การกระทำของเซียวหลินเทียนค่อนข้างจะดูโง่เขลา แต่กลับซื่อตรงจนทำให้หลิงอวี๋รู้สึกอบอุ่นจักรพรรดิที่น่าเกรงขามในตำหนักกระดิ่งทอง กลับมาทำท่าทางน่ารักเช่นนี้เพื่อปลอบตน แล้วนางจะพูดอะไรได้อีก!เซียวหลินเทียนทำท่าทีเช่นนี้ก็เพื่อลดความกังวลของนาง นางจึงทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น!“เซียวหลินเทียน!”หลิงอวี๋คว้าชายเสื้อของเขาเอาไว้แล้วช้อนตามองเขา จากนั้นก็เอ่ยอย่างตั้งใจ “รับปากหม่อมฉันว่าจะต้องดูแลตนเองให้ดี อย่าไปเสี่ยงง่าย ๆ!”“มิเพียงแต่ราษฎรที่ต้องการท่าน หม่อมฉันกับเยวี่ยเยวี่ยเองก็ต้องการท่านเช่นกัน!”เมื่อชาติก่อนหลิงอวี๋มิได้แต่งงาน นี่เป็นครั้งแรกที่นางมีประสบการณ์ในการส่งสามีของตนไปออกรบด้านหน้ามีหมาป่าด้านหลังก็มีเสือ นางรู้ว่าเซียวหลินเทียนไปครั้งนี้จะมีอันตรายมาก แล้วจะวางใจได้อย่างไร!“อาอวี๋ วางใจเถิด ข้าจะต้องดูแลตัวข้าเองให้ดีเพื่อพวกเจ้า!”เซียวหลินเทียนโอบหลิงอวี๋ไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าของเขาก็เทินไปที่บนไหล่ของนางเมื่อก่อนเมื่อไปออกรบ ไม่มีคนที่ใกล้ชิดส่งตนไป และไม่มีผู้ใดห่วงเรื่องความปลอดภัยของเขาจากใจจริงตอนนี้ เขามีภรรยาและลูกชาย พวกเขาคือความห่วงใย
“ปู๊น… ปู๊น...”เสียงแตรออกเดินทางของกองทัพใหญ่ดังขึ้น เหล่าแม่ทัพของแต่ละกองทัพที่รวมตัวกันอยู่ที่จัตุรัสวังหลวงก็พากองทัพของตนออกเดินทางเซียวหลินเทียนนำทัพอยู่ด้านหน้า เขาสวมสุดเกราะสีดำเงางาม ตรงบ่ามีหัวมังกรสีเงินอยู่สองหัว ดูมีอำนาจน่าเกรงขามมากเขาขี่ม้ากีบขาวที่ชนะมาจากองค์ชายคังนำอยู่หน้ากองทัพท่าทียิ่งใหญ่น่าเกรงขามนั้นทำให้ราษฎรที่มาส่งอยู่ตลอดข้างทางเห็นแล้วรู้สึกตื่นตัว“ขอให้องค์จักรพรรดิจงสำเร็จลุล่วง ได้ชัยชนะตั้งแต่เริ่มและนำชัยชนะกลับมา...”มิรู้ว่าใครเป็นผู้นำตะโกนในหมู่ฝูงชน จากนั้นราษฎรเหล่านั้นก็พากันตะโกนโหวกเหวกกันขึ้นมา“ขอให้องค์จักรพรรดิก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้...”“ขอองค์จักรพรรดิทรงดูแลพระวรกายให้ดี พวกเราจะรอพระองค์เสด็จกลับมา...”“องค์จักรพรรดิสู้ ๆ ฉินตะวันตกสู้ ๆ!”เสียงคำอวยพรวุ่นวายเหล่านั้นมิได้เป็นระเบียบใด ๆ แต่เซียวหลินเทียนกับทหารเหล่านั้นล้วนได้ยินเสียงในใจของพวกเขา สิ่งนี้ล้วนเป็นคำอวยพรที่ตั้งตารอให้พวกเขาชนะ!“องค์จักรพรรดิสู้ ๆ… ฉินตะวันตกสู้ ๆ!”คำอวยพรสุดท้ายเหล่านี้รวมกันเป็นประโยคเหล่านี้ที่ติดตามพวกเ
ฮูหยินเผยที่ตามเข้ามาได้ยินคำพูดของเผยอวี้ก็หน้ามืด โกรธจนแทบจะเป็นลมล้มพับไปหลิงหว่านมีอะไรดีนัก คู่ควรกับการที่ลูกชายของตนต้องทำเพื่อนางถึงขั้นนี้เชียวหรือ!ฮูหยินผู้เฒ่าเผยเองก็ตกใจเช่นกันเผยอวี้เป็นคนที่มีอนาคตไกลที่สุดในบรรดาลูกหลานของตระกูล พวกเขาฝากความหวังแห่งเกียรติยศตระกูลไว้ที่เผยอวี้การบีบให้เผยอวี้ออกบวชเป็นเรื่องที่ไม่มีใครในพวกเขาอยากจะเห็นแต่ฮูหยินผู้เฒ่าเผยกับใต้เท้าเผยล้วนรู้จักเผยอวี้ดี เขามิใช่คนที่พูดอะไรออกมาลอย ๆหากบีบบังคับเขาจริง ๆ เขาจะต้องออกบวชเป็นแน่!หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าเผยหารือกับใต้เท้าเผย ก็ตัดสินใจว่า ในยามนี้จะมิพูดเรื่องแต่งงานกับเผยอวี้ และให้ปล่อยผ่านไปก่อน!เมื่อผ่านไปสักปีครึ่ง เผยอวี้อาจจะรู้ว่าหลิงหว่านมิดีแล้วเปลี่ยนใจก็ได้หลังจากนั้นเผยอวี้ก็ไปหาหลิงหว่านที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน แต่ก็ถูกท่านอดีตเสนาบดีปฏิเสธมิให้เข้าโดยอ้างว่าหลิงหว่านไปจัดการเรื่องให้นางซุนที่บ้านเกิดตลอดเรื่องที่นางซุนแกล้งตายนั้นนอกจากท่านอดีตเสนาบดี หลิงเสียงกัง หลิงอวี๋และพวกเซียวหลินเทียนมิกี่คนที่รู้ คนอื่น ๆ ก็ไม่มีผู้ใดรู้อีกเผยอวี้เองก็เชื่อว่าเ
หลิงหว่านพูดจบก็เปลี่ยนเรื่องแล้วเอ่ยเสียงเรียบ“กู่อี๋เหนียง ฝากท่านดูแลจวนนี้ด้วย ข้าจะเก็บข้าวของไปที่อยู่ที่ไร่นา...”“ข้าจะบอกท่านว่าข้ามีวัวนมอยู่ห้าตัวแล้ว รอให้วัวนมสามารถรีดนมได้ตามปกติก่อนแล้วข้าจะให้คนส่งนมวัวมาให้ท่านดื่ม!”ครานี้หลิงหว่านตั้งใจแน่วแน่ว่าจะพัฒนาธุรกิจของตน แล้วก็ได้รับการสนับสนุนจากหลิงเสียงกังด้วย ดังนั้นนางจึงเอากำไรของโรงงานเวชสำอางไปเพาะเลี้ยงวัวนมนางจะเป็นผู้นำในการส่งเสริมแผนการเลี้ยงวัวนมให้กับหลิงอวี๋หลิงหว่านพูดถึงวัวของตนแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นและร่าเริงขึ้นมากู่ซุ่ยได้ยินดังนั้นก็วางใจอยู่เงียบ ๆดูท่าทาง คุณหนูใหญ่จะเดินออกจากเงามืดของการถอนหมั้นแล้วจริง ๆ หากฮองเฮารู้ว่านางดีขึ้นแล้วจะต้องดีใจอย่างแน่นอน......เมื่อเซียวหลินเทียนไป หลิงอวี๋ก็ทำงานทันทีนางต้องเร่งให้กรมกลาโหมกับกรมพระคลังเตรียมจัดหาเสบียง ทั้งยังต้องจัดหาที่อยู่ให้บัณฑิตที่สอบคัดเลือกขุนนางช่วงวสันตฤดูที่เซียวหลินเทียนยังมิทันได้หาตำแหน่งให้ครบด้วยทางด้านการจัดหาเสบียงมีหลี่ว์เซียงกับฉินซานจับตาดูด้วยตนเองอยู่ หลิงอวี๋จึงสบายไปได้มากแต่การรับตำแหน่งของขุนนางที่สอ
ก่อนการฝึกอบรมสิบนาที หลิงอวี๋ก็พาพวกนางรับใช้มานางมิได้สวมชุดทางการของฮองเฮา ใส่เพียงเสื้อแขนเล็กคอกลมสีม่วงเข้มที่ดูเรียบง่ายเท่านั้น ทรงผมก็แค่มวยผมแบบเรียบง่ายในความสดใสของนางนั้นมีกลิ่นอายแห่งความสูงส่งแผ่ออกมาด้วยนางเดินตรงไปที่แท่นบรรยายแล้วมองลงไป ขุนนางใหม่กว่าเก้าสิบห้าส่วนรวมกันอยู่ที่นี่แล้ว มีที่นั่งว่างเพียงมิกี่ที่เท่านั้นส่วนทางด้านขุนนางเก่ามีที่ว่างอยู่มากหลิงอวี๋ให้ขุนนางเก่ามาเข้าร่วมด้วยความสมัครใจ แต่กับขุนนางใหม่ต้องการให้เข้าร่วมแบบครบถ้วนเมื่อเห็นที่ว่างหลายที่ หลิงอวี๋ก็ยิ้มเย็นชาแม้ว่าบัณฑิตเหล่านี้จะนับว่าเป็นศิษย์ของจักรพรรดิ แต่ก็มิใช่ทุกคนที่ภักดีต่อเซียวหลินเทียนมิเข้าร่วมการฝึกอบรมก็ช่าง แต่ก่อนหน้านี้ตนได้ระบุไว้แล้วว่าทุกคนต้องมา พวกเขาก็ยังกล้าที่จะมิมา นี่มิใช่การดูถูกตนและอยากจะทดสอบความสามารถของตนหรือ?“รองเจ้ากรมหวง ขุนนางหลายคนที่มิมานี้คนของเจ้าได้แจ้งแล้วใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋ซักถามรองเจ้ากรมหวงจากกรมพระคลังที่รับผิดชอบการจัดฝึกอบรมในครั้งนี้รองเจ้ากรมหวงทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็คิดว่า หลังจากจับตัว
“ให้เกียรติอาจารย์และเคารพหลักการ ครั้นพวกเจ้าได้เริ่มเล่าเรียนเมื่อตอนสามขวบ บิดามารดาและอาจารย์ของพวกเจ้าเคยสอนหลักการนี้ ข้ายืนอยู่ในห้องเรียนนี้ก็คืออาจารย์ของพวกเจ้า!”“ยังมิต้องพูดถึงว่าข้ามีความสามารถที่จะสอนอะไรพวกเจ้าหรือไม่ แต่อย่างน้อยพวกเจ้าก็ควรรู้มารยาทในการเคารพอาจารย์ใช่หรือไม่?”การตั้งคำถามของหลิงอวี๋ทำให้ขุนนางบางส่วนก้มหน้าลงอย่างอับอายและบางคนก็มิเห็นด้วย จอหงวนสือเฉินทนมิไหวบ่นพึมพำออกมา “นั่นมิใช่เพราะท่านจัดการมิเป็นธรรมจึงทำให้ทุกคนโกรธหรือ!”หลิงอวี๋มีความสามารถในการได้ยินเหนือผู้อื่นจึงได้ยินคำพูดของสือเฉินทันที นางจึงเอ่ยด้วยเสียงดัง “สือเฉินลุกขึ้น แล้วพูดคำที่เจ้าพูดออกมาเมื่อครู่อีกครั้งดัง ๆ ให้ทุกคนฟังเสีย!”สือเฉินเองก็เป็นคนตรงไปตรงมาเช่นกัน จึงยืนขึ้นแล้วพูดซ้ำด้วยเสียงอันดังโดยมิกลัวใด ๆหลิงอวี๋มิได้โมโห นางชื่นชมคนที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้นางพยักหน้า “นั่งลง!”“พวกเจ้าทั้งหลาย ในเมื่อพวกเจ้าล้วนรู้สึกว่า การจัดการของข้ามิยุติธรรม เช่นนั้นจะถามคำถามพวกเจ้าสักสองสามข้อ ขอเพียงคำตอบของพวกเจ้าได้รับการยอมรับจากทุกคน ข้าจะถอนการลงโทษพวกเขา!”“การ
คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้ขุนนางใหม่ทั้งหมดเงียบลง แม้แต่พวกสือเฉินก็มิสามารถตอบโต้ได้คนที่ขาดหายไปเหล่านี้อยากจะทดสอบความสามารถของหลิงอวี๋ แต่หลิงอวี๋จัดการเรื่องบ้านเมืองแทนเซียวหลินเทียน คำพูดของนางจึงเป็นดั่งพระราชโองการหากหลิงอวี๋ยกการกระทำของพวกที่ขาดไปไว้ในระดับสูง คนที่ขาดไปก็จะกลายเป็นผู้ที่มิปฏิบัติตามพระราชโองการ และสามารถถูกประหารได้!แต่หลิงอวี๋ถอนตำแหน่งของพวกเขาก็เพราะเห็นแก่ที่พวกเขาร่ำเรียนกันมาอย่างยากลำบาก“คำถามข้อสุดท้าย!”หลิงอวี๋ชี้ที่ทั่นฮวาฟางฮ่าว “มิเข้าร่วมการฝึกอบรม เจ้าจะรู้ว่าจะเป็นขุนนางได้อย่างไรหรือไม่?”ฟางฮ่าวลุกขึ้นแล้วเอ่ยเสียงดัง “การเป็นขุนนางคือการทำเพื่อแคว้นและราษฎร ทำความคุ้นเคยกับกฎหมาย ตัดสินใจเพื่อราษฎร รักษาความมั่นคง มิรับสินบนและบิดเบือนกฎหมาย มิใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน!”หลิงอวี๋ยิ้มออกมา “คำจำกัดความของขุนนางที่ดีเป็นอย่างที่เจ้าคิดเช่นนี้หรือ?”นางมองไปที่ทุกคน บนใบหน้าของขุนนางจำนวนมากล้วนแสดงท่าทีเห็นด้วยกับคำตอบของฟางฮ่าวหลิงอวี๋มองใบหน้าที่อ่อนเยาว์ต่าง ๆ เหล่านั้น เจตนาเดิมของนางคือฝึกอบรมเสาหลักชุดแรกของฉินตะวันตก คน
ตอนบ่ายหลิงอวี๋ก็ยังเป็นผู้บรรยายหลักขุนนางพวกของจ้าวฮุยออกไปหลายคน เดิมทีพวกเขาตั้งตารอให้ขุนนางใหม่เหล่านี้ทำให้หลิงอวี๋ลำบาก แต่เมื่อเห็นว่าพวกเขามิทำอะไร จึงมิเต็มใจที่จะฟังหลิงอวี๋พูดเรื่องไร้สาระอีกต่อไปสำหรับพวกเขา คำพูดทั้งหมดของหลิงอวี๋ล้วนเป็นคำพูดเลื่อนลอย มิได้มีอะไรที่ใช้ประโยชน์ได้จริงในตอนบ่ายหลิงอวี๋บรรยายเรื่องเศรษฐกิจ เริ่มตั้งแต่ห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนม และปลูกฝังความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจให้กับขุนนางเหล่านี้นางยังมุ่งเน้นไปที่เอกลักษณ์เฉพาะถิ่นจำนวนมากด้วย เอ่ยถึงวิธีการต่าง ๆ ที่เหมาะกับการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นเมื่อบรรยายช่วงบ่ายเสร็จ ขุนนางเหล่านี้ก็มิกล้าพูดว่าการฝึกอบรมมิจำเป็นอีกแล้วความรู้ที่พวกเขาเรียนในวันนี้ดียิ่งกว่าการร่ำเรียนอย่างยากลำบากมาเป็นสิบปีอีกความรู้กว้างขวางของหลิงอวี๋ทำให้พวกเขานับถือกระทั่งเลิกเรียน สือเฉินก็เป็นผู้นำวิ่งไปขอโทษหลิงอวี๋อย่างเป็นทางการสำหรับการไร้มารยาทในตอนเช้ามีขุนนางหลายคนฟังเรื่องเศรษฐกิจของหลิงอวี๋ ทั้งยังเชื่อมโยงถึงเมืองที่ตนได้รับมอบหมายก็เข้าใจที่หลิงอวี๋ทำการปรับเปลี่ยนใหม่ว่ามิได้ทำ
บัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ รวมถึงคนที่มาเฝ้าดูจำนวนมากนั้นต่างก็เข้าใจพื้นฐานของเครื่องยาสมุนไพร หลิงอวี๋จึงยิ้มเยาะแล้วเอ่ยออกมา“คุณหนูหยางของพวกเราน่าจะชอบยาระบายและยาที่ทำให้เกิดอาการคันเป็นพิเศษนะ นางจึงใส่ยาเหล่านี้ลงไปในยาพิษของนางด้วย!”หา!เมื่อเหลยเหวินและคนอื่น ๆ ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็ตกตะลึงกันไปคุณหนูบางคนถอยหลังไปสองสามก้าวโดยมิรู้ตัว นี่ก็หมายความว่าหากพิษที่หลิงอวี๋ออกฤทธิ์ มันจะต้องไหลพรวดออกมาแน่ ๆเย่หรงมองหยางหงหนิงอย่างรังเกียจ และกำหมัดแน่นเสี่ยวชีพูดถูกจริง ๆ นิสัยในการปรุงยาพิษของหยางหงหนิงนั้นมิสามารถเปิดเผยต่อหน้าทุกคนได้จริง ๆฉินซานยืนอยู่ข้างเย่หรง เมื่อครู่เย่หรงเพิ่งจะเล่าเรื่องของเขากับหยางหงหนิงให้ฟังอยู่คร่าว ๆเมื่อฉินซานได้ยินหลิงอวี๋บอกว่า หยางหงหนิงใส่สิ่งเหล่านี้ลงไปในยาพิษ เขาก็มองไปทางเย่หรงด้วยสีหน้าเห็นใจ จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วเอ่ยออกมา “ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดเจ้าจึงมิชอบนาง!”“สตรีประเภทนี้ หากเปลี่ยนเป็นข้า ข้าก็มิชอบเช่นกัน!”“นี่คือการแข่งขัน มิใช่การต่อสู้เอาเป็นเอาตายกันจริง ๆ เหตุใดต้องทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้ด
หลิงอวี๋มองปราดเดียวก็อ่านความคิดของหยางหงหนิงออกแล้ว นางจึงยิ้มมุมปาก “วิธีการเล่นเช่นนี้ก็สดใหม่ดี เช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าบอกเถิด!”ทั้งสองจึงแลกเปลี่ยนยาพิษกันหยางหงหนิงหยิบผงยาใส่ปากอย่างมิใส่ใจ แล้วชิมส่วนผสมที่อยู่ในนั้น จากนั้นก็มองไปทางหลิงอวี๋และยิ้มอย่างดูถูก“ยาพิษง่าย ๆ เช่นนี้ เจ้าก็กล้านำมาใช้ในการแข่งขันหรือ สิงอวี๋ เจ้ารอไสหัวไปจากเมืองหลวงแดนเทพได้เลย!”หลิงอวี๋ก็ยิ้มบาง ๆ “พูดประโยคนี้ในตอนนี้มันยังเร็วเกินไป อีกสักครึ่งชั่วยามค่อยพูดเถิด!”“การเอาชนะเจ้า ข้ามิใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยามหรอก แค่สิบห้านาทีก็พอแล้ว!”หยางหงหนิงเอ่ยขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่งทุกคนต่างมองผงยาพิษในมือของทั้งสองคน และอยากรู้ว่าทั้งสองคนปรุงยาพิษชนิดใดเอาไว้“เข้าไปเลือกเครื่องยาสมุนไพร!”หยางหงหนิงรีบชิงเข้าไปก่อน เมื่อเห็นขวดยาก็นำมาใส่ลงในตะกร้าทันทีหลิงอวี๋มองดูก็รู้ทันทีว่าผงยาที่นางใส่นั้นคือเครื่องยาสมุนไพรของยาแก้พิษที่นางทำไว้หยางหงหนิงต้องการจะแย่งชิงเครื่องยาสมุนไพรที่หลิงอวี๋ต้องนำไปปรุงยาแก้พิษ เพื่อทำให้หลิงอวี๋มิสามารถปรุงยาแก้พิษได้หลิงอวี๋ส่ายหัวอย่างหมดคำพูด แล้วหิ้วตะก
คำถามนี้ของหลิงอวี๋ทำเอาจงเจิ้งเฟยพูดมิออกไปทันทีทั้งสองเส้นทางล้วนเป็นทางตันทั้งสิ้น!หลิงอวี๋ใช้คำเปรียบเทียบนี้เพื่อบอกจงเจิ้งเฟยว่า มิว่านางจะยั่วยุหยางหงหนิงหรือไม่ หยางหงหนิงก็มิยอมปล่อยนางไปอยู่ดีในเมื่อล้วนเป็นทางตันทั้งหมด แล้วไฉนมิหยิบไม้ขึ้นมาสู้สักครั้งเล่า?หากวิชาพิษของหลิงอวี๋สามารถเอาชนะหยางหงหนิงได้ เช่นนั้นจะทำให้หยางหงหนิงรวมถึงเหมียวหยางที่คอยรังแกหลิงอวี๋อยู่เสมอนั้นรู้สึกหวาดกลัวได้!จะเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่แข็งแกร่งกว่าตนอย่างไรก็ล้วนต้องก้มหัวให้!หากทักษะด้อยกว่าผู้อื่น เช่นนั้นตายไปก็ยังดีกว่าตายเพราะถูกข่มเหงรังแก เป็นการตายอย่างกล้าหาญ!จงเจิ้งเฟยเข้าใจสิ่งที่หลิงอวี๋บอกแล้วและนางก็มองหลิงอวี๋ด้วยความชื่นชมความเด็ดเดี่ยวและความแข็งแกร่งของศิษย์พี่หญิงนั้นดูเป็นบุรุษยิ่งกว่าบุรุษเสียอีก!จงเจิ้งเฟยรู้สึกว่า นี่ต่างหากคือจุดเด่นภายใต้รูปลักษณ์ธรรมดาของศิษย์พี่หญิง นางเป็นสตรีก็ยังเคารพหลิงอวี๋ เช่นนั้นขอเพียงมิใช่บุรุษที่หยาบคายเช่นเหมียวหยาง จะมีใครบ้างที่มิชอบสตรีเช่นหลิงอวี๋?“หงหนิงออกมาแล้ว! สิงอวี๋ ถึงตาเจ้าแล้ว หาก
“ได้ ตกลงตามนี้!”หลิงอวี๋จ้องหยางหงหนิงอย่างกดดัน “ต้องยอมรับผลแพ้ชนะ ถึงเวลานั้นหากแพ้ เจ้าก็อย่าได้พูดอะไรที่มิเหมาะสมออกมา!”หยางหงหนิงเอ่ยอย่างแน่วแน่ “ต้องยอมรับผลแพ้ชนะ! หลงอิง พวกเราขอยืมห้องปรุงโอสถของเจ้าสักหน่อยนะ!"หลงอิงเป็นเจ้าภาพในวันนี้ นางมิชอบมาก ๆ ที่มีคนมาสร้างปัญหาขึ้นในงานเลี้ยงชมบุปผาของตน ทำให้รายการที่ตนเตรียมไว้มิได้นำออกมาแต่หยางหงหนิงพูดไปแล้ว ดังนั้นต่อให้นางมิชอบก็มิอาจปฏิเสธได้“เสี่ยวอวี๋ มิต้องพนันแล้วได้หรือไม่ เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของหงหนิงหรอก! เจ้ายอมแพ้ แล้วขอโทษหงหนิงเสียเถิด!”หลงอิงดูท่าทางเป็นห่วงหลิงอวี๋“คุณหนูหลง ข้ามิสามารถขอโทษคนที่ใส่ร้ายข้าในเรื่องที่ข้ามิได้ทำได้หรอก!”หลิงอวี๋รู้ว่าฮูหยินทั้งสองของตระกูลเฉียวอยู่ด้วย และตามหลักแล้วตนมิควรทำตัวโดดเด่นให้เป็นจุดสนใจแต่นางอดกลั้นความโกรธไว้มากแล้ว นางต้องระบายออกมาเหมียวหยางอาศัยอำนาจมาทำลายบ้านของตน และตอนนี้หยางหงหนิงก็อาศัยอำนาจกล้ามาใส่ร้ายตนโดยไม่มีหลักฐานอีก หากวันนี้ตนทนเงียบมิพูดอะไร เช่นนั้นต่อไปก็จะมีข่าวลือที่ยิ่งกว่านี้แพร่กระจายออกไปแม้ว่าหลิงอวี๋จะอยากเก็บตัวอยู่
บรรดาศิษย์น้องของเหมียวหยางจะกล้าปล่อยเหมียวหยางไปได้อย่างไร แม้ว่าเย่หรงจะเป็นศิษย์ที่มิประสบความสำเร็จของตระกูลเย่ แต่เขาก็นับว่าเป็นผู้มีอำนาจที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงแดนเทพ และความโหดร้ายของเขาก็ราวกับหมาป่าหากเขาประกาศชัดเจนว่าจะยั่วยุใคร เช่นนั้นแล้วขอเพียงยังมีลมหายใจอยู่ ต่อให้ต้องสู้จนถึงที่สุดก็จะมิยอมรามือถึงแม้ว่าเหมียวหยางจะเกลียดเย่หรงที่ทำให้จมูกของตนหัก แต่ท่าทีที่จะสู้กับเย่หรงอย่างสุดชีวิตนั้น ก็เป็นเพียงการแกล้งทำไปเท่านั้นเนื่องจากด้วยพลังของเขาแล้ว เขามิใช่คู่ต่อสู้ของเย่หรงอย่างแน่นอน มิฉะนั้นก็คงมิถึงกับถูกเย่หรงต่อยสองหมัด แล้วไม่มีแรงตอบโต้หรอก“พวกเจ้าปล่อยข้า ให้ข้าไปสู้กับเขา… เย่หรง เจ้ารู้สึกผิดแล้วกระมัง จึงได้ใส่ร้ายข้า!”เหมียวหยางตะโกนออกไปอย่างโอ้อวด “ข้ามิได้ทำลายบ้านของสิงอวี๋ มิใช่ว่าเจ้าจงใจไปทำลายบ้านของนาง เพื่อให้นางยอมขึ้นเตียงกับเจ้า และใช้โอกาสนี้สนับสนุนนางเองรึ?”น้ำโคลนสาดเข้ามาหาเย่หรงในทันทีคนจำนวนมากที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของเหมียวหยางอาจจะเป็นเรื่องจริงได้ เพราะเรื่องนี้ดูเป็นเรื่องที่เย่หรงสามารถทำได้!หลิงอวี
หยางหงหนิงยิ่งโวยวายก็ยิ่งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ และดึงดูดสายตาของคุณหนูคุณชายที่ยังอยู่รอบ ๆ มิได้แยกตัวออกไปให้พากันหันมามอง"ข้าบอกว่าเจ้าต่ำต้อย แต่เจ้าก็ยังบอกว่ามิต่ำต้อย! ทุกคนมาดูอันดับหนึ่งของหอปรุงโอสถผู้นี้เถิด นางคือคนต่ำต้อยไร้ยางอาย!”“นางล่อลวงเย่หรงไปดื่มสุรา และมิรู้ว่านางใช้กลอุบายอะไร จึงทำให้เย่หรงสนับสนุนนาง!”“สิงอวี๋ ข้าขอบอกไว้เลยว่า คนต่ำต้อยเช่นเจ้า ตระกูลเย่ไม่มีทางให้เจ้าเข้าไปเป็นอันขาด และถึงแม้ว่าพวกเขาจะให้เจ้าเข้าไป เจ้าก็เป็นได้เพียงอนุเท่านั้น!”เมื่อคุณหนูเหล่านั้นรวมถึงบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าได้ยินเช่นนั้น ก็ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา“ข้าก็บอกแล้วว่านางแต่งตัวธรรมดาเช่นนั้น แล้วจะมีเงินไปศึกษาที่สำนักศึกษาชิงหลงได้อย่างไร ที่แท้นางก็อาศัยการหลอกลวงเงินของบุรุษ!”“แต่นางก็มิได้งามอะไรนักนี่ แล้วเย่หรงจะชอบนางได้หรือ?”“เจ้ามิรู้หรอก บุรุษบางคนมิได้สนใจที่หน้าตา แต่สนใจที่รูปร่าง บางทีเย่หรงอาจจะสบายใจกับการปรนนิบัติของสตรีผู้นี้ก็เป็นได้!”คำพูดนี้เหมียวหยางเป็นคนพูด เขาพูดไปพลางยิ้มอย่างหยาบคาย ทั้งยังขยิบตาอย่างคลุมเครือให้กับพวกคุณชายที่อ
จงเจิ้งเฟยส่ายหัว “ข้าเองก็มิได้รู้แน่ชัดนัก ข้าแค่ฟังมาจากคนอื่นเท่านั้น เพราะพวกนางบอกกันว่าฉินตะวันตกเป็นคนละดินแดนกับพวกเรา!”“ข้าได้ยินมาเพียงว่า ทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋ผู้นี้ยอดเยี่ยมมาก ก่อนหน้านี้ว่ากันว่า ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อท้องใหญ่ราวกับกลอง และไม่มียาใดที่สามารถรักษาได้ แต่หลิงอวี๋เป็นคนผ่าท้องของนางแล้วนำถุงน้ำที่อยู่ในท้องของนางออกมา เช่นนี้จึงรักษาโรคประหลาดของนางหายขาดได้!”“ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อได้เดินทางติดตามข้าหลวงเก๋อมาที่เมืองหลวงแดนเทพแล้ว ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปมิได้ผิดปกติใด ๆ นี่คือข้อเท็จจริง!”เหลยเหวินฟังแล้วก็รู้สึกสับสน “ดูเช่นนี้แล้ว หลิงอวี๋ก็มินับว่าเป็นคนเลว แต่เหตุใดนางจึงสังหารเฉียวเค่อเล่า!”หลิงอวี๋ฟังอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ แล้วนางก็ยิ่งอยากรู้อดีตของตนมากขึ้นไปอีกตนเป็นคนแบบใดกันแน่?เหตุใดจึงมีศัตรูมากถึงเพียงนี้?ดูท่าทางจะต้องไปถามผู้รอบรู้เสียหน่อยแล้ว บางทีการรู้เรื่องในอดีตของตน อาจจะทำให้นางฟื้นความทรงจำที่หายไปได้เร็วขึ้นก็ได้ขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกันอยู่ ก็เห็นหยางหงหนิงพาสหายอีกสองคนเดินเข้ามา“เฟยเฟย พวกเจ้าค
เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของเย่หรง ก็อดมิได้ที่จะยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อยดูภายนอกเย่หรงกำลังบอกว่าตนเป็นคนขี้ขลาด แต่แท้จริงแล้วหลิงอวี๋กลับฟังออกว่าเย่หรงกำลังทำลายความเชื่อมั่นของฮูหยินเฉียวอยู่เขาใช้คำพูดของฮูหยินเฉียวมาเตือนผู้ที่คิดจะให้เบาะแสเพื่อเงิน ให้หยุดอยู่ที่ตรงนี้ลองคิดดูเถิด ฮูหยินเฉียวบอกว่าหลิงอวี๋เป็นคนโหดเหี้ยมไร้ความปรานี และหลิงอวี๋ก็สามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ หากใครจะเปิดโปงหลิงอวี๋ เช่นนั้นหลิงอวี๋จะทนเก็บความโกรธเอาไว้มิแก้แค้นได้หรือ?เป็นดังที่คาด คำพูดนี้ของเย่หรงทำให้คนจำนวนหนึ่งมิกล้าทำต่อไปแล้ววรยุทธ์ของเย่หรงมิได้อ่อนแอ เขาเองยังบอกว่ามิสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ และสู้หลิงอวี๋มิได้ด้วยเช่นนั้นหากเปลี่ยนเป็นตนเอง ตนจะสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้หรือ?คนที่โหดเหี้ยมไร้ความปรานีเช่นหลิงอวี๋นี้ อย่าได้ไปยั่วยุนางจะเป็นการดีกว่าแม้ว่าเงินห้าล้านจะน่าดึงดูดใจ ทว่าหากชีวิตหาไม่แล้ว ต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!มุมปากของเซียวหลินเทียนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเช่นกัน เขาก็ฟังออกถึงความหมายของเย่
เช่นนี้ก็แสดงว่า เฉียวไป๋เองก็รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าคนที่ช่วยเขาไว้คือศัตรูของเขา?หลิงอวี๋แอบดีใจที่ตนเปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้ง หลังจากที่หนีออกมาจากเงื้อมมือของเก๋อฮุ่ยหนิง มิเช่นนั้นหากใช้ใบหน้าก่อนหน้านี้ ก็คงจะถูกเก๋อฮุ่ยหนิงสังหารไปแล้วใช่หรือไม่?ดูท่าทางต่อไปตนจะมิสามารถใช้มีดผ่าตัดรักษาคนได้อีกต่อไปแล้ว!หลิงอวี๋ค้นพบแล้วว่า ที่เมืองหลวงแดนเทพนั้นล้วนเป็นหมอโอสถที่รักษาโรค มิว่าจะเป็นโรคอะไร หมอโอสถก็ล้วนใช้เพียงโอสถในการรักษาโรคเท่านั้นส่วนการผ่าตัดนั้น ในตอนนี้กลายเป็นวิธีการรักษาเฉพาะตัวของนางไปแล้วประเดี๋ยวก่อน จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของหลิงอวี๋ตนเป็นคนที่รักษาดวงตาของฮูหยินเว่ยจนหาย ตอนนั้นมีหมอจำนวนมากบอกว่าดวงตาของฮูหยินเว่ยมิสามารถรักษาได้แล้ว หากพวกนางเองก็ได้เห็นหมายจับค่าหัวด้วย พวกนางจะไปเปิดโปงตนให้กับตระกูลเฉียวหรือไม่?ตั้งแต่ที่ตนลงมาจากเรือของตระกูลเว่ย ก็ทำเพียงเปลี่ยนกลับเป็นชุดสตรี แต่มิได้เปลี่ยนการแปลงโฉม!ยิ่งไปกว่านั้น ผู้รอบรู้ก็มิได้แปลงโฉมด้วย เช่นนั้นขอเพียงติดตามเบาะแสเหล่านี้มา การจะตามหาตนก็มิใช่เรื่องยากแล้ว!หากต้องการให้ตนป