กระทั่งองค์ชายเย่กับจูหลานไปถึงหมู่บ้านซื่อผิง ถึงได้รู้ว่าเสี่ยวเป่ามิได้อยู่ที่หมู่บ้านและคนทั้งหมดในหมู่บ้านซื่อผิงก็ถูกแทนที่ด้วยคนแปลกหน้าแล้วเสี่ยวฮุ่ยก็ถอดหน้ากากออก ที่แท้นางมิใช่เสี่ยวฮุ่ยนางรับใช้ของจูหลานดังที่เคย ใบหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั้นเป็นใบหน้าที่จูหลานมิเคยเห็นมาก่อนจูหลานเห็นแล้วนอกจากตกใจก็ยังเสียใจมากขึ้นด้วย นางมิรู้เลยว่านางรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ เปลี่ยนคนไปแล้ว นี่คือความมิรอบคอบอย่างมาก!นางเสียใจอยู่ลึก ๆ วันนั้นมิควรใจอ่อน มิเช่นนั้นเสี่ยวเป่าคงมิถูกเสี่ยวฮุ่ยลักพาตัวไป“พวกเจ้าจับตัวลูกชายข้ามา คิดจะทำอะไรกันแน่?”องค์ชายเย่ตะคอกก่อนหน้านี้เขาใช้ชีวิตอย่างราบรื่น มิเคยเจอเรื่องเช่นนี้ จึงไม่มีประสบการณ์ในการจัดการ“ง่ายมาก ขอเพียงท่านเชื่อฟังและปฏิบัติตามแผนของเรา เสี่ยวเป่าของท่านก็จะกลับไปอยู่ข้างกายท่านอย่างปลอดภัย!”แม่นมหนาน ก็คือหนานฮุ่ยสาวงามที่เอาชีวิตหลิงเสียงกังกับหลิงหว่านมาข่มขู่นางซุนให้ใส่ร้ายหลิงอวี๋“พวกเจ้าจะให้องค์ชายของข้าไปทำอะไร?”จูหลานเป็นผู้ใหญ่มากกว่าองค์ชายเย่ นางกดองค์ชายเย่ลงแล้วเอ่ยถาม“ง่ายมาก แค่หาข้ออ้างหลอกล่
“องค์ชาย หากท่านมิทำตามคำสั่งของพวกเขา เสี่ยวเป่าก็จะตายเพคะ!”จูหลานร้องไห้แล้วเอ่ย “คราก่อนหมอบอกว่าหม่อมฉันมิสามารถมีลูกได้อีกแล้วมิใช่หรือ? เรามีเพียงลูกชายคนนี้เท่านั้น จะปล่อยให้เขาตายมิได้นะเพคะ!”องค์ชายเย่รู้สึกเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง หลังจากได้ยินคำพูดของจูหลานก็รู้สึกสับสนเล็กน้อยครั้งที่แล้วหลิงอวี๋บอกว่า จูหลานได้รับบาดเจ็บตอนที่ให้กำเนิดเสี่ยวเป่า ยังมีลูกมิได้ในตอนนี้ แต่มิได้บอกว่าจูหลานมิสามารถมีลูกได้อีกในภายภาคหน้า!ขณะที่เขากำลังคิดอยู่ ก็เห็นจูหลานขยิบตาให้เขาองค์ชายเย่กับจูหลานเป็นคู่รักกันมาตั้งแต่วัยเด็ก ใจสื่อถึงกัน จึงรู้ทันทีว่าจูหลานกำลังแสดงละครให้คนข้างนอกดู“มีลูกชายเพียงคนเดียวก็มิสามารถให้ข้าไปทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้ พวกเขาคิดจะหลอกล่อฮองเฮามาสังหาร!”องค์ชายเย่จงใจตะโกนด้วยความโกรธคนหนึ่งพยายามเกลี้ยกล่อม แต่อีกคนหนึ่งมิยอมอย่างดื้อรั้น พวกเขายื้อกันอยู่เป็นเวลานานหนานฮุ่ยอยู่ข้างนอกฟังแล้วก็ทนมิไหว พูดไปพูดมาก็วนอยู่มิกี่คำ แล้วจะมีแนวคิดใหม่ ๆ ได้หรือ?นางมั่นใจว่าสุดท้ายแล้วองค์ชายเย่จะไปทำตามคำสั่งของนาง จึงให้เสี่ยวฮุ่ยอยู่เฝ้าแล้วนา
สำหรับจูหลานและองค์ชายเย่แล้ว นี่เป็นตัวเลือกที่ยากยิ่งนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับจูหลาน เสี่ยวเป่าคือเลือดเนื้อของนางที่นางแลกมาด้วยชีวิตนางกับเสี่ยวเป่าอยู่ด้วยกันตลอดเวลา นางเป็นคนแรกที่ได้เห็นทุกการเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวเป่าการต้องให้เสี่ยวเป่าตายจะทำให้ใจนางแตกสลายอย่างมิต้องสงสัย!แต่จูหลานรู้ว่านางต้องเลือกที่จะปกป้องหลิงอวี๋มีเพียงการปกป้องหลิงอวี๋ไว้เท่านั้น ทุกคนจึงจะมีอนาคตได้องค์ชายคังสามารถโจมตีเด็กที่อายุน้อยเท่ากับเสี่ยวเปาได้อย่างโหดร้ายเช่นนี้ พวกเขาจะกล้ามอบชีวิตของตนไว้ในมือขององค์ชายคังได้อย่างไร!“องค์ชาย เราทำเช่นนี้เถิดเพคะ...”จูหลานกระซิบแผนการของนางที่หูขององค์ชายเย่ แล้วสุดท้ายก็เอ่ยอย่างหนักแน่น “พวกเขาให้ท่านไปหลอกล่อฮองเฮา ท่านก็ไป แล้วคิดหาวิธีเตือนพระนางว่ามีอันตราย!”“ฮองเฮาเป็นคนที่ปราดเปรื่องที่สุดที่หม่อมฉันเคยเห็นมา ท่านจะต้องมีวิธีช่วยเสี่ยวเป่าได้อย่างแน่นอน!”“องค์ชาย สิ่งนี้มิเพียงเกี่ยวข้องกับชีวิตคนในครอบครัวของเราเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนนับหมื่นนับพันคนด้วย หม่อมฉันเชื่อว่าท่านทำได้เพคะ!”องค์ชายเย่รู้สึกถึงความก
องค์ชายเย่กังวลว่าอาศัยท่าทางเพียงอย่างเดียว หากถึงยามสถานการณ์เร่งด่วน แล้วคนของแม่นมหนานจับตาดูอย่างใกล้ชิดเกินไป เขาจะไม่มีโอกาสเตือนหลิงอวี๋ล่วงหน้า!องค์ชายเย่อยากเขียนจดหมายเตือนหลิงอวี๋ แต่ค้นทั่วทั้งบ้านก็มิพบกระดาษหรือปากกา สุดท้ายก็เห็นถ่านชิ้นเล็ก ๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง จึงหยิบขึ้นมา ดูว่าพรุ่งนี้จะมีโอกาสหากระดาษได้หรือไม่ในที่สุดองค์ชายเย่ก็ฉวยโอกาสตอนเข้าห้องน้ำหากระดาษเจอแผ่นหนึ่ง เขากังวลว่าแม่นมหนานจะค้นตัวก่อนออกเดินทาง จึงมิได้เขียนอะไรวันรุ่งขึ้นขณะออกเดินทางจึงถือโอกาสขี่ม้ารีบเขียนข้อความลวก ๆกระทั่งตอนที่องครักษ์ทั้งสองที่เฝ้าดูเขาไปที่วังพร้อมกับเขา องค์ชายเย่เห็นขอทานอยู่ริมถนน เขาจึงหยิบกระดาษขึ้นมาแล้วใช้กำลังภายในโยนมันเข้าไปในอ้อมแขนของขอทานขอทานตกใจครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วก็เผยฟันเหลืองยิ้มและจะทักทาย องค์ชายเย่รีบส่งสายตาให้เขา อาศัยตอนที่องครักษ์มิเห็นปั้นกระดาษเป็นก้อนแล้วบอกไปว่า ‘เผยอวี้’ขอทานเหล่านี้หลายคนรู้จักองค์ชายเย่ เพราะจูหลานมักจะให้โจ๊กแก่พวกเขาและเมื่อมีงานก็จะแนะนำให้พวกเขาไปทำดังนั้นองค์ชายเย่จึงสามารถสั่งขอทานจำนวนมากในบร
“หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร
“อย่าตีท่านแม่ของข้า...” หลังจากที่เสี่ยวเมาล้มบนพื้น กระอักเลือดออกมาแล้วก็คลานเข้าไปหาหลิงอวี๋อย่างไม่ยินยอม ยังคิดที่จะใช้ร่างกายที่อ่อนแอของตนช่วยรับแส้ให้กับนางอีก หลิงอวี๋มองไปยังมุมปากของเสี่ยวเมาที่ยังคงมีเลือดไหลซึม ในใจก็ยิ่งสั่นสะท้านขึ้นมา… ในความทรงจำนั้น หลิงอวี๋ใส่ใจเสี่ยวเมาน้อยนัก ทำให้เสี่ยวเมาที่คลอดมาแข็งแรงมาก กลับยิ่งเลี้ยงดูก็ยิ่งผอมบาง... “ท่านอ๋อง… นี่? โบยต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” มือเฆี่ยนเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง “ลากลูกนอกสมรสนั่นออกไป โบยต่อ!” ชายหนุ่มสูงส่งราวกับเทพเจ้านั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นเสี่ยวเมากระอักเลือดออกมา ก็ยังคงดูเฉยชาไร้ซึ่งอารมณ์ดั่งเก่า “เสี่ยวเมา ไปเถอะ ปกตินางก็ไม่ได้ดูแลเจ้าดีนัก เจ้ายังสนใจว่านางจะเป็นตายไปเพื่อเหตุอันใด!” หญิงชราคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เมื่ออุ้มเสี่ยวเมาได้ก็ออกไป “อย่าตีท่านแม่… ปล่อยข้า!” เสี่ยวเมายังคงร้องตะโกนออกมาอย่างเศร้าโศก ไม่สนใจว่าตรงมุมปากของตนจะมีเลือดไหลออกมา ดิ้นรนอย่างแรงอยู่ในอ้อมแขนของหญิงชรา หญิงชรากอดเขาเอาไว้แน่น มือเฆี่ยนยังคงโบยแส้ลงไปบนกายของหลิงอวี๋ เสี่ยวเมาเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาแรง
“ตึกตึก… ตึก...” ไม่รู้ว่าสลบไปนานเท่าใด หลิงอวี๋ได้ยินเสียงนาฬิกาดังตึกตึกแว่ว ๆ จนลืมตาขึ้นมา... ทันใดนั้น ดวงตาของหลิงยวี่ก็สว่างขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องทดลองอิสระของตนที่วิทยาลัยแพทย์ หรือว่าตนจะเดินทางข้ามเวลากลับมาแล้ว? หลิงอวี๋ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นขึ้นมา ทว่าเพียงเคลื่อนไหวร่างกายก็รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างเจ็บปวด และยังมีเลือดสดไหลออกมา... เธอก้มหัวลงไปมองก็พบว่าร่องรอยบาดเจ็บของแส้ก็ถูกนำกลับมาด้วย! เธออดทนต่อความเจ็บปวดตามหากล่องยา แล้วฉีดยาบาดทะยักให้กับตนเอง ก่อนจะรีบจัดการบาดแผลอย่างรวดเร็ว มีรอยแส้มากมายอยู่ตรงหน้าอก แผ่นหลัง และบนใบหน้า ล้วนแต่ลึกลงสู่ผิวหนัง มองดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวและโหดร้าย ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจัดการอาการบาดเจ็บบนร่างกายอยู่ทางนี้นั้น ก็ก่นด่าสาปแช่งเซียวหลินเทียนไปพลาง สาปแช่งให้เขาไม่ได้ตายดี ขาดลูกหลานสืบสกุล... เมื่อคำด่า “ขาดลูก” สองคำนี้ออกมา ก็คิดถึงเสี่ยวเมาที่ปกป้องตนจนไม่อาจสาปแช่งต่อไปได้ เธอไม่ได้หวังให้เสี่ยวเมาตายไป! บาดแผลของหลิงอวี๋เพิ่งจะใส่ยาลงไป ขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังลอยมา เ
หลิงอวี๋คิดที่จะหยิบเครื่องมือและยาเพื่อไปช่วยรักษาเสี่ยวเมา ทว่าประตูห้องใหญ่ก็ถูกเปิดขึ้นในทันที นางรับใช้แม่นมที่อยู่ด้านนอกอาจจะเข้ามาได้ทุกเมื่อ หลิงอวี๋จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม ทำได้เพียงแต่สงบนิ่งรอคอยเวลา พ่อบ้านฟั่นด้านนอกนั้นถูกแม่นมลี่ถามไถ่จนรู้สึกรำคาญใจ จึงใช้เท้าเตะแม่นมลี่ แล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาไร้ปรานี “ไสหัวไป สุนัขดี ๆ จะต้องไม่มาขวางทาง” เมื่อหลิงอวี๋มองออกไป ก็พบว่าแม่นมลี่ถูกผลักจนล้มลงบนพื้นอย่างแรง ดูเหมือนว่า แม่นมลี่เองก็คงจะถูกแส้หวดมาก่อน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บนใบหน้ายังมีคราบเลือดอยู่ไม่น้อย... “แม่นมลี่ เจ้าอย่ามามัวเสียเวลาอีกเลย รีบจัดการเก็บกวาดอยู่ในเรือนบุหงาเสียดี ๆ เถิด!” นางรับใช้ที่ดูหยิ่งยโสคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของแม่นมลี่ เอ่ยออกมาอย่างได้ใจ “พ่อบ้านฟั่นได้เลื่อนขั้นให้ข้าเป็นนางรับใช้ใหญ่แล้ว ต่อไปทุกคนในเรือนบุหงาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของข้า” “ท่านอ๋องทรงรับสั่งมาแล้วว่า หากพวกเจ้ายังจะไม่เชื่อฟัง ข้าก็มีอำนาจทีจะทุบตีพวกเจ้าจนตายได้!” “หลิงผิง เจ้าเป็นนางรับใช้ข้างกายของพระชายา สัญญาทาสยังอยู่ในมือของพระชายา เจ้าม
องค์ชายเย่กังวลว่าอาศัยท่าทางเพียงอย่างเดียว หากถึงยามสถานการณ์เร่งด่วน แล้วคนของแม่นมหนานจับตาดูอย่างใกล้ชิดเกินไป เขาจะไม่มีโอกาสเตือนหลิงอวี๋ล่วงหน้า!องค์ชายเย่อยากเขียนจดหมายเตือนหลิงอวี๋ แต่ค้นทั่วทั้งบ้านก็มิพบกระดาษหรือปากกา สุดท้ายก็เห็นถ่านชิ้นเล็ก ๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง จึงหยิบขึ้นมา ดูว่าพรุ่งนี้จะมีโอกาสหากระดาษได้หรือไม่ในที่สุดองค์ชายเย่ก็ฉวยโอกาสตอนเข้าห้องน้ำหากระดาษเจอแผ่นหนึ่ง เขากังวลว่าแม่นมหนานจะค้นตัวก่อนออกเดินทาง จึงมิได้เขียนอะไรวันรุ่งขึ้นขณะออกเดินทางจึงถือโอกาสขี่ม้ารีบเขียนข้อความลวก ๆกระทั่งตอนที่องครักษ์ทั้งสองที่เฝ้าดูเขาไปที่วังพร้อมกับเขา องค์ชายเย่เห็นขอทานอยู่ริมถนน เขาจึงหยิบกระดาษขึ้นมาแล้วใช้กำลังภายในโยนมันเข้าไปในอ้อมแขนของขอทานขอทานตกใจครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วก็เผยฟันเหลืองยิ้มและจะทักทาย องค์ชายเย่รีบส่งสายตาให้เขา อาศัยตอนที่องครักษ์มิเห็นปั้นกระดาษเป็นก้อนแล้วบอกไปว่า ‘เผยอวี้’ขอทานเหล่านี้หลายคนรู้จักองค์ชายเย่ เพราะจูหลานมักจะให้โจ๊กแก่พวกเขาและเมื่อมีงานก็จะแนะนำให้พวกเขาไปทำดังนั้นองค์ชายเย่จึงสามารถสั่งขอทานจำนวนมากในบร
สำหรับจูหลานและองค์ชายเย่แล้ว นี่เป็นตัวเลือกที่ยากยิ่งนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับจูหลาน เสี่ยวเป่าคือเลือดเนื้อของนางที่นางแลกมาด้วยชีวิตนางกับเสี่ยวเป่าอยู่ด้วยกันตลอดเวลา นางเป็นคนแรกที่ได้เห็นทุกการเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวเป่าการต้องให้เสี่ยวเป่าตายจะทำให้ใจนางแตกสลายอย่างมิต้องสงสัย!แต่จูหลานรู้ว่านางต้องเลือกที่จะปกป้องหลิงอวี๋มีเพียงการปกป้องหลิงอวี๋ไว้เท่านั้น ทุกคนจึงจะมีอนาคตได้องค์ชายคังสามารถโจมตีเด็กที่อายุน้อยเท่ากับเสี่ยวเปาได้อย่างโหดร้ายเช่นนี้ พวกเขาจะกล้ามอบชีวิตของตนไว้ในมือขององค์ชายคังได้อย่างไร!“องค์ชาย เราทำเช่นนี้เถิดเพคะ...”จูหลานกระซิบแผนการของนางที่หูขององค์ชายเย่ แล้วสุดท้ายก็เอ่ยอย่างหนักแน่น “พวกเขาให้ท่านไปหลอกล่อฮองเฮา ท่านก็ไป แล้วคิดหาวิธีเตือนพระนางว่ามีอันตราย!”“ฮองเฮาเป็นคนที่ปราดเปรื่องที่สุดที่หม่อมฉันเคยเห็นมา ท่านจะต้องมีวิธีช่วยเสี่ยวเป่าได้อย่างแน่นอน!”“องค์ชาย สิ่งนี้มิเพียงเกี่ยวข้องกับชีวิตคนในครอบครัวของเราเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนนับหมื่นนับพันคนด้วย หม่อมฉันเชื่อว่าท่านทำได้เพคะ!”องค์ชายเย่รู้สึกถึงความก
“องค์ชาย หากท่านมิทำตามคำสั่งของพวกเขา เสี่ยวเป่าก็จะตายเพคะ!”จูหลานร้องไห้แล้วเอ่ย “คราก่อนหมอบอกว่าหม่อมฉันมิสามารถมีลูกได้อีกแล้วมิใช่หรือ? เรามีเพียงลูกชายคนนี้เท่านั้น จะปล่อยให้เขาตายมิได้นะเพคะ!”องค์ชายเย่รู้สึกเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง หลังจากได้ยินคำพูดของจูหลานก็รู้สึกสับสนเล็กน้อยครั้งที่แล้วหลิงอวี๋บอกว่า จูหลานได้รับบาดเจ็บตอนที่ให้กำเนิดเสี่ยวเป่า ยังมีลูกมิได้ในตอนนี้ แต่มิได้บอกว่าจูหลานมิสามารถมีลูกได้อีกในภายภาคหน้า!ขณะที่เขากำลังคิดอยู่ ก็เห็นจูหลานขยิบตาให้เขาองค์ชายเย่กับจูหลานเป็นคู่รักกันมาตั้งแต่วัยเด็ก ใจสื่อถึงกัน จึงรู้ทันทีว่าจูหลานกำลังแสดงละครให้คนข้างนอกดู“มีลูกชายเพียงคนเดียวก็มิสามารถให้ข้าไปทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้ พวกเขาคิดจะหลอกล่อฮองเฮามาสังหาร!”องค์ชายเย่จงใจตะโกนด้วยความโกรธคนหนึ่งพยายามเกลี้ยกล่อม แต่อีกคนหนึ่งมิยอมอย่างดื้อรั้น พวกเขายื้อกันอยู่เป็นเวลานานหนานฮุ่ยอยู่ข้างนอกฟังแล้วก็ทนมิไหว พูดไปพูดมาก็วนอยู่มิกี่คำ แล้วจะมีแนวคิดใหม่ ๆ ได้หรือ?นางมั่นใจว่าสุดท้ายแล้วองค์ชายเย่จะไปทำตามคำสั่งของนาง จึงให้เสี่ยวฮุ่ยอยู่เฝ้าแล้วนา
กระทั่งองค์ชายเย่กับจูหลานไปถึงหมู่บ้านซื่อผิง ถึงได้รู้ว่าเสี่ยวเป่ามิได้อยู่ที่หมู่บ้านและคนทั้งหมดในหมู่บ้านซื่อผิงก็ถูกแทนที่ด้วยคนแปลกหน้าแล้วเสี่ยวฮุ่ยก็ถอดหน้ากากออก ที่แท้นางมิใช่เสี่ยวฮุ่ยนางรับใช้ของจูหลานดังที่เคย ใบหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั้นเป็นใบหน้าที่จูหลานมิเคยเห็นมาก่อนจูหลานเห็นแล้วนอกจากตกใจก็ยังเสียใจมากขึ้นด้วย นางมิรู้เลยว่านางรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ เปลี่ยนคนไปแล้ว นี่คือความมิรอบคอบอย่างมาก!นางเสียใจอยู่ลึก ๆ วันนั้นมิควรใจอ่อน มิเช่นนั้นเสี่ยวเป่าคงมิถูกเสี่ยวฮุ่ยลักพาตัวไป“พวกเจ้าจับตัวลูกชายข้ามา คิดจะทำอะไรกันแน่?”องค์ชายเย่ตะคอกก่อนหน้านี้เขาใช้ชีวิตอย่างราบรื่น มิเคยเจอเรื่องเช่นนี้ จึงไม่มีประสบการณ์ในการจัดการ“ง่ายมาก ขอเพียงท่านเชื่อฟังและปฏิบัติตามแผนของเรา เสี่ยวเป่าของท่านก็จะกลับไปอยู่ข้างกายท่านอย่างปลอดภัย!”แม่นมหนาน ก็คือหนานฮุ่ยสาวงามที่เอาชีวิตหลิงเสียงกังกับหลิงหว่านมาข่มขู่นางซุนให้ใส่ร้ายหลิงอวี๋“พวกเจ้าจะให้องค์ชายของข้าไปทำอะไร?”จูหลานเป็นผู้ใหญ่มากกว่าองค์ชายเย่ นางกดองค์ชายเย่ลงแล้วเอ่ยถาม“ง่ายมาก แค่หาข้ออ้างหลอกล่
เมื่อเหลือบมองเมื่อครู่ นางก็เข้าใจภาษามือที่องค์ชายเย่ทำกับนางแล้วนี่คือชุดภาษามือที่หลิงอวี๋สอนให้กับองครักษ์ส่วนตัวของเซียวหลินเทียนเมื่อครั้งการแข่งขันทางทหารสี่แคว้น ใช้ส่งข้อความในยามที่มิสะดวกในการพูดข้อความที่องค์ชายเย่ส่งให้ตนเมื่อครู่... กับดัก ระวัง!ภายนอกหลิงอวี๋ดูสงบ แต่ในใจเดือดพล่านราวกับหม้อไฟองค์ชายเย่กับภรรยาตกอยู่ในอันตรายหรือ?แล้วอันตรายอะไรที่ทำให้องค์ชายเย่มิสะดวกที่จะบอกตนกัน?นางคิดถึงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นคนแรกตนอยู่ในวังได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยคิดจะทำร้ายตนก็มิสามารถทำได้มีเพียงการล่อตนออกไปเท่านั้นที่นางจะบรรลุเป้าหมายได้แล้วจะมีใครที่ทำให้บรรลุเป้าหมายนี้ได้ง่ายไปกว่าองค์ชายเย่!ดูจากเมื่อครู่ทันทีที่ตนได้ยินว่าเรื่องกับจูหลานก็จะออกจากวังทันที เห็นได้ชัดว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้คำนึงถึงปฏิกิริยาของตนไว้แล้วแต่ถึงแม้ว่าหลิงอวี๋จะรู้ว่าเป็นกับดัก แล้วนางจะมิไปได้หรือ?เมื่อครู่นางมิเพียงเห็นท่าทางขององค์ชายเย่ที่เตือนนางเท่านั้น แต่ยังเห็นแววตาที่เป็นกังวลและวิงวอนในดวงตาขององค์ชายเย่ด้วยจูหลานกับเสี่ยวเป่าต้องถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่
เห็นได้ชัดว่าหลิงอวี๋แข็งแกร่งกว่าสตรีทั่วไปมาก!หลังจากได้รับคำแนะนำของหลิงอวี๋แล้ว เผยอวี้ก็รู้สึกว่าความคิดของเขาก่อนหน้านี้ค่อนข้างจะคับแคบไปหลังออกมาจากวัง เผยอวี้ก็แทบรอมิไหวที่จะพุ่งไปหาองค์ชายเย่ที่ตำหนักองค์ชายเย่ระหว่างสหายควรปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ ในเมื่อเขาถือว่าองค์ชายเย่เป็นสหายแล้ว ก็มิควรสงสัยองค์ชายเย่ไหนเลยจะรู้ว่าเมื่อมาถึงตำหนักองค์ชายเย่ คนเฝ้ายามจะบอกว่าองค์ชายเย่ไปเดินเล่นที่หมู่บ้านกับพระชายาเย่แล้วแล้วเผยอวี้ก็นึกขึ้นได้ว่า องค์ชายเย่ส่งคนไปแจ้งตนในตอนเช้าแล้วว่าจะหยุดงานหนึ่งวันเขาจึงมิได้ใส่ใจแล้วกลับไปจัดการงานต่อวันรุ่งขึ้นองค์ชายเย่ก็ยังมิมา เผยอวี้แอบคิดว่าองค์ชายเย่กำลังสนุกกับพระชายาเย่ที่หมู่บ้านจนลืมไปหรือไม่ แต่ก็มิได้ใส่ใจ แล้วเอาเรื่องที่องค์ชายเย่ควรทำมาทำเองทั้งหมดในช่วงบ่าย เผยอวี้เสร็จภารกิจแล้วและวางแผนจะกลับบ้าน แต่ขณะที่เขาเดินออกมากำลังจะกลับบ้าน ก็มีขอทานคนหนึ่งเข้ามาขออาหารเผยอวี้กำลังจะหยิบเงินหนึ่งตำลึงออกจากแขนแล้วโยนให้เขาขอทานก็ชนเข้ากับเผยอวี้ เผยอวี้รู้สึกว่าเขาแตะหน้าอกของตน จึงผลักเขาออกไปโดยสัญชาตญาณ“ขอ
หลิงอวี๋อยู่ที่วังหลังเมื่อจะพบกับขุนนางภายนอกจะเลือกที่ท้องพระโรงเสมอ เช่นนี้ก็จะมิต้องอยู่ในวังหลัง และสามารถหลีกเลี่ยงปัญหามากมายได้หลิงอวี๋คิดว่าเผยอวี้มีเรื่องงานราชสำนัก นางจึงไปพบเขาที่ท้องพระโรงเผยอวี้ถูกตระกูลเผยต่อต้านเพราะหมั้นหมายกับหลิงหว่าน เมื่อเห็นหลิงอวี๋ส่วนตัวก็ไม่มีหน้าจะเรียกนางว่าพี่หญิงหลิงหลิงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว“ฮองเฮา กระหม่อมขอพบท่านเพราะกระหม่อมอยากจะถามอะไรบางอย่างพ่ะย่ะค่ะ!”เผยอวี้เอ่ยตรง ๆ “กระหม่อมคิดว่า องค์ชายเย่เป็นคนดี จึงคิดว่าจะสามารถสอนเขาฝึกพลังวิญญาณได้หรือไม่ เช่นนี้วรยุทธ์ของเขาจะพัฒนาขึ้นได้มาก!”“มิทราบว่า ฮองเฮาจะทรงอนุญาตให้กระหม่อมถ่ายทอดวิธีการฝึกแก่องค์ชายเย่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”หลิงอวี๋ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วครุ่นคิดพลางเอ่ย “ได้สิ!”เผยอวี้ไหนเลยจะคาดคิดว่าหลิงอวี๋จะตกลงง่าย ๆ เช่นนี้ เขาจึงมิสบายใจเล็กน้อย“ฮองเฮา ท่านจะมิทรงพิจารณามากขึ้นอีกนิดหรือพ่ะย่ะค่ะ? องค์ชายเย่มิเหมือนกับกระหม่อม… เขา… แม้ว่าเขาจะไม่มีความทะเยอทะยานที่จะนั่งบัลลังก์มังกร ตอนนี้ไม่มี แต่ทว่าในภายภาคหน้าเล่า?”เผยอวี้พูดแล้วรู้สึกผิดเสียเององค์ชายเ
องค์ชายคังถูกจำคุกที่ราชสำนักฝ่ายใน จ้าวฮุยก็ถูกเว่ยเหนือควบคุมตัวไว้อีก พรรคพวกของจ้าวฮุยไม่มีผู้นำ ก็รู้สึกท้อแท้ไปเล็กน้อยดีที่ไท่เฟยเส้ากลับมาทันเวลา นางไปโน้มน้าวขุนนางเหล่านี้อย่างเงียบ ๆ บอกว่าตนจะช่วยองค์ชายคังออกมาได้อย่างแน่นอนทางด้านจ้าวฮุยก็จะกลับมาอย่างปลอดภัยเช่นกัน แต่เซียวหลินเทียนจะไม่มีชีวิตรอดกลับมาเป็นแน่ภายใต้การบังคับและหลอกล่อด้วยผลประโยชน์ของนาง ขุนนางเหล่านี้ก็มีใจกระตือรือร้นขึ้นมาอีกครั้งมิว่าอย่างไรตนก็เป็นคนขององค์ชายคังอยู่แล้ว หลายปีมานี้ก็ได้รับผลประโยชน์จากในมือขององค์ชายคังมามิน้อย หากเรื่องราวเผยแพร่ออกไป เซียวหลินเทียนจะปล่อยพวกเขาไปได้อย่างไรเช่นนั้นก็เสี่ยงโชคดูแล้วกัน หากสนับสนุนให้องค์ชายคังได้นั่งบนบัลลังก์มังกร ตำแหน่งขุนนางของพวกเขาจะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย มิฉะนั้นจากวิธีการจัดการของเซียวหลินเทียนในยามนี้ มิต้องรอให้ผ่านไปหลายปีพวกเขาก็จะถูกแทนที่ทั้งหมดแล้วครานี้หลิงอวี๋ลงมือจัดการองค์ชายคังได้แล้วก็รู้สึกว่าความกดดันลดน้อยลง ทว่านางก็ยังมิกล้าผ่อนคลายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเก่งกาจยิ่งกว่าองค์ชายคัง นางยังมิได้ลงมือ แล้วหลิงอวี๋จะกล้าผ่อน
องค์ชายรุ่ยยึดครองแคว้นเล็กหลายแห่งได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ต้องไปร่วมกับเซียวหลินเทียนเพื่อร่วมกันต่อต้านเว่ยเหนือกับฉีตะวันออกและในเวลานี้ ข่าวที่ว่าองค์ชายคังถูกหลิงอวี๋จับตัวที่เมืองหลวงในข้อหาปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารและถูกจำคุกอยู่ในราชสำนักฝ่ายในก็แพร่ไปจนถึงหูขององค์ชายรุ่ยฟางเหยาเหยาลูกสาวของแม่ทัพฟางแต่งงานไปเป็นชายารองขององค์ชายคัง ตอนนี้องค์ชายคังสูญเสียอำนาจไป หากคิดจะดึงตัวแม่ทัพฟางมาก็ง่ายขึ้นแล้วแม่ทัพฟางมีลูกสาวมากมายถึงเพียงนั้น สละฟางเหยาเหยาไปคนเดียวไคงม่มีผลกระทบอะไรต่อเขาหรอกองค์ชายรุ่ยมอบเงินทองบางส่วนที่เก็บรวบรวมมาจากแคว้นพันให้กับแม่ทัพฟางโดยอ้างว่าเป็นของรางวัลจากสงครามแม่ทัพฟางมิได้ปฏิเสธและมิได้พูดคำที่ว่าจะภักดีต่อองค์ชายรุ่ย เขายังคงสังเกตการณ์อยู่เขารู้สึกว่าจ้าวฮุยวางแผนการนี้ไว้ ไม่มีทางที่จะเสร็จสิ้นไปอย่างเงียบ ๆ เช่นนี้แน่ และที่จ้าวฮุยถูกองค์ชายอิงพาไปที่เยวี่ยใต้ก็คือแผนการที่องค์ชายอิงกับจ้าวฮุยตกลงกันไว้จ้าวฮุยไปเป็นทูตที่แคว้นเล็กครานี้ ตั้งใจว่าจะใช้แคว้นเล็กเหล่านี้สร้างความวุ่นวายใจให้กับเซียวหลินเทียนเขากับองค์ชายอิงร่วมกันวางแผ