“รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย ขอเพียงเรามีศัตรูร่วมกันและสามัคคีกันให้แคว้นผ่านความยากลำบากไปได้ การจะฟื้นฟูแผ่นดินของเราย่อมมีความหวัง!”เซียวหลินเทียนตะโกนออกไปอย่างกระตือรือร้น “ครานี้ตัวข้าจะนำทัพด้วยตัวข้าเอง เอาหัวของข้าเป็นประกันต่อชีวิตของเหล่าทหารของข้า หากมิสามารถตีพ่ายพวกศัตรูได้ ข้าจะมิกลับเมืองหลวง!”“ในภายภาคหน้า ตัวข้าจะนำพาให้พวกเจ้าได้พัฒนาเศรษฐกิจ สร้างยุครุ่งเรืองที่แคว้นมั่งคั่งและราษฎรเข้มแข็ง...”“ต้นไม้ต้นเดียวยากที่จะเป็นป่า ธนูสิบดอกยากที่จะหัก แต่เมื่อทุกคนช่วยกันเติมเชื้อเพลิงไฟก็จะลุกโชน...”“ตอนนี้พวกเจ้าบอกข้ามาว่า ครอบครัวฉินตะวันตกสามารถร่วมแรงร่วมใจกันได้หรือไม่?”ราษฎรและบัณฑิตที่ยังคงอยู่ในเมืองหลวงได้ยินคำพูดปลุกใจของเซียวหลินเทียนต่างก็ตื่นตัวด้วยความกระตือรือร้นเมื่อก่อนเมื่อเจอสงคราม ราชสำนักไม่มีทางมาอธิบายกับราษฎรแต่จักรพรรดิเซิ่งอู่มิเพียงแต่ออกจากวังมาอธิบายด้วยตนเอง แต่ยังรีบไปที่แนวหน้าเพื่อนำทัพด้วยตนเองทันทีด้วย มีจักรพรรดิเช่นนี้ช่างเป็นความโชคดีของพวกเขาจริง ๆ!“ได้!”มิรู้ว่าใครเป็นผู้นำตะโกนคนแรก แล้วราษฎรเหล่านั้นก็ตะโกนตาม ๆ
การกระทำของเซียวหลินเทียนค่อนข้างจะดูโง่เขลา แต่กลับซื่อตรงจนทำให้หลิงอวี๋รู้สึกอบอุ่นจักรพรรดิที่น่าเกรงขามในตำหนักกระดิ่งทอง กลับมาทำท่าทางน่ารักเช่นนี้เพื่อปลอบตน แล้วนางจะพูดอะไรได้อีก!เซียวหลินเทียนทำท่าทีเช่นนี้ก็เพื่อลดความกังวลของนาง นางจึงทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น!“เซียวหลินเทียน!”หลิงอวี๋คว้าชายเสื้อของเขาเอาไว้แล้วช้อนตามองเขา จากนั้นก็เอ่ยอย่างตั้งใจ “รับปากหม่อมฉันว่าจะต้องดูแลตนเองให้ดี อย่าไปเสี่ยงง่าย ๆ!”“มิเพียงแต่ราษฎรที่ต้องการท่าน หม่อมฉันกับเยวี่ยเยวี่ยเองก็ต้องการท่านเช่นกัน!”เมื่อชาติก่อนหลิงอวี๋มิได้แต่งงาน นี่เป็นครั้งแรกที่นางมีประสบการณ์ในการส่งสามีของตนไปออกรบด้านหน้ามีหมาป่าด้านหลังก็มีเสือ นางรู้ว่าเซียวหลินเทียนไปครั้งนี้จะมีอันตรายมาก แล้วจะวางใจได้อย่างไร!“อาอวี๋ วางใจเถิด ข้าจะต้องดูแลตัวข้าเองให้ดีเพื่อพวกเจ้า!”เซียวหลินเทียนโอบหลิงอวี๋ไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าของเขาก็เทินไปที่บนไหล่ของนางเมื่อก่อนเมื่อไปออกรบ ไม่มีคนที่ใกล้ชิดส่งตนไป และไม่มีผู้ใดห่วงเรื่องความปลอดภัยของเขาจากใจจริงตอนนี้ เขามีภรรยาและลูกชาย พวกเขาคือความห่วงใย
“ปู๊น… ปู๊น...”เสียงแตรออกเดินทางของกองทัพใหญ่ดังขึ้น เหล่าแม่ทัพของแต่ละกองทัพที่รวมตัวกันอยู่ที่จัตุรัสวังหลวงก็พากองทัพของตนออกเดินทางเซียวหลินเทียนนำทัพอยู่ด้านหน้า เขาสวมสุดเกราะสีดำเงางาม ตรงบ่ามีหัวมังกรสีเงินอยู่สองหัว ดูมีอำนาจน่าเกรงขามมากเขาขี่ม้ากีบขาวที่ชนะมาจากองค์ชายคังนำอยู่หน้ากองทัพท่าทียิ่งใหญ่น่าเกรงขามนั้นทำให้ราษฎรที่มาส่งอยู่ตลอดข้างทางเห็นแล้วรู้สึกตื่นตัว“ขอให้องค์จักรพรรดิจงสำเร็จลุล่วง ได้ชัยชนะตั้งแต่เริ่มและนำชัยชนะกลับมา...”มิรู้ว่าใครเป็นผู้นำตะโกนในหมู่ฝูงชน จากนั้นราษฎรเหล่านั้นก็พากันตะโกนโหวกเหวกกันขึ้นมา“ขอให้องค์จักรพรรดิก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้...”“ขอองค์จักรพรรดิทรงดูแลพระวรกายให้ดี พวกเราจะรอพระองค์เสด็จกลับมา...”“องค์จักรพรรดิสู้ ๆ ฉินตะวันตกสู้ ๆ!”เสียงคำอวยพรวุ่นวายเหล่านั้นมิได้เป็นระเบียบใด ๆ แต่เซียวหลินเทียนกับทหารเหล่านั้นล้วนได้ยินเสียงในใจของพวกเขา สิ่งนี้ล้วนเป็นคำอวยพรที่ตั้งตารอให้พวกเขาชนะ!“องค์จักรพรรดิสู้ ๆ… ฉินตะวันตกสู้ ๆ!”คำอวยพรสุดท้ายเหล่านี้รวมกันเป็นประโยคเหล่านี้ที่ติดตามพวกเ
ฮูหยินเผยที่ตามเข้ามาได้ยินคำพูดของเผยอวี้ก็หน้ามืด โกรธจนแทบจะเป็นลมล้มพับไปหลิงหว่านมีอะไรดีนัก คู่ควรกับการที่ลูกชายของตนต้องทำเพื่อนางถึงขั้นนี้เชียวหรือ!ฮูหยินผู้เฒ่าเผยเองก็ตกใจเช่นกันเผยอวี้เป็นคนที่มีอนาคตไกลที่สุดในบรรดาลูกหลานของตระกูล พวกเขาฝากความหวังแห่งเกียรติยศตระกูลไว้ที่เผยอวี้การบีบให้เผยอวี้ออกบวชเป็นเรื่องที่ไม่มีใครในพวกเขาอยากจะเห็นแต่ฮูหยินผู้เฒ่าเผยกับใต้เท้าเผยล้วนรู้จักเผยอวี้ดี เขามิใช่คนที่พูดอะไรออกมาลอย ๆหากบีบบังคับเขาจริง ๆ เขาจะต้องออกบวชเป็นแน่!หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าเผยหารือกับใต้เท้าเผย ก็ตัดสินใจว่า ในยามนี้จะมิพูดเรื่องแต่งงานกับเผยอวี้ และให้ปล่อยผ่านไปก่อน!เมื่อผ่านไปสักปีครึ่ง เผยอวี้อาจจะรู้ว่าหลิงหว่านมิดีแล้วเปลี่ยนใจก็ได้หลังจากนั้นเผยอวี้ก็ไปหาหลิงหว่านที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน แต่ก็ถูกท่านอดีตเสนาบดีปฏิเสธมิให้เข้าโดยอ้างว่าหลิงหว่านไปจัดการเรื่องให้นางซุนที่บ้านเกิดตลอดเรื่องที่นางซุนแกล้งตายนั้นนอกจากท่านอดีตเสนาบดี หลิงเสียงกัง หลิงอวี๋และพวกเซียวหลินเทียนมิกี่คนที่รู้ คนอื่น ๆ ก็ไม่มีผู้ใดรู้อีกเผยอวี้เองก็เชื่อว่าเ
หลิงหว่านพูดจบก็เปลี่ยนเรื่องแล้วเอ่ยเสียงเรียบ“กู่อี๋เหนียง ฝากท่านดูแลจวนนี้ด้วย ข้าจะเก็บข้าวของไปที่อยู่ที่ไร่นา...”“ข้าจะบอกท่านว่าข้ามีวัวนมอยู่ห้าตัวแล้ว รอให้วัวนมสามารถรีดนมได้ตามปกติก่อนแล้วข้าจะให้คนส่งนมวัวมาให้ท่านดื่ม!”ครานี้หลิงหว่านตั้งใจแน่วแน่ว่าจะพัฒนาธุรกิจของตน แล้วก็ได้รับการสนับสนุนจากหลิงเสียงกังด้วย ดังนั้นนางจึงเอากำไรของโรงงานเวชสำอางไปเพาะเลี้ยงวัวนมนางจะเป็นผู้นำในการส่งเสริมแผนการเลี้ยงวัวนมให้กับหลิงอวี๋หลิงหว่านพูดถึงวัวของตนแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นและร่าเริงขึ้นมากู่ซุ่ยได้ยินดังนั้นก็วางใจอยู่เงียบ ๆดูท่าทาง คุณหนูใหญ่จะเดินออกจากเงามืดของการถอนหมั้นแล้วจริง ๆ หากฮองเฮารู้ว่านางดีขึ้นแล้วจะต้องดีใจอย่างแน่นอน......เมื่อเซียวหลินเทียนไป หลิงอวี๋ก็ทำงานทันทีนางต้องเร่งให้กรมกลาโหมกับกรมพระคลังเตรียมจัดหาเสบียง ทั้งยังต้องจัดหาที่อยู่ให้บัณฑิตที่สอบคัดเลือกขุนนางช่วงวสันตฤดูที่เซียวหลินเทียนยังมิทันได้หาตำแหน่งให้ครบด้วยทางด้านการจัดหาเสบียงมีหลี่ว์เซียงกับฉินซานจับตาดูด้วยตนเองอยู่ หลิงอวี๋จึงสบายไปได้มากแต่การรับตำแหน่งของขุนนางที่สอ
ก่อนการฝึกอบรมสิบนาที หลิงอวี๋ก็พาพวกนางรับใช้มานางมิได้สวมชุดทางการของฮองเฮา ใส่เพียงเสื้อแขนเล็กคอกลมสีม่วงเข้มที่ดูเรียบง่ายเท่านั้น ทรงผมก็แค่มวยผมแบบเรียบง่ายในความสดใสของนางนั้นมีกลิ่นอายแห่งความสูงส่งแผ่ออกมาด้วยนางเดินตรงไปที่แท่นบรรยายแล้วมองลงไป ขุนนางใหม่กว่าเก้าสิบห้าส่วนรวมกันอยู่ที่นี่แล้ว มีที่นั่งว่างเพียงมิกี่ที่เท่านั้นส่วนทางด้านขุนนางเก่ามีที่ว่างอยู่มากหลิงอวี๋ให้ขุนนางเก่ามาเข้าร่วมด้วยความสมัครใจ แต่กับขุนนางใหม่ต้องการให้เข้าร่วมแบบครบถ้วนเมื่อเห็นที่ว่างหลายที่ หลิงอวี๋ก็ยิ้มเย็นชาแม้ว่าบัณฑิตเหล่านี้จะนับว่าเป็นศิษย์ของจักรพรรดิ แต่ก็มิใช่ทุกคนที่ภักดีต่อเซียวหลินเทียนมิเข้าร่วมการฝึกอบรมก็ช่าง แต่ก่อนหน้านี้ตนได้ระบุไว้แล้วว่าทุกคนต้องมา พวกเขาก็ยังกล้าที่จะมิมา นี่มิใช่การดูถูกตนและอยากจะทดสอบความสามารถของตนหรือ?“รองเจ้ากรมหวง ขุนนางหลายคนที่มิมานี้คนของเจ้าได้แจ้งแล้วใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋ซักถามรองเจ้ากรมหวงจากกรมพระคลังที่รับผิดชอบการจัดฝึกอบรมในครั้งนี้รองเจ้ากรมหวงทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็คิดว่า หลังจากจับตัว
“ให้เกียรติอาจารย์และเคารพหลักการ ครั้นพวกเจ้าได้เริ่มเล่าเรียนเมื่อตอนสามขวบ บิดามารดาและอาจารย์ของพวกเจ้าเคยสอนหลักการนี้ ข้ายืนอยู่ในห้องเรียนนี้ก็คืออาจารย์ของพวกเจ้า!”“ยังมิต้องพูดถึงว่าข้ามีความสามารถที่จะสอนอะไรพวกเจ้าหรือไม่ แต่อย่างน้อยพวกเจ้าก็ควรรู้มารยาทในการเคารพอาจารย์ใช่หรือไม่?”การตั้งคำถามของหลิงอวี๋ทำให้ขุนนางบางส่วนก้มหน้าลงอย่างอับอายและบางคนก็มิเห็นด้วย จอหงวนสือเฉินทนมิไหวบ่นพึมพำออกมา “นั่นมิใช่เพราะท่านจัดการมิเป็นธรรมจึงทำให้ทุกคนโกรธหรือ!”หลิงอวี๋มีความสามารถในการได้ยินเหนือผู้อื่นจึงได้ยินคำพูดของสือเฉินทันที นางจึงเอ่ยด้วยเสียงดัง “สือเฉินลุกขึ้น แล้วพูดคำที่เจ้าพูดออกมาเมื่อครู่อีกครั้งดัง ๆ ให้ทุกคนฟังเสีย!”สือเฉินเองก็เป็นคนตรงไปตรงมาเช่นกัน จึงยืนขึ้นแล้วพูดซ้ำด้วยเสียงอันดังโดยมิกลัวใด ๆหลิงอวี๋มิได้โมโห นางชื่นชมคนที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้นางพยักหน้า “นั่งลง!”“พวกเจ้าทั้งหลาย ในเมื่อพวกเจ้าล้วนรู้สึกว่า การจัดการของข้ามิยุติธรรม เช่นนั้นจะถามคำถามพวกเจ้าสักสองสามข้อ ขอเพียงคำตอบของพวกเจ้าได้รับการยอมรับจากทุกคน ข้าจะถอนการลงโทษพวกเขา!”“การ
คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้ขุนนางใหม่ทั้งหมดเงียบลง แม้แต่พวกสือเฉินก็มิสามารถตอบโต้ได้คนที่ขาดหายไปเหล่านี้อยากจะทดสอบความสามารถของหลิงอวี๋ แต่หลิงอวี๋จัดการเรื่องบ้านเมืองแทนเซียวหลินเทียน คำพูดของนางจึงเป็นดั่งพระราชโองการหากหลิงอวี๋ยกการกระทำของพวกที่ขาดไปไว้ในระดับสูง คนที่ขาดไปก็จะกลายเป็นผู้ที่มิปฏิบัติตามพระราชโองการ และสามารถถูกประหารได้!แต่หลิงอวี๋ถอนตำแหน่งของพวกเขาก็เพราะเห็นแก่ที่พวกเขาร่ำเรียนกันมาอย่างยากลำบาก“คำถามข้อสุดท้าย!”หลิงอวี๋ชี้ที่ทั่นฮวาฟางฮ่าว “มิเข้าร่วมการฝึกอบรม เจ้าจะรู้ว่าจะเป็นขุนนางได้อย่างไรหรือไม่?”ฟางฮ่าวลุกขึ้นแล้วเอ่ยเสียงดัง “การเป็นขุนนางคือการทำเพื่อแคว้นและราษฎร ทำความคุ้นเคยกับกฎหมาย ตัดสินใจเพื่อราษฎร รักษาความมั่นคง มิรับสินบนและบิดเบือนกฎหมาย มิใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน!”หลิงอวี๋ยิ้มออกมา “คำจำกัดความของขุนนางที่ดีเป็นอย่างที่เจ้าคิดเช่นนี้หรือ?”นางมองไปที่ทุกคน บนใบหน้าของขุนนางจำนวนมากล้วนแสดงท่าทีเห็นด้วยกับคำตอบของฟางฮ่าวหลิงอวี๋มองใบหน้าที่อ่อนเยาว์ต่าง ๆ เหล่านั้น เจตนาเดิมของนางคือฝึกอบรมเสาหลักชุดแรกของฉินตะวันตก คน
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต