แม้ว่าองค์ชายคังจะถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยให้วิชาเสน่ห์พิชิตใจ จึงเชื่อฟังคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยยามนี้น้ำเสียงของเขาก็มิใช่การถามแบบกดดัน แต่ก็ยังทำให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจ้องมองเขาอย่างมิพอใจเหตุใดจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะมิรู้ว่าเซียวหลินเทียนมิอยู่ในเมืองหลวงเป็นโอกาสที่ดีที่จะวางแผนให้องค์ชายคังแต่ในช่วงเวลานี้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังชดเชยข้อบกพร่องในเรื่องการเมืองของตนมิเพียงพอนางรู้ดีว่าตนสามารถสังหารหลิงอวี๋ได้ แต่สนับสนุนองค์ชายคังให้นั่งบนบัลลังก์นั้น ตำแหน่งนี้จะนั่งได้นานแค่ไหนกัน?กองทัพที่เซียวหลินเทียนนำออกไปล้วนเป็นพวกชั้นยอด หากรู้ว่าองค์ชายคังขึ้นครองบัลลังก์แล้วกลับมาจัดการ องค์ชายคังจะต้านทานได้หรือ?จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกำลังรอข่าวจากจ้าวฮุย มีเพียงนางยืนยันได้ว่าทางด้านจ้าวฮุยสามารถสังหารเซียวหลินเทียนได้แล้วเท่านั้น นางจึงจะลงมือกับหลิงอวี๋“อย่าได้ใจร้อน ข้ามีแผนของข้า!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเอ่ยเสียงเรียบ “สิ่งที่เจ้าต้องทำในยามนี้คือชักจูงกองทัพที่เหลืออยู่ในเมืองหลวงมาให้ได้โดยเร็วที่สุด เช่นนี้เมื่อสังหารหลิงอวี๋แล้วเจ้าจึงจะนั่งอยู่บนตำแหน่งนั้นได้!”องค์ชายคังเอ่ยอย่างฉุนเฉียว “คิดจะชัก
หลิงอวี๋สามารถค้นพบได้ทันท่วงทีเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะเส้นสายของท่านกวนเอ้อร์ก่อนหน้านี้ท่านกวนเอ้อร์ถูกเซียวหลินเทียนเรียกตัวกลับมา และเซียวหลินเทียนก็ได้พูดคุยกับเขาเชิงลึกไปหนึ่งคืนในการพูดคุยครานี้หลิงอวี๋มิได้เข้าร่วม แต่รู้ว่าท่านกวนเอ้อร์ถูกเซียวหลินเทียนเกลี้ยกล่อมท่านกวนเอ้อร์กังวลเกี่ยวกับพวกลูกน้องของเขา และมิเต็มใจที่จะเป็นขุนนางอย่างเปิดเผย ดังนั้นเขาจึงตกลงที่จะช่วยเซียวหลินเทียนเป็นการส่วนตัวเท่านั้นงานแรกที่เซียวหลินเทียนมอบหมายให้เขาก็คือ ค้นหาที่อยู่ของเบี้ยหวัดทหารนี้ แล้วบีบให้ร้านตั๋วเงินสี่หลายของตระกูลจ้าวต้องปิดตัวลงกระบวนการนี้ให้พยายามลดการสูญเสียของราษฎรให้มากที่สุดเซียวหลินเทียนจึงปลูกฝังแนวคิดเรื่องร้านตั๋วเงินของแคว้นที่หลิงอวี๋บอกให้ท่านกวนเอ้อร์รู้ และรับปากว่า หากมีการจัดตั้งร้านตั๋วเงินของแคว้นขึ้นในภายภาคหน้า ท่านกวนเอ้อร์จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการอาจเป็นเพราะจิตใจที่ทำเพื่อแคว้นและราษฎรของเซียวหลินเทียนสร้างความประทับใจให้ท่านกวนเอ้อร์ท่านกวนเอ้อร์มิต้องกังวลเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม กอปรกับหลังจากที่ภรรยาเสียชีวิตอย่างน่าเศร้าเขาก็อาศ
หลิงอวี๋ครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งตอนนั้นนางเคยหารือกับเซียวหลินเทียนในเรื่องนี้แล้ว และก่อนหน้านี้ก็อยากหาโอกาสบังคับให้องค์ชายคังเปิดเผยตนออกมาตอนนี้เมื่อองค์ชายคังส่งตัวเองมาให้ถึงหน้าประตู นางไม่มีทางปล่อยโอกาสที่จะได้แก้ไขข้อกล่าวหาให้หลิงเสียงกังและเรียกร้องความยุติธรรมให้กับทหารหลายพันนายที่เสียชีวิตอย่างมิยุติธรรมระหว่างทางที่ขนส่งเบี้ยหวัดทหารหรอก!ควรจะทำอย่างไรดี?ความคิดของหลิงอวี๋สับสนวุ่นวาย แล้วจู่ ๆ ก็นึกถึงแม่ทัพสือราชองครักษ์กองทัพหลวงตอนนั้นหลิงเสียงกังนำทหารคุ้มกันเบี้ยหวัดทหารไปที่แนวหน้า สือเจี๋ยน้องชายของแม่ทัพสือก็ไปพร้อมกับหลิงเสียงกังในฐานะรองแม่ทัพด้วยหลิงเสียงกังโชคดีรอดมาได้ แต่สือเจี๋ยตายในการสู้รบบิดาของแม่ทัพสือตายไปตั้งแต่เขายังเด็ก เหลืออยู่เพียงแม่และน้องชายเท่านั้นแม่ทัพสืออายุมากกว่าสือเจี๋ยห้าปี น้องชายผู้นี้จึงนับว่าแม่ทัพสือเลี้ยงดูมา สำหรับแม่ทัพสือแล้ว สือเจี๋ยมิได้เป็นเพียงน้องชายของเขา แต่เหมือนกับเป็นลูกชายของเขาด้วย“เรียกแม่ทัพสือมา!”หลิงอวี๋มีความคิดอยู่แล้ว อ้างว่าต้องเตรียมการป้องกันในวัง แล้วเรียกแม่ทัพสือไปที่ท้องพระโรง
ฮูหยินสือตัดสินใจอย่างรวดเร็ว นางรีบเปลี่ยนอาภรณ์แล้วใช้ทางลัดชิงไปให้ถึงวังก่อนแม่ทัพสือนางยื่นป้ายให้และรออยู่ข้างนอกด้วยใจที่กังวลป้ายนั้นถูกส่งไปที่วังหลังอย่างรวดเร็ว หลิงอวี๋ได้ยินว่าภรรยาของแม่ทัพสือขอเข้าเฝ้าก็สับสนเล็กน้อย ตนเรียกแม่ทัพสือ แล้วฮูหยินสือมาเพราะเหตุใด?นี่เป็นครั้งแรกที่ฮูหยินสือขอเข้าเฝ้าตน หลิงอวี๋จึงให้คนไปพาฮูหยินสือเข้ามาอย่างให้เกียรติตอนที่ฮูหยินสือเดินเข้าไปในท้องพระโรง หลิงอวี๋ก็มองประเมินนางอย่างสงสัยฮูหยินสือรูปร่างสูงและมีความโดดเด่นในบรรดาสตรี แต่งตัวดีมาก รูปร่างหน้าตาก็ดูดี เมื่อหลิงอวี๋เห็นก็รู้สึกว่าคนผู้นี้สามารถผูกมิตรด้วยได้“ถวายพระพรฮองเฮา! ขอฮองเฮาอายุยืนพันปี ๆ พัน ๆ ปีเพคะ!”ฮูหยินสือคุกเข่าลงคำนับหลิงอวี๋หลิงอวี๋ประคองนางเล็กน้อยพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินสือลุกขึ้นมานั่งเก้าอี้เถิด!”นางกำนัลสองคนยกเก้าอี้มาให้ฮูหยินสือฮูหยินสือมิได้ไปนั่งและยังคงคุกเข่าพลางรีบเอ่ย “ฮองเฮา หม่อมฉันทราบว่าท่านทรงเรียกพบสามีของหม่อมฉัน หม่อมฉันจึงรีบชิงเข้าวังมาพบท่านก่อนสามีเพคะ มีเรื่องที่ต้องรายงานฮองเฮา!”“อ๋อ มีเรื่องด่วนอันใดหรือ?”
ฮูหยินสือได้ยินว่า แม่ทัพสือมาถึงก็สีหน้าเปลี่ยน หลิงอวี๋จึงจับร่างที่ตื่นตระหนกจนอยากจะหนีของนางไว้ แล้วยิ้มพลางเอ่ย “อยู่เถิด!”หลังจากนั้นมินาน แม่ทัพสือก็ถูกขันทีน้อยเซี่ยพาเข้ามา เมื่อเขาเห็นฮูหยินสือ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีแม่ทัพสือคิดว่าฮูหยินสือถูกหลิงอวี๋สั่งให้คนพามา เพื่อลงโทษพวกเขาทั้งคู่ด้วยกัน เขาจึงคุกเข่าลงทันที แล้วเอ่ยเสียงดัง“ฮองเฮา กระหม่อมรับตั๋วเงินสองแสนมาจากองค์ชายคัง แต่นี่มิใช่เจตนาเดิมของกระหม่อม กระหม่อมแค่ปฏิเสธมิได้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ...”เขาหยิบตั๋วเงินออกมาแล้วยื่นให้ด้วยมือทั้งสองข้าง พลางเอ่ยอย่างตัดสินใจเด็ดขาด “ฮองเฮา กระหม่อมซื่อตรงมาทั้งชีวิต ในเมื่อสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิ ก็จะไม่มีทางคิดคดทรยศพ่ะย่ะค่ะ!”“หากฮองเฮามิทรงเชื่อ กระหม่อมจะใช้ชีวิตแลกกับการแสดงเจตจำนงพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋ยิ้มออกมาทันที มิแปลกที่ฮูหยินสือจะกังวล แม่ทัพสือผู้นี้ตรงไปตรงมาและหัวโบราณจริง ๆ!เรื่องนี้ยังมิได้อธิบายชัดเจน ก็คิดจะใช้ความตายแสดงเจตจำนงเสียแล้ว เขาคิดว่าตนมีหลายชีวิตหรืออย่างไร?“แม่ทัพสือลุกขึ้นเถิด!”หลิงอวี๋ดันฮูหยินสือให้นางไปพยุงแ
ที่หลิงเสียงกังคุกเข่าลงมิใช่เพราะตนไร้ความสามารถ แต่เพราะรู้สึกผิดที่ทำให้สือเจี๋ยและชีวิตอีกนับพันเหล่านั้นต้องตายไป“แม่ทัพสือ เจ้าฆ่าข้าเถิด! หากสิ่งนี้สามารถบรรเทาความโกรธของเจ้าได้ แม้เจ้าจะฟันข้าเป็นชิ้น ๆ ข้าก็จะมิโกรธเคืองเจ้า!”“ข้าเองก็อยากจะปลิดชีพตัวข้าเองเช่นกัน แต่ข้ามิอาจตายได้! ข้ายังอยากล้างแค้นให้สือเจี๋ยและชีวิตนับพันเหล่านั้น…”“หากมิให้คำอธิบายแก่พวกเขา ข้าก็คงตายตามิหลับ!”หลิงเสียงกังบอกแม่ทัพสือถึงข้อสงสัยที่ตนค้นพบ แม่ทัพสือเองก็รู้สึกว่าหลิงเสียงกังมิได้แก้ตัว จึงปล่อยหลิงเสียงกังไปนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาแม่ทัพสือก็ทำการสืบสวนอย่างลับ ๆ แต่กำลังคนของเขามีจำกัด สืบสวนไปมาก็พบข้อมูลเพียงผิวเผินเท่านั้นเมื่อหลิงอวี๋พูดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้ แม่ทัพสือก็สนใจขึ้นมา หลิงอวี๋เป็นหลานสาวของหลิงเสียงกัง หรือว่านางคิดจะพลิกคดีเพื่อหลิงเสียงกัง?เช่นนั้นความอยุติธรรมของน้องชายตนก็มีความหวังแล้วใช่หรือไม่?“ฮองเฮาทรงเรียกกระหม่อมเข้าวัง หรือว่าท่านจะประสงค์เริ่มสอบสวนคดีนี้อีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ?”แม่ทัพสือมองไปทางหลิงอวี๋อย่างเต็มไปด้วยความหวังหลิงอวี๋พยักหน้า “มิใ
นี่คือภารกิจที่แบกรับดวงวิญญาณที่จากไปอย่างอยุติธรรมนับพันดวงว่าจะเรียกร้องความยุติธรรมให้ได้หรือไม่ แม่ทัพสือรู้สึกกดดัน แต่ก็ยังเอ่ยเสียงเรียบ“กระหม่อมสาบานว่าจะหาหลักฐานกระทำผิดขององค์ชายคังมาให้ได้โดยเร็วที่สุด จะทำภารกิจที่ฮองเฮาทรงมอบหมายให้สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม สองวันนี้ท่านมิต้องเข้าประจำการ ไปสอบสวนเป็นการส่วนตัวเถิด!”สายตาของหลิงอวี๋มองอยู่ที่ตั๋วเงินของแม่ทัพสือ ดวงตาเป็นประกาย แล้วมองไปทางแม่ทัพสือด้วยรอยยิ้ม “แม่ทัพสือ ท่านรู้จักกลยุทธ์ไส้ศึกหรือไม่?”แม่ทัพสือมองไปทางหลิงอวี๋อย่างสับสน มิรู้ว่าเหตุใดนางจึงถามเช่นนี้“องค์ชายคังเอาตั๋วเงินออกมาเพื่อจะซื้อตัวท่าน มิใช่เพราะต้องการให้ท่านเป็นสายลับ ทำให้ข้าอับอายหรือลอบสังหารข้าหรอกหรือ?”หลิงอวี๋ยิ้มอย่างดูถูก “ท่านก็ทนความคับข้องใจสักหน่อย แสร้งทำเป็นกระทบกระทั่งกับข้าแล้วถูกรังเกียจ ก็เลยท้อแท้แล้วเกิดความขุ่นเคืองในใจ!”“เช่นนี้องค์ชายคังก็จะเชื่อใจท่านได้มากขึ้น และเปิดเผยแผนการของเขากับท่านมากขึ้น!”แม่ทัพสือเข้าใจทันที ความคิดของเขาก็ประมวลผลอย่างรวดเร็วนี่ฮองเฮาให้ตนไปเป็นสายลับ หาจุดประสงค์ขององค์ชายคัง
ข่าวที่แม่ทัพสือเข้าไปในวังแล้วกระทบกระทั่งกับหลิงอวี๋ จนถูกหลิงอวี๋ลงโทษให้คุกเข่าอยู่เป็นเวลาสองชั่วยามแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วในราชสำนักวันรุ่งขึ้นแม่ทัพสือโกรธเพราะเรื่องนี้ จึงใช้ข้ออ้างว่ามิสบายพักฟื้นอยู่ที่บ้านหลิงอวี๋ก็เลื่อนให้รองผู้บัญชาการหลี่เจิ้นมาดูแลกองทัพหลวงเป็นการชั่วคราวทันทีส่วนแม่ทัพสือคืนนั้นก็ไปดื่มจนเมาอยู่ที่ภัตตาคาร สุดท้ายก็ถูกฮูหยินสือมารับตัวกลับไป วันรุ่งขึ้นก็มีรายงานว่าฮูหยินสือพาแม่ทัพสือออกไปข้างนอกเพื่อคลายความกังวลในใจของเขาหลี่ว์เซียงมิรู้เรื่องจึงไปเกลี้ยกล่อมหลิงอวี๋หลิงอวี๋จึงเล่าเรื่องเบี้ยหวัดทหารให้เขาฟัง แล้วสุดท้ายก็ยิ้มพลางเอ่ย “แม่ทัพสือแค่ให้ความร่วมมือแสดงละครกับข้า ท่านมิต้องกังวล รอเขาสอบสวนเรื่องเบี้ยหวัดทหารแน่ชัดแล้วเขาจะกลับมา!”หลี่ว์เซียงจึงได้วางใจ ทว่าก็เป็นกังวลแทนหลิงอวี๋อยู่ดี หากไปแตะต้ององค์ชายคังแล้วพวกของจ้าวฮุยจะยืนดูอยู่นิ่ง ๆ ได้หรือ?หลิงอวี๋แค่ดูแลเรื่องบ้านเมืองเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่องค์ชายคังเป็นองค์ชาย หลิงอวี๋มิสามารถตัดสินประหารเขาโดยพลการได้!“ฮองเฮา หลายปีมานี้ตระกูลจ้าวรวมถึงองค์ชายคังได้รวบรว
องค์ชายเย่กังวลว่าอาศัยท่าทางเพียงอย่างเดียว หากถึงยามสถานการณ์เร่งด่วน แล้วคนของแม่นมหนานจับตาดูอย่างใกล้ชิดเกินไป เขาจะไม่มีโอกาสเตือนหลิงอวี๋ล่วงหน้า!องค์ชายเย่อยากเขียนจดหมายเตือนหลิงอวี๋ แต่ค้นทั่วทั้งบ้านก็มิพบกระดาษหรือปากกา สุดท้ายก็เห็นถ่านชิ้นเล็ก ๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง จึงหยิบขึ้นมา ดูว่าพรุ่งนี้จะมีโอกาสหากระดาษได้หรือไม่ในที่สุดองค์ชายเย่ก็ฉวยโอกาสตอนเข้าห้องน้ำหากระดาษเจอแผ่นหนึ่ง เขากังวลว่าแม่นมหนานจะค้นตัวก่อนออกเดินทาง จึงมิได้เขียนอะไรวันรุ่งขึ้นขณะออกเดินทางจึงถือโอกาสขี่ม้ารีบเขียนข้อความลวก ๆกระทั่งตอนที่องครักษ์ทั้งสองที่เฝ้าดูเขาไปที่วังพร้อมกับเขา องค์ชายเย่เห็นขอทานอยู่ริมถนน เขาจึงหยิบกระดาษขึ้นมาแล้วใช้กำลังภายในโยนมันเข้าไปในอ้อมแขนของขอทานขอทานตกใจครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วก็เผยฟันเหลืองยิ้มและจะทักทาย องค์ชายเย่รีบส่งสายตาให้เขา อาศัยตอนที่องครักษ์มิเห็นปั้นกระดาษเป็นก้อนแล้วบอกไปว่า ‘เผยอวี้’ขอทานเหล่านี้หลายคนรู้จักองค์ชายเย่ เพราะจูหลานมักจะให้โจ๊กแก่พวกเขาและเมื่อมีงานก็จะแนะนำให้พวกเขาไปทำดังนั้นองค์ชายเย่จึงสามารถสั่งขอทานจำนวนมากในบร
สำหรับจูหลานและองค์ชายเย่แล้ว นี่เป็นตัวเลือกที่ยากยิ่งนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับจูหลาน เสี่ยวเป่าคือเลือดเนื้อของนางที่นางแลกมาด้วยชีวิตนางกับเสี่ยวเป่าอยู่ด้วยกันตลอดเวลา นางเป็นคนแรกที่ได้เห็นทุกการเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวเป่าการต้องให้เสี่ยวเป่าตายจะทำให้ใจนางแตกสลายอย่างมิต้องสงสัย!แต่จูหลานรู้ว่านางต้องเลือกที่จะปกป้องหลิงอวี๋มีเพียงการปกป้องหลิงอวี๋ไว้เท่านั้น ทุกคนจึงจะมีอนาคตได้องค์ชายคังสามารถโจมตีเด็กที่อายุน้อยเท่ากับเสี่ยวเปาได้อย่างโหดร้ายเช่นนี้ พวกเขาจะกล้ามอบชีวิตของตนไว้ในมือขององค์ชายคังได้อย่างไร!“องค์ชาย เราทำเช่นนี้เถิดเพคะ...”จูหลานกระซิบแผนการของนางที่หูขององค์ชายเย่ แล้วสุดท้ายก็เอ่ยอย่างหนักแน่น “พวกเขาให้ท่านไปหลอกล่อฮองเฮา ท่านก็ไป แล้วคิดหาวิธีเตือนพระนางว่ามีอันตราย!”“ฮองเฮาเป็นคนที่ปราดเปรื่องที่สุดที่หม่อมฉันเคยเห็นมา ท่านจะต้องมีวิธีช่วยเสี่ยวเป่าได้อย่างแน่นอน!”“องค์ชาย สิ่งนี้มิเพียงเกี่ยวข้องกับชีวิตคนในครอบครัวของเราเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนนับหมื่นนับพันคนด้วย หม่อมฉันเชื่อว่าท่านทำได้เพคะ!”องค์ชายเย่รู้สึกถึงความก
“องค์ชาย หากท่านมิทำตามคำสั่งของพวกเขา เสี่ยวเป่าก็จะตายเพคะ!”จูหลานร้องไห้แล้วเอ่ย “คราก่อนหมอบอกว่าหม่อมฉันมิสามารถมีลูกได้อีกแล้วมิใช่หรือ? เรามีเพียงลูกชายคนนี้เท่านั้น จะปล่อยให้เขาตายมิได้นะเพคะ!”องค์ชายเย่รู้สึกเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง หลังจากได้ยินคำพูดของจูหลานก็รู้สึกสับสนเล็กน้อยครั้งที่แล้วหลิงอวี๋บอกว่า จูหลานได้รับบาดเจ็บตอนที่ให้กำเนิดเสี่ยวเป่า ยังมีลูกมิได้ในตอนนี้ แต่มิได้บอกว่าจูหลานมิสามารถมีลูกได้อีกในภายภาคหน้า!ขณะที่เขากำลังคิดอยู่ ก็เห็นจูหลานขยิบตาให้เขาองค์ชายเย่กับจูหลานเป็นคู่รักกันมาตั้งแต่วัยเด็ก ใจสื่อถึงกัน จึงรู้ทันทีว่าจูหลานกำลังแสดงละครให้คนข้างนอกดู“มีลูกชายเพียงคนเดียวก็มิสามารถให้ข้าไปทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้ พวกเขาคิดจะหลอกล่อฮองเฮามาสังหาร!”องค์ชายเย่จงใจตะโกนด้วยความโกรธคนหนึ่งพยายามเกลี้ยกล่อม แต่อีกคนหนึ่งมิยอมอย่างดื้อรั้น พวกเขายื้อกันอยู่เป็นเวลานานหนานฮุ่ยอยู่ข้างนอกฟังแล้วก็ทนมิไหว พูดไปพูดมาก็วนอยู่มิกี่คำ แล้วจะมีแนวคิดใหม่ ๆ ได้หรือ?นางมั่นใจว่าสุดท้ายแล้วองค์ชายเย่จะไปทำตามคำสั่งของนาง จึงให้เสี่ยวฮุ่ยอยู่เฝ้าแล้วนา
กระทั่งองค์ชายเย่กับจูหลานไปถึงหมู่บ้านซื่อผิง ถึงได้รู้ว่าเสี่ยวเป่ามิได้อยู่ที่หมู่บ้านและคนทั้งหมดในหมู่บ้านซื่อผิงก็ถูกแทนที่ด้วยคนแปลกหน้าแล้วเสี่ยวฮุ่ยก็ถอดหน้ากากออก ที่แท้นางมิใช่เสี่ยวฮุ่ยนางรับใช้ของจูหลานดังที่เคย ใบหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั้นเป็นใบหน้าที่จูหลานมิเคยเห็นมาก่อนจูหลานเห็นแล้วนอกจากตกใจก็ยังเสียใจมากขึ้นด้วย นางมิรู้เลยว่านางรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ เปลี่ยนคนไปแล้ว นี่คือความมิรอบคอบอย่างมาก!นางเสียใจอยู่ลึก ๆ วันนั้นมิควรใจอ่อน มิเช่นนั้นเสี่ยวเป่าคงมิถูกเสี่ยวฮุ่ยลักพาตัวไป“พวกเจ้าจับตัวลูกชายข้ามา คิดจะทำอะไรกันแน่?”องค์ชายเย่ตะคอกก่อนหน้านี้เขาใช้ชีวิตอย่างราบรื่น มิเคยเจอเรื่องเช่นนี้ จึงไม่มีประสบการณ์ในการจัดการ“ง่ายมาก ขอเพียงท่านเชื่อฟังและปฏิบัติตามแผนของเรา เสี่ยวเป่าของท่านก็จะกลับไปอยู่ข้างกายท่านอย่างปลอดภัย!”แม่นมหนาน ก็คือหนานฮุ่ยสาวงามที่เอาชีวิตหลิงเสียงกังกับหลิงหว่านมาข่มขู่นางซุนให้ใส่ร้ายหลิงอวี๋“พวกเจ้าจะให้องค์ชายของข้าไปทำอะไร?”จูหลานเป็นผู้ใหญ่มากกว่าองค์ชายเย่ นางกดองค์ชายเย่ลงแล้วเอ่ยถาม“ง่ายมาก แค่หาข้ออ้างหลอกล่
เมื่อเหลือบมองเมื่อครู่ นางก็เข้าใจภาษามือที่องค์ชายเย่ทำกับนางแล้วนี่คือชุดภาษามือที่หลิงอวี๋สอนให้กับองครักษ์ส่วนตัวของเซียวหลินเทียนเมื่อครั้งการแข่งขันทางทหารสี่แคว้น ใช้ส่งข้อความในยามที่มิสะดวกในการพูดข้อความที่องค์ชายเย่ส่งให้ตนเมื่อครู่... กับดัก ระวัง!ภายนอกหลิงอวี๋ดูสงบ แต่ในใจเดือดพล่านราวกับหม้อไฟองค์ชายเย่กับภรรยาตกอยู่ในอันตรายหรือ?แล้วอันตรายอะไรที่ทำให้องค์ชายเย่มิสะดวกที่จะบอกตนกัน?นางคิดถึงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นคนแรกตนอยู่ในวังได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยคิดจะทำร้ายตนก็มิสามารถทำได้มีเพียงการล่อตนออกไปเท่านั้นที่นางจะบรรลุเป้าหมายได้แล้วจะมีใครที่ทำให้บรรลุเป้าหมายนี้ได้ง่ายไปกว่าองค์ชายเย่!ดูจากเมื่อครู่ทันทีที่ตนได้ยินว่าเรื่องกับจูหลานก็จะออกจากวังทันที เห็นได้ชัดว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้คำนึงถึงปฏิกิริยาของตนไว้แล้วแต่ถึงแม้ว่าหลิงอวี๋จะรู้ว่าเป็นกับดัก แล้วนางจะมิไปได้หรือ?เมื่อครู่นางมิเพียงเห็นท่าทางขององค์ชายเย่ที่เตือนนางเท่านั้น แต่ยังเห็นแววตาที่เป็นกังวลและวิงวอนในดวงตาขององค์ชายเย่ด้วยจูหลานกับเสี่ยวเป่าต้องถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่
เห็นได้ชัดว่าหลิงอวี๋แข็งแกร่งกว่าสตรีทั่วไปมาก!หลังจากได้รับคำแนะนำของหลิงอวี๋แล้ว เผยอวี้ก็รู้สึกว่าความคิดของเขาก่อนหน้านี้ค่อนข้างจะคับแคบไปหลังออกมาจากวัง เผยอวี้ก็แทบรอมิไหวที่จะพุ่งไปหาองค์ชายเย่ที่ตำหนักองค์ชายเย่ระหว่างสหายควรปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ ในเมื่อเขาถือว่าองค์ชายเย่เป็นสหายแล้ว ก็มิควรสงสัยองค์ชายเย่ไหนเลยจะรู้ว่าเมื่อมาถึงตำหนักองค์ชายเย่ คนเฝ้ายามจะบอกว่าองค์ชายเย่ไปเดินเล่นที่หมู่บ้านกับพระชายาเย่แล้วแล้วเผยอวี้ก็นึกขึ้นได้ว่า องค์ชายเย่ส่งคนไปแจ้งตนในตอนเช้าแล้วว่าจะหยุดงานหนึ่งวันเขาจึงมิได้ใส่ใจแล้วกลับไปจัดการงานต่อวันรุ่งขึ้นองค์ชายเย่ก็ยังมิมา เผยอวี้แอบคิดว่าองค์ชายเย่กำลังสนุกกับพระชายาเย่ที่หมู่บ้านจนลืมไปหรือไม่ แต่ก็มิได้ใส่ใจ แล้วเอาเรื่องที่องค์ชายเย่ควรทำมาทำเองทั้งหมดในช่วงบ่าย เผยอวี้เสร็จภารกิจแล้วและวางแผนจะกลับบ้าน แต่ขณะที่เขาเดินออกมากำลังจะกลับบ้าน ก็มีขอทานคนหนึ่งเข้ามาขออาหารเผยอวี้กำลังจะหยิบเงินหนึ่งตำลึงออกจากแขนแล้วโยนให้เขาขอทานก็ชนเข้ากับเผยอวี้ เผยอวี้รู้สึกว่าเขาแตะหน้าอกของตน จึงผลักเขาออกไปโดยสัญชาตญาณ“ขอ
หลิงอวี๋อยู่ที่วังหลังเมื่อจะพบกับขุนนางภายนอกจะเลือกที่ท้องพระโรงเสมอ เช่นนี้ก็จะมิต้องอยู่ในวังหลัง และสามารถหลีกเลี่ยงปัญหามากมายได้หลิงอวี๋คิดว่าเผยอวี้มีเรื่องงานราชสำนัก นางจึงไปพบเขาที่ท้องพระโรงเผยอวี้ถูกตระกูลเผยต่อต้านเพราะหมั้นหมายกับหลิงหว่าน เมื่อเห็นหลิงอวี๋ส่วนตัวก็ไม่มีหน้าจะเรียกนางว่าพี่หญิงหลิงหลิงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว“ฮองเฮา กระหม่อมขอพบท่านเพราะกระหม่อมอยากจะถามอะไรบางอย่างพ่ะย่ะค่ะ!”เผยอวี้เอ่ยตรง ๆ “กระหม่อมคิดว่า องค์ชายเย่เป็นคนดี จึงคิดว่าจะสามารถสอนเขาฝึกพลังวิญญาณได้หรือไม่ เช่นนี้วรยุทธ์ของเขาจะพัฒนาขึ้นได้มาก!”“มิทราบว่า ฮองเฮาจะทรงอนุญาตให้กระหม่อมถ่ายทอดวิธีการฝึกแก่องค์ชายเย่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”หลิงอวี๋ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วครุ่นคิดพลางเอ่ย “ได้สิ!”เผยอวี้ไหนเลยจะคาดคิดว่าหลิงอวี๋จะตกลงง่าย ๆ เช่นนี้ เขาจึงมิสบายใจเล็กน้อย“ฮองเฮา ท่านจะมิทรงพิจารณามากขึ้นอีกนิดหรือพ่ะย่ะค่ะ? องค์ชายเย่มิเหมือนกับกระหม่อม… เขา… แม้ว่าเขาจะไม่มีความทะเยอทะยานที่จะนั่งบัลลังก์มังกร ตอนนี้ไม่มี แต่ทว่าในภายภาคหน้าเล่า?”เผยอวี้พูดแล้วรู้สึกผิดเสียเององค์ชายเ
องค์ชายคังถูกจำคุกที่ราชสำนักฝ่ายใน จ้าวฮุยก็ถูกเว่ยเหนือควบคุมตัวไว้อีก พรรคพวกของจ้าวฮุยไม่มีผู้นำ ก็รู้สึกท้อแท้ไปเล็กน้อยดีที่ไท่เฟยเส้ากลับมาทันเวลา นางไปโน้มน้าวขุนนางเหล่านี้อย่างเงียบ ๆ บอกว่าตนจะช่วยองค์ชายคังออกมาได้อย่างแน่นอนทางด้านจ้าวฮุยก็จะกลับมาอย่างปลอดภัยเช่นกัน แต่เซียวหลินเทียนจะไม่มีชีวิตรอดกลับมาเป็นแน่ภายใต้การบังคับและหลอกล่อด้วยผลประโยชน์ของนาง ขุนนางเหล่านี้ก็มีใจกระตือรือร้นขึ้นมาอีกครั้งมิว่าอย่างไรตนก็เป็นคนขององค์ชายคังอยู่แล้ว หลายปีมานี้ก็ได้รับผลประโยชน์จากในมือขององค์ชายคังมามิน้อย หากเรื่องราวเผยแพร่ออกไป เซียวหลินเทียนจะปล่อยพวกเขาไปได้อย่างไรเช่นนั้นก็เสี่ยงโชคดูแล้วกัน หากสนับสนุนให้องค์ชายคังได้นั่งบนบัลลังก์มังกร ตำแหน่งขุนนางของพวกเขาจะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย มิฉะนั้นจากวิธีการจัดการของเซียวหลินเทียนในยามนี้ มิต้องรอให้ผ่านไปหลายปีพวกเขาก็จะถูกแทนที่ทั้งหมดแล้วครานี้หลิงอวี๋ลงมือจัดการองค์ชายคังได้แล้วก็รู้สึกว่าความกดดันลดน้อยลง ทว่านางก็ยังมิกล้าผ่อนคลายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเก่งกาจยิ่งกว่าองค์ชายคัง นางยังมิได้ลงมือ แล้วหลิงอวี๋จะกล้าผ่อน
องค์ชายรุ่ยยึดครองแคว้นเล็กหลายแห่งได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ต้องไปร่วมกับเซียวหลินเทียนเพื่อร่วมกันต่อต้านเว่ยเหนือกับฉีตะวันออกและในเวลานี้ ข่าวที่ว่าองค์ชายคังถูกหลิงอวี๋จับตัวที่เมืองหลวงในข้อหาปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารและถูกจำคุกอยู่ในราชสำนักฝ่ายในก็แพร่ไปจนถึงหูขององค์ชายรุ่ยฟางเหยาเหยาลูกสาวของแม่ทัพฟางแต่งงานไปเป็นชายารองขององค์ชายคัง ตอนนี้องค์ชายคังสูญเสียอำนาจไป หากคิดจะดึงตัวแม่ทัพฟางมาก็ง่ายขึ้นแล้วแม่ทัพฟางมีลูกสาวมากมายถึงเพียงนั้น สละฟางเหยาเหยาไปคนเดียวไคงม่มีผลกระทบอะไรต่อเขาหรอกองค์ชายรุ่ยมอบเงินทองบางส่วนที่เก็บรวบรวมมาจากแคว้นพันให้กับแม่ทัพฟางโดยอ้างว่าเป็นของรางวัลจากสงครามแม่ทัพฟางมิได้ปฏิเสธและมิได้พูดคำที่ว่าจะภักดีต่อองค์ชายรุ่ย เขายังคงสังเกตการณ์อยู่เขารู้สึกว่าจ้าวฮุยวางแผนการนี้ไว้ ไม่มีทางที่จะเสร็จสิ้นไปอย่างเงียบ ๆ เช่นนี้แน่ และที่จ้าวฮุยถูกองค์ชายอิงพาไปที่เยวี่ยใต้ก็คือแผนการที่องค์ชายอิงกับจ้าวฮุยตกลงกันไว้จ้าวฮุยไปเป็นทูตที่แคว้นเล็กครานี้ ตั้งใจว่าจะใช้แคว้นเล็กเหล่านี้สร้างความวุ่นวายใจให้กับเซียวหลินเทียนเขากับองค์ชายอิงร่วมกันวางแผ