวใจ!”เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินเช่นนั้น จึงเอ่ยขึ้นมา “หากท่านอาจารย์รู้สึกว่ามิเหมาะสม เช่นนั้นข้าก็จะรักษาระยะห่างกับหลงเพ่ยเพ่ยเจ้าค่ะ!”ถึงอย่างไรตอนนี้หลิงอวี๋ก็เป็นศิษย์ของเย่ซื่อฝาน นางจะมิละทิ้งสำนักไปทำดีกับศัตรูของอาจารย์เพื่อความปลอดภัยของตน“ไม่! มิต้อง!”เย่ซื่อฝานส่ายหัวแล้วเอ่ย “เมื่อเทียบกับเจ้าแห่งทะเละชายาเจ้าแห่งทะเล
จงเจิ้งเฟยได้ยินเช่นนั้น ก็เอ่ยขึ้นมา “ใช่แล้ว เมื่อขัดแย้งกันก็ควรจะแก้ปัญหามิใช่สร้างความบาดหมาง ท่านพ่อท่านแม่หลายตระกูลล้วนเป็นมิตรสนิทกัน ไม่มีใครอยากให้คนรุ่นหลังทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตายหรอก!”“ศิษย์พี่หญิง เย่หรงกับเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เจ้าก็ไปโน้มน้าวเขาด้วยเถิด แม้ว่าจะมิยอมแต่งงานกับหยางหงหนิง ก็อย่าได้ทะเลาะกันจนตึงเครียดเกินไปนัก!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าทั้งสองคนล้วนเอ่ยเช่นนี้ นางก็คิดแล้วเอ่ยออกมา “ข้าจะไปคุยกับเย่หรงดู ขอเพียงมิบังคับให้เขาแต่งงานกับหยางหงหนิง ข้าคิดว่าเขาก็น่าจะยอมคืนดี!”“ใช่ แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมมิหวาน พวกเราล้วนรู้เหตุผลข้อนี้ดี เราไม่มีทางไปบังคับให้เย่หรงทำเรื่องเช่นนั้นแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยพยักหน้าแล้วเอ่ย “เจ้ากลับไปโน้มน้าวเย่หรงดูก่อน ประเดี๋ยววันหลังข้าจะจัดงานเลี้ยง เมื่อทุกคนมารวมตัวกัน เช่นนี้พวกเขาก็จะมิอึดอัด แล้วก็ปรับความเข้าใจกันได้!”“อืม!”หลิงอวี๋พยักหน้า และกำลังจะเดินไป หลงเพ่ยเพ่ยก็เรียกนางไว้อีก “สิงอวี๋ ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากับเหมียวหยางผู้เป็นศิษย์ของปรมาจารย์ไป่หลี่ก็ทะเลาะกันหรือ?”“เรื่องนี้ข้าจะยืนอยู่ข้างเจ้า
กระทั่งเดินตามจงเจิ้งเฟยมาถึงในศาลาแห่งหนึ่งของสำนักศึกษาชิงหลง หลงเพ่ยเพ่ยก็รออยู่ที่นั่นแล้วเมื่อเห็นหลิงอวี๋ นางก็มองพิจารณาหลิงอวี๋อย่างสงสัยใคร่รู้อยู่หลายครั้ง ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ข้าได้ยินมาว่า หงหนิงแพ้การประลองปรุงยากับเจ้า ฮ่า ๆ นางหยิ่งทะนงมาโดยตลอด ควรจะมีคนมาทำให้นางรับรู้ได้แล้วว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคนอีก!”“สิงอวี๋ เรื่องสาเหตุและขั้นตอนในการประลองของเจ้ากับหงหนิงนั้นข้ารู้ทั้งหมดแล้ว ข้ามิได้เข้าข้างผู้ใด ข้าคิดว่าเจ้าทำถูกต้องแล้ว หากใครมาใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ข้าก็จะสู้กับนางจนถึงที่สุดเช่นกัน!”หลิงอวี๋ย่อมมิเชื่อหลงเพ่ยเพ่ยเสียทั้งหมดเพราะคำพูดมิกี่คำอยู่แล้ว“คุณหนูหลงมาหาข้ามีธุระอันใดหรือไม่?” หลิงอวี๋เอ่ยถามไปตามตรงหลงเพ่ยเพ่ยยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ข้าชอบผูกมิตร และนิสัยของเจ้าก็ถูกใจข้ายิ่งนัก!”“แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ข้ายังอยากให้เจ้ากับหงหนิงปรับความเข้าใจกันอยู่ หงหนิงมิใช่คนเลว เพียงแต่นางหลงเย่หรงจนหน้ามืดตามัว จึงได้ทำเรื่องโง่ ๆ เหล่านั้นไป!”“ควรจะหาทางแก้ไขมิใช่สร้างความบาดหมางต่อกัน เจ้าเห็นแก่ข้าเถิด อย่าได้ถือสาหาความกับนางเล
เมื่อหลิงอวี๋เห็นหยางหงหนิงก็ตะลึงไปเล็กน้อย แล้วก็นึกถึงคำขู่ที่หยางหงหนิงบอกว่าจะทำให้เย่หรงแต่งงานกับนางให้ได้ภายในหนึ่งเดือนหรือว่าหยางหงหนิงทำมิได้ ในตอนนี้จึงคิดจะมาทำให้ตนลำบาก?“สิงอวี๋ เจ้าจะเป็นศัตรูกับข้าจริง ๆ หรือ?”เป็นดังที่คาด ทันทีที่เอ่ยปากหยางหงหนิงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างก้าวร้าว “เจ้าก็รู้อยู่ว่าข้าชอบเย่หรง เจ้ายังกล้าชวนเขาไปที่ภูเขาหมางหลิ่งด้วยกันอีก เจ้ายังจะเถียงว่าเจ้ามิชอบเขาอีกหรือ!”“ข้าขอเตือนเจ้า อยู่ให้ห่างจากเย่หรง มิฉะนั้นข้าจะมิเกรงใจเจ้าแน่!”หลิงอวี๋หมดคำพูดไปทันที ตนมาที่สำนักศึกษาชิงหลงเพื่อศึกษาเล่าเรียน มิใช่มาแย่งชิงบุรุษกับผู้ใด!ในหัวของหยางหงหนิงนั้นนอกจากเรื่องระหว่างบุรุษกับสตรีแล้ว ก็ไม่มีเรื่องอื่นเลยหรือ?“คุณหนูหยาง ข้าได้แสดงทัศนคติของจ้าไปอย่างชัดเจนแล้ว เย่หรงเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาจะชอบใครก็เป็นอิสระของเขา!”“ข้ามิได้ตั้งใจจะแย่งเขากับเจ้า เจ้าก็อย่ามายุ่งกับข้าเช่นกัน!”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยบอกไปแล้วว่า เจ้าอย่าได้ผลักเขาให้ไกลออกไปเรื่อย ๆ แล้วเจ้าดูพฤติกรรมของเจ้าในตอนนี้สิ แพ้แล้วก็มิรักษาคำพูด แล้ว