นี่คือภารกิจที่แบกรับดวงวิญญาณที่จากไปอย่างอยุติธรรมนับพันดวงว่าจะเรียกร้องความยุติธรรมให้ได้หรือไม่ แม่ทัพสือรู้สึกกดดัน แต่ก็ยังเอ่ยเสียงเรียบ“กระหม่อมสาบานว่าจะหาหลักฐานกระทำผิดขององค์ชายคังมาให้ได้โดยเร็วที่สุด จะทำภารกิจที่ฮองเฮาทรงมอบหมายให้สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม สองวันนี้ท่านมิต้องเข้าประจำการ ไปสอบสวนเป็นการส่วนตัวเถิด!”สายตาของหลิงอวี๋มองอยู่ที่ตั๋วเงินของแม่ทัพสือ ดวงตาเป็นประกาย แล้วมองไปทางแม่ทัพสือด้วยรอยยิ้ม “แม่ทัพสือ ท่านรู้จักกลยุทธ์ไส้ศึกหรือไม่?”แม่ทัพสือมองไปทางหลิงอวี๋อย่างสับสน มิรู้ว่าเหตุใดนางจึงถามเช่นนี้“องค์ชายคังเอาตั๋วเงินออกมาเพื่อจะซื้อตัวท่าน มิใช่เพราะต้องการให้ท่านเป็นสายลับ ทำให้ข้าอับอายหรือลอบสังหารข้าหรอกหรือ?”หลิงอวี๋ยิ้มอย่างดูถูก “ท่านก็ทนความคับข้องใจสักหน่อย แสร้งทำเป็นกระทบกระทั่งกับข้าแล้วถูกรังเกียจ ก็เลยท้อแท้แล้วเกิดความขุ่นเคืองในใจ!”“เช่นนี้องค์ชายคังก็จะเชื่อใจท่านได้มากขึ้น และเปิดเผยแผนการของเขากับท่านมากขึ้น!”แม่ทัพสือเข้าใจทันที ความคิดของเขาก็ประมวลผลอย่างรวดเร็วนี่ฮองเฮาให้ตนไปเป็นสายลับ หาจุดประสงค์ขององค์ชายคัง
ข่าวที่แม่ทัพสือเข้าไปในวังแล้วกระทบกระทั่งกับหลิงอวี๋ จนถูกหลิงอวี๋ลงโทษให้คุกเข่าอยู่เป็นเวลาสองชั่วยามแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วในราชสำนักวันรุ่งขึ้นแม่ทัพสือโกรธเพราะเรื่องนี้ จึงใช้ข้ออ้างว่ามิสบายพักฟื้นอยู่ที่บ้านหลิงอวี๋ก็เลื่อนให้รองผู้บัญชาการหลี่เจิ้นมาดูแลกองทัพหลวงเป็นการชั่วคราวทันทีส่วนแม่ทัพสือคืนนั้นก็ไปดื่มจนเมาอยู่ที่ภัตตาคาร สุดท้ายก็ถูกฮูหยินสือมารับตัวกลับไป วันรุ่งขึ้นก็มีรายงานว่าฮูหยินสือพาแม่ทัพสือออกไปข้างนอกเพื่อคลายความกังวลในใจของเขาหลี่ว์เซียงมิรู้เรื่องจึงไปเกลี้ยกล่อมหลิงอวี๋หลิงอวี๋จึงเล่าเรื่องเบี้ยหวัดทหารให้เขาฟัง แล้วสุดท้ายก็ยิ้มพลางเอ่ย “แม่ทัพสือแค่ให้ความร่วมมือแสดงละครกับข้า ท่านมิต้องกังวล รอเขาสอบสวนเรื่องเบี้ยหวัดทหารแน่ชัดแล้วเขาจะกลับมา!”หลี่ว์เซียงจึงได้วางใจ ทว่าก็เป็นกังวลแทนหลิงอวี๋อยู่ดี หากไปแตะต้ององค์ชายคังแล้วพวกของจ้าวฮุยจะยืนดูอยู่นิ่ง ๆ ได้หรือ?หลิงอวี๋แค่ดูแลเรื่องบ้านเมืองเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่องค์ชายคังเป็นองค์ชาย หลิงอวี๋มิสามารถตัดสินประหารเขาโดยพลการได้!“ฮองเฮา หลายปีมานี้ตระกูลจ้าวรวมถึงองค์ชายคังได้รวบรว
หลังจากไล่ตามมาตลอดหลายสิบลี้ องค์ชายคังก็ตามหัวหน้าหมู่บ้านทันที่เส้นทางภูเขาองค์ชายคังโกรธมาก รีบกวดม้าไปข้างหน้าแล้วขวางกั้นเส้นทางภูเขาอย่างโกรธเกรี้ยว“สารเลว เจ้ากล้ายักยอกเงินของข้า เจ้าคิดว่าชีวิตยืนยาวเกินไปรึ?”หัวหน้าหมู่บ้านมีความทุกข์ที่มิอาจพูดออกมาได้ เมื่อธนูยิงออกไปแล้วมิอาจย้อนกลับได้ เพื่อครอบครัวของตน เขาทำได้เพียงทำตามที่แม่ทัพสือสั่งเท่านั้น“องค์ชาย เงินนี้เป็นเงินที่ท่านได้มาจากการปล้นเบี้ยหวัดทหาร เงินนี้ได้มาโดยมิชอบ ผู้ที่มีส่วนร่วมก็มีสิทธิ์ได้ กระหม่อมเอามาสักหน่อยแล้วจะเป็นอย่างไรเล่า!”หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยด้วยน้ำเสียงไร้ยางอาย “องค์ชาย ท่านอย่าได้ลืมว่าในช่วงหลายปีมานี้ล้วนเป็นกระหม่อมที่ช่วยท่านรักษาเบี้ยหวัดทหารไว้ กระหม่อมเสี่ยงชีวิตทำงานให้กับท่าน แต่ท่านกลับให้เงินมิกี่ร้อยตำลึงก็คิดจะไล่กระหม่อมแล้วหรือ?”“สารเลว!”องค์ชายคังโกรธมากจนเสียสติแล้วตะคอกออกไป “เจ้าเป็นเพียงทาสก็ควรรับใช้ข้าแล้ว! ให้เจ้าแค่มิกี่ร้อยตำลึงก็เพียงพอแล้ว เจ้ายังต้องการอีกเท่าใด?”หัวหน้าหมู่บ้านยิ้มพลางเอ่ย “เบี้ยหวัดทหารสองล้าน นี่มิใช่จำนวนน้อย หากถูกพบเข้า ครอบครั
“ยอมให้จับแต่โดยดี คนชั้นต่ำเช่นเจ้าคิดจะจัดการกับข้ารึ? ฮ่า ๆ ๆ ...”องค์ชายคังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาจะยอมให้จับแต่โดยดีได้อย่างไร หากถูกหลิงอวี๋พากลับไป เขาไม่มีทางหนีพ้นจากความตายเป็นแน่เดิมทีเขาก็มีความตั้งใจที่จะสังหารหลิงอวี๋อยู่แล้ว และบัดนี้ก็ตั้งใจแน่วแน่ที่จะสังหารหลิงอวี๋มากกว่าเดิมเขามั่นใจว่าแม่ทัพสือรับเงินของตนไปแล้วก็คือคนของตน มีแม่ทัพสือร่วมมือกับตน หลิงอวี๋จะยังสามารถหนีไปได้อีกหรือ?เส้นทางภูเขานี้ข้างหน้าก็ไม่มีหมู่บ้าน ข้างหลังก็ไม่มีร้านค้า หากสังหารหลิงอวี๋แล้วก็โยนความผิดให้พวกโจรบนภูเขาไปถึงเวลานั้นแม้ว่าพวกหลี่ว์เซียงจะสงสัยว่าการตายของหลิงอวี๋ผิดปกติ ทว่าจะมีผู้ใดชี้ตัวมาที่เขาได้เล่า!“คนชั้นต่ำ แม้จะถูกเจ้าจับได้พร้อมหลักฐานแล้วอย่างไร?”องค์ชายคังเอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง “วันนี้เป็นวันตายของเจ้า เจ้าไปจัดการข้าในใต้ดินก็แล้วกัน!”“ฆ่านาง! ผู้ใดที่สังหารหลิงอวี๋ได้ ข้าจะตกรางวัลให้หนึ่งแสนตำลึง!”ทหารเหล่านั้นต่างก็มองหน้ากันไปมา องค์ชายคังโกรธจนบ้าไปแล้วหรือ?มิเห็นพลธนูที่จ้องมองพวกเขาอยู่มากมายถึงเพียงนั้นหรือไร?ขอเพียงพวกเขาเคลื่อนไหว ก็จะถู
ขุนนางพรรคพวกองค์ชายคังต่างก็ก่นด่าองค์ชายคังอยู่ในใจว่าเป็นหมูโง่!หลิงอวี๋มิได้ไต่สวนคดีนี้ด้วยซ้ำ เขาก็สารภาพทุกอย่างออกมาและยอมรับเรื่องที่ปล้นเบี้ยหวัดทหารรวมถึงสังหารทหารเหล่านั้นด้วยอีกทั้งยังจะสังหารหลิงอวี๋ปิดปากเขาต่อหน้าขุนนางจำนวนมากอีก!สติปัญญาขององค์ชายคังช่างน่ากังวลนัก!มิแปลกที่ชิงไหวชิงพริบกับหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็มักจะพ่ายแพ้!องค์ชายเย่มององค์ชายคังอย่างโมโห เขาไม่มีหน้าจะขอร้องให้องค์ชายคังแล้วนั่นมิใช่หนึ่งหรือสองชีวิต นั่นเป็นพันชีวิตเชียวนะ!หัวหน้าหมู่บ้านพูดถูก ในสายตาขององค์ชายคัง ชีวิตนับพันนี้ก็คือต้นหญ้า มิฉะนั้นหากมีความเป็นมนุษย์เสียหน่อย ผู้ใดจะทำเรื่องที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ได้?การแก้ตัวและตอบโต้ขององค์ชายคังทำให้องค์ชายเย่รู้สึกละอายกล้าทำมิกล้ารับ นี่ยังเป็นบุรุษอยู่หรือไม่?คนเช่นนี้ยังต้องการจะเป็นจักรพรรดิ โชคดีที่เสด็จพ่อทรงปราดเปรื่อง มิฉะนั้นหากมอบบัลลังก์ให้องค์ชายคังก็จะเป็นหายนะครั้งใหญ่ที่สุดของฉินตะวันตกเลยทีเดียว!องค์ชายคังเห็นคนมากมายจ้องมองตนเช่นนั้นก็ตะลึงไปนั่นมิใช่รถม้าที่ขนย้ายเบี้ยหวัดทหารหรอก
หลิงอวี๋มิเพียงแต่ปิดปากขุนนางเหล่านี้เท่านั้น เมื่อกลับไปถึงเมืองหลวง ยังให้ท่านกวนเอ้อร์ส่งคนไปปะปนกับฝูงชน แล้วกระจายข่าวเรื่องการปล้นเบี้ยหวัดทหารขององค์ชายคังอีกด้วยกระทั่งองค์ชายคังถูกพาตัวกลับเมืองหลวง คนมากมายได้เห็นภาพนี้ด้วยตาตนเองก็ล้วนเชื่อว่าองค์ชายคังได้ทำเรื่องที่โหดร้ายเช่นนี้จริง ๆราษฎรนับมิถ้วนต่างขว้างปาขยะ ใบผักเน่าและไข่เน่าไปที่รถม้าที่องค์ชายคังนั่งมา พร้อมทั้งก่นด่าว่าความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งขององค์ชายคังนั้นมาจากเลือกเนื้อของราษฎรบางคนนึกถึงสินสอดที่ทอดยาวไปตามถนนหลายสายครั้นเมื่อองค์ชายคังแต่งงานกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ก็ต่างมีการคาดเดาไปต่าง ๆ นานา“องค์ชายคังจะต้องมิได้ทำเพียงแค่เรื่องที่ปล้นเบี้ยหวัดทหารเป็นแน่ มิเช่นนั้นเขาจะนำสินสอดมากมายถึงเพียงนั้นมาให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้อย่างไร!”“ตรวจสอบ ต้องตรวจสอบ… เราไปร้องเรียนที่ศาลาว่าการกันเถิด!”พ่อค้าและผู้คนบางส่วนที่ถูกองค์ชายคังกับตระกูลจ้าวรังแกก่อนหน้านี้ก็นึกเชื่อมโยงขั้นมา แล้วรีบไปร้องเรียนที่ศาลาว่าการและบางคนก็พุ่งไปที่ตำหนักองค์ชายคัง อยากจะเข้าไปค้นหาหลิงอวี๋คาดการณ์ปฏิกิริยาของราษฎรไว้แล
เรื่องที่องค์ชายคังถูกจับไปที่ราชสำนักฝ่ายในไปถึงหูของไท่เฟยเส้าอย่างรวดเร็ว ไท่เฟยเส้าโกรธจนตัวสั่น นี่หลิงอวี๋จะจำกัดพวกเขาทั้งหมดเลยหรือ?เช่นนี้จะได้อย่างไร!นางวางแผนเเพื่อองค์ชายคังมาหลายปีเช่นนี้ จะมาพลาดในขั้นสุดท้ายได้อย่างไร!ไท่เฟยเส้าอยู่มินิ่งแล้ว ช่างเรื่องสวดพระสูตรภาวนาเพื่อไทฮองไทเฮาไปสิ นางไม่มีทางที่จะยอมแพ้เช่นนี้!ไท่เฟยเส้าหาแม่นมที่รูปร่างคล้ายกับตนมาปลอมตัวว่าเป็นตน แล้วรีบลงเขาจากศาลบูรพกษัตริย์กลับไปยังเมืองหลวงในชั่วข้ามคืนนางต้องไปดูแลและช่วยลูกชายของตนกลับมาด้วยตนเองคราก่อนจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเพิกเฉยต่อความเป็นความตายของตนได้ แล้วตนจะวางใจฝากชีวิตลูกชายไว้ในมือของนางได้อย่างไร!มิเพียงเท่านั้น ไท่เฟยเส้ายังเขียนจดหมายฉบับหนึ่งให้คนส่งไปถึงองค์หญิงใหญ่อีกด้วยในการเผชิญหน้าขององค์หญิงใหญ่กับหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนครั้งก่อน ลูกชายของนางถูกไทฮองไทเฮามอบสุราพิษทำให้ตายนางถูกถอดวรยุทธ์และถูกส่งกลับไปที่อารามจิ้งซือเพื่อสำนึกในความผิดของตนแต่ไท่เฟยเส้ารู้จักองค์หญิงใหญ่ดี สตรีผู้ที่จักรพรรดิองค์ก่อนสูงสุดอุ้มนั่งตักอยู่ในตำหนักกระดิ่งทองและมีส่วนร่วมใน
ทางด้านเซียวหลินเทียน เขานำกำลังพลเร่งไปยังเยวี่ยใต้ การเสริมกำลังก็เหมือนกับการดับไฟ พวกเขามิกล้าที่จะล่าช้าแม้แต่น้อย เร่งเดินทางทั้งกลางวันกลางคืน ในมิช้าก็มาถึงชายแดนเยวี่ยใต้เสด็จพ่อของมู่หรงเหยียนซงสวรรคตแล้ว มู่หรงเหยียนซงก็ขึ้นครองบัลลังก์อย่างรวดเร็วและกลายเป็นจักรพรรดิแห่งเยวี่ยใต้แล้วด้วยเพียงแต่บัลลังก์จักรพรรดิของเขายังนั่งมามิกี่วัน ก็ถูกโจมตีจากเว่ยเหนือจนเยวี่ยใต้สูญเสียเมืองไปสิบกว่าเมืองติดต่อกัน มู่หรงเหยียนซงถูกบังคับให้ล่าถอยไปยังซีไห่ซึ่งอยู่ห่างจากโม่เหอเพียงร้อยกว่าลี้เท่านั้น เขตซีไห่มีภูเขาสูงและชายฝั่งทะเล ภูมิแคว้นด้านหน้าสูงชัน มีข้อได้เปรียบทางยุทธวิธีที่แม้จะมีบุรุษหนึ่งคนเฝ้าประตูแต่ทหารหมื่นคนก็มิสามารถฝ่าประตูเข้ามาได้การเคลื่อนไหวนี้หยุดยั้งการรุกคืบของเว่ยเหนือได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ด้วยความสามารถของกองทัพมู่หรงเหยียนซงแล้ว สามารถอยู่ได้เพียงชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น เมื่อเวลานานไปก็ยังคงถูกกองทัพขององค์ชายอิงโจมตีอยู่ดีองค์ชายอิงรู้ข่าวแล้วว่าเ ซียวหลินเทียนนำทัพมาด้วยตนเองและเร่งมาให้ความช่วยเหลือเยวี่ยใต้จากการถูกปิดล้อมอยู่ เขาจำเป็นต้องย
“พี่อาอวี๋ เจ้าไปแล้วใครจะเล่นกับข้า? ใครจะดูแลข้า?”“พี่อาอวี๋ เจ้ายังเล่านิทานมิจบเลย! ข้ายังอยากฟังเจ้าเล่านิทานอีก!”คำเรียกพี่อาอวี๋ก็ออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้หลิงอวี๋รู้สึกแสบจมูก ทำอะไรมิถูกนางเองก็ทำใจจากหวงฝู่หมิงจูมิได้เช่นกัน แต่วังเทพแห่งนี้มิใช่ที่ที่นางควรอยู่ นางยังต้องไปตามหาน้องสาวของตน!“พี่… อาอวี๋… อย่าไป!”หวงฝู่หมิงจูร้องไห้อย่างใจสลาย น้ำเสียงก็ขาด ๆ หาย ๆ กอดขาหลิงอวี๋ไว้แน่นมิยอมปล่อยมือหวงฝู่หลินทั้งปวดใจทั้งอิจฉา ตนเลี้ยงดูหวงฝู่หมิงจูเติบโตมา หวงฝู่หมิงจูล้วนไม่มีใจที่จะสนใจผู้ใด เมื่อใดกันที่สนใจคนคนหนึ่งถึงเพียงนี้!ท่านน้าหลินเองก็สีหน้ามิสู้ดีเช่นกัน นางก้าวไปข้างหน้าและพยายามดึงหวงฝู่หมิงจูออกพลางเตือนอย่างแสร้งทำดี“หมิงจู เจ้าได้ยินที่อาอวี๋บอกว่านางต้องไปตามหาน้องสาวแล้วหรือไม่? น้องสาวของนางเป็นญาติของนาง เจ้าให้นางไปตามหาน้องสาวนางเถิด!”“ท่านออกไป!”หวงฝู่หมิงจูหันหน้าไปมองท่านน้าหลินด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว แล้วตะโกนอย่างมิพอใจอย่างมาก “สตรีสารเลว เป็นเพราะท่านจะตีพี่อาอวี๋จึงบีบให้นางต้องไป!”“ท่านออกไปเสีย ที่นี่มิใช่บ้านของท่าน ข้ามิต้
“ผู้ใดกล้าตีพี่อาอวี๋”“ก็ต้องตีข้าด้วย!”หวงฝู่หมิงจูตะคอกใส่ท่านน้าหลินอย่างโมโห “ข้ายินดีให้พี่อาอวี๋ดูแลข้า… ข้าแค่มิต้อนรับแขกเช่นท่าน!”“ท่านไปเสียเถิด! ข้ามิอยากให้ท่านมาเป็นแขกของตำหนักรุ่ยจู! ข้ามิยินดีให้ท่านกินเกี๊ยวที่พี่อาอวี๋ทำ!”“พวกเจ้าหากผู้ใดกล้ารังแกพี่อาอวี๋ก็คือการรังแกข้า!”“ท่านพ่อ หากท่านกล้าให้พวกนางตีพี่อาอวี๋ ข้าเองก็มิต้องการท่านแล้ว ท่านออกไปพร้อมกับพวกนางเลย!”“ฮือ ๆ ถึงอย่างไรท่านก็มิค่อนอยู่บ้านอยู่แล้ว ข้าถูกรังแกท่านก็มิสนใจ ข้ามีพี่อาอวี๋ก็เพียงพอแล้ว!”หวงฝู่หมิงจูพูดแล้วก็หันไปกอดขาของหลิงอวี๋ไว้แล้วร้องไห้ออกมายกใหญ่ท่าทีเช่นนี้ของหวงฝู่หมิงจูทำเอาท่านน้าหลินไปมิเป็น สีหน้าของนางก็ดูแย่ลงอย่างกระอักกระอ่วนหวงฝู่หลินจึงรีบเอ่ยอย่างปวดใจ “หมิงจูอย่าร้องนะ พ่อมิได้บอกว่าจะตีอาอวี๋ เจ้าอย่าได้โกรธเลย! ระวังโกรธแล้วจะเสียสุขภาพเอาได้!”เขาเดินเข้าไปจะปลอบใจหวงฝู่หมิงจู แต่หวงฝู่หมิงจูมิไว้หน้าเขา ซุกหัวอยู่กับขาของหลิงอวี๋แล้วร้องไห้ต่อหลิงอวี๋หมดคำพูด แม้ว่าหวงฝู่หมิงจูจะกำลังร้องได้ แต่อาอวี๋รู้จักนางดี เด็กน้อยผู้นี้ร้องไห้จริงเสียที่ไห
“พี่อาอวี๋ นี่มานี่สิ!”หวงฝู่หมิงจูเห็นหลิงอวี๋ยืนอยู่ด้านข้างจึงวิ่งไปดึงนางมา“ท่านพ่อ เกี๊ยวที่พี่อาอวี๋ทำอร่อยนะเพคะ เป็นเกี๊ยวที่อร่อยที่สุดที่ข้าเคยกินมาเลย!”“แล้วนางก็ทำอาหารอร่อย ๆ ได้หลากหลายด้วยเพคะ...”“อีกทั้งพี่อาอวี๋ก็เล่านิทานได้ นางเล่าเรื่องผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าได้สุดยอดไปเลย!”หวงฝู่หมิงจูพูดชื่นชมหลิงอวี๋ให้หวงฝู่หลินฟังอย่างตื่นเต้นหวงฝู่หลินยังมิได้มีท่าทีใด ๆ สำหรับเขาแล้วการที่ทาสทำดีกับหวงฝู่หมิงจูก็เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้วแต่สีหน้าของท่านน้าหลินดูแย่อย่างถึงที่สุด หวงฝู่หมิงจูเอาแต่พูดว่าหลิงอวี๋ดีอย่างนั้นอย่างนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นหวงฝู่หมิงจูชมใครเช่นนี้ปกติแล้วตนดูแลหวงฝู่หมิงจูเป็นอย่างดี ซื้ออาหารซื้ออาภรณ์ให้นาง แต่ก็มิเห็นหวงฝู่หมิงจูจะชมตนเช่นนี้เลยดังนั้น แม้ว่าหลิงอวี๋จะมีรอยแผลอยู่เต็มหน้า ท่านน้าหลินก็ระวังตัวขึ้นมาในทันทีหวงฝู่หลินเป็นหมอชั้นเซียน รอยแผลบนในหน้าของหลิงอวี๋นั้น ขอเพียงหวงฝู่หลินอยากจะรักษาก็สามารถสกัดยาออกมาให้หลิงอวี๋ฟื้นคืนใบหน้าได้สตรีผู้นี้เก็บไว้มิได้แล้ว!“หมิงจู พ่อรู้แล้ว พ่อจะขอบคุณอาอวี๋อย่างดี!”
ตำหนักรุ่ยจูของหวงฝู่หมิงจูยังคงปิดอยู่ แต่เห็นได้ชัดว่าหวงฝู่หมิงจูดีขึ้นแล้วนางมิได้มีไข้แล้ว และตุ่มน้ำก็ตกสะเก็ดแล้วด้วยหลิงอวี๋มิยอมให้นางใช้มือเกาแล้วบอกว่ามันจะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ หวงฝู่หมิงจูจึงเชื่อฟังเป็นอย่างดีนางรู้ว่าหลิงอวี๋ทำเพราะหวังดีกับตน อีกทั้งนางเองก็มิอยากให้ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ขาวสะอาดมีรอยแผลเป็นด้วยในทุกวันเมื่อหลิงอวี๋มีเวลาก็จะมาเล่านิทานให้นางฟัง ทั้งยังเปลี่ยนอาหารประเภทต่าง ๆ ให้นางกินด้วยหวงฝู่หมิงจูรู้สึกว่านอกจากพ่อของตนแล้ว คนที่นางชอบที่สุดก็คือหลิงอวี๋ในวันนี้ หลิงอวี๋ก็ห่อเกี๊ยวให้หวงฝู่หมิงจูอีก หวงฝู่หมิงจูก็ยืนมองตาปริบ ๆ อยู่ในครัวแล้วจู่ ๆ ปี้เอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามาตะโกนอย่างดีใจและลุกลน “เจ้าวังน้อยเพคะ เจ้าวังกลับมาแล้ว มาถึงหน้าประตูแล้วเพคะ!”“ท่านพ่อข้ากลับมาแล้ว!”หวงฝู่หมิงจูตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นทันที เกี๊ยวก็มิอยากกินแล้ว นางหันหลังแล้ววิ่งออกไปข้างนอกหลิงอวี๋ยังมิเคยเห็นเจ้าวังผู้ลึกลับคนนี้มาก่อน จึงรีบล้างมือแล้วเดินตามออกไปเมื่อมาถึงที่โถงใหญ่ก็เห็นท่านน้าหลินเดินเข้ามาพร้อมกับบุรุษรูปงามที่ดูมีอำนาจมากผู้หนึ่งบุ
อะไรนะ?ทั้งเฉียวไป๋และลุงเฉียวตางก็ตกใจมากในความของพวกเขา หลิงอวี๋มิใช่คนแดนเทพ แม้ว่านางจะได้รับหยกหล้าสุขาวดีมาก็มิสามารถใช้ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่จากมันได้ ระดับพลังการบำเพ็ญของนางจะสูงถึงขั้นที่สามารถสังหารเฉียวเค่อได้อย่างไร?แต่เมื่อเห็นสภาพของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแล้ว พวกเขามิเชื่อก็ต้องเชื่อพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยู่เหนือกว่าเฉียวเค่อ นางไปถึงดินแดนที่หกนานแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งอยู่ในดินแดนที่สี่เฉียวไป๋กับลุงสามตระกูลเฉียวต่างก็มิรู้ว่า หลิงอวี๋ทำลายตันเถียนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยไปแล้ว หลังจากได้ฟังคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็คิดไปจริง ๆ ว่าหลิงอวี๋ได้ชิงพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่อไป“นางสารเลวผู้นี้ นางอยู่ที่ใด ข้าจะต้องตามหาและสังหารนางให้ได้!”หัวใจของเฉียวไป๋ราวกับมีมีดมากรีด ก่อนหน้านี้คำทำนายของลุงสามตระกูลเฉียวบอกว่า เฉียวเค่อตายไปแล้ว เขาก็เชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง หวังว่าคำทำนายของลุงสามจะผิดพลาดแต่ตอนนี้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยืนยันการตายของเฉียวเค่อ ความหวังของเขาพังทลายลงไปแล้ว“ศพพี่ชายข้าอยู่ที่ใด? ข้าจะต้องตามหาเขาแล้วพาเขากลับมาฝังอย่างสงบ...”เฉียวไป๋สะอื้นไห้แม้ว่าเฉียวเค่
ชิงพลังไปหรือ?เช่นนั้นหลิงอวี๋จะมิเป็นดังเช่นเมื่อก่อนที่ไม่มีความสามารถที่จะป้องกันตัวแล้วต้องยอมให้คนอื่นรักแกหรือ?ความกังวลของเซียวหลินเทียนกัมีมากกว่าฉินซานนัก เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ตามที่หานเหมยบอกมา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับอาอวี๋ก็แยกจากกันไปแล้ว ศิษย์พี่ที่ช่วยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับหานเหมยก็คือเฉียวเค่อ!”“แต่เมื่อวานเผยอวี้ไปสืบมา เฉียวเค่อตายแล้ว แล้วใครเป็นคนสังหารเฉียวเค่อเล่า?”“หรือจะเป็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ย?”ฉินซานก็วิเคราะห์ตามไปด้วยเช่นกัน แต่รู้สึกว่าความคิดของตนนั้นเหลวไหลเกินไปเฉียวเค่อเป็นศิษย์พี่ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะสังหารเขาได้อย่างไรกัน!ยิ่งไปกว่านั้น ระดับของเฉียวเค่อก็สูงมาก คนธรรมดาไม่มีทางที่จะสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย!“หรือจะเป็นเย่หรง?”เซียวหลินเทียนนึกถึงเย่หรงที่ติดตามจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่ออยู่เช่นกัน ดังนั้นจึงพูดชื่อของเขาออกมาโดยมิรู้ตัว“ก็เป็นไปได้!”ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น ขันทีโม่ก็พาหานเหมยกลับมาหานเหมยดูท่าทางอ่อนแอ เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนก็คุกเข่าลง“ฝ่าบาท บ่าวมิได้ปกป้องฮองเฮาให้ดี ฝ่าบาทโปรดลงโทษบ่าวเถิดเพคะ!”“เจ้
เซียวหลินเทียน ฉินซานและขันทีโม่นำเกวียนทาสหญิงกลับมาที่โรงเตี๊ยมทาสคุนหลุนผู้นั้นซื่อสัตย์มาก ฉินซานบอกว่า เซียวหลินเทียนเป็นเจ้านายของเขา จากนั้นเขาก็ติดตามเซียวหลินเทียนมิยอมห่างเซียวหลินเทียนเห็นว่าเขาแข็งแกร่งราวกับหอคอยเหล็ก จึงตั้งชื่อให้เขาว่าเถี่ยจู้กระทั่งกลับมาถึงโรงเตี๊ยม เถ้าแก่จูก็บอกว่า มีสตรีสองคนมาหาพวกเขา แล้วบอกว่าเป็นคนคุ้นเคยของพวกเขาเถ้าแก่จูจัดห้องให้สตรีทั้งสองคนเป็นการชั่วคราวเมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนกลับมาแล้ว เถ้าแก่จูจึงให้เสี่ยวเอ้อร์ไปแจ้งสตรีทั้งสองคนผลก็คือคนที่มาคือเถาจื่อกับหานอวี้นั่นเอง“หานอวี้ เจอพี่หญิงของเจ้าแล้วนะ!”ฉินซานเอ่ยอย่างตื่นเต้น“อยู่ที่ใด!” หานอวี้ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น“เจ้ารอสักครู่ ข้าจะไปพานางมา!”ฉินซานรีบเดินออกไป แต่หานอวี้รอมิไหวแล้วจึงรีบตามฉินซานไปที่เรือน แล้วก็เห็นทาสหญิงถูกขังอยู่ในเกวียนหานอวี้มิได้สนใจถามฉินซานว่าทาสหญิงเหล่านี้มาจากที่ใด นางรีบเปิดประตูเกวียนนั้นแล้วดึงพวกนางออกมาทีละคนหานเหมยถูกดึงลงมา แล้วหานอวี้ก็กอดนางอย่างตื่นเต้น “พี่หญิง ในที่สุดข้าก็พบเจ้าแล้ว! เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ช่างดี
การกระทำนี้ของเซียวหลินเทียนทำให้เก๋อเฟิ่งฉิงถอนหายใจโล่งอก ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่าจะยอมลดทิฐิลงขอร้องให้เซียวหลินเทียนช่วยเหลือ ไหนเลยจะคิดว่า มิต้องให้ตนเอ่ยปากเซียวหลินเทียนช่วยเหลือแล้วในใจของเก๋อเฟิ่งฉิงเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง มิรู้สึกอยากแข่งขันกับเซียวหลินเทียนอีกต่อไปแล้วนางพยักหน้าให้เซียวหลินเทียนเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาเรียบ ๆ “ในเมื่อคุณชายผู้นี้ซื้อทาสหญิงเหล่านี้ด้วยความจริงใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะมิสู้กับท่านอีก!”หม่าเฉียงเห็นเช่นนี้ก็พอใจแล้ว และแทบจะรอมิไหวที่จะลากฉินซานไปดำเนินการซื้อขายกันป้าวเฉิงมองเซียวหลินเทียนแล้วพาคนของตนเดินออกไปเขามองออกว่า เซียวหลินเทียนมิใช่คนธรรมดา แต่ตราบใดที่รับรองว่าตนจะได้ส่วนแบ่งทางการค้า เขาก็จะมิสนใจว่าเซียวหลินเทียนเป็นใครขันทีโม่ใช้เงินห้าร้อยตำลึงไปซื้อตัวทาสหญิงที่เชี่ยวชาญเรื่องการติดตามและทาสคุนหลุนที่มีพลังมากมาหม่าเฉียงมอบให้ฉินซานแม้กระทั่งเกวียน ฉินซานเห็นว่าคนตระกูลเก๋อยังมิไป จึงมิยอมปล่อยหานเหมยออกมา เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ดึงดูดความสนใจของคนตระกูลเก๋อเซียวหลินเทียนยังต้องการถามคำถามหม่าเฉีย
หลังจากเสียงนั้น คนที่มุงกันอยู่เหล่านั้นก็หลีกทางให้โดยมิรู้ตัว แล้วกลุ่มคนที่มาก็เผยตัว...เซียวหลินเทียนก็มองไปเช่นกัน แล้วก็เห็นว่าคนที่นำมาเป็นบุรุษอายุประมาณห้าสิบปี รูปร่างสูง แขนทั้งสองข้างที่เผยออกมานั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ บนนั้นมีห่วงทองคำทองรูปสัตว์ประหลาดคล้องอยู่สองห่วงด้วย“ท่านป้าว!”มีคนจากในฝูงชนนั้นตะโกนขึ้นมาเซียวหลินเทียนรู้ทันทีว่า คนผู้นี้คือป้าวเฉิงเจ้าถิ่นตลาดซื้อขายทาสแห่งนี้ป้าวเฉิงเดินเข้ามาโดยที่ลูกน้องของคนล้อมรอบอยู่ เขาสูงกว่าเซียวหลินเทียนไปครึ่งหัว เขามองเซียวหลินเทียนแล้วมองเก๋อเฟิ่งฉิง จากนั้นก็ยิ้มเย็นชา“การประมูลก็มีกฎเกณฑ์ของการประมูล ท่านสองคนรู้หรือไม่ว่า ต่อให้ตะโกนเสนอราคาสูงแค่ไหน หากตอนที่ส่งมอบจริงแล้วจ่ายมิได้จะโดนลงโทษอย่างไร?”ในเมื่อป้าวเฉิงเป็นเจ้าถิ่นลานประมูลแห่งนี้ เขาจึงมิยอมให้ใครมาสร้างปัญหาในถิ่นของตนเมื่อครู่เขาเห็นจากด้านบนว่า คนในลานประมูลมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ก็กังวลว่าสองคนนี้จะมาสร้างปัญหา เขาจึงลงมาดู“หากจ่ายมิได้ ท่านจะต้องอยู่ที่ลานประมูลนี้และต้องนำเงินจำนวนสามเท่าจากที่เสนอราคามาไถ่ตัว!”ผู้ค้ามนุษย์คนห