“ปู๊น… ปู๊น...”เสียงแตรออกเดินทางของกองทัพใหญ่ดังขึ้น เหล่าแม่ทัพของแต่ละกองทัพที่รวมตัวกันอยู่ที่จัตุรัสวังหลวงก็พากองทัพของตนออกเดินทางเซียวหลินเทียนนำทัพอยู่ด้านหน้า เขาสวมสุดเกราะสีดำเงางาม ตรงบ่ามีหัวมังกรสีเงินอยู่สองหัว ดูมีอำนาจน่าเกรงขามมากเขาขี่ม้ากีบขาวที่ชนะมาจากองค์ชายคังนำอยู่หน้ากองทัพท่าทียิ่งใหญ่น่าเกรงขามนั้นทำให้ราษฎรที่มาส่งอยู่ตลอดข้างทางเห็นแล้วรู้สึกตื่นตัว“ขอให้องค์จักรพรรดิจงสำเร็จลุล่วง ได้ชัยชนะตั้งแต่เริ่มและนำชัยชนะกลับมา...”มิรู้ว่าใครเป็นผู้นำตะโกนในหมู่ฝูงชน จากนั้นราษฎรเหล่านั้นก็พากันตะโกนโหวกเหวกกันขึ้นมา“ขอให้องค์จักรพรรดิก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้...”“ขอองค์จักรพรรดิทรงดูแลพระวรกายให้ดี พวกเราจะรอพระองค์เสด็จกลับมา...”“องค์จักรพรรดิสู้ ๆ ฉินตะวันตกสู้ ๆ!”เสียงคำอวยพรวุ่นวายเหล่านั้นมิได้เป็นระเบียบใด ๆ แต่เซียวหลินเทียนกับทหารเหล่านั้นล้วนได้ยินเสียงในใจของพวกเขา สิ่งนี้ล้วนเป็นคำอวยพรที่ตั้งตารอให้พวกเขาชนะ!“องค์จักรพรรดิสู้ ๆ… ฉินตะวันตกสู้ ๆ!”คำอวยพรสุดท้ายเหล่านี้รวมกันเป็นประโยคเหล่านี้ที่ติดตามพวกเ
ฮูหยินเผยที่ตามเข้ามาได้ยินคำพูดของเผยอวี้ก็หน้ามืด โกรธจนแทบจะเป็นลมล้มพับไปหลิงหว่านมีอะไรดีนัก คู่ควรกับการที่ลูกชายของตนต้องทำเพื่อนางถึงขั้นนี้เชียวหรือ!ฮูหยินผู้เฒ่าเผยเองก็ตกใจเช่นกันเผยอวี้เป็นคนที่มีอนาคตไกลที่สุดในบรรดาลูกหลานของตระกูล พวกเขาฝากความหวังแห่งเกียรติยศตระกูลไว้ที่เผยอวี้การบีบให้เผยอวี้ออกบวชเป็นเรื่องที่ไม่มีใครในพวกเขาอยากจะเห็นแต่ฮูหยินผู้เฒ่าเผยกับใต้เท้าเผยล้วนรู้จักเผยอวี้ดี เขามิใช่คนที่พูดอะไรออกมาลอย ๆหากบีบบังคับเขาจริง ๆ เขาจะต้องออกบวชเป็นแน่!หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าเผยหารือกับใต้เท้าเผย ก็ตัดสินใจว่า ในยามนี้จะมิพูดเรื่องแต่งงานกับเผยอวี้ และให้ปล่อยผ่านไปก่อน!เมื่อผ่านไปสักปีครึ่ง เผยอวี้อาจจะรู้ว่าหลิงหว่านมิดีแล้วเปลี่ยนใจก็ได้หลังจากนั้นเผยอวี้ก็ไปหาหลิงหว่านที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน แต่ก็ถูกท่านอดีตเสนาบดีปฏิเสธมิให้เข้าโดยอ้างว่าหลิงหว่านไปจัดการเรื่องให้นางซุนที่บ้านเกิดตลอดเรื่องที่นางซุนแกล้งตายนั้นนอกจากท่านอดีตเสนาบดี หลิงเสียงกัง หลิงอวี๋และพวกเซียวหลินเทียนมิกี่คนที่รู้ คนอื่น ๆ ก็ไม่มีผู้ใดรู้อีกเผยอวี้เองก็เชื่อว่าเ
หลิงหว่านพูดจบก็เปลี่ยนเรื่องแล้วเอ่ยเสียงเรียบ“กู่อี๋เหนียง ฝากท่านดูแลจวนนี้ด้วย ข้าจะเก็บข้าวของไปที่อยู่ที่ไร่นา...”“ข้าจะบอกท่านว่าข้ามีวัวนมอยู่ห้าตัวแล้ว รอให้วัวนมสามารถรีดนมได้ตามปกติก่อนแล้วข้าจะให้คนส่งนมวัวมาให้ท่านดื่ม!”ครานี้หลิงหว่านตั้งใจแน่วแน่ว่าจะพัฒนาธุรกิจของตน แล้วก็ได้รับการสนับสนุนจากหลิงเสียงกังด้วย ดังนั้นนางจึงเอากำไรของโรงงานเวชสำอางไปเพาะเลี้ยงวัวนมนางจะเป็นผู้นำในการส่งเสริมแผนการเลี้ยงวัวนมให้กับหลิงอวี๋หลิงหว่านพูดถึงวัวของตนแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นและร่าเริงขึ้นมากู่ซุ่ยได้ยินดังนั้นก็วางใจอยู่เงียบ ๆดูท่าทาง คุณหนูใหญ่จะเดินออกจากเงามืดของการถอนหมั้นแล้วจริง ๆ หากฮองเฮารู้ว่านางดีขึ้นแล้วจะต้องดีใจอย่างแน่นอน......เมื่อเซียวหลินเทียนไป หลิงอวี๋ก็ทำงานทันทีนางต้องเร่งให้กรมกลาโหมกับกรมพระคลังเตรียมจัดหาเสบียง ทั้งยังต้องจัดหาที่อยู่ให้บัณฑิตที่สอบคัดเลือกขุนนางช่วงวสันตฤดูที่เซียวหลินเทียนยังมิทันได้หาตำแหน่งให้ครบด้วยทางด้านการจัดหาเสบียงมีหลี่ว์เซียงกับฉินซานจับตาดูด้วยตนเองอยู่ หลิงอวี๋จึงสบายไปได้มากแต่การรับตำแหน่งของขุนนางที่สอ
ก่อนการฝึกอบรมสิบนาที หลิงอวี๋ก็พาพวกนางรับใช้มานางมิได้สวมชุดทางการของฮองเฮา ใส่เพียงเสื้อแขนเล็กคอกลมสีม่วงเข้มที่ดูเรียบง่ายเท่านั้น ทรงผมก็แค่มวยผมแบบเรียบง่ายในความสดใสของนางนั้นมีกลิ่นอายแห่งความสูงส่งแผ่ออกมาด้วยนางเดินตรงไปที่แท่นบรรยายแล้วมองลงไป ขุนนางใหม่กว่าเก้าสิบห้าส่วนรวมกันอยู่ที่นี่แล้ว มีที่นั่งว่างเพียงมิกี่ที่เท่านั้นส่วนทางด้านขุนนางเก่ามีที่ว่างอยู่มากหลิงอวี๋ให้ขุนนางเก่ามาเข้าร่วมด้วยความสมัครใจ แต่กับขุนนางใหม่ต้องการให้เข้าร่วมแบบครบถ้วนเมื่อเห็นที่ว่างหลายที่ หลิงอวี๋ก็ยิ้มเย็นชาแม้ว่าบัณฑิตเหล่านี้จะนับว่าเป็นศิษย์ของจักรพรรดิ แต่ก็มิใช่ทุกคนที่ภักดีต่อเซียวหลินเทียนมิเข้าร่วมการฝึกอบรมก็ช่าง แต่ก่อนหน้านี้ตนได้ระบุไว้แล้วว่าทุกคนต้องมา พวกเขาก็ยังกล้าที่จะมิมา นี่มิใช่การดูถูกตนและอยากจะทดสอบความสามารถของตนหรือ?“รองเจ้ากรมหวง ขุนนางหลายคนที่มิมานี้คนของเจ้าได้แจ้งแล้วใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋ซักถามรองเจ้ากรมหวงจากกรมพระคลังที่รับผิดชอบการจัดฝึกอบรมในครั้งนี้รองเจ้ากรมหวงทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็คิดว่า หลังจากจับตัว
“ให้เกียรติอาจารย์และเคารพหลักการ ครั้นพวกเจ้าได้เริ่มเล่าเรียนเมื่อตอนสามขวบ บิดามารดาและอาจารย์ของพวกเจ้าเคยสอนหลักการนี้ ข้ายืนอยู่ในห้องเรียนนี้ก็คืออาจารย์ของพวกเจ้า!”“ยังมิต้องพูดถึงว่าข้ามีความสามารถที่จะสอนอะไรพวกเจ้าหรือไม่ แต่อย่างน้อยพวกเจ้าก็ควรรู้มารยาทในการเคารพอาจารย์ใช่หรือไม่?”การตั้งคำถามของหลิงอวี๋ทำให้ขุนนางบางส่วนก้มหน้าลงอย่างอับอายและบางคนก็มิเห็นด้วย จอหงวนสือเฉินทนมิไหวบ่นพึมพำออกมา “นั่นมิใช่เพราะท่านจัดการมิเป็นธรรมจึงทำให้ทุกคนโกรธหรือ!”หลิงอวี๋มีความสามารถในการได้ยินเหนือผู้อื่นจึงได้ยินคำพูดของสือเฉินทันที นางจึงเอ่ยด้วยเสียงดัง “สือเฉินลุกขึ้น แล้วพูดคำที่เจ้าพูดออกมาเมื่อครู่อีกครั้งดัง ๆ ให้ทุกคนฟังเสีย!”สือเฉินเองก็เป็นคนตรงไปตรงมาเช่นกัน จึงยืนขึ้นแล้วพูดซ้ำด้วยเสียงอันดังโดยมิกลัวใด ๆหลิงอวี๋มิได้โมโห นางชื่นชมคนที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้นางพยักหน้า “นั่งลง!”“พวกเจ้าทั้งหลาย ในเมื่อพวกเจ้าล้วนรู้สึกว่า การจัดการของข้ามิยุติธรรม เช่นนั้นจะถามคำถามพวกเจ้าสักสองสามข้อ ขอเพียงคำตอบของพวกเจ้าได้รับการยอมรับจากทุกคน ข้าจะถอนการลงโทษพวกเขา!”“การ
คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้ขุนนางใหม่ทั้งหมดเงียบลง แม้แต่พวกสือเฉินก็มิสามารถตอบโต้ได้คนที่ขาดหายไปเหล่านี้อยากจะทดสอบความสามารถของหลิงอวี๋ แต่หลิงอวี๋จัดการเรื่องบ้านเมืองแทนเซียวหลินเทียน คำพูดของนางจึงเป็นดั่งพระราชโองการหากหลิงอวี๋ยกการกระทำของพวกที่ขาดไปไว้ในระดับสูง คนที่ขาดไปก็จะกลายเป็นผู้ที่มิปฏิบัติตามพระราชโองการ และสามารถถูกประหารได้!แต่หลิงอวี๋ถอนตำแหน่งของพวกเขาก็เพราะเห็นแก่ที่พวกเขาร่ำเรียนกันมาอย่างยากลำบาก“คำถามข้อสุดท้าย!”หลิงอวี๋ชี้ที่ทั่นฮวาฟางฮ่าว “มิเข้าร่วมการฝึกอบรม เจ้าจะรู้ว่าจะเป็นขุนนางได้อย่างไรหรือไม่?”ฟางฮ่าวลุกขึ้นแล้วเอ่ยเสียงดัง “การเป็นขุนนางคือการทำเพื่อแคว้นและราษฎร ทำความคุ้นเคยกับกฎหมาย ตัดสินใจเพื่อราษฎร รักษาความมั่นคง มิรับสินบนและบิดเบือนกฎหมาย มิใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน!”หลิงอวี๋ยิ้มออกมา “คำจำกัดความของขุนนางที่ดีเป็นอย่างที่เจ้าคิดเช่นนี้หรือ?”นางมองไปที่ทุกคน บนใบหน้าของขุนนางจำนวนมากล้วนแสดงท่าทีเห็นด้วยกับคำตอบของฟางฮ่าวหลิงอวี๋มองใบหน้าที่อ่อนเยาว์ต่าง ๆ เหล่านั้น เจตนาเดิมของนางคือฝึกอบรมเสาหลักชุดแรกของฉินตะวันตก คน
ตอนบ่ายหลิงอวี๋ก็ยังเป็นผู้บรรยายหลักขุนนางพวกของจ้าวฮุยออกไปหลายคน เดิมทีพวกเขาตั้งตารอให้ขุนนางใหม่เหล่านี้ทำให้หลิงอวี๋ลำบาก แต่เมื่อเห็นว่าพวกเขามิทำอะไร จึงมิเต็มใจที่จะฟังหลิงอวี๋พูดเรื่องไร้สาระอีกต่อไปสำหรับพวกเขา คำพูดทั้งหมดของหลิงอวี๋ล้วนเป็นคำพูดเลื่อนลอย มิได้มีอะไรที่ใช้ประโยชน์ได้จริงในตอนบ่ายหลิงอวี๋บรรยายเรื่องเศรษฐกิจ เริ่มตั้งแต่ห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนม และปลูกฝังความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจให้กับขุนนางเหล่านี้นางยังมุ่งเน้นไปที่เอกลักษณ์เฉพาะถิ่นจำนวนมากด้วย เอ่ยถึงวิธีการต่าง ๆ ที่เหมาะกับการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นเมื่อบรรยายช่วงบ่ายเสร็จ ขุนนางเหล่านี้ก็มิกล้าพูดว่าการฝึกอบรมมิจำเป็นอีกแล้วความรู้ที่พวกเขาเรียนในวันนี้ดียิ่งกว่าการร่ำเรียนอย่างยากลำบากมาเป็นสิบปีอีกความรู้กว้างขวางของหลิงอวี๋ทำให้พวกเขานับถือกระทั่งเลิกเรียน สือเฉินก็เป็นผู้นำวิ่งไปขอโทษหลิงอวี๋อย่างเป็นทางการสำหรับการไร้มารยาทในตอนเช้ามีขุนนางหลายคนฟังเรื่องเศรษฐกิจของหลิงอวี๋ ทั้งยังเชื่อมโยงถึงเมืองที่ตนได้รับมอบหมายก็เข้าใจที่หลิงอวี๋ทำการปรับเปลี่ยนใหม่ว่ามิได้ทำ
วันที่สองของการฝึกอบรม ขุนนางใหม่เหล่านี้เต็มไปด้วยพลัง มาถึงที่ตำหนักเจาฮุยกันแต่เช้าแล้วรอคอยการบรรยายของหลิงอวี๋เพียงแต่วันนี้หลิงอวี๋มิได้บรรยาย แต่เชิญขุนนางจากหกกรมมาบรรยายให้ขุนนางใหม่เหล่านี้แทนขุนนางหกสำนักที่ได้รับเชิญมาเป็นพิเศษเหล่านี้ เมื่อวานล้วนมานั่งฟังการบรรยายของหลิงอวี๋ พวกเขาก็กลับไปทำการปรับเปลี่ยนเนื้อหาการบรรยายของตนด้วยฮองเฮาเป็นคนที่ปฏิบัติเป็นรูปธรรม นางมิอยากฟังเนื้อหาที่ดูดีแต่ไร้ประโยชน์ ขุนนางเหล่านี้บรรยายอย่างสุดความสามารถ วันนี้หลิงอวี๋เองก็มาเข้าร่วมการฝึกอบรมในฐานะบัณฑิตแล้วนั่งฟังอยู่แถวหลังด้วยนางต้องจัดการเรื่องบ้านเมือง จึงต้องชดเชยความรู้ที่ตนขาดไปนางก็ตั้งใจฟังและทำการจดบันทึกเหมือนกับขุนนางเหล่านี้ภาพนี้ทำให้บรรดาขุนนางใหม่เห็นแล้วก็เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคำพูดที่ว่า หากมิตั้งใจเรียนรู้ก็จะถูกทิ้งให้ล้าหลังหลิงอวี๋มีความรู้กว้างขวางกว่าพวกเขาทุกคน แต่กลับมิอวดดี ยังคงพยายามเรียนรู้ในสิ่งที่ตนมิคุ้นเคยพวกฉินซานก็ยิ่งนับถือหลิงอวี๋ โดยเฉพาะฉินซาน เขาเห็นหลิงอวี๋จากสตรีที่ไม่มีความรู้และทุกคนต่างรังเกียจจนมีการเปลี่ยนแปลงไปทีละขั้น
องค์ชายเย่กังวลว่าอาศัยท่าทางเพียงอย่างเดียว หากถึงยามสถานการณ์เร่งด่วน แล้วคนของแม่นมหนานจับตาดูอย่างใกล้ชิดเกินไป เขาจะไม่มีโอกาสเตือนหลิงอวี๋ล่วงหน้า!องค์ชายเย่อยากเขียนจดหมายเตือนหลิงอวี๋ แต่ค้นทั่วทั้งบ้านก็มิพบกระดาษหรือปากกา สุดท้ายก็เห็นถ่านชิ้นเล็ก ๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง จึงหยิบขึ้นมา ดูว่าพรุ่งนี้จะมีโอกาสหากระดาษได้หรือไม่ในที่สุดองค์ชายเย่ก็ฉวยโอกาสตอนเข้าห้องน้ำหากระดาษเจอแผ่นหนึ่ง เขากังวลว่าแม่นมหนานจะค้นตัวก่อนออกเดินทาง จึงมิได้เขียนอะไรวันรุ่งขึ้นขณะออกเดินทางจึงถือโอกาสขี่ม้ารีบเขียนข้อความลวก ๆกระทั่งตอนที่องครักษ์ทั้งสองที่เฝ้าดูเขาไปที่วังพร้อมกับเขา องค์ชายเย่เห็นขอทานอยู่ริมถนน เขาจึงหยิบกระดาษขึ้นมาแล้วใช้กำลังภายในโยนมันเข้าไปในอ้อมแขนของขอทานขอทานตกใจครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วก็เผยฟันเหลืองยิ้มและจะทักทาย องค์ชายเย่รีบส่งสายตาให้เขา อาศัยตอนที่องครักษ์มิเห็นปั้นกระดาษเป็นก้อนแล้วบอกไปว่า ‘เผยอวี้’ขอทานเหล่านี้หลายคนรู้จักองค์ชายเย่ เพราะจูหลานมักจะให้โจ๊กแก่พวกเขาและเมื่อมีงานก็จะแนะนำให้พวกเขาไปทำดังนั้นองค์ชายเย่จึงสามารถสั่งขอทานจำนวนมากในบร
สำหรับจูหลานและองค์ชายเย่แล้ว นี่เป็นตัวเลือกที่ยากยิ่งนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับจูหลาน เสี่ยวเป่าคือเลือดเนื้อของนางที่นางแลกมาด้วยชีวิตนางกับเสี่ยวเป่าอยู่ด้วยกันตลอดเวลา นางเป็นคนแรกที่ได้เห็นทุกการเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวเป่าการต้องให้เสี่ยวเป่าตายจะทำให้ใจนางแตกสลายอย่างมิต้องสงสัย!แต่จูหลานรู้ว่านางต้องเลือกที่จะปกป้องหลิงอวี๋มีเพียงการปกป้องหลิงอวี๋ไว้เท่านั้น ทุกคนจึงจะมีอนาคตได้องค์ชายคังสามารถโจมตีเด็กที่อายุน้อยเท่ากับเสี่ยวเปาได้อย่างโหดร้ายเช่นนี้ พวกเขาจะกล้ามอบชีวิตของตนไว้ในมือขององค์ชายคังได้อย่างไร!“องค์ชาย เราทำเช่นนี้เถิดเพคะ...”จูหลานกระซิบแผนการของนางที่หูขององค์ชายเย่ แล้วสุดท้ายก็เอ่ยอย่างหนักแน่น “พวกเขาให้ท่านไปหลอกล่อฮองเฮา ท่านก็ไป แล้วคิดหาวิธีเตือนพระนางว่ามีอันตราย!”“ฮองเฮาเป็นคนที่ปราดเปรื่องที่สุดที่หม่อมฉันเคยเห็นมา ท่านจะต้องมีวิธีช่วยเสี่ยวเป่าได้อย่างแน่นอน!”“องค์ชาย สิ่งนี้มิเพียงเกี่ยวข้องกับชีวิตคนในครอบครัวของเราเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนนับหมื่นนับพันคนด้วย หม่อมฉันเชื่อว่าท่านทำได้เพคะ!”องค์ชายเย่รู้สึกถึงความก
“องค์ชาย หากท่านมิทำตามคำสั่งของพวกเขา เสี่ยวเป่าก็จะตายเพคะ!”จูหลานร้องไห้แล้วเอ่ย “คราก่อนหมอบอกว่าหม่อมฉันมิสามารถมีลูกได้อีกแล้วมิใช่หรือ? เรามีเพียงลูกชายคนนี้เท่านั้น จะปล่อยให้เขาตายมิได้นะเพคะ!”องค์ชายเย่รู้สึกเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง หลังจากได้ยินคำพูดของจูหลานก็รู้สึกสับสนเล็กน้อยครั้งที่แล้วหลิงอวี๋บอกว่า จูหลานได้รับบาดเจ็บตอนที่ให้กำเนิดเสี่ยวเป่า ยังมีลูกมิได้ในตอนนี้ แต่มิได้บอกว่าจูหลานมิสามารถมีลูกได้อีกในภายภาคหน้า!ขณะที่เขากำลังคิดอยู่ ก็เห็นจูหลานขยิบตาให้เขาองค์ชายเย่กับจูหลานเป็นคู่รักกันมาตั้งแต่วัยเด็ก ใจสื่อถึงกัน จึงรู้ทันทีว่าจูหลานกำลังแสดงละครให้คนข้างนอกดู“มีลูกชายเพียงคนเดียวก็มิสามารถให้ข้าไปทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้ พวกเขาคิดจะหลอกล่อฮองเฮามาสังหาร!”องค์ชายเย่จงใจตะโกนด้วยความโกรธคนหนึ่งพยายามเกลี้ยกล่อม แต่อีกคนหนึ่งมิยอมอย่างดื้อรั้น พวกเขายื้อกันอยู่เป็นเวลานานหนานฮุ่ยอยู่ข้างนอกฟังแล้วก็ทนมิไหว พูดไปพูดมาก็วนอยู่มิกี่คำ แล้วจะมีแนวคิดใหม่ ๆ ได้หรือ?นางมั่นใจว่าสุดท้ายแล้วองค์ชายเย่จะไปทำตามคำสั่งของนาง จึงให้เสี่ยวฮุ่ยอยู่เฝ้าแล้วนา
กระทั่งองค์ชายเย่กับจูหลานไปถึงหมู่บ้านซื่อผิง ถึงได้รู้ว่าเสี่ยวเป่ามิได้อยู่ที่หมู่บ้านและคนทั้งหมดในหมู่บ้านซื่อผิงก็ถูกแทนที่ด้วยคนแปลกหน้าแล้วเสี่ยวฮุ่ยก็ถอดหน้ากากออก ที่แท้นางมิใช่เสี่ยวฮุ่ยนางรับใช้ของจูหลานดังที่เคย ใบหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั้นเป็นใบหน้าที่จูหลานมิเคยเห็นมาก่อนจูหลานเห็นแล้วนอกจากตกใจก็ยังเสียใจมากขึ้นด้วย นางมิรู้เลยว่านางรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ เปลี่ยนคนไปแล้ว นี่คือความมิรอบคอบอย่างมาก!นางเสียใจอยู่ลึก ๆ วันนั้นมิควรใจอ่อน มิเช่นนั้นเสี่ยวเป่าคงมิถูกเสี่ยวฮุ่ยลักพาตัวไป“พวกเจ้าจับตัวลูกชายข้ามา คิดจะทำอะไรกันแน่?”องค์ชายเย่ตะคอกก่อนหน้านี้เขาใช้ชีวิตอย่างราบรื่น มิเคยเจอเรื่องเช่นนี้ จึงไม่มีประสบการณ์ในการจัดการ“ง่ายมาก ขอเพียงท่านเชื่อฟังและปฏิบัติตามแผนของเรา เสี่ยวเป่าของท่านก็จะกลับไปอยู่ข้างกายท่านอย่างปลอดภัย!”แม่นมหนาน ก็คือหนานฮุ่ยสาวงามที่เอาชีวิตหลิงเสียงกังกับหลิงหว่านมาข่มขู่นางซุนให้ใส่ร้ายหลิงอวี๋“พวกเจ้าจะให้องค์ชายของข้าไปทำอะไร?”จูหลานเป็นผู้ใหญ่มากกว่าองค์ชายเย่ นางกดองค์ชายเย่ลงแล้วเอ่ยถาม“ง่ายมาก แค่หาข้ออ้างหลอกล่
เมื่อเหลือบมองเมื่อครู่ นางก็เข้าใจภาษามือที่องค์ชายเย่ทำกับนางแล้วนี่คือชุดภาษามือที่หลิงอวี๋สอนให้กับองครักษ์ส่วนตัวของเซียวหลินเทียนเมื่อครั้งการแข่งขันทางทหารสี่แคว้น ใช้ส่งข้อความในยามที่มิสะดวกในการพูดข้อความที่องค์ชายเย่ส่งให้ตนเมื่อครู่... กับดัก ระวัง!ภายนอกหลิงอวี๋ดูสงบ แต่ในใจเดือดพล่านราวกับหม้อไฟองค์ชายเย่กับภรรยาตกอยู่ในอันตรายหรือ?แล้วอันตรายอะไรที่ทำให้องค์ชายเย่มิสะดวกที่จะบอกตนกัน?นางคิดถึงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นคนแรกตนอยู่ในวังได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยคิดจะทำร้ายตนก็มิสามารถทำได้มีเพียงการล่อตนออกไปเท่านั้นที่นางจะบรรลุเป้าหมายได้แล้วจะมีใครที่ทำให้บรรลุเป้าหมายนี้ได้ง่ายไปกว่าองค์ชายเย่!ดูจากเมื่อครู่ทันทีที่ตนได้ยินว่าเรื่องกับจูหลานก็จะออกจากวังทันที เห็นได้ชัดว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้คำนึงถึงปฏิกิริยาของตนไว้แล้วแต่ถึงแม้ว่าหลิงอวี๋จะรู้ว่าเป็นกับดัก แล้วนางจะมิไปได้หรือ?เมื่อครู่นางมิเพียงเห็นท่าทางขององค์ชายเย่ที่เตือนนางเท่านั้น แต่ยังเห็นแววตาที่เป็นกังวลและวิงวอนในดวงตาขององค์ชายเย่ด้วยจูหลานกับเสี่ยวเป่าต้องถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่
เห็นได้ชัดว่าหลิงอวี๋แข็งแกร่งกว่าสตรีทั่วไปมาก!หลังจากได้รับคำแนะนำของหลิงอวี๋แล้ว เผยอวี้ก็รู้สึกว่าความคิดของเขาก่อนหน้านี้ค่อนข้างจะคับแคบไปหลังออกมาจากวัง เผยอวี้ก็แทบรอมิไหวที่จะพุ่งไปหาองค์ชายเย่ที่ตำหนักองค์ชายเย่ระหว่างสหายควรปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ ในเมื่อเขาถือว่าองค์ชายเย่เป็นสหายแล้ว ก็มิควรสงสัยองค์ชายเย่ไหนเลยจะรู้ว่าเมื่อมาถึงตำหนักองค์ชายเย่ คนเฝ้ายามจะบอกว่าองค์ชายเย่ไปเดินเล่นที่หมู่บ้านกับพระชายาเย่แล้วแล้วเผยอวี้ก็นึกขึ้นได้ว่า องค์ชายเย่ส่งคนไปแจ้งตนในตอนเช้าแล้วว่าจะหยุดงานหนึ่งวันเขาจึงมิได้ใส่ใจแล้วกลับไปจัดการงานต่อวันรุ่งขึ้นองค์ชายเย่ก็ยังมิมา เผยอวี้แอบคิดว่าองค์ชายเย่กำลังสนุกกับพระชายาเย่ที่หมู่บ้านจนลืมไปหรือไม่ แต่ก็มิได้ใส่ใจ แล้วเอาเรื่องที่องค์ชายเย่ควรทำมาทำเองทั้งหมดในช่วงบ่าย เผยอวี้เสร็จภารกิจแล้วและวางแผนจะกลับบ้าน แต่ขณะที่เขาเดินออกมากำลังจะกลับบ้าน ก็มีขอทานคนหนึ่งเข้ามาขออาหารเผยอวี้กำลังจะหยิบเงินหนึ่งตำลึงออกจากแขนแล้วโยนให้เขาขอทานก็ชนเข้ากับเผยอวี้ เผยอวี้รู้สึกว่าเขาแตะหน้าอกของตน จึงผลักเขาออกไปโดยสัญชาตญาณ“ขอ
หลิงอวี๋อยู่ที่วังหลังเมื่อจะพบกับขุนนางภายนอกจะเลือกที่ท้องพระโรงเสมอ เช่นนี้ก็จะมิต้องอยู่ในวังหลัง และสามารถหลีกเลี่ยงปัญหามากมายได้หลิงอวี๋คิดว่าเผยอวี้มีเรื่องงานราชสำนัก นางจึงไปพบเขาที่ท้องพระโรงเผยอวี้ถูกตระกูลเผยต่อต้านเพราะหมั้นหมายกับหลิงหว่าน เมื่อเห็นหลิงอวี๋ส่วนตัวก็ไม่มีหน้าจะเรียกนางว่าพี่หญิงหลิงหลิงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว“ฮองเฮา กระหม่อมขอพบท่านเพราะกระหม่อมอยากจะถามอะไรบางอย่างพ่ะย่ะค่ะ!”เผยอวี้เอ่ยตรง ๆ “กระหม่อมคิดว่า องค์ชายเย่เป็นคนดี จึงคิดว่าจะสามารถสอนเขาฝึกพลังวิญญาณได้หรือไม่ เช่นนี้วรยุทธ์ของเขาจะพัฒนาขึ้นได้มาก!”“มิทราบว่า ฮองเฮาจะทรงอนุญาตให้กระหม่อมถ่ายทอดวิธีการฝึกแก่องค์ชายเย่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”หลิงอวี๋ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วครุ่นคิดพลางเอ่ย “ได้สิ!”เผยอวี้ไหนเลยจะคาดคิดว่าหลิงอวี๋จะตกลงง่าย ๆ เช่นนี้ เขาจึงมิสบายใจเล็กน้อย“ฮองเฮา ท่านจะมิทรงพิจารณามากขึ้นอีกนิดหรือพ่ะย่ะค่ะ? องค์ชายเย่มิเหมือนกับกระหม่อม… เขา… แม้ว่าเขาจะไม่มีความทะเยอทะยานที่จะนั่งบัลลังก์มังกร ตอนนี้ไม่มี แต่ทว่าในภายภาคหน้าเล่า?”เผยอวี้พูดแล้วรู้สึกผิดเสียเององค์ชายเ
องค์ชายคังถูกจำคุกที่ราชสำนักฝ่ายใน จ้าวฮุยก็ถูกเว่ยเหนือควบคุมตัวไว้อีก พรรคพวกของจ้าวฮุยไม่มีผู้นำ ก็รู้สึกท้อแท้ไปเล็กน้อยดีที่ไท่เฟยเส้ากลับมาทันเวลา นางไปโน้มน้าวขุนนางเหล่านี้อย่างเงียบ ๆ บอกว่าตนจะช่วยองค์ชายคังออกมาได้อย่างแน่นอนทางด้านจ้าวฮุยก็จะกลับมาอย่างปลอดภัยเช่นกัน แต่เซียวหลินเทียนจะไม่มีชีวิตรอดกลับมาเป็นแน่ภายใต้การบังคับและหลอกล่อด้วยผลประโยชน์ของนาง ขุนนางเหล่านี้ก็มีใจกระตือรือร้นขึ้นมาอีกครั้งมิว่าอย่างไรตนก็เป็นคนขององค์ชายคังอยู่แล้ว หลายปีมานี้ก็ได้รับผลประโยชน์จากในมือขององค์ชายคังมามิน้อย หากเรื่องราวเผยแพร่ออกไป เซียวหลินเทียนจะปล่อยพวกเขาไปได้อย่างไรเช่นนั้นก็เสี่ยงโชคดูแล้วกัน หากสนับสนุนให้องค์ชายคังได้นั่งบนบัลลังก์มังกร ตำแหน่งขุนนางของพวกเขาจะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย มิฉะนั้นจากวิธีการจัดการของเซียวหลินเทียนในยามนี้ มิต้องรอให้ผ่านไปหลายปีพวกเขาก็จะถูกแทนที่ทั้งหมดแล้วครานี้หลิงอวี๋ลงมือจัดการองค์ชายคังได้แล้วก็รู้สึกว่าความกดดันลดน้อยลง ทว่านางก็ยังมิกล้าผ่อนคลายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเก่งกาจยิ่งกว่าองค์ชายคัง นางยังมิได้ลงมือ แล้วหลิงอวี๋จะกล้าผ่อน
องค์ชายรุ่ยยึดครองแคว้นเล็กหลายแห่งได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ต้องไปร่วมกับเซียวหลินเทียนเพื่อร่วมกันต่อต้านเว่ยเหนือกับฉีตะวันออกและในเวลานี้ ข่าวที่ว่าองค์ชายคังถูกหลิงอวี๋จับตัวที่เมืองหลวงในข้อหาปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารและถูกจำคุกอยู่ในราชสำนักฝ่ายในก็แพร่ไปจนถึงหูขององค์ชายรุ่ยฟางเหยาเหยาลูกสาวของแม่ทัพฟางแต่งงานไปเป็นชายารองขององค์ชายคัง ตอนนี้องค์ชายคังสูญเสียอำนาจไป หากคิดจะดึงตัวแม่ทัพฟางมาก็ง่ายขึ้นแล้วแม่ทัพฟางมีลูกสาวมากมายถึงเพียงนั้น สละฟางเหยาเหยาไปคนเดียวไคงม่มีผลกระทบอะไรต่อเขาหรอกองค์ชายรุ่ยมอบเงินทองบางส่วนที่เก็บรวบรวมมาจากแคว้นพันให้กับแม่ทัพฟางโดยอ้างว่าเป็นของรางวัลจากสงครามแม่ทัพฟางมิได้ปฏิเสธและมิได้พูดคำที่ว่าจะภักดีต่อองค์ชายรุ่ย เขายังคงสังเกตการณ์อยู่เขารู้สึกว่าจ้าวฮุยวางแผนการนี้ไว้ ไม่มีทางที่จะเสร็จสิ้นไปอย่างเงียบ ๆ เช่นนี้แน่ และที่จ้าวฮุยถูกองค์ชายอิงพาไปที่เยวี่ยใต้ก็คือแผนการที่องค์ชายอิงกับจ้าวฮุยตกลงกันไว้จ้าวฮุยไปเป็นทูตที่แคว้นเล็กครานี้ ตั้งใจว่าจะใช้แคว้นเล็กเหล่านี้สร้างความวุ่นวายใจให้กับเซียวหลินเทียนเขากับองค์ชายอิงร่วมกันวางแผ