ทางด้านเซียวหลินเทียน เขานำกำลังพลเร่งไปยังเยวี่ยใต้ การเสริมกำลังก็เหมือนกับการดับไฟ พวกเขามิกล้าที่จะล่าช้าแม้แต่น้อย เร่งเดินทางทั้งกลางวันกลางคืน ในมิช้าก็มาถึงชายแดนเยวี่ยใต้เสด็จพ่อของมู่หรงเหยียนซงสวรรคตแล้ว มู่หรงเหยียนซงก็ขึ้นครองบัลลังก์อย่างรวดเร็วและกลายเป็นจักรพรรดิแห่งเยวี่ยใต้แล้วด้วยเพียงแต่บัลลังก์จักรพรรดิของเขายังนั่งมามิกี่วัน ก็ถูกโจมตีจากเว่ยเหนือจนเยวี่ยใต้สูญเสียเมืองไปสิบกว่าเมืองติดต่อกัน มู่หรงเหยียนซงถูกบังคับให้ล่าถอยไปยังซีไห่ซึ่งอยู่ห่างจากโม่เหอเพียงร้อยกว่าลี้เท่านั้น เขตซีไห่มีภูเขาสูงและชายฝั่งทะเล ภูมิแคว้นด้านหน้าสูงชัน มีข้อได้เปรียบทางยุทธวิธีที่แม้จะมีบุรุษหนึ่งคนเฝ้าประตูแต่ทหารหมื่นคนก็มิสามารถฝ่าประตูเข้ามาได้การเคลื่อนไหวนี้หยุดยั้งการรุกคืบของเว่ยเหนือได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ด้วยความสามารถของกองทัพมู่หรงเหยียนซงแล้ว สามารถอยู่ได้เพียงชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น เมื่อเวลานานไปก็ยังคงถูกกองทัพขององค์ชายอิงโจมตีอยู่ดีองค์ชายอิงรู้ข่าวแล้วว่าเ ซียวหลินเทียนนำทัพมาด้วยตนเองและเร่งมาให้ความช่วยเหลือเยวี่ยใต้จากการถูกปิดล้อมอยู่ เขาจำเป็นต้องย
ลั่วฮั่นใช้ความพูดเก่งของเขาพยายามโน้มน้าวจักรพรรดิเยี่ยนหนานอย่างเต็มที่จักรพรรดิเยี่ยนหนานตกลงที่จะส่งกองทัพไปร่วมมือกับเซียวหลินเทียนด้วยวิธีนี้ คนของจักรพรรดิเยี่ยนหนานและลั่วฮั่นจึงทำงานร่วมกันยึดเมืองจิ่วตู้ขององค์ชายหนิง แล้วรุกคืบต่อไปยังเมืองจิ่วหัวโจวซึ่งเป็นเมืองป้อมปราการทางเศรษฐกิจขององค์ชายหนิงเมื่อเป็นเช่นนี้องค์ชายหนิงก็เริ่มเสียเปรียบแล้วหากไปช่วยองค์ชายอิงหยุดยั้งเซียวหลินเทียนไว้ต่อ การสูญเสียเมืองจิ่วหัวโจวก็จะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ขององค์ชายหนิงแต่หากมิช่วยองค์ชายอิงหยุดยั้งเซียวหลินเทียนก็อาจจะพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการสังหารเซียวหลินเทียนไป!เซี่ยโฮ่วตานรั่วสนับสนุนให้ไปสังหารเซียวหลินเทียนก่อน แต่ขุนนางภายใต้องค์ชายหนิงกลับคัดค้านอย่างรุนแรงหากจิ่วหัวโจวตกไปอยู่ในมือของจักรพรรดิเยี่ยนหนาน การจะเอาคืนนั้นเป็นเรื่องยากราวกับปีนขึ้นฟ้า!ยิ่งไปกว่านั้น เมืองจิ่วหัวโจวมิเพียงแต่มีความสำคัญต่อองค์ชายหนิงในเชิงเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ตำแหน่งทางยุทธวิธีของเมืองก็มีความสำคัญมากเช่นกันเทียบกับการที่จักรพรรดิเยี่ยนหนานได้เมืองจิ่วหัวโจวไป ก็คือการแบ่งเมืองทั้
แต่ฮูเหยียนเสวี่ยกระตือรือร้นที่จะแก้แค้นมากจนละเลยเรื่องการประเมินตนไปฮองเฮาหม่าอยู่ในวังหลังอย่างมั่นคงมาหลายปีแล้ว ไหนเลยจะถูกถอดถอนเพราะคำพูดหว่านล้อมมิกี่คำของนางฮองเฮาหม่าอายุมากกว่าองค์ชายอิงสามปี นางมิเพียงแต่ให้กำเนิดลูกขององค์ชายอิงเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินที่แข็งแกร่งขององค์ชายอิงอีกด้วยองค์ชายอิงไม่มีฮูเหยียนเสวี่ยได้ แต่ไม่มีฮองเฮาหม่ามิได้ คำพูดนี้ของฮูเหยียนเสวี่ยทำให้องค์ชายอิงเกิดความมิพอใจและรู้สึกว่าสตรีผู้นี้ทะเยอทะยานเกินไปกระทั่งคุ้มกันฮูเหยียนเสวี่ยกลับไปส่งที่กันกู่แล้วองค์ชายอิงอยู่ที่นั่นเพียงมิกี่วันก็แทบจะทำให้เงินคลังของกันกู่ว่างเปล่าฮูเหยียนเสวี่ยถึงได้รู้ว่านางหลงกลแล้ว ความงามของนางสำหรับบุรุษที่มีสตรีงรายล้อมและมิสนใจอะไรเช่นองค์ชายอิงนั้นมินับว่าเป็นอะไรเลย!กระทั่งองค์ชายรุ่ยโจมตีกันกู่ ฮูเหยียนเสวี่ยจึงรู้ตัวว่าทำให้เซียวหลินเทียนโกรธเคืองแล้ว และมิสามารถหวังให้องค์ชายอิงคุ้มครองตนได้เช่นกันเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของน้องชายกับบิดาของตน นางจึงเขียนจดหมายยอมจำนนถึงองค์ชายรุ่ย ยอมรับว่าเรื่องทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของตน แล้
องค์ชายรุ่ยยึดครองแคว้นเล็กหลายแห่งได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ต้องไปร่วมกับเซียวหลินเทียนเพื่อร่วมกันต่อต้านเว่ยเหนือกับฉีตะวันออกและในเวลานี้ ข่าวที่ว่าองค์ชายคังถูกหลิงอวี๋จับตัวที่เมืองหลวงในข้อหาปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารและถูกจำคุกอยู่ในราชสำนักฝ่ายในก็แพร่ไปจนถึงหูขององค์ชายรุ่ยฟางเหยาเหยาลูกสาวของแม่ทัพฟางแต่งงานไปเป็นชายารองขององค์ชายคัง ตอนนี้องค์ชายคังสูญเสียอำนาจไป หากคิดจะดึงตัวแม่ทัพฟางมาก็ง่ายขึ้นแล้วแม่ทัพฟางมีลูกสาวมากมายถึงเพียงนั้น สละฟางเหยาเหยาไปคนเดียวไคงม่มีผลกระทบอะไรต่อเขาหรอกองค์ชายรุ่ยมอบเงินทองบางส่วนที่เก็บรวบรวมมาจากแคว้นพันให้กับแม่ทัพฟางโดยอ้างว่าเป็นของรางวัลจากสงครามแม่ทัพฟางมิได้ปฏิเสธและมิได้พูดคำที่ว่าจะภักดีต่อองค์ชายรุ่ย เขายังคงสังเกตการณ์อยู่เขารู้สึกว่าจ้าวฮุยวางแผนการนี้ไว้ ไม่มีทางที่จะเสร็จสิ้นไปอย่างเงียบ ๆ เช่นนี้แน่ และที่จ้าวฮุยถูกองค์ชายอิงพาไปที่เยวี่ยใต้ก็คือแผนการที่องค์ชายอิงกับจ้าวฮุยตกลงกันไว้จ้าวฮุยไปเป็นทูตที่แคว้นเล็กครานี้ ตั้งใจว่าจะใช้แคว้นเล็กเหล่านี้สร้างความวุ่นวายใจให้กับเซียวหลินเทียนเขากับองค์ชายอิงร่วมกันวางแผ
องค์ชายคังถูกจำคุกที่ราชสำนักฝ่ายใน จ้าวฮุยก็ถูกเว่ยเหนือควบคุมตัวไว้อีก พรรคพวกของจ้าวฮุยไม่มีผู้นำ ก็รู้สึกท้อแท้ไปเล็กน้อยดีที่ไท่เฟยเส้ากลับมาทันเวลา นางไปโน้มน้าวขุนนางเหล่านี้อย่างเงียบ ๆ บอกว่าตนจะช่วยองค์ชายคังออกมาได้อย่างแน่นอนทางด้านจ้าวฮุยก็จะกลับมาอย่างปลอดภัยเช่นกัน แต่เซียวหลินเทียนจะไม่มีชีวิตรอดกลับมาเป็นแน่ภายใต้การบังคับและหลอกล่อด้วยผลประโยชน์ของนาง ขุนนางเหล่านี้ก็มีใจกระตือรือร้นขึ้นมาอีกครั้งมิว่าอย่างไรตนก็เป็นคนขององค์ชายคังอยู่แล้ว หลายปีมานี้ก็ได้รับผลประโยชน์จากในมือขององค์ชายคังมามิน้อย หากเรื่องราวเผยแพร่ออกไป เซียวหลินเทียนจะปล่อยพวกเขาไปได้อย่างไรเช่นนั้นก็เสี่ยงโชคดูแล้วกัน หากสนับสนุนให้องค์ชายคังได้นั่งบนบัลลังก์มังกร ตำแหน่งขุนนางของพวกเขาจะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย มิฉะนั้นจากวิธีการจัดการของเซียวหลินเทียนในยามนี้ มิต้องรอให้ผ่านไปหลายปีพวกเขาก็จะถูกแทนที่ทั้งหมดแล้วครานี้หลิงอวี๋ลงมือจัดการองค์ชายคังได้แล้วก็รู้สึกว่าความกดดันลดน้อยลง ทว่านางก็ยังมิกล้าผ่อนคลายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเก่งกาจยิ่งกว่าองค์ชายคัง นางยังมิได้ลงมือ แล้วหลิงอวี๋จะกล้าผ่อน
หลิงอวี๋อยู่ที่วังหลังเมื่อจะพบกับขุนนางภายนอกจะเลือกที่ท้องพระโรงเสมอ เช่นนี้ก็จะมิต้องอยู่ในวังหลัง และสามารถหลีกเลี่ยงปัญหามากมายได้หลิงอวี๋คิดว่าเผยอวี้มีเรื่องงานราชสำนัก นางจึงไปพบเขาที่ท้องพระโรงเผยอวี้ถูกตระกูลเผยต่อต้านเพราะหมั้นหมายกับหลิงหว่าน เมื่อเห็นหลิงอวี๋ส่วนตัวก็ไม่มีหน้าจะเรียกนางว่าพี่หญิงหลิงหลิงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว“ฮองเฮา กระหม่อมขอพบท่านเพราะกระหม่อมอยากจะถามอะไรบางอย่างพ่ะย่ะค่ะ!”เผยอวี้เอ่ยตรง ๆ “กระหม่อมคิดว่า องค์ชายเย่เป็นคนดี จึงคิดว่าจะสามารถสอนเขาฝึกพลังวิญญาณได้หรือไม่ เช่นนี้วรยุทธ์ของเขาจะพัฒนาขึ้นได้มาก!”“มิทราบว่า ฮองเฮาจะทรงอนุญาตให้กระหม่อมถ่ายทอดวิธีการฝึกแก่องค์ชายเย่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”หลิงอวี๋ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วครุ่นคิดพลางเอ่ย “ได้สิ!”เผยอวี้ไหนเลยจะคาดคิดว่าหลิงอวี๋จะตกลงง่าย ๆ เช่นนี้ เขาจึงมิสบายใจเล็กน้อย“ฮองเฮา ท่านจะมิทรงพิจารณามากขึ้นอีกนิดหรือพ่ะย่ะค่ะ? องค์ชายเย่มิเหมือนกับกระหม่อม… เขา… แม้ว่าเขาจะไม่มีความทะเยอทะยานที่จะนั่งบัลลังก์มังกร ตอนนี้ไม่มี แต่ทว่าในภายภาคหน้าเล่า?”เผยอวี้พูดแล้วรู้สึกผิดเสียเององค์ชายเ
เห็นได้ชัดว่าหลิงอวี๋แข็งแกร่งกว่าสตรีทั่วไปมาก!หลังจากได้รับคำแนะนำของหลิงอวี๋แล้ว เผยอวี้ก็รู้สึกว่าความคิดของเขาก่อนหน้านี้ค่อนข้างจะคับแคบไปหลังออกมาจากวัง เผยอวี้ก็แทบรอมิไหวที่จะพุ่งไปหาองค์ชายเย่ที่ตำหนักองค์ชายเย่ระหว่างสหายควรปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ ในเมื่อเขาถือว่าองค์ชายเย่เป็นสหายแล้ว ก็มิควรสงสัยองค์ชายเย่ไหนเลยจะรู้ว่าเมื่อมาถึงตำหนักองค์ชายเย่ คนเฝ้ายามจะบอกว่าองค์ชายเย่ไปเดินเล่นที่หมู่บ้านกับพระชายาเย่แล้วแล้วเผยอวี้ก็นึกขึ้นได้ว่า องค์ชายเย่ส่งคนไปแจ้งตนในตอนเช้าแล้วว่าจะหยุดงานหนึ่งวันเขาจึงมิได้ใส่ใจแล้วกลับไปจัดการงานต่อวันรุ่งขึ้นองค์ชายเย่ก็ยังมิมา เผยอวี้แอบคิดว่าองค์ชายเย่กำลังสนุกกับพระชายาเย่ที่หมู่บ้านจนลืมไปหรือไม่ แต่ก็มิได้ใส่ใจ แล้วเอาเรื่องที่องค์ชายเย่ควรทำมาทำเองทั้งหมดในช่วงบ่าย เผยอวี้เสร็จภารกิจแล้วและวางแผนจะกลับบ้าน แต่ขณะที่เขาเดินออกมากำลังจะกลับบ้าน ก็มีขอทานคนหนึ่งเข้ามาขออาหารเผยอวี้กำลังจะหยิบเงินหนึ่งตำลึงออกจากแขนแล้วโยนให้เขาขอทานก็ชนเข้ากับเผยอวี้ เผยอวี้รู้สึกว่าเขาแตะหน้าอกของตน จึงผลักเขาออกไปโดยสัญชาตญาณ“ขอ
เมื่อเหลือบมองเมื่อครู่ นางก็เข้าใจภาษามือที่องค์ชายเย่ทำกับนางแล้วนี่คือชุดภาษามือที่หลิงอวี๋สอนให้กับองครักษ์ส่วนตัวของเซียวหลินเทียนเมื่อครั้งการแข่งขันทางทหารสี่แคว้น ใช้ส่งข้อความในยามที่มิสะดวกในการพูดข้อความที่องค์ชายเย่ส่งให้ตนเมื่อครู่... กับดัก ระวัง!ภายนอกหลิงอวี๋ดูสงบ แต่ในใจเดือดพล่านราวกับหม้อไฟองค์ชายเย่กับภรรยาตกอยู่ในอันตรายหรือ?แล้วอันตรายอะไรที่ทำให้องค์ชายเย่มิสะดวกที่จะบอกตนกัน?นางคิดถึงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นคนแรกตนอยู่ในวังได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยคิดจะทำร้ายตนก็มิสามารถทำได้มีเพียงการล่อตนออกไปเท่านั้นที่นางจะบรรลุเป้าหมายได้แล้วจะมีใครที่ทำให้บรรลุเป้าหมายนี้ได้ง่ายไปกว่าองค์ชายเย่!ดูจากเมื่อครู่ทันทีที่ตนได้ยินว่าเรื่องกับจูหลานก็จะออกจากวังทันที เห็นได้ชัดว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้คำนึงถึงปฏิกิริยาของตนไว้แล้วแต่ถึงแม้ว่าหลิงอวี๋จะรู้ว่าเป็นกับดัก แล้วนางจะมิไปได้หรือ?เมื่อครู่นางมิเพียงเห็นท่าทางขององค์ชายเย่ที่เตือนนางเท่านั้น แต่ยังเห็นแววตาที่เป็นกังวลและวิงวอนในดวงตาขององค์ชายเย่ด้วยจูหลานกับเสี่ยวเป่าต้องถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่
“พี่อาอวี๋ เจ้าไปแล้วใครจะเล่นกับข้า? ใครจะดูแลข้า?”“พี่อาอวี๋ เจ้ายังเล่านิทานมิจบเลย! ข้ายังอยากฟังเจ้าเล่านิทานอีก!”คำเรียกพี่อาอวี๋ก็ออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้หลิงอวี๋รู้สึกแสบจมูก ทำอะไรมิถูกนางเองก็ทำใจจากหวงฝู่หมิงจูมิได้เช่นกัน แต่วังเทพแห่งนี้มิใช่ที่ที่นางควรอยู่ นางยังต้องไปตามหาน้องสาวของตน!“พี่… อาอวี๋… อย่าไป!”หวงฝู่หมิงจูร้องไห้อย่างใจสลาย น้ำเสียงก็ขาด ๆ หาย ๆ กอดขาหลิงอวี๋ไว้แน่นมิยอมปล่อยมือหวงฝู่หลินทั้งปวดใจทั้งอิจฉา ตนเลี้ยงดูหวงฝู่หมิงจูเติบโตมา หวงฝู่หมิงจูล้วนไม่มีใจที่จะสนใจผู้ใด เมื่อใดกันที่สนใจคนคนหนึ่งถึงเพียงนี้!ท่านน้าหลินเองก็สีหน้ามิสู้ดีเช่นกัน นางก้าวไปข้างหน้าและพยายามดึงหวงฝู่หมิงจูออกพลางเตือนอย่างแสร้งทำดี“หมิงจู เจ้าได้ยินที่อาอวี๋บอกว่านางต้องไปตามหาน้องสาวแล้วหรือไม่? น้องสาวของนางเป็นญาติของนาง เจ้าให้นางไปตามหาน้องสาวนางเถิด!”“ท่านออกไป!”หวงฝู่หมิงจูหันหน้าไปมองท่านน้าหลินด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว แล้วตะโกนอย่างมิพอใจอย่างมาก “สตรีสารเลว เป็นเพราะท่านจะตีพี่อาอวี๋จึงบีบให้นางต้องไป!”“ท่านออกไปเสีย ที่นี่มิใช่บ้านของท่าน ข้ามิต้
“ผู้ใดกล้าตีพี่อาอวี๋”“ก็ต้องตีข้าด้วย!”หวงฝู่หมิงจูตะคอกใส่ท่านน้าหลินอย่างโมโห “ข้ายินดีให้พี่อาอวี๋ดูแลข้า… ข้าแค่มิต้อนรับแขกเช่นท่าน!”“ท่านไปเสียเถิด! ข้ามิอยากให้ท่านมาเป็นแขกของตำหนักรุ่ยจู! ข้ามิยินดีให้ท่านกินเกี๊ยวที่พี่อาอวี๋ทำ!”“พวกเจ้าหากผู้ใดกล้ารังแกพี่อาอวี๋ก็คือการรังแกข้า!”“ท่านพ่อ หากท่านกล้าให้พวกนางตีพี่อาอวี๋ ข้าเองก็มิต้องการท่านแล้ว ท่านออกไปพร้อมกับพวกนางเลย!”“ฮือ ๆ ถึงอย่างไรท่านก็มิค่อนอยู่บ้านอยู่แล้ว ข้าถูกรังแกท่านก็มิสนใจ ข้ามีพี่อาอวี๋ก็เพียงพอแล้ว!”หวงฝู่หมิงจูพูดแล้วก็หันไปกอดขาของหลิงอวี๋ไว้แล้วร้องไห้ออกมายกใหญ่ท่าทีเช่นนี้ของหวงฝู่หมิงจูทำเอาท่านน้าหลินไปมิเป็น สีหน้าของนางก็ดูแย่ลงอย่างกระอักกระอ่วนหวงฝู่หลินจึงรีบเอ่ยอย่างปวดใจ “หมิงจูอย่าร้องนะ พ่อมิได้บอกว่าจะตีอาอวี๋ เจ้าอย่าได้โกรธเลย! ระวังโกรธแล้วจะเสียสุขภาพเอาได้!”เขาเดินเข้าไปจะปลอบใจหวงฝู่หมิงจู แต่หวงฝู่หมิงจูมิไว้หน้าเขา ซุกหัวอยู่กับขาของหลิงอวี๋แล้วร้องไห้ต่อหลิงอวี๋หมดคำพูด แม้ว่าหวงฝู่หมิงจูจะกำลังร้องได้ แต่อาอวี๋รู้จักนางดี เด็กน้อยผู้นี้ร้องไห้จริงเสียที่ไห
“พี่อาอวี๋ นี่มานี่สิ!”หวงฝู่หมิงจูเห็นหลิงอวี๋ยืนอยู่ด้านข้างจึงวิ่งไปดึงนางมา“ท่านพ่อ เกี๊ยวที่พี่อาอวี๋ทำอร่อยนะเพคะ เป็นเกี๊ยวที่อร่อยที่สุดที่ข้าเคยกินมาเลย!”“แล้วนางก็ทำอาหารอร่อย ๆ ได้หลากหลายด้วยเพคะ...”“อีกทั้งพี่อาอวี๋ก็เล่านิทานได้ นางเล่าเรื่องผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าได้สุดยอดไปเลย!”หวงฝู่หมิงจูพูดชื่นชมหลิงอวี๋ให้หวงฝู่หลินฟังอย่างตื่นเต้นหวงฝู่หลินยังมิได้มีท่าทีใด ๆ สำหรับเขาแล้วการที่ทาสทำดีกับหวงฝู่หมิงจูก็เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้วแต่สีหน้าของท่านน้าหลินดูแย่อย่างถึงที่สุด หวงฝู่หมิงจูเอาแต่พูดว่าหลิงอวี๋ดีอย่างนั้นอย่างนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นหวงฝู่หมิงจูชมใครเช่นนี้ปกติแล้วตนดูแลหวงฝู่หมิงจูเป็นอย่างดี ซื้ออาหารซื้ออาภรณ์ให้นาง แต่ก็มิเห็นหวงฝู่หมิงจูจะชมตนเช่นนี้เลยดังนั้น แม้ว่าหลิงอวี๋จะมีรอยแผลอยู่เต็มหน้า ท่านน้าหลินก็ระวังตัวขึ้นมาในทันทีหวงฝู่หลินเป็นหมอชั้นเซียน รอยแผลบนในหน้าของหลิงอวี๋นั้น ขอเพียงหวงฝู่หลินอยากจะรักษาก็สามารถสกัดยาออกมาให้หลิงอวี๋ฟื้นคืนใบหน้าได้สตรีผู้นี้เก็บไว้มิได้แล้ว!“หมิงจู พ่อรู้แล้ว พ่อจะขอบคุณอาอวี๋อย่างดี!”
ตำหนักรุ่ยจูของหวงฝู่หมิงจูยังคงปิดอยู่ แต่เห็นได้ชัดว่าหวงฝู่หมิงจูดีขึ้นแล้วนางมิได้มีไข้แล้ว และตุ่มน้ำก็ตกสะเก็ดแล้วด้วยหลิงอวี๋มิยอมให้นางใช้มือเกาแล้วบอกว่ามันจะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ หวงฝู่หมิงจูจึงเชื่อฟังเป็นอย่างดีนางรู้ว่าหลิงอวี๋ทำเพราะหวังดีกับตน อีกทั้งนางเองก็มิอยากให้ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ขาวสะอาดมีรอยแผลเป็นด้วยในทุกวันเมื่อหลิงอวี๋มีเวลาก็จะมาเล่านิทานให้นางฟัง ทั้งยังเปลี่ยนอาหารประเภทต่าง ๆ ให้นางกินด้วยหวงฝู่หมิงจูรู้สึกว่านอกจากพ่อของตนแล้ว คนที่นางชอบที่สุดก็คือหลิงอวี๋ในวันนี้ หลิงอวี๋ก็ห่อเกี๊ยวให้หวงฝู่หมิงจูอีก หวงฝู่หมิงจูก็ยืนมองตาปริบ ๆ อยู่ในครัวแล้วจู่ ๆ ปี้เอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามาตะโกนอย่างดีใจและลุกลน “เจ้าวังน้อยเพคะ เจ้าวังกลับมาแล้ว มาถึงหน้าประตูแล้วเพคะ!”“ท่านพ่อข้ากลับมาแล้ว!”หวงฝู่หมิงจูตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นทันที เกี๊ยวก็มิอยากกินแล้ว นางหันหลังแล้ววิ่งออกไปข้างนอกหลิงอวี๋ยังมิเคยเห็นเจ้าวังผู้ลึกลับคนนี้มาก่อน จึงรีบล้างมือแล้วเดินตามออกไปเมื่อมาถึงที่โถงใหญ่ก็เห็นท่านน้าหลินเดินเข้ามาพร้อมกับบุรุษรูปงามที่ดูมีอำนาจมากผู้หนึ่งบุ
อะไรนะ?ทั้งเฉียวไป๋และลุงเฉียวตางก็ตกใจมากในความของพวกเขา หลิงอวี๋มิใช่คนแดนเทพ แม้ว่านางจะได้รับหยกหล้าสุขาวดีมาก็มิสามารถใช้ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่จากมันได้ ระดับพลังการบำเพ็ญของนางจะสูงถึงขั้นที่สามารถสังหารเฉียวเค่อได้อย่างไร?แต่เมื่อเห็นสภาพของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแล้ว พวกเขามิเชื่อก็ต้องเชื่อพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยู่เหนือกว่าเฉียวเค่อ นางไปถึงดินแดนที่หกนานแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งอยู่ในดินแดนที่สี่เฉียวไป๋กับลุงสามตระกูลเฉียวต่างก็มิรู้ว่า หลิงอวี๋ทำลายตันเถียนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยไปแล้ว หลังจากได้ฟังคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็คิดไปจริง ๆ ว่าหลิงอวี๋ได้ชิงพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่อไป“นางสารเลวผู้นี้ นางอยู่ที่ใด ข้าจะต้องตามหาและสังหารนางให้ได้!”หัวใจของเฉียวไป๋ราวกับมีมีดมากรีด ก่อนหน้านี้คำทำนายของลุงสามตระกูลเฉียวบอกว่า เฉียวเค่อตายไปแล้ว เขาก็เชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง หวังว่าคำทำนายของลุงสามจะผิดพลาดแต่ตอนนี้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยืนยันการตายของเฉียวเค่อ ความหวังของเขาพังทลายลงไปแล้ว“ศพพี่ชายข้าอยู่ที่ใด? ข้าจะต้องตามหาเขาแล้วพาเขากลับมาฝังอย่างสงบ...”เฉียวไป๋สะอื้นไห้แม้ว่าเฉียวเค่
ชิงพลังไปหรือ?เช่นนั้นหลิงอวี๋จะมิเป็นดังเช่นเมื่อก่อนที่ไม่มีความสามารถที่จะป้องกันตัวแล้วต้องยอมให้คนอื่นรักแกหรือ?ความกังวลของเซียวหลินเทียนกัมีมากกว่าฉินซานนัก เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ตามที่หานเหมยบอกมา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับอาอวี๋ก็แยกจากกันไปแล้ว ศิษย์พี่ที่ช่วยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับหานเหมยก็คือเฉียวเค่อ!”“แต่เมื่อวานเผยอวี้ไปสืบมา เฉียวเค่อตายแล้ว แล้วใครเป็นคนสังหารเฉียวเค่อเล่า?”“หรือจะเป็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ย?”ฉินซานก็วิเคราะห์ตามไปด้วยเช่นกัน แต่รู้สึกว่าความคิดของตนนั้นเหลวไหลเกินไปเฉียวเค่อเป็นศิษย์พี่ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะสังหารเขาได้อย่างไรกัน!ยิ่งไปกว่านั้น ระดับของเฉียวเค่อก็สูงมาก คนธรรมดาไม่มีทางที่จะสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย!“หรือจะเป็นเย่หรง?”เซียวหลินเทียนนึกถึงเย่หรงที่ติดตามจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่ออยู่เช่นกัน ดังนั้นจึงพูดชื่อของเขาออกมาโดยมิรู้ตัว“ก็เป็นไปได้!”ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น ขันทีโม่ก็พาหานเหมยกลับมาหานเหมยดูท่าทางอ่อนแอ เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนก็คุกเข่าลง“ฝ่าบาท บ่าวมิได้ปกป้องฮองเฮาให้ดี ฝ่าบาทโปรดลงโทษบ่าวเถิดเพคะ!”“เจ้
เซียวหลินเทียน ฉินซานและขันทีโม่นำเกวียนทาสหญิงกลับมาที่โรงเตี๊ยมทาสคุนหลุนผู้นั้นซื่อสัตย์มาก ฉินซานบอกว่า เซียวหลินเทียนเป็นเจ้านายของเขา จากนั้นเขาก็ติดตามเซียวหลินเทียนมิยอมห่างเซียวหลินเทียนเห็นว่าเขาแข็งแกร่งราวกับหอคอยเหล็ก จึงตั้งชื่อให้เขาว่าเถี่ยจู้กระทั่งกลับมาถึงโรงเตี๊ยม เถ้าแก่จูก็บอกว่า มีสตรีสองคนมาหาพวกเขา แล้วบอกว่าเป็นคนคุ้นเคยของพวกเขาเถ้าแก่จูจัดห้องให้สตรีทั้งสองคนเป็นการชั่วคราวเมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนกลับมาแล้ว เถ้าแก่จูจึงให้เสี่ยวเอ้อร์ไปแจ้งสตรีทั้งสองคนผลก็คือคนที่มาคือเถาจื่อกับหานอวี้นั่นเอง“หานอวี้ เจอพี่หญิงของเจ้าแล้วนะ!”ฉินซานเอ่ยอย่างตื่นเต้น“อยู่ที่ใด!” หานอวี้ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น“เจ้ารอสักครู่ ข้าจะไปพานางมา!”ฉินซานรีบเดินออกไป แต่หานอวี้รอมิไหวแล้วจึงรีบตามฉินซานไปที่เรือน แล้วก็เห็นทาสหญิงถูกขังอยู่ในเกวียนหานอวี้มิได้สนใจถามฉินซานว่าทาสหญิงเหล่านี้มาจากที่ใด นางรีบเปิดประตูเกวียนนั้นแล้วดึงพวกนางออกมาทีละคนหานเหมยถูกดึงลงมา แล้วหานอวี้ก็กอดนางอย่างตื่นเต้น “พี่หญิง ในที่สุดข้าก็พบเจ้าแล้ว! เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ช่างดี
การกระทำนี้ของเซียวหลินเทียนทำให้เก๋อเฟิ่งฉิงถอนหายใจโล่งอก ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่าจะยอมลดทิฐิลงขอร้องให้เซียวหลินเทียนช่วยเหลือ ไหนเลยจะคิดว่า มิต้องให้ตนเอ่ยปากเซียวหลินเทียนช่วยเหลือแล้วในใจของเก๋อเฟิ่งฉิงเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง มิรู้สึกอยากแข่งขันกับเซียวหลินเทียนอีกต่อไปแล้วนางพยักหน้าให้เซียวหลินเทียนเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาเรียบ ๆ “ในเมื่อคุณชายผู้นี้ซื้อทาสหญิงเหล่านี้ด้วยความจริงใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะมิสู้กับท่านอีก!”หม่าเฉียงเห็นเช่นนี้ก็พอใจแล้ว และแทบจะรอมิไหวที่จะลากฉินซานไปดำเนินการซื้อขายกันป้าวเฉิงมองเซียวหลินเทียนแล้วพาคนของตนเดินออกไปเขามองออกว่า เซียวหลินเทียนมิใช่คนธรรมดา แต่ตราบใดที่รับรองว่าตนจะได้ส่วนแบ่งทางการค้า เขาก็จะมิสนใจว่าเซียวหลินเทียนเป็นใครขันทีโม่ใช้เงินห้าร้อยตำลึงไปซื้อตัวทาสหญิงที่เชี่ยวชาญเรื่องการติดตามและทาสคุนหลุนที่มีพลังมากมาหม่าเฉียงมอบให้ฉินซานแม้กระทั่งเกวียน ฉินซานเห็นว่าคนตระกูลเก๋อยังมิไป จึงมิยอมปล่อยหานเหมยออกมา เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ดึงดูดความสนใจของคนตระกูลเก๋อเซียวหลินเทียนยังต้องการถามคำถามหม่าเฉีย
หลังจากเสียงนั้น คนที่มุงกันอยู่เหล่านั้นก็หลีกทางให้โดยมิรู้ตัว แล้วกลุ่มคนที่มาก็เผยตัว...เซียวหลินเทียนก็มองไปเช่นกัน แล้วก็เห็นว่าคนที่นำมาเป็นบุรุษอายุประมาณห้าสิบปี รูปร่างสูง แขนทั้งสองข้างที่เผยออกมานั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ บนนั้นมีห่วงทองคำทองรูปสัตว์ประหลาดคล้องอยู่สองห่วงด้วย“ท่านป้าว!”มีคนจากในฝูงชนนั้นตะโกนขึ้นมาเซียวหลินเทียนรู้ทันทีว่า คนผู้นี้คือป้าวเฉิงเจ้าถิ่นตลาดซื้อขายทาสแห่งนี้ป้าวเฉิงเดินเข้ามาโดยที่ลูกน้องของคนล้อมรอบอยู่ เขาสูงกว่าเซียวหลินเทียนไปครึ่งหัว เขามองเซียวหลินเทียนแล้วมองเก๋อเฟิ่งฉิง จากนั้นก็ยิ้มเย็นชา“การประมูลก็มีกฎเกณฑ์ของการประมูล ท่านสองคนรู้หรือไม่ว่า ต่อให้ตะโกนเสนอราคาสูงแค่ไหน หากตอนที่ส่งมอบจริงแล้วจ่ายมิได้จะโดนลงโทษอย่างไร?”ในเมื่อป้าวเฉิงเป็นเจ้าถิ่นลานประมูลแห่งนี้ เขาจึงมิยอมให้ใครมาสร้างปัญหาในถิ่นของตนเมื่อครู่เขาเห็นจากด้านบนว่า คนในลานประมูลมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ก็กังวลว่าสองคนนี้จะมาสร้างปัญหา เขาจึงลงมาดู“หากจ่ายมิได้ ท่านจะต้องอยู่ที่ลานประมูลนี้และต้องนำเงินจำนวนสามเท่าจากที่เสนอราคามาไถ่ตัว!”ผู้ค้ามนุษย์คนห