สำหรับจูหลานและองค์ชายเย่แล้ว นี่เป็นตัวเลือกที่ยากยิ่งนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับจูหลาน เสี่ยวเป่าคือเลือดเนื้อของนางที่นางแลกมาด้วยชีวิตนางกับเสี่ยวเป่าอยู่ด้วยกันตลอดเวลา นางเป็นคนแรกที่ได้เห็นทุกการเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวเป่าการต้องให้เสี่ยวเป่าตายจะทำให้ใจนางแตกสลายอย่างมิต้องสงสัย!แต่จูหลานรู้ว่านางต้องเลือกที่จะปกป้องหลิงอวี๋มีเพียงการปกป้องหลิงอวี๋ไว้เท่านั้น ทุกคนจึงจะมีอนาคตได้องค์ชายคังสามารถโจมตีเด็กที่อายุน้อยเท่ากับเสี่ยวเปาได้อย่างโหดร้ายเช่นนี้ พวกเขาจะกล้ามอบชีวิตของตนไว้ในมือขององค์ชายคังได้อย่างไร!“องค์ชาย เราทำเช่นนี้เถิดเพคะ...”จูหลานกระซิบแผนการของนางที่หูขององค์ชายเย่ แล้วสุดท้ายก็เอ่ยอย่างหนักแน่น “พวกเขาให้ท่านไปหลอกล่อฮองเฮา ท่านก็ไป แล้วคิดหาวิธีเตือนพระนางว่ามีอันตราย!”“ฮองเฮาเป็นคนที่ปราดเปรื่องที่สุดที่หม่อมฉันเคยเห็นมา ท่านจะต้องมีวิธีช่วยเสี่ยวเป่าได้อย่างแน่นอน!”“องค์ชาย สิ่งนี้มิเพียงเกี่ยวข้องกับชีวิตคนในครอบครัวของเราเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนนับหมื่นนับพันคนด้วย หม่อมฉันเชื่อว่าท่านทำได้เพคะ!”องค์ชายเย่รู้สึกถึงความก
องค์ชายเย่กังวลว่าอาศัยท่าทางเพียงอย่างเดียว หากถึงยามสถานการณ์เร่งด่วน แล้วคนของแม่นมหนานจับตาดูอย่างใกล้ชิดเกินไป เขาจะไม่มีโอกาสเตือนหลิงอวี๋ล่วงหน้า!องค์ชายเย่อยากเขียนจดหมายเตือนหลิงอวี๋ แต่ค้นทั่วทั้งบ้านก็มิพบกระดาษหรือปากกา สุดท้ายก็เห็นถ่านชิ้นเล็ก ๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง จึงหยิบขึ้นมา ดูว่าพรุ่งนี้จะมีโอกาสหากระดาษได้หรือไม่ในที่สุดองค์ชายเย่ก็ฉวยโอกาสตอนเข้าห้องน้ำหากระดาษเจอแผ่นหนึ่ง เขากังวลว่าแม่นมหนานจะค้นตัวก่อนออกเดินทาง จึงมิได้เขียนอะไรวันรุ่งขึ้นขณะออกเดินทางจึงถือโอกาสขี่ม้ารีบเขียนข้อความลวก ๆกระทั่งตอนที่องครักษ์ทั้งสองที่เฝ้าดูเขาไปที่วังพร้อมกับเขา องค์ชายเย่เห็นขอทานอยู่ริมถนน เขาจึงหยิบกระดาษขึ้นมาแล้วใช้กำลังภายในโยนมันเข้าไปในอ้อมแขนของขอทานขอทานตกใจครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วก็เผยฟันเหลืองยิ้มและจะทักทาย องค์ชายเย่รีบส่งสายตาให้เขา อาศัยตอนที่องครักษ์มิเห็นปั้นกระดาษเป็นก้อนแล้วบอกไปว่า ‘เผยอวี้’ขอทานเหล่านี้หลายคนรู้จักองค์ชายเย่ เพราะจูหลานมักจะให้โจ๊กแก่พวกเขาและเมื่อมีงานก็จะแนะนำให้พวกเขาไปทำดังนั้นองค์ชายเย่จึงสามารถสั่งขอทานจำนวนมากในบร
แม้แต่องครักษ์สองคนนี้ชื่ออะไรองค์ชายเย่ก็มิรู้ด้วยซ้ำ แต่ก็ยังแสร้งทำเป็นยอมรับคำแนะนำของเถาจื่อ แล้วดุ “ประเดี๋ยวกลับไปพวกเจ้าไปรับโบยไม้กระดานใหญ่คนละยี่สิบไม้เสีย!”“ฮองเฮามีสถานะสูงส่ง มิใช่ว่าพวกเจ้าจะแอบมองได้…”ขณะที่องค์ชายเย่พูด ก็เห็นหลิงอวี๋กับหลิงซวนเดินออกจากป่าอย่างเงียบ ๆ แล้วเดินมาข้างหลังองครักษ์ทั้งสององค์ชายเย่ดุพวกเขาต่อไปอย่างให้ความร่วมมือ กระทั่งองครักษ์ทั้งสองรู้สึกถึงความผิดปกติและกำลังจะหันกลับไป หลิงอวี๋กับหลิงซวนก็ปิดปากและจมูกด้วยผ้าชุบยาสลบแล้วทั้งสองยังมิทันจะล้มลง เถาจื่อกับหานเหมยก็พุ่งเข้ามาลากองครักษ์ทั้งสองเข้าไปในป่าอย่างให้ความร่วมมือองค์ชายเย่ตกใจมาก องครักษ์ทั้งสองถูกหลิงอวี๋จัดการล้มลงไปอย่างง่ายดายเช่นนี้เลยหรือ?เขารีบนำม้าเข้าไปผูกในป่าแล้วตะโกนอย่างร้อนใจ “ฮองเฮา หลานหลานกับเสี่ยวเป่าถูกพวกหนานฮุ่ยขังไว้ที่หมู่บ้านซื่อผิง ในหมู่บ้านล้วนเป็นคนของพวกเขา ท่านจะพาตนเองเข้าไปในกับดักเช่นนี้มิได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมขอประทานอภัย พวกเขาบังคับให้กระหม่อมหลอกล่อท่านมา กระหม่อมเอาชนะมิได้แม้แต่แม่นมหนาน... กระหม่อมทำได้เพียงเชื่อฟังพวกเขา
“จ้าวหรุ่ยหรุ่ย?”องค์ชายเย่มิอยากจะเชื่อเลย เขาเคยเจอพี่สะใภ้สองผู้นี้มาก่อน นางดูอ่อนแอ จะเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าแม่นมหนานได้อย่างไร?“ข้าไม่มีเวลาอธิบายให้ฟังแล้ว เจ้าฟังข้าก่อน! นี่คือพระราชโองการ!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างจริงจัง“ฮองเฮา!”องค์ชายเย่มองท่าทางระมัดระวังของหลิงอวี๋ แล้วจู่ ๆ ดวงตาก็เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งหลิงอวี๋เชื่อใจตนเช่นนี้หรือ?น้ำเสียงของนางคาดการณ์ไว้แล้วว่า ไปครานี้ความเป็นความตายของนางจะมิแน่นอน แต่นางก็ยังมิลังเล รีบมาที่นี่เพื่อช่วยจูหลานกับเสี่ยวเป่า!ความกล้าหาญนี้ทำให้เขารู้สึกละอายใจในฐานะบุรุษ!“ฮองเฮาโปรดวางพระทัย กระหม่อมจะเฝ้าวังหลวงให้ดี รอองค์จักรพรรดิเสด็จกลับมาแล้วส่งมอบให้พระองค์พ่ะย่ะค่ะ!”องค์ชายเย่คุกเข่าลงแล้วเอ่ยอย่างดุร้าย “หากพิสูจน์ได้ว่าเรื่องนี้เป็นเพราะองค์ชายคังกับพระชายาคังตั้งใจจะทำการกบฏ กระหม่อมจะสังหารเขาด้วยมือของกระหม่อมเอง…”แก้แค้นให้ฮองเฮา!คำพูดข้างหลังองค์ชายเย่มิได้พูดออกมา เขาสาบานว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้น เขาสาบานว่าถึงตายก็ต้องปกป้องหลิงอวี๋ให้จงได้“ไปกันเถิด!”หลิงอวี๋เห็นว่าหานเหมยเ
สำหรับการดูถูกของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย หลิงอวี๋จึงยิ้มอย่างเหยียดหยาม “ทำเรื่องเลวร้ายแม้แต่ใบหน้าจริงยังมิกล้าเปิด ต่อให้แข็งแกร่งแค่ไหนแล้วอย่างไรเล่า!”“อยู่ฝ่ายธรรมะจะได้รับความช่วยเหลืออย่างท่วมท้น อยู่ฝ่ายอธรรมจะได้รับความช่วยเหลือน้อยนิด! เจ้าก็แค่กลัวว่าจะสูญเสียการสนับสนุนจากราษฎรไปจึงได้ซ่อนหัวซ่อนหางเช่นนี้มิใช่รึ?”“จ้าวหรุ่ยหรุ่ย สามีของข้าเดินทางนับพันลี้เพื่อช่วยบิดาของเจ้า แต่เจ้ากลับฉวยโอกาสตอนที่เขามิอยู่วางแผนแย่งชิงบัลลังก์ เรื่องนี้มิอาจให้อภัยได้!”“คนเช่นเจ้าไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จ! เจ้าเหมาะกับการมีชีวิตอยู่ได้ภายใต้หน้ากากของผู้อื่นเท่านั้น เพราะเจ้า... ไม่มีหน้าจะไปพบใคร!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยโกรธกับคำพูดของหลิงอวี๋มาก จึงตะโกนออกไป “พูดจาอวดอ้างความสามารถไปแล้วจะมีความหมายอะไร? วันนี้ก็คือวันตายของเจ้า!”“ในเมื่อเจ้าแทบรอมิไหวที่จะรนหาที่ตาย ข้าก็ช่วยให้เจ้าสมปรารถนา...”พูดจบ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ทะยานขึ้นไปในอากาศและกระโดดขึ้นไปบนหลังคา ยังมิทันจะยืนมั่นคง นางก็กดแรงมหาศาลลงมาที่หลิงอวี๋เมื่อองค์ชายเย่เห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยทะยานขึ้นไป ก็นึกถึงคำสัญญาของตน มิว่าจะด้ว
“เผยอวี้ ไปช่วยนางรับใช้ของฮองเฮาก่อน!”แม้ว่าองค์ชายเย่จะได้รับบาดเจ็บสาหัสหลบอยู่ที่มุม แต่จะให้เขาดูพวกเผยอวี้ออกแรงในขณะที่ตนทำอะไรมิได้เลยได้อย่างไร!เขามองดูสถานการณ์โดยรวม เห็นว่าเถาจื่อกับหานเหมยกำลังต่อสู้กับพวกนางรับใช้อยู่ อีกทั้งร่างกายของทั้งสองคนก็เต็มไปด้วยเลือดและกำลังจะพ่ายแพ้ จึงรีบตะโกนองค์ชายเย่คิดว่าเผยอวี้มิสามารถช่วยหลิงอวี๋ได้ ดังนั้นก็ช่วยเถาจื่อกับหานเหมยจัดการกับนางรับใช้เหล่านี้ก่อน จากนั้นค่อยรวมพลังของทุกคนเพื่อจัดการจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเผยอวี้หันหลับไปมองก็เข้าใจความคิดขององค์ชายเย่ทันที จึงพุ่งเข้าไปทันทีที่หนานฮุยเห็นว่ามีผู้ช่วยมาอีกคน อีกทั้งยังบำเพ็ญอยู่ในดินแดนที่สามเช่นเดียวกับตน นางก็รู้สึกกดดันอย่างมากขึ้นมาทันทีแม้จะเป็นฝันนางก็มิคาดคิดว่า เหล่านางกำนัลที่ดูเหมือนธรรมดาข้างกายหลิงอวี๋เหล่านี้เป็นผู้บำเพ็ญพลังวิญญาณจริง ๆ อีกทั้งยังมิได้ด้อยไปกว่าตนด้วยเว้นแต่หลิงอวี๋จะใช้ยาเพื่อช่วยให้พวกนางพัฒนา มิเช่นนั้นพวกเขาจะพัฒนาได้เร็วถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?ชั่วครู่หนึ่งหนานฮุยก็รู้สึกอิจฉาพวกเถาจื่อเล็กน้อยตนรับใช้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมาหลายปีแล้ว ช่ว
“ฮองเฮาระวัง!”เถาจื่อและหานเหมยได้ยินเสียงหัวเราะของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็รีบรุดไปข้างหน้าอย่างมิสนใจสิ่งใด อยากจะใช้กายเนื้อของตนไปช่วยกำบังการโจมตีที่ร้ายแรงนี้ให้หลิงอวี๋เผยอวี้ก็กระโดดขึ้นมาจากด้านล่าง แล้วเหวี่ยงดาบไปทางจ้าวหรุ่ยหรุ่ยทันที...แต่ทั้งสามคนรู้สึกถึงพลังอันท่วมท้นที่มากดทับพวกเขาพร้อมกันขณะเดียวกันนั้นหลิงอวี๋ก็ตะคอกด้วยความโกรธแล้วรับฝ่ามือโจมตีนั้นไว้หากนางมิต้าน จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็จะดูดพลังวิญญาณของตนไป ต่อให้ต้องตายนางก็มิอาจให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสมปรารถนาได้!มิฉะนั้นก็จะเป็นนางเองที่ทำให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยประสบความสำเร็จ แล้วต่อไปในสี่แคว้นนี้ก็จะไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้อีกการต่อสู้ที่จะพินาศไปด้วยกันนี้ทำให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยตกตะลึง แต่นางมิสามารถดึงพลังวิญญาณของตนกลับคืนมาได้อีกแล้วเกิดเสียงปัง แล้วพลังทั้งสองก็ปะทะกันอย่างรุนแรงที่กลางอากาศแสงสีฟ้าและสีน้ำเงินพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือหมู่บ้านซื่อผิง มิเพียงแต่คนในหมู่บ้านซื่อผิงเท่านั้นที่มองเห็นมัน แม้แต่คนในหมู่บ้านตระกูลหลี่บนภูเขาที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบลี้ก็เห็นด้วยดวงตาคู่นั้นที่เคยสอดส่องพ
โชคดีที่องค์ชายเย่ถูกเผยอวี้ประคองไปอยู่ตรงมุมจึงเลี่ยงจากการถูกพลังทั้งสองกระแสนี้พัดพาไปแต่ถึงเป็นเช่นนั้น เสาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็หักลงมาล้มทับเขาเช่นกันเขาเห็นว่าเรือนที่เผยอวี้พุ่งเข้าไปพังทลายลงมา และเผยอวี้ถูกฝังอยู่ข้างในด้วย!แล้วเขาก็เห็นว่าหลิงอวี๋ถูกโจมตีกระเด็นออกไปเช่นกัน!อีกทั้งเขายังเห็นลำแสงสองกระแสที่พัดอยู่กลางอากาศอีกด้วยจิตใจขององค์ชายเย่ว่างเปล่า เขารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนมิใช่ความจริง!นี่ยังเป็นวรยุทธ์อยู่หรือ?นี่มันเป็นเวทมนตร์ชัด ๆ!ใต้หล้านี้จะมีผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน!เขารู้สึกว่ามันเหลือเชื่อมาก!เขารู้สึกว่าตนกำลังฝันอยู่ ดังนั้นจึงได้เห็นภาพที่แปลกประหลาดและมีมนต์ขลังนี้องค์ชายเย่ตกอยู่ในภวังค์ ลืมไปแล้วว่าตนติดอยู่ใต้เสา จนกระทั่งได้ยินเสียงร้องที่ใจสลายของจูหลานดังมาจากข้างนอก“องค์ชาย… เซียวหลินมู่ ท่านตอบหม่อมฉันสิเพคะว่าท่านยังมีชีวิตอยู่...”ในที่สุดองค์ชายเย่ก็ได้สติแล้วตะโกนออกไป “หลานหลาน ข้ายังมีชีวิตอยู่ รีบเข้ามาช่วยข้าที… ไม่สิ ช่วยเผยอวี้ก่อน เขาติดอยู่ใต้เรือนนั้น!”องค์ชายเย่พูดไปก็ดิ้นรนไ
นี่เย่หรงไปยั่วยุสตรีที่บ้าคลั่งในเรื่องความรักเข้าแล้วสิ!หลิงอวี๋หันกลับไป ก็เห็นเย่หรงยังคงเดินต่อไปอย่างไร้หัวใจ นางจึงเตือนเขาอย่างเป็นห่วง “เย่หรง สิ่งที่นางพูดนั้นมิใช่คำพูดบ้า ๆ! ท่านต้องระวังตัวไว้ด้วย!”“มิใช่คำพูดบ้า ๆ แล้วคืออะไรเล่า? หรือว่านางจะถือมีดมาบังคับให้ข้าแต่งงานกับนาง?”เย่หรงยังคงมิได้ใส่ใจแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แม้แต่ราษฎรที่ไม่มีการศึกษาก็ยังรู้ว่าแตงที่ถูกบังคับให้โตจะมิหวาน นางเรียนหนังสือมาตั้งหลายปีโดยเปล่าประโยชน์หรือไร? นางมิเข้าใจเหตุผลนี้หรือ?”“การบังคับให้ข้าแต่งงานกับนางจะมีประโยชน์อะไรต่อนาง ข้าไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้นกับนางหรอก!”หลิงอวี๋มิได้รู้สึกว่าหยางหงหนิงกำลังล้อเล่น นางจึงเอ่ยอย่างอดทน “เย่หรง ท่านจริงจังสักหน่อยเถิด! นี่มิใช่เรื่องล้อเล่น!”“ท่านมิรู้หรอกว่าหากสตรีบ้าคลั่งขึ้นมา มิว่าเรื่องใดนางก็ทำได้ทั้งนั้น! ตอนนี้นางกำลังโกรธ และถึงขนาดเกลียดเพราะรักแล้ว...”“การบังคับให้ท่านแต่งงานกับนาง มิแน่ว่าจะเป็นการทำให้ท่านกับนางกลายเป็นคู่สามีภรรยากันอย่างแท้จริง แต่เป็นการบังคับให้ท่านก้มหัวให้!”หลิงอวี๋มองว่าเย่หรงเป็นสหายของ
คำพูดที่หนักแน่นของหลิงอวี๋ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็มีความคิดแตกต่างกันไป คนที่ดูถูกหลิงอวี๋และช่วยหยางหงหนิงใส่ร้ายหลิงอวี๋เมื่อครู่ ก็มิกล้าพูดอะไรอีกแม้ว่าคำพูดนี้ของสิงอวี๋จะเป็นการพูดกับหยางหงหนิง แต่ก็เป็นการพูดกับคนที่ใส่ร้ายนางด้วยสิงอวี๋ใช้ความแข็งแกร่งของนางบอกทุกคนว่า อย่ายั่วยุยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญวิชาพิษ มิเช่นนั้นอาจจะตายมิรู้ตัว!การต่อสู้จนถึงที่สุด หากมิตายก็จะมิหยุดนั้นเป็นความตั้งใจของนาง!คนชั่วในใต้หล้านี้หาได้น่ากลัวไม่ ทว่าสิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ คือคนที่มิกลัวตายและทำสิ่งใดมิคิดชีวิตการประกาศที่มิกลัวตายนี้ของหลิงอวี๋ เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาหวาดกลัวได้แล้วทุกคนล้วนมองหลิงอวี๋อย่างประหลาด แต่หลิงอวี๋กลับเดินไปตรงหน้าหลงอิงราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น“คุณหนูหลง ข้าขออภัยด้วย ที่ทำให้งานเลี้ยงชมบุปผาของเจ้าในวันนี้ต้องวุ่นวาย เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อน!”ยังมิทันที่หลงอิงจะพูดอะไร เย่หรงก้าวไปข้างหน้า แล้วเอ่ยออกมา “เสี่ยวชี รอข้าด้วย ข้าคุยกับนางสักเล็กน้อยแล้วจะไปพร้อมกับเจ้า!”เย่หรงมองไปทางหยางหงหนิง แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ต่อหน้าคนจำนวนมากถึงเพียงนี้ หยา
“ปวดยิ่งนัก!”หยางหงหนิงเอื้อมมือไปกดที่ท้อง พยายามจะยืนขึ้นปรุงยาแก้พิษต่อไป แต่นางไม่มีแม้แต่แรงที่จะลุกยืนขึ้นเลยนางลองอยู่สองครั้ง แต่เมื่อฝืนลุกขึ้นมา ขากลับอ่อนแรงและล้มลงบนพื้นอีกครั้ง“เป็นไปมิได้!”หยางหงหนิงตะโกนขึ้นมาอย่างร้อนใจ “ยาที่ข้าเตรียมไว้ก็เป็นยาแก้พิษ เหตุใดุมิได้ผลเล่า! หรือเป็นเพราะปริมาณยาแก้พิษมิเพียงพอ?”หลิงอวี๋จ้องมองนางอย่างเย็นชา ที่มุมปากของนางมีความเยาะเย้ยเล็กน้อย "คุณหนูหยาง เจ้าเป็นคนบอกว่าการทำสงครามย่อมมิกลัวอุบาย ดังนั้น ข้าเองก็เล่นลูกไม้กับเจ้าไปอย่างหนึ่งเช่นกัน!”“หากเจ้ารู้จักลักษณะของเครื่องยาสมุนไพรอย่างลึกซึ้งจริง ๆ เจ้าก็ควรจะรู้ว่าเครื่องยาสมุนไพรบางชนิดมีประโยชน์หลายอย่าง และเครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มีความสัมพันธ์กันแบบกษัตริย์กับขุนนาง เมื่อนำมาทำเป็นยาพิษ ก็จะมีฤทธิ์เป็นพิษ!”“แต่หากใช้เป็นยาแก้พิษ ก็มีฤทธิ์เป็นยาแก้พิษได้!”“ตามหลักการนี้แล้ว หากยาแก้พิษที่เจ้าเตรียมไว้ไปกดยาพิษของข้า เช่นนั้นก็แสดงว่าเป็นยาแก้พิษ แต่หากกดไว้มิได้ เช่นนั้นก็แสดงว่าเป็นยาพิษที่เติมเข้าไปในยาพิษอีกที!”หยางหงหนิงรู้สึกเจ็บปวดจนขดตัวเป็นก้อนแล้ว
หยางหงหนิงมิได้รู้สึกเลยสักนิดว่าตนได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ไปเสียแล้ว เวลานี้เมื่อถูกหลิงอวี๋เปิดเผยทุกอย่างออกมา นางก็ยิ้มอย่างมิรู้สึกละอายแล้วเอ่ยออกมา“เจ้าแสดงความสามารถเกินตัวไปกระมัง! หากเจ้ามิยอมแพ้ คนที่ต้องอับอายก็คือเจ้า!”“การทำสงครามนั้นย่อมมิกลัวกลอุบาย ข้าก็มิได้ขัดขวางมิให้เจ้านำเครื่องยาสมุนไพรออกมา เป็นเจ้าเองต่างหากที่มิฉลาดพอ!”คำพูดนี้ของหยางหงหนิงมีคนที่อยู่ในเหตุการณ์เห็นด้วยอยู่กึ่งหนึ่ง และรู้สึกว่าหยางหงหนิงพูดถูกเดิมทีมันก็คือการแข่งขัน ใครกำหนดเล่าว่ามิสามารถนำเครื่องยาสมุนไพรที่แก้พิษออกมาได้ เป็นหลิงอวี๋เองเท่านั้นที่โง่เขลาส่วนคนอีกกึ่งหนึ่งรู้สึกดูถูกการกระทำของหยางหงหนิง ในมุมมองของพวกเขา การแข่งขันคือการเทียบความสามารถของกันและกัน และการแย่งชิงเครื่องยาสมุนไพรแก้พิษของอีกฝ่ายไปเช่นนี้ ช่างเป็นการกระทำที่ต่ำช้าจริง ๆเย่หรงมองเหงื่อเย็นไหลลงมาตามหน้าผากของหลิงอวี๋มากขึ้นอย่างกังวล เหงื่อนั้นไหลหยดลงมา จนเปียกเส้นผมบริเวณข้างหูของนางจนหมดแต่หยางหงหนิงกลับยังคงเอ่ยอย่างยินดี “สิงอวี๋ ฝืนทนไปก็หาได้มีประโยชน์ไม่ หากทนแล้วทนไหว เช่นนั้นก็เห็นได้ชัดแล
บัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ รวมถึงคนที่มาเฝ้าดูจำนวนมากนั้นต่างก็เข้าใจพื้นฐานของเครื่องยาสมุนไพร หลิงอวี๋จึงยิ้มเยาะแล้วเอ่ยออกมา“คุณหนูหยางของพวกเราน่าจะชอบยาระบายและยาที่ทำให้เกิดอาการคันเป็นพิเศษนะ นางจึงใส่ยาเหล่านี้ลงไปในยาพิษของนางด้วย!”หา!เมื่อเหลยเหวินและคนอื่น ๆ ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็ตกตะลึงกันไปคุณหนูบางคนถอยหลังไปสองสามก้าวโดยมิรู้ตัว นี่ก็หมายความว่าหากพิษที่หลิงอวี๋ออกฤทธิ์ มันจะต้องไหลพรวดออกมาแน่ ๆเย่หรงมองหยางหงหนิงอย่างรังเกียจ และกำหมัดแน่นเสี่ยวชีพูดถูกจริง ๆ นิสัยในการปรุงยาพิษของหยางหงหนิงนั้นมิสามารถเปิดเผยต่อหน้าทุกคนได้จริง ๆฉินซานยืนอยู่ข้างเย่หรง เมื่อครู่เย่หรงเพิ่งจะเล่าเรื่องของเขากับหยางหงหนิงให้ฟังอยู่คร่าว ๆเมื่อฉินซานได้ยินหลิงอวี๋บอกว่า หยางหงหนิงใส่สิ่งเหล่านี้ลงไปในยาพิษ เขาก็มองไปทางเย่หรงด้วยสีหน้าเห็นใจ จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วเอ่ยออกมา “ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดเจ้าจึงมิชอบนาง!”“สตรีประเภทนี้ หากเปลี่ยนเป็นข้า ข้าก็มิชอบเช่นกัน!”“นี่คือการแข่งขัน มิใช่การต่อสู้เอาเป็นเอาตายกันจริง ๆ เหตุใดต้องทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้ด
หลิงอวี๋มองปราดเดียวก็อ่านความคิดของหยางหงหนิงออกแล้ว นางจึงยิ้มมุมปาก “วิธีการเล่นเช่นนี้ก็สดใหม่ดี เช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าบอกเถิด!”ทั้งสองจึงแลกเปลี่ยนยาพิษกันหยางหงหนิงหยิบผงยาใส่ปากอย่างมิใส่ใจ แล้วชิมส่วนผสมที่อยู่ในนั้น จากนั้นก็มองไปทางหลิงอวี๋และยิ้มอย่างดูถูก“ยาพิษง่าย ๆ เช่นนี้ เจ้าก็กล้านำมาใช้ในการแข่งขันหรือ สิงอวี๋ เจ้ารอไสหัวไปจากเมืองหลวงแดนเทพได้เลย!”หลิงอวี๋ก็ยิ้มบาง ๆ “พูดประโยคนี้ในตอนนี้มันยังเร็วเกินไป อีกสักครึ่งชั่วยามค่อยพูดเถิด!”“การเอาชนะเจ้า ข้ามิใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยามหรอก แค่สิบห้านาทีก็พอแล้ว!”หยางหงหนิงเอ่ยขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่งทุกคนต่างมองผงยาพิษในมือของทั้งสองคน และอยากรู้ว่าทั้งสองคนปรุงยาพิษชนิดใดเอาไว้“เข้าไปเลือกเครื่องยาสมุนไพร!”หยางหงหนิงรีบชิงเข้าไปก่อน เมื่อเห็นขวดยาก็นำมาใส่ลงในตะกร้าทันทีหลิงอวี๋มองดูก็รู้ทันทีว่าผงยาที่นางใส่นั้นคือเครื่องยาสมุนไพรของยาแก้พิษที่นางทำไว้หยางหงหนิงต้องการจะแย่งชิงเครื่องยาสมุนไพรที่หลิงอวี๋ต้องนำไปปรุงยาแก้พิษ เพื่อทำให้หลิงอวี๋มิสามารถปรุงยาแก้พิษได้หลิงอวี๋ส่ายหัวอย่างหมดคำพูด แล้วหิ้วตะก
คำถามนี้ของหลิงอวี๋ทำเอาจงเจิ้งเฟยพูดมิออกไปทันทีทั้งสองเส้นทางล้วนเป็นทางตันทั้งสิ้น!หลิงอวี๋ใช้คำเปรียบเทียบนี้เพื่อบอกจงเจิ้งเฟยว่า มิว่านางจะยั่วยุหยางหงหนิงหรือไม่ หยางหงหนิงก็มิยอมปล่อยนางไปอยู่ดีในเมื่อล้วนเป็นทางตันทั้งหมด แล้วไฉนมิหยิบไม้ขึ้นมาสู้สักครั้งเล่า?หากวิชาพิษของหลิงอวี๋สามารถเอาชนะหยางหงหนิงได้ เช่นนั้นจะทำให้หยางหงหนิงรวมถึงเหมียวหยางที่คอยรังแกหลิงอวี๋อยู่เสมอนั้นรู้สึกหวาดกลัวได้!จะเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่แข็งแกร่งกว่าตนอย่างไรก็ล้วนต้องก้มหัวให้!หากทักษะด้อยกว่าผู้อื่น เช่นนั้นตายไปก็ยังดีกว่าตายเพราะถูกข่มเหงรังแก เป็นการตายอย่างกล้าหาญ!จงเจิ้งเฟยเข้าใจสิ่งที่หลิงอวี๋บอกแล้วและนางก็มองหลิงอวี๋ด้วยความชื่นชมความเด็ดเดี่ยวและความแข็งแกร่งของศิษย์พี่หญิงนั้นดูเป็นบุรุษยิ่งกว่าบุรุษเสียอีก!จงเจิ้งเฟยรู้สึกว่า นี่ต่างหากคือจุดเด่นภายใต้รูปลักษณ์ธรรมดาของศิษย์พี่หญิง นางเป็นสตรีก็ยังเคารพหลิงอวี๋ เช่นนั้นขอเพียงมิใช่บุรุษที่หยาบคายเช่นเหมียวหยาง จะมีใครบ้างที่มิชอบสตรีเช่นหลิงอวี๋?“หงหนิงออกมาแล้ว! สิงอวี๋ ถึงตาเจ้าแล้ว หาก
“ได้ ตกลงตามนี้!”หลิงอวี๋จ้องหยางหงหนิงอย่างกดดัน “ต้องยอมรับผลแพ้ชนะ ถึงเวลานั้นหากแพ้ เจ้าก็อย่าได้พูดอะไรที่มิเหมาะสมออกมา!”หยางหงหนิงเอ่ยอย่างแน่วแน่ “ต้องยอมรับผลแพ้ชนะ! หลงอิง พวกเราขอยืมห้องปรุงโอสถของเจ้าสักหน่อยนะ!"หลงอิงเป็นเจ้าภาพในวันนี้ นางมิชอบมาก ๆ ที่มีคนมาสร้างปัญหาขึ้นในงานเลี้ยงชมบุปผาของตน ทำให้รายการที่ตนเตรียมไว้มิได้นำออกมาแต่หยางหงหนิงพูดไปแล้ว ดังนั้นต่อให้นางมิชอบก็มิอาจปฏิเสธได้“เสี่ยวอวี๋ มิต้องพนันแล้วได้หรือไม่ เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของหงหนิงหรอก! เจ้ายอมแพ้ แล้วขอโทษหงหนิงเสียเถิด!”หลงอิงดูท่าทางเป็นห่วงหลิงอวี๋“คุณหนูหลง ข้ามิสามารถขอโทษคนที่ใส่ร้ายข้าในเรื่องที่ข้ามิได้ทำได้หรอก!”หลิงอวี๋รู้ว่าฮูหยินทั้งสองของตระกูลเฉียวอยู่ด้วย และตามหลักแล้วตนมิควรทำตัวโดดเด่นให้เป็นจุดสนใจแต่นางอดกลั้นความโกรธไว้มากแล้ว นางต้องระบายออกมาเหมียวหยางอาศัยอำนาจมาทำลายบ้านของตน และตอนนี้หยางหงหนิงก็อาศัยอำนาจกล้ามาใส่ร้ายตนโดยไม่มีหลักฐานอีก หากวันนี้ตนทนเงียบมิพูดอะไร เช่นนั้นต่อไปก็จะมีข่าวลือที่ยิ่งกว่านี้แพร่กระจายออกไปแม้ว่าหลิงอวี๋จะอยากเก็บตัวอยู่
บรรดาศิษย์น้องของเหมียวหยางจะกล้าปล่อยเหมียวหยางไปได้อย่างไร แม้ว่าเย่หรงจะเป็นศิษย์ที่มิประสบความสำเร็จของตระกูลเย่ แต่เขาก็นับว่าเป็นผู้มีอำนาจที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงแดนเทพ และความโหดร้ายของเขาก็ราวกับหมาป่าหากเขาประกาศชัดเจนว่าจะยั่วยุใคร เช่นนั้นแล้วขอเพียงยังมีลมหายใจอยู่ ต่อให้ต้องสู้จนถึงที่สุดก็จะมิยอมรามือถึงแม้ว่าเหมียวหยางจะเกลียดเย่หรงที่ทำให้จมูกของตนหัก แต่ท่าทีที่จะสู้กับเย่หรงอย่างสุดชีวิตนั้น ก็เป็นเพียงการแกล้งทำไปเท่านั้นเนื่องจากด้วยพลังของเขาแล้ว เขามิใช่คู่ต่อสู้ของเย่หรงอย่างแน่นอน มิฉะนั้นก็คงมิถึงกับถูกเย่หรงต่อยสองหมัด แล้วไม่มีแรงตอบโต้หรอก“พวกเจ้าปล่อยข้า ให้ข้าไปสู้กับเขา… เย่หรง เจ้ารู้สึกผิดแล้วกระมัง จึงได้ใส่ร้ายข้า!”เหมียวหยางตะโกนออกไปอย่างโอ้อวด “ข้ามิได้ทำลายบ้านของสิงอวี๋ มิใช่ว่าเจ้าจงใจไปทำลายบ้านของนาง เพื่อให้นางยอมขึ้นเตียงกับเจ้า และใช้โอกาสนี้สนับสนุนนางเองรึ?”น้ำโคลนสาดเข้ามาหาเย่หรงในทันทีคนจำนวนมากที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของเหมียวหยางอาจจะเป็นเรื่องจริงได้ เพราะเรื่องนี้ดูเป็นเรื่องที่เย่หรงสามารถทำได้!หลิงอวี