จู่ ๆ เรือนบุหงาก็มีหลิงซวนเพิ่มเข้ามา เรื่องการขยายเรือนจึงถูกบีบว่าต้องทำทันทีเมื่อหลี่ต้าหนิวพาคนมาในวันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ก็คิดแล้วตรงไปหาเซียวหลินเทียน คิดว่าจะย้ายคนในเรือนบุหงาไปเรือนที่ว่างอยู่ก่อน รอให้การก่อสร้างเสร็จแล้วแล้วค่อยย้ายพวกเขากลับมาทันทีที่จ้าวซวนเห็นหลิงอวี๋มา เขาก็พาเข้าไปในห้องตำราด้วยรอยยิ้ม พลางเอ่ยอย่างกระตือรือร้น "ท่านอ๋องอยู่ขอรับ เชิญพระชายาขอรับ!"หลิงอวี๋ก็ไม่เกรงใจ พอเดินเข้าไปเห็นเซียวหลินเทียนนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ นางก็บอกความตั้งใจของนางไปตรง ๆทันทีที่เซียวหลินเทียนได้ยินก็เอ่ยออกมา "เรือนบุหงาไม่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยจริง ๆ! ตำหนักนี้มีเรือนว่างอยู่มากมาย เจ้าชอบเรือนไหนก็ย้ายไปอยู่ได้เลย! ไม่ต้องย้ายกลับมาอีกหรอก!"หลิงอวี๋ส่ายหน้าพลางเอ่ย "หม่อมฉันชอบเรือนบุหงามาก ปรับปรุงใหม่เสียหน่อยก็จะเป็นเรือนใหม่แล้ว! หม่อมฉันเป็นคนที่เชิญทุกคนมาอยู่ หากท่านไม่ว่าอะไรหม่อมฉันจะเลือกเรือนหอมหมื่นลี้อยู่ใกล้กับเรือนบุหงามากที่สุดแล้วกัน!"“ข้าไม่ว่าอะไรหรอก!” เซียวหลินเทียนพยักหน้าหลิงอวี๋หันหลังจากไปอย่างมีความสุข“หลิงอวี๋… ข้ายังมีเรื่องจะพูด
หลังจากนวดไปสักพัก หลิงอวี๋ก็แทงเข็มเงินที่ตัวเซียวหลินเทียน เข็มเงินหลายเล่มถูกแทงเข้าไปในจุดฝังเข็มบนน่องของเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนรู้สึกเพียงว่า ขาของเขาร้อนผ่าว เขาเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ "ข้ารู้สึกได้! มันร้อนผ่าว!"หลิงอวี๋พยักหน้า แทงเข็มไปที่ขาทั้งสองข้างของเขาอีกรอบ จากนั้นก็เก็บเข็มเงินออกไปพลางเอ่ย“หม่อมฉันจะเปลี่ยนตำรับโอสถให้ท่านใหม่! ท่านกินยาไปสามวัน แล้วหม่อมฉันจะฝังเข็มให้ท่านอีก!”"หม่อมฉันไม่อาจสัญญากับท่านได้ว่าจะใช้เวลารักษาท่านนานแค่ไหนถึงจะหายดี!"“หม่อมฉันคิดว่า จากสถานการณ์ในวันนี้ ใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่าน่าจะลุกขึ้นเดินได้แล้วกระมัง! หากฟื้นตัวดีก็จะใช้เวลาไม่ถึงเดือน!”หนึ่งเดือนกว่า?ในตอนแรกเซียวหลินเทียนคิดว่า มันจะใช้เวลานานมาก แต่เมื่อเขาได้ยินว่าใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่า ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจหนึ่งเดือนกว่า? เขาจะสามารถกลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนหน้านี้ได้หรือ?“ขหม่อมฉันขออภัย เส้นประสาทที่ขาของท่านต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะฟื้นตัว หากท่านรอไม่ไหว หม่อมฉันจะพยายามคิดหาวิธีที่จะย่นระยะเวลาให้สั้นลง!”หลิงอวี๋เห็นสีหน้าของเซียวหลินเทียน
บางทีอาจจะเป็นเพราะหลิงอวี๋ช่วยเซียวหลินเทียนไว้อย่างใหญ่หลวงนัก พอเซียวหลินเทียนเห็นว่ามีการก่อสร้างเรือนบุหงา เขาจึงให้จ้าวซวนส่งทหารองครักษ์และบ่าวรับใช้ชายในตำหนักไปช่วยที่เรือนบุหงามีคนช่วยเหลือมากมายถึงเพียงนี้ ภายในวันเดียว หลี่ต้าหนิวจึงได้ประกอบโครงห้องที่สร้างขึ้นใหม่หลายห้องได้เสร็จสิ้นเลยวันรุ่งขึ้นจ้าวซวนก็จ้างช่างมามากหลาย ช่วยกันคนละไม้คนละมือก็วางอิฐเรือนเสร็จเมื่อหลิงอวี๋กลับมาจากโรงเหยียนหลิง นางตกใจก็กับความเร็วของการก่อสร้างเรือนบุหงา เรือนบุหงากว้างขวางขึ้นและเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เหลือเพียงรายละเอียดบางส่วนเท่านั้นนางพาหลิงเยวี่ยเดินไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น ดูว่ายังมีรายละเอียดใดที่จำเป็นต้องเพิ่มอีกหรือไม่สวนดอกไม้ด้านหลังมีขนาดใหญ่มาก เรือนที่สร้างขึ้นใหม่ก็มีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของเรือนบุหงาดั้งเดิมตอนที่หลิงอวี๋ออกแบบก่อนหน้านี้ก็ทำห้องน้ำส่วนรวม และห้องนอนหลายห้องก็มีห้องน้ำส่วนตัวด้วยบริเวณตรงกลางสวน นางเหลือพื้นที่ให้หลิงเยวี่ยได้เล่นและออกกำลังกาย ทั้งยังได้ทำชิงช้าให้หลิงเยวี่ยด้วยทางเรือนบุหงามีการทาสีใหม่ หน้าต่างทั้งหมดล้วนเปลี่ยนเป็นกระ
หลิงอวี๋เบียดเข้าไปพลันเห็นมุมปากท่านอ๋องเฉิงเปื้อนโลหิตดำสายหนึ่ง สีหน้าขาวซีด นอนบนพื้นลมหายใจร่อแร่เต็มทีเด็กรับใช้สองคนกับหมอหลี่ของโรงหุยชุนคุกเข่าลงข้างหนึ่งสิ้นปัญญารักษาหลิงอวี๋หมายก้าวไปช่วยข้างหน้าพลันได้ยินเสียงอ่อนเยาว์หนึ่งพูดขึ้น“หมอหลี่ ข้าได้ยินว่าเฉิงทรงโรคกำเริบหรือขอรับ? ข้าขอตรวจสักหน่อย!”หลิงอวี๋ปรายตามองก็พบดรุณแรกรุ่นผู้หนึ่งก้าวเข้ามา ใบหน้าเขาดุจหยกประดับกวาน ร่างผอมสูง สวมเสื้อคลุมผ้าไหมสีจันทร์เสี้ยวราคาแพงหมอหลี่เห็นพลันเอ่ยดีอกดีใจ“น้องเล็กเฉิง เขาคือลูกเถ้าแก่ของโรงหุยชุนเรา จางเจ๋อ เขาเพิ่งกลับจากเที่ยวร่อนเร่แสวงความรู้เมื่อสองวันก่อน!”“ลูกเถ้าแก่ของเราประสบความสำเร็จตั้งแต่วัยเยาว์ ทักษะการแพทย์ก็ยอดเยี่ยมแม้จะอายุยังน้อย!”“ท่านอ๋องเฉิงมีทางรอดแล้ว… เขาช่วยท่านอ๋องเฉิงได้แน่!”เฉิงตงเห็นก็พลันรีบพูดว่า “คุณชายจาง ท่านรีบช่วยท่านอ๋อง ของเราด้วยขอรับ!”จางเจ๋อแย้มยิ้มมั่นใจพลางเอ่ย “ดูสถานการณ์แล้วข้าช่วยได้!”หลิงอวี๋พบว่าจางเจ๋อมิได้อยู่คนเดียว ยังมีตู้ตงหง เสิ่นจวนกับเจิงจื่ออวี้ติดตามเขามาด้วยบนหน้าตู้ตงหงพกความเหนียมอายประปรายขณะ
เข็มเงินจางเจ๋อใกล้แตะร่องเหนือริมฝีปากท่านอ๋องเฉิงแล้ว แต่ถูกเสียงร้องตกใจทำให้ชักกลับโดยสัญชาตญาณ“ใคร? ใครพูดสอดข้าช่วยคน”จางเจ๋อรั้งหน้ามองมาอย่างขุ่นเคือง ตะโกนลั่น“ร่องเหนือริมฝีปากคือตำแหน่งสำคัญของร่างกาย ผู้ใดโหวกเหวก ถ้าข้าตกใจพลั้งมือแทงท่านอ๋องเฉิงตายขึ้นมาเจ้าจะรับผิดชอบได้หรือไม่?”ตอนหลิงอวี๋ออกจวนคลุมผ้าคลุมหน้าไว้ เวลานี้ก็ไม่อยากเปิดเผยตัวตนแท้จริงของตัวเองจึงไปข้างหน้าสองสามก้าวพลางเอ่ย“หมอจาง อาการท่านอ๋องเฉิงมิใช่ภาวะลิ่มเลือดอุดตันและก็มิใช่โรคหลอดเลือดสมอง! ท่านมิอาจใช้วิธีรักษาหลอดเลือดสมองกับเขาได้!”“การฝังเข็มเงินร่องเหนือปากนี้ของท่านมิได้ส่งผลดีอะไรต่ออาการป่วย!”“กลับกัน ยังสามารถทำให้ท่านอ๋องเฉิงเป็นอัมพาตครึ่งซีกด้วย!”จางเจ๋อหน้ามืดครึ้มฉับพลัน ถลึงมองหลิงอวี๋อย่างโกรธเกรี้ยวพลางตะคอกลั้น “เจ้าคือใคร! เจ้าเป็นสตรีเข้าใจวิชาหมอรึ?”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าอาจารย์ข้าคือผู้ใด? เขาคือเซียนหมอโบราณเลื่องชื่อระบือนามแห่งฉินตะวันตก! ข้าเรียนหมอกับเขาสิบกว่าปี สืบทอดวิชาสายตรงจากเขาลึกซึ้ง! แม้แต่อาจารย์ข้าก็เยินยอข้าว่าเก่งกว่าอาจารย์เสียอีก”“ถ้าข้าไม่
“ฟื้นแล้ว! ท่านอ๋องเฉินไม่เป็นไรแล้ว! ข้าก็บอกแล้วว่าวิชาแพทย์ลูกเถ้าแก่ของเราเหนือชั้น ไม่มีคนเทียบได้...”เมื่อหมอหลี่เห็นก็ร้องขึ้นอย่างลิงโลดทว่าหมอหลี่ยังไม่ทันเอ่ยจบ ท่านอ๋องเฉินก็พ่นโลหิตดำออกจากปากคำโต ร่างกายสั่นเทิ้ม สองขาชักกระตุกผ่านไปไม่นาน สองขาท่านอ๋องเฉินถีบเหยียดตึง ขาดใจเสียแล้ว…หมอหลี่เห็นก็ตะลึงตาค้างฉับพลัน นะ… นี่…เฉิงตงตกใจจนอ้าปากตาค้างเหมือนกันเขาก้าวไปข้างหน้าตรวจลมหายใจของท่านอ๋องเฉิน จากนั้นค้นพบว่าหยุดหายใจแล้วพลันคุกเข่าลงพื้นดัง ‘ตุ้บ’ เอ่ยอย่างแตกสลายว่า“เกิดอะไรขึ้น… มิใช่เอ่ยว่าสามารถช่วยท่านอ๋องของเราได้หรือ… เหตุใดเป็นเช่นนี้...”เมื่อจางเจ๋อเห็นแล้วจิตใจก็ลุกลนเช่นกัน หลังจากเขาทำเป็นนิ่งสงบชักเข็มออกพลางถอนหายใจต่อเฉิงตง“สายเกินไป เมื่อครู่หากข้าฝังเข็มเร็วกว่าหน่อยยังมีทางรอดได้ แต่ถูกสตรีผู้นั้นทำเสียเวลาจึงพลาดโอกาสรักษาที่ดีที่สุด!”“ท่านอ๋องเฉิน… สิ้นพระชนม์แล้ว! ส่งกลับเรือนเตรียมงานพระราชพิธีพระเพลิงพระบรมศพเถิด!”“ตู้ตงหงตะลึงชั่วขณะ พลันแสดงท่าทีชี้หลิงอวี๋ร้องเรียก”“ทั้งหมดคือความผิดนางผู้นั้น รายงานราชการจับกุมนางเสีย
หลิงอวี๋หมดคำจะพูด หมอของโรงหุยชุนพวกนี้ปกติไม่ค้นคว้าวิชาแพทย์ แต่ต่างสนใจค้นคว้าด้านฆ่าคนงั้นรึ? นางกำลังฝังเข็มเงินเล่มสุดท้ายบนง่ามนิ้วมือซ้ายของท่านอ๋องเฉิง เอ่ยต่อเฉิงตงว่า “ครึ่งก้านธูป!”เฉิงตงยังไม่ตอบสนองมา ก็พลันเห็นท่านอ๋องเฉิงลืมตาท่านอ๋องเฉิงหายใจหนัก พลันกระโดดขึ้นนั่ง ใบหน้างงงวย“ตัวข้านอนบนพื้นได้ยังไง ไยคนรุมมากหลายเช่นนี้?”เอ่อ เฉิงหมิงเป็นคนแรกที่ตอบสนอง ผลักเฉิงตงร้องขึ้นอย่างแปลกใจระคนดีใจ“เมื่อครู่แม่นางหลิงพูดว่าเวลาครึ่งก้านรูปจะคืนชีวิตให้ท่านอ๋องพวกเรา นี่ก็มิใช่ครึ่งก้านธูปรึไร?”อา… เฉิงตงตะลึงตาค้าง ครึ่งก้านธูปจริง ๆ หรือ?“ท่านอ๋อง พื้นมันเย็น ให้บ่าวประคองท่านลุกเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋หัวเราะเบา ๆ เอื้อมมือไปพยุงท่านอ๋องเฉิง เฉิงหมิงก็รีบยื่นมือมาสมทบเช่นกันท่านอ๋องเฉิงยังมึนงงเล็กน้อย หลังโดนพยุงยืนขึ้นก็สะบัดมือทั้งสองออก กล่าวมาดเคร่ง“ตัวข้าผู้เป็นอ๋องเป็นอันใดไป? เหตุใดบนร่างมีแต่เลือด...”หลิงอวี๋เพิ่งว่างสังเกตท่านอ๋องเฉิงพบว่า เขากับท่านอดีตเสนาบดีปู่ของตนอายุพอ ๆ กันภายในเกศาสีเงินปะปนสีดำ เบ้าตาลึกเล็กน้อยมีดวงตาสีน้ำตาลเ
ท่านฮั๋ว?ฝูงชนส่งเสียงอื้ออึงทันใดครั้นมีคนจำชายชราผู้นี้ได้ปรมาจารย์แพทย์ท่านฮั๋ว เมื่อกี้ยังมีคนเอ่ยถึงเขา นั่นคือปรมาจารย์แพทย์ผู้เลื่องชื่อทัดเทียมปราชญ์แพทย์ซือคงชวิ่น เซียนหมอฮั๋ว!มีคนพูดเบา ๆ ว่า “มิใช่ลือว่าท่านฮั๋วตายแล้วหรอกรึ? นั่นใช่ท่านฮั๋วจริงหรือ?”มีคนด้านข้างมองค้อนคนคนนี้พลางกล่าวคำ“ท่านฮั๋วพละกําลังยอดเยี่ยมเพียงนี้ จะตายได้อย่างไร!”“ท่านฮั๋วคิดว่าพออายุมาก เกรงภายหลังกำลังจะเสื่อมถอย จึงฉวยตอนขาเท้ายังแข็งแรงไปท่องเขาลำเนาไพรไงเเล่า!”หลิงอวี๋ดูฉงนครั้นเห็นชายชรามองค้อนท่านอ๋องเฉิง ก็พลันหันมาทางตนยิ้มตาหยี“แม่นางหลิง เมื่อครู่เจ้าที่ใช้เคล็ดฝังเข็มชุดนั้น หรือว่าเป็นกลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดในตำนาน?”ท่านฮั๋วคลั่งไคล้ศาสตร์แพทย์นัก เมื่อครู่เห็นแม่นางหลิงใช้เข็มก็ตื่นเต้นจนสั่นทั้งร่างอยู่ข้าง ๆ บัดนี้ไม่สนใจตำหนิจางเจ๋อแล้ว เอ่ยสอบถามอย่างตื่นเต้น“นี่ถือได้ว่าคือกลยุทธ์ยี่สิบเจ็ดเข็มเล่มมีดประเภทหนึ่ง! แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด! ข้าปรับให้ดีขึ้นด้วย!”หลิงอวี๋เห็นชายชรามองกลยุทธ์ฝังเข็มของตนขาด ทั้งแสดงสีหน้ากระหายความรู้ก็พลันตอบอย่างไร้กังวลท่านฮ
และหลังจากที่เซียวหลินเทียนรู้เรื่อง สายตาของเขาก็มองไปทางเผยอวี้ ฉินซาน เถาจื่อและคนอื่น ๆ อย่างเย็นชาเมื่อเผยอวี้ถูกมองเช่นนั้นก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัว ฉินซานเองก็เหงื่อแตกพลั่กเช่นกันแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมิได้ก่นด่าออกมา แต่พวกเขาต่างก็รู้สึกกระวนกระวายกันไปหมดในที่สุด เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมา เขาเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึง “วันนี้คนที่ถูกจับตัวไปคือสิงจั๋ว พวกเจ้ารู้สึกว่าโชคดีใช่หรือไม่… เพราะคนที่ถูกจับตัวไปมิใช่ฮองเฮาของพวกเจ้า!”ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ทุกคนต่างก็ยืนก้มหน้าอยู่เช่นนั้นพวกเขาเพิ่งจะรู้ข่าวว่าสิงจั๋วถูกหลงเพ่ยเพ่ยส่งกลับไปที่เรือนเล็กหากคนที่ถูกจับตัวไปเป็นหลิงอวี๋ ศัตรูจะรอจนพวกเขารู้ข่าวก่อนแล้วให้ไปช่วยเหลือหรือ?เช่นนั้นจะยังทันหรือ?“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าติดตามข้าออกมาหลายเดือนแล้ว พวกเจ้าคิดถึงครอบครัวและชีวิตก่อนหน้านี้!”เซียวหลินเทียนเปลี่ยนเป็นตะคอกเสียงแข็ง “หากพวกเจ้ารู้สึกว่ามิคุ้นเคยกับการอยู่แดนเทพ เช่นนั้นใครอยากจะกลับไป ข้าก็จะมิห้าม!”เผยอวี้เหงื่อตก จากนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง“ฝ่าบาท พวกกระหม่อมประมาทละเลย สมควรได้รับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”
เป็นหนี้บุญคุณหนึ่งครั้งก็นับว่าเป็นหนี้ เป็นหนี้บุญคุณสองครั้งก็นับว่าเป็นหนี้เช่นกัน!หลิงอวี๋รับความกรุณาของหลงเพ่ยเพ่ยมาแล้ว เอาไว้ค่อยตอบแทนนางภายหน้าก็แล้วกัน!“ข้าจะไปเตรียมยา พี่ใหญ่มู่ ประเดี๋ยวเจ้าช่วยทายาให้พี่ชายข้าที!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าหน้าอกที่เปลือยเปล่าของผู้รอบรู้นั้นแทบจะไม่มีผิวหนังตรงไหนปกติดีเลย นางจึงจดจำความโหดร้ายของครอบครัวเหมียวหยางไว้ แล้วรีบออกไปเตรียมยานางรีบนำยาทากระปุกใหญ่ที่เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วไปที่ห้องของผู้รอบรู้มู่ตงก็มิได้ปฏิเสธ เขารับยามาแล้วเอ่ยออกไป “แม่นางสิง เมื่อครู่ข้าตรวจดูพี่ชายของเจ้า นอกจากบาดแผลที่ผิวหนังภายนอกเหล่านี้แล้ว แขนซ้ายของเขาก็ถูกตีจนหัก และซี่โครงก็หักไปสองซี่!”“แล้วก็…”ดูเหมือนว่ามู่ตงจะยากที่จะพูดออกมาหลงเพ่ยเพ่ยก็มองไปทางหลิงอวี๋อย่างเห็นใจเช่นกัน“แล้วก็อะไร? พี่ใหญ่มู่พูดออกมาตามตรงเถิด ข้ารับได้ทุกอย่าง!”หลิงอวี๋รู้สึกกังวลขึ้นมา แต่ใบหน้าก็ยังดูสงบอยู่“เชื้อ… เชื้อสายลูกหลานของพี่ใหญ่เจ้าถูกทำลายไปเสียแล้ว ต่อไปอาจจะมิสามารถมีทายาทสืบสกุลให้ตระกูลเจ้าได้แล้ว!”มู่ตงกัดฟันพูดออกมาหลิงอวี๋ราวกั
หลิงอวี๋นั่งอยู่เช่นนั้น มิรู้ว่านั่งอยู่นานเท่าใด เมื่อน้ำมันในตะเกียงหมดลงภายในห้องก็เข้าสู่ความมืดมิด และนางก็มิได้จุดตะเกียงอีกนางนั่งอยู่เงียบ ๆ มิได้หลับทั้งคืนแต่ก็ไม่มีความง่วงเลยแม้แต่น้อยในสมองครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย ในขณะที่กำลังคิดจนเข้าสู่ภวังค์ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก“แม่นางสิง ข้าชื่อไป๋อวี้ เป็นนางรับใช้ของท่านหญิง นางให้ข้านำข้อความมาบอกเจ้า!”หลิงอวี๋ได้สติขึ้นมาทันที จึงวิ่งออกไปเปิดประตูไป๋อวี้คือนางรับใช้ที่หลิงอวี๋พบที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้ก่อนหน้านี้ นางรับใช้ผู้นั้นที่ติดตามหลงเพ่ยเพ่ย นางสูงมาก หลิงอวี๋จึงจำนางได้“ไป๋อวี้ มีข่าวคราวพี่ชายข้าแล้วหรือ?” หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างร้อนใจไป๋อวี้ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ท่านหญิงของข้าลงมือเอง หากไม่มีข่าวอะไร จะมิเป็นการรู้สึกผิดต่อเจ้าหรือ!”“วางใจเถิด เราเจอพี่ชายของเจ้าแล้ว และท่านหญิงก็กำลังพาเขากลับมา นางเกรงว่าเจ้าจะกังวล จึงให้ข้าล่วงหน้ามาบอกเจ้าก่อน!”หลิงอวี๋ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็จ้องแล้วเอ่ยถามออกไป “ผู้ใดจับตัวเขาไป?”รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋อวี้จางหายไป แล้วมองหลิงอวี๋อย่างเห็นอกเห็นใจ “ก็เป็
หลิงอวี๋ออกจากบ้าน แล้วก็ตรงไปที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้นางให้คนเฝ้ายามไปรายงานหลงเพ่ยเพ่ย เมื่อคนเฝ้ายามได้ยินว่านางมาหาหลงเพ่ยเพ่ย ก็รีบส่งคนเข้าไปรายงานในทันทีหลิงอวี๋ยืนอยู่ที่หน้าประตู ก่อนหน้านี้นางเคยผ่านจวนเจ้าแห่งทิศใต้ และรู้สึกเพียงว่าจวนเจ้าแห่งทิศใต้นั้นหรูหรามาก นางมิเคยคาดคิดว่าวันหนึ่งตนจะต้องติดต่อกับจวนเจ้าแห่งทิศใต้หลังจากรอไปสักพัก ก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยพานางรับใช้หนึ่งคนเดินออกมาอย่างรีบร้อนเมื่อหลงเพ่ยเพ่ยเห็นหลิงอวี๋ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง “มีเรื่องอันใดหรือ? มิเช่นนั้นมืดค่ำป่านนี้เจ้าก็คงมิมาหาข้ากระมัง!”ความเฉียบแหลมของหลงเพ่ยเพ่ยทำให้หลิงอวี๋รู้สึกชื่นชมยิ่งนัก นางจึงดึงหลงเพ่ยเพ่ยไปยืนด้านข้าง แล้วเอ่ยเบา ๆ “ข้าอยากให้เจ้าช่วย เวลานี้ข้านึกมิออกว่านอกจากเจ้าแล้วจะมีผู้ใดช่วยข้าได้ ข้าจึงมาหาเจ้า!”“เจ้าอย่าได้กังวล บอกข้ามา หากข้าสามารถช่วยได้ข้าก็จะช่วยอย่างแน่นอน!” หลงเพ่ยเพ่ยเอ่ยปลอบใจหลิงอวี๋หายใจเข้าลึก ๆ ระหว่างทางที่มานางได้เตรียมคำพูดไว้แล้ว จึงเอ่ยออกไป “เจ้าก็รู้ว่าข้ามาหาโอกาสที่เมืองหลวงแดนเทพกับพี่ใหญ่ของข้า และพี่ใหญ่ก็เป็นญาติเพียงคนเดี
หลิงอวี๋ยิ้มออกมา ต่อให้นางใจดีแค่ไหนก็มีขอบเขตของตน ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นกับดักแล้วตนจะพาตัวเองเข้าไปได้อย่างไรกัน!หากตนรู้จักฮูหยินเฉิง บางทีอาจจะเสี่ยงไปช่วยชีวิตนาง!แต่ตนกับฮูหยินเฉิงมิได้รู้จักกัน มิรู้ด้วยซ้ำว่านางเป็นคนดีหรือคนเลวแม้ว่าจะเห็นใจฮูหยินเฉิงที่ต้องประสบความทรมานของการเจ็บป่วย แต่นางก็มิใช่แม่พระ มิสามารถไปช่วยชีวิตทุกคนที่เจ็บป่วยได้หรอก!หลิงอวี๋ครุ่นคิดแล้วเอ่ยกับเย่หรง “ในช่วงสองวันนี้ท่านคอยติดตามอาการป่วยของฮูหยินเฉิงไว้ และไปตรวจสอบตัวตนของแม่ทัพเฉิงให้ละเอียดอีกสักหน่อย!”“หากเขาสามารถเป็นสายลับให้ท่านไปช่วยมารดาของท่านออกมาได้จริง ๆ ข้าจะหาวิธีตามหาหลิงอวี๋มาช่วยชีวิตนาง!”สำหรับเย่หรงแล้ว คนที่สำคัญที่สุดนั้นคือมารดาของเขาหากมั่นใจได้ว่าแม่ทัพเฉิงยินดีจะช่วยเป็นสายลับให้เย่หรง ต่อให้หลิงอวี๋ต้องเสี่ยงอันตรายก็จะช่วยเย่หรงทำสิ่งนี้“เจ้ามีวิธีตามหานางหรือ?”เย่หรงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“พี่ชายข้าเก่งเรื่องการสืบหาข่าวมาก บางทีคนที่ผู้อื่นหามิเจอ เขาอาจจะตามหาเจอก็ได้!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “เอาตามนี้ก่อนแล้วกัน หากแม่ทัพเฉิงมิควรเชื่อ
วันรุ่งขึ้นเมื่อหลิงอวี๋ไปที่บ้านตระกูลเย่ นางก็บอกเรื่องหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่ซื่อฝานในบ้านตระกูลเย่นั้นเย่ซื่อฝานจัดการเพียงแค่การปรุงโอสถเท่านั้น มิได้จัดการเรื่องการบริหาร เนื่องจากการบริหารเป็นเรื่องของผู้นำตระกูลแต่ในฐานะที่เย่ซื่อฝานเป็นสมาชิกตระกูลเย่ เขาก็รู้เรื่องภายในบางส่วนเช่นกันเขาจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจัง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดเจ้าแห่งทิศใต้จึงให้หลงเพ่ยเพ่ยมาแสดงความปรารถนาดีต่อเจ้าในเวลานี้?”“ก่อนหน้านี้เขามิได้สนใจการต่อสู้ระหว่างหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ เขาแค่หวังว่าหอโอสถไป๋เป่าจะกดหอโอสถซ่างกู่ลงไปให้ถึงจุดต่ำสุดเสียก่อน จากนั้นก็ค่อยยื่นไมตรี เช่นนี้ก็จะเป็นการช่วยเหลือในยามลำบาก แล้วกูลเย่ของข้าก็จะจงรักภักดีต่อเขาอย่างสุดหัวใจ!”เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินเช่นนั้น จึงเอ่ยขึ้นมา “หากท่านอาจารย์รู้สึกว่ามิเหมาะสม เช่นนั้นข้าก็จะรักษาระยะห่างกับหลงเพ่ยเพ่ยเจ้าค่ะ!”ถึงอย่างไรตอนนี้หลิงอวี๋ก็เป็นศิษย์ของเย่ซื่อฝาน นางจะมิละทิ้งสำนักไปทำดีกับศัตรูของอาจารย์เพื่อความปลอดภัยของตน“ไม่! มิต้อง!”เย่ซื่อฝานส่ายหัวแล้วเอ่ย “เมื่อเทียบกับเจ้าแห่งทะเละชายาเจ้าแห่งทะเล
จงเจิ้งเฟยได้ยินเช่นนั้น ก็เอ่ยขึ้นมา “ใช่แล้ว เมื่อขัดแย้งกันก็ควรจะแก้ปัญหามิใช่สร้างความบาดหมาง ท่านพ่อท่านแม่หลายตระกูลล้วนเป็นมิตรสนิทกัน ไม่มีใครอยากให้คนรุ่นหลังทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตายหรอก!”“ศิษย์พี่หญิง เย่หรงกับเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เจ้าก็ไปโน้มน้าวเขาด้วยเถิด แม้ว่าจะมิยอมแต่งงานกับหยางหงหนิง ก็อย่าได้ทะเลาะกันจนตึงเครียดเกินไปนัก!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าทั้งสองคนล้วนเอ่ยเช่นนี้ นางก็คิดแล้วเอ่ยออกมา “ข้าจะไปคุยกับเย่หรงดู ขอเพียงมิบังคับให้เขาแต่งงานกับหยางหงหนิง ข้าคิดว่าเขาก็น่าจะยอมคืนดี!”“ใช่ แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมมิหวาน พวกเราล้วนรู้เหตุผลข้อนี้ดี เราไม่มีทางไปบังคับให้เย่หรงทำเรื่องเช่นนั้นแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยพยักหน้าแล้วเอ่ย “เจ้ากลับไปโน้มน้าวเย่หรงดูก่อน ประเดี๋ยววันหลังข้าจะจัดงานเลี้ยง เมื่อทุกคนมารวมตัวกัน เช่นนี้พวกเขาก็จะมิอึดอัด แล้วก็ปรับความเข้าใจกันได้!”“อืม!”หลิงอวี๋พยักหน้า และกำลังจะเดินไป หลงเพ่ยเพ่ยก็เรียกนางไว้อีก “สิงอวี๋ ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากับเหมียวหยางผู้เป็นศิษย์ของปรมาจารย์ไป่หลี่ก็ทะเลาะกันหรือ?”“เรื่องนี้ข้าจะยืนอยู่ข้างเจ้า
กระทั่งเดินตามจงเจิ้งเฟยมาถึงในศาลาแห่งหนึ่งของสำนักศึกษาชิงหลง หลงเพ่ยเพ่ยก็รออยู่ที่นั่นแล้วเมื่อเห็นหลิงอวี๋ นางก็มองพิจารณาหลิงอวี๋อย่างสงสัยใคร่รู้อยู่หลายครั้ง ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ข้าได้ยินมาว่า หงหนิงแพ้การประลองปรุงยากับเจ้า ฮ่า ๆ นางหยิ่งทะนงมาโดยตลอด ควรจะมีคนมาทำให้นางรับรู้ได้แล้วว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคนอีก!”“สิงอวี๋ เรื่องสาเหตุและขั้นตอนในการประลองของเจ้ากับหงหนิงนั้นข้ารู้ทั้งหมดแล้ว ข้ามิได้เข้าข้างผู้ใด ข้าคิดว่าเจ้าทำถูกต้องแล้ว หากใครมาใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ข้าก็จะสู้กับนางจนถึงที่สุดเช่นกัน!”หลิงอวี๋ย่อมมิเชื่อหลงเพ่ยเพ่ยเสียทั้งหมดเพราะคำพูดมิกี่คำอยู่แล้ว“คุณหนูหลงมาหาข้ามีธุระอันใดหรือไม่?” หลิงอวี๋เอ่ยถามไปตามตรงหลงเพ่ยเพ่ยยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ข้าชอบผูกมิตร และนิสัยของเจ้าก็ถูกใจข้ายิ่งนัก!”“แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ข้ายังอยากให้เจ้ากับหงหนิงปรับความเข้าใจกันอยู่ หงหนิงมิใช่คนเลว เพียงแต่นางหลงเย่หรงจนหน้ามืดตามัว จึงได้ทำเรื่องโง่ ๆ เหล่านั้นไป!”“ควรจะหาทางแก้ไขมิใช่สร้างความบาดหมางต่อกัน เจ้าเห็นแก่ข้าเถิด อย่าได้ถือสาหาความกับนางเล
เมื่อหลิงอวี๋เห็นหยางหงหนิงก็ตะลึงไปเล็กน้อย แล้วก็นึกถึงคำขู่ที่หยางหงหนิงบอกว่าจะทำให้เย่หรงแต่งงานกับนางให้ได้ภายในหนึ่งเดือนหรือว่าหยางหงหนิงทำมิได้ ในตอนนี้จึงคิดจะมาทำให้ตนลำบาก?“สิงอวี๋ เจ้าจะเป็นศัตรูกับข้าจริง ๆ หรือ?”เป็นดังที่คาด ทันทีที่เอ่ยปากหยางหงหนิงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างก้าวร้าว “เจ้าก็รู้อยู่ว่าข้าชอบเย่หรง เจ้ายังกล้าชวนเขาไปที่ภูเขาหมางหลิ่งด้วยกันอีก เจ้ายังจะเถียงว่าเจ้ามิชอบเขาอีกหรือ!”“ข้าขอเตือนเจ้า อยู่ให้ห่างจากเย่หรง มิฉะนั้นข้าจะมิเกรงใจเจ้าแน่!”หลิงอวี๋หมดคำพูดไปทันที ตนมาที่สำนักศึกษาชิงหลงเพื่อศึกษาเล่าเรียน มิใช่มาแย่งชิงบุรุษกับผู้ใด!ในหัวของหยางหงหนิงนั้นนอกจากเรื่องระหว่างบุรุษกับสตรีแล้ว ก็ไม่มีเรื่องอื่นเลยหรือ?“คุณหนูหยาง ข้าได้แสดงทัศนคติของจ้าไปอย่างชัดเจนแล้ว เย่หรงเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาจะชอบใครก็เป็นอิสระของเขา!”“ข้ามิได้ตั้งใจจะแย่งเขากับเจ้า เจ้าก็อย่ามายุ่งกับข้าเช่นกัน!”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยบอกไปแล้วว่า เจ้าอย่าได้ผลักเขาให้ไกลออกไปเรื่อย ๆ แล้วเจ้าดูพฤติกรรมของเจ้าในตอนนี้สิ แพ้แล้วก็มิรักษาคำพูด แล้ว