เห็นได้ชัดว่าหลิงอวี๋แข็งแกร่งกว่าสตรีทั่วไปมาก!หลังจากได้รับคำแนะนำของหลิงอวี๋แล้ว เผยอวี้ก็รู้สึกว่าความคิดของเขาก่อนหน้านี้ค่อนข้างจะคับแคบไปหลังออกมาจากวัง เผยอวี้ก็แทบรอมิไหวที่จะพุ่งไปหาองค์ชายเย่ที่ตำหนักองค์ชายเย่ระหว่างสหายควรปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ ในเมื่อเขาถือว่าองค์ชายเย่เป็นสหายแล้ว ก็มิควรสงสัยองค์ชายเย่ไหนเลยจะรู้ว่าเมื่อมาถึงตำหนักองค์ชายเย่ คนเฝ้ายามจะบอกว่าองค์ชายเย่ไปเดินเล่นที่หมู่บ้านกับพระชายาเย่แล้วแล้วเผยอวี้ก็นึกขึ้นได้ว่า องค์ชายเย่ส่งคนไปแจ้งตนในตอนเช้าแล้วว่าจะหยุดงานหนึ่งวันเขาจึงมิได้ใส่ใจแล้วกลับไปจัดการงานต่อวันรุ่งขึ้นองค์ชายเย่ก็ยังมิมา เผยอวี้แอบคิดว่าองค์ชายเย่กำลังสนุกกับพระชายาเย่ที่หมู่บ้านจนลืมไปหรือไม่ แต่ก็มิได้ใส่ใจ แล้วเอาเรื่องที่องค์ชายเย่ควรทำมาทำเองทั้งหมดในช่วงบ่าย เผยอวี้เสร็จภารกิจแล้วและวางแผนจะกลับบ้าน แต่ขณะที่เขาเดินออกมากำลังจะกลับบ้าน ก็มีขอทานคนหนึ่งเข้ามาขออาหารเผยอวี้กำลังจะหยิบเงินหนึ่งตำลึงออกจากแขนแล้วโยนให้เขาขอทานก็ชนเข้ากับเผยอวี้ เผยอวี้รู้สึกว่าเขาแตะหน้าอกของตน จึงผลักเขาออกไปโดยสัญชาตญาณ“ขอ
เมื่อเหลือบมองเมื่อครู่ นางก็เข้าใจภาษามือที่องค์ชายเย่ทำกับนางแล้วนี่คือชุดภาษามือที่หลิงอวี๋สอนให้กับองครักษ์ส่วนตัวของเซียวหลินเทียนเมื่อครั้งการแข่งขันทางทหารสี่แคว้น ใช้ส่งข้อความในยามที่มิสะดวกในการพูดข้อความที่องค์ชายเย่ส่งให้ตนเมื่อครู่... กับดัก ระวัง!ภายนอกหลิงอวี๋ดูสงบ แต่ในใจเดือดพล่านราวกับหม้อไฟองค์ชายเย่กับภรรยาตกอยู่ในอันตรายหรือ?แล้วอันตรายอะไรที่ทำให้องค์ชายเย่มิสะดวกที่จะบอกตนกัน?นางคิดถึงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นคนแรกตนอยู่ในวังได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยคิดจะทำร้ายตนก็มิสามารถทำได้มีเพียงการล่อตนออกไปเท่านั้นที่นางจะบรรลุเป้าหมายได้แล้วจะมีใครที่ทำให้บรรลุเป้าหมายนี้ได้ง่ายไปกว่าองค์ชายเย่!ดูจากเมื่อครู่ทันทีที่ตนได้ยินว่าเรื่องกับจูหลานก็จะออกจากวังทันที เห็นได้ชัดว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้คำนึงถึงปฏิกิริยาของตนไว้แล้วแต่ถึงแม้ว่าหลิงอวี๋จะรู้ว่าเป็นกับดัก แล้วนางจะมิไปได้หรือ?เมื่อครู่นางมิเพียงเห็นท่าทางขององค์ชายเย่ที่เตือนนางเท่านั้น แต่ยังเห็นแววตาที่เป็นกังวลและวิงวอนในดวงตาขององค์ชายเย่ด้วยจูหลานกับเสี่ยวเป่าต้องถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่
กระทั่งองค์ชายเย่กับจูหลานไปถึงหมู่บ้านซื่อผิง ถึงได้รู้ว่าเสี่ยวเป่ามิได้อยู่ที่หมู่บ้านและคนทั้งหมดในหมู่บ้านซื่อผิงก็ถูกแทนที่ด้วยคนแปลกหน้าแล้วเสี่ยวฮุ่ยก็ถอดหน้ากากออก ที่แท้นางมิใช่เสี่ยวฮุ่ยนางรับใช้ของจูหลานดังที่เคย ใบหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั้นเป็นใบหน้าที่จูหลานมิเคยเห็นมาก่อนจูหลานเห็นแล้วนอกจากตกใจก็ยังเสียใจมากขึ้นด้วย นางมิรู้เลยว่านางรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ เปลี่ยนคนไปแล้ว นี่คือความมิรอบคอบอย่างมาก!นางเสียใจอยู่ลึก ๆ วันนั้นมิควรใจอ่อน มิเช่นนั้นเสี่ยวเป่าคงมิถูกเสี่ยวฮุ่ยลักพาตัวไป“พวกเจ้าจับตัวลูกชายข้ามา คิดจะทำอะไรกันแน่?”องค์ชายเย่ตะคอกก่อนหน้านี้เขาใช้ชีวิตอย่างราบรื่น มิเคยเจอเรื่องเช่นนี้ จึงไม่มีประสบการณ์ในการจัดการ“ง่ายมาก ขอเพียงท่านเชื่อฟังและปฏิบัติตามแผนของเรา เสี่ยวเป่าของท่านก็จะกลับไปอยู่ข้างกายท่านอย่างปลอดภัย!”แม่นมหนาน ก็คือหนานฮุ่ยสาวงามที่เอาชีวิตหลิงเสียงกังกับหลิงหว่านมาข่มขู่นางซุนให้ใส่ร้ายหลิงอวี๋“พวกเจ้าจะให้องค์ชายของข้าไปทำอะไร?”จูหลานเป็นผู้ใหญ่มากกว่าองค์ชายเย่ นางกดองค์ชายเย่ลงแล้วเอ่ยถาม“ง่ายมาก แค่หาข้ออ้างหลอกล่
“องค์ชาย หากท่านมิทำตามคำสั่งของพวกเขา เสี่ยวเป่าก็จะตายเพคะ!”จูหลานร้องไห้แล้วเอ่ย “คราก่อนหมอบอกว่าหม่อมฉันมิสามารถมีลูกได้อีกแล้วมิใช่หรือ? เรามีเพียงลูกชายคนนี้เท่านั้น จะปล่อยให้เขาตายมิได้นะเพคะ!”องค์ชายเย่รู้สึกเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง หลังจากได้ยินคำพูดของจูหลานก็รู้สึกสับสนเล็กน้อยครั้งที่แล้วหลิงอวี๋บอกว่า จูหลานได้รับบาดเจ็บตอนที่ให้กำเนิดเสี่ยวเป่า ยังมีลูกมิได้ในตอนนี้ แต่มิได้บอกว่าจูหลานมิสามารถมีลูกได้อีกในภายภาคหน้า!ขณะที่เขากำลังคิดอยู่ ก็เห็นจูหลานขยิบตาให้เขาองค์ชายเย่กับจูหลานเป็นคู่รักกันมาตั้งแต่วัยเด็ก ใจสื่อถึงกัน จึงรู้ทันทีว่าจูหลานกำลังแสดงละครให้คนข้างนอกดู“มีลูกชายเพียงคนเดียวก็มิสามารถให้ข้าไปทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้ พวกเขาคิดจะหลอกล่อฮองเฮามาสังหาร!”องค์ชายเย่จงใจตะโกนด้วยความโกรธคนหนึ่งพยายามเกลี้ยกล่อม แต่อีกคนหนึ่งมิยอมอย่างดื้อรั้น พวกเขายื้อกันอยู่เป็นเวลานานหนานฮุ่ยอยู่ข้างนอกฟังแล้วก็ทนมิไหว พูดไปพูดมาก็วนอยู่มิกี่คำ แล้วจะมีแนวคิดใหม่ ๆ ได้หรือ?นางมั่นใจว่าสุดท้ายแล้วองค์ชายเย่จะไปทำตามคำสั่งของนาง จึงให้เสี่ยวฮุ่ยอยู่เฝ้าแล้วนา
สำหรับจูหลานและองค์ชายเย่แล้ว นี่เป็นตัวเลือกที่ยากยิ่งนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับจูหลาน เสี่ยวเป่าคือเลือดเนื้อของนางที่นางแลกมาด้วยชีวิตนางกับเสี่ยวเป่าอยู่ด้วยกันตลอดเวลา นางเป็นคนแรกที่ได้เห็นทุกการเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวเป่าการต้องให้เสี่ยวเป่าตายจะทำให้ใจนางแตกสลายอย่างมิต้องสงสัย!แต่จูหลานรู้ว่านางต้องเลือกที่จะปกป้องหลิงอวี๋มีเพียงการปกป้องหลิงอวี๋ไว้เท่านั้น ทุกคนจึงจะมีอนาคตได้องค์ชายคังสามารถโจมตีเด็กที่อายุน้อยเท่ากับเสี่ยวเปาได้อย่างโหดร้ายเช่นนี้ พวกเขาจะกล้ามอบชีวิตของตนไว้ในมือขององค์ชายคังได้อย่างไร!“องค์ชาย เราทำเช่นนี้เถิดเพคะ...”จูหลานกระซิบแผนการของนางที่หูขององค์ชายเย่ แล้วสุดท้ายก็เอ่ยอย่างหนักแน่น “พวกเขาให้ท่านไปหลอกล่อฮองเฮา ท่านก็ไป แล้วคิดหาวิธีเตือนพระนางว่ามีอันตราย!”“ฮองเฮาเป็นคนที่ปราดเปรื่องที่สุดที่หม่อมฉันเคยเห็นมา ท่านจะต้องมีวิธีช่วยเสี่ยวเป่าได้อย่างแน่นอน!”“องค์ชาย สิ่งนี้มิเพียงเกี่ยวข้องกับชีวิตคนในครอบครัวของเราเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนนับหมื่นนับพันคนด้วย หม่อมฉันเชื่อว่าท่านทำได้เพคะ!”องค์ชายเย่รู้สึกถึงความก
องค์ชายเย่กังวลว่าอาศัยท่าทางเพียงอย่างเดียว หากถึงยามสถานการณ์เร่งด่วน แล้วคนของแม่นมหนานจับตาดูอย่างใกล้ชิดเกินไป เขาจะไม่มีโอกาสเตือนหลิงอวี๋ล่วงหน้า!องค์ชายเย่อยากเขียนจดหมายเตือนหลิงอวี๋ แต่ค้นทั่วทั้งบ้านก็มิพบกระดาษหรือปากกา สุดท้ายก็เห็นถ่านชิ้นเล็ก ๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง จึงหยิบขึ้นมา ดูว่าพรุ่งนี้จะมีโอกาสหากระดาษได้หรือไม่ในที่สุดองค์ชายเย่ก็ฉวยโอกาสตอนเข้าห้องน้ำหากระดาษเจอแผ่นหนึ่ง เขากังวลว่าแม่นมหนานจะค้นตัวก่อนออกเดินทาง จึงมิได้เขียนอะไรวันรุ่งขึ้นขณะออกเดินทางจึงถือโอกาสขี่ม้ารีบเขียนข้อความลวก ๆกระทั่งตอนที่องครักษ์ทั้งสองที่เฝ้าดูเขาไปที่วังพร้อมกับเขา องค์ชายเย่เห็นขอทานอยู่ริมถนน เขาจึงหยิบกระดาษขึ้นมาแล้วใช้กำลังภายในโยนมันเข้าไปในอ้อมแขนของขอทานขอทานตกใจครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วก็เผยฟันเหลืองยิ้มและจะทักทาย องค์ชายเย่รีบส่งสายตาให้เขา อาศัยตอนที่องครักษ์มิเห็นปั้นกระดาษเป็นก้อนแล้วบอกไปว่า ‘เผยอวี้’ขอทานเหล่านี้หลายคนรู้จักองค์ชายเย่ เพราะจูหลานมักจะให้โจ๊กแก่พวกเขาและเมื่อมีงานก็จะแนะนำให้พวกเขาไปทำดังนั้นองค์ชายเย่จึงสามารถสั่งขอทานจำนวนมากในบร
แม้แต่องครักษ์สองคนนี้ชื่ออะไรองค์ชายเย่ก็มิรู้ด้วยซ้ำ แต่ก็ยังแสร้งทำเป็นยอมรับคำแนะนำของเถาจื่อ แล้วดุ “ประเดี๋ยวกลับไปพวกเจ้าไปรับโบยไม้กระดานใหญ่คนละยี่สิบไม้เสีย!”“ฮองเฮามีสถานะสูงส่ง มิใช่ว่าพวกเจ้าจะแอบมองได้…”ขณะที่องค์ชายเย่พูด ก็เห็นหลิงอวี๋กับหลิงซวนเดินออกจากป่าอย่างเงียบ ๆ แล้วเดินมาข้างหลังองครักษ์ทั้งสององค์ชายเย่ดุพวกเขาต่อไปอย่างให้ความร่วมมือ กระทั่งองครักษ์ทั้งสองรู้สึกถึงความผิดปกติและกำลังจะหันกลับไป หลิงอวี๋กับหลิงซวนก็ปิดปากและจมูกด้วยผ้าชุบยาสลบแล้วทั้งสองยังมิทันจะล้มลง เถาจื่อกับหานเหมยก็พุ่งเข้ามาลากองครักษ์ทั้งสองเข้าไปในป่าอย่างให้ความร่วมมือองค์ชายเย่ตกใจมาก องครักษ์ทั้งสองถูกหลิงอวี๋จัดการล้มลงไปอย่างง่ายดายเช่นนี้เลยหรือ?เขารีบนำม้าเข้าไปผูกในป่าแล้วตะโกนอย่างร้อนใจ “ฮองเฮา หลานหลานกับเสี่ยวเป่าถูกพวกหนานฮุ่ยขังไว้ที่หมู่บ้านซื่อผิง ในหมู่บ้านล้วนเป็นคนของพวกเขา ท่านจะพาตนเองเข้าไปในกับดักเช่นนี้มิได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมขอประทานอภัย พวกเขาบังคับให้กระหม่อมหลอกล่อท่านมา กระหม่อมเอาชนะมิได้แม้แต่แม่นมหนาน... กระหม่อมทำได้เพียงเชื่อฟังพวกเขา
“จ้าวหรุ่ยหรุ่ย?”องค์ชายเย่มิอยากจะเชื่อเลย เขาเคยเจอพี่สะใภ้สองผู้นี้มาก่อน นางดูอ่อนแอ จะเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าแม่นมหนานได้อย่างไร?“ข้าไม่มีเวลาอธิบายให้ฟังแล้ว เจ้าฟังข้าก่อน! นี่คือพระราชโองการ!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างจริงจัง“ฮองเฮา!”องค์ชายเย่มองท่าทางระมัดระวังของหลิงอวี๋ แล้วจู่ ๆ ดวงตาก็เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งหลิงอวี๋เชื่อใจตนเช่นนี้หรือ?น้ำเสียงของนางคาดการณ์ไว้แล้วว่า ไปครานี้ความเป็นความตายของนางจะมิแน่นอน แต่นางก็ยังมิลังเล รีบมาที่นี่เพื่อช่วยจูหลานกับเสี่ยวเป่า!ความกล้าหาญนี้ทำให้เขารู้สึกละอายใจในฐานะบุรุษ!“ฮองเฮาโปรดวางพระทัย กระหม่อมจะเฝ้าวังหลวงให้ดี รอองค์จักรพรรดิเสด็จกลับมาแล้วส่งมอบให้พระองค์พ่ะย่ะค่ะ!”องค์ชายเย่คุกเข่าลงแล้วเอ่ยอย่างดุร้าย “หากพิสูจน์ได้ว่าเรื่องนี้เป็นเพราะองค์ชายคังกับพระชายาคังตั้งใจจะทำการกบฏ กระหม่อมจะสังหารเขาด้วยมือของกระหม่อมเอง…”แก้แค้นให้ฮองเฮา!คำพูดข้างหลังองค์ชายเย่มิได้พูดออกมา เขาสาบานว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้น เขาสาบานว่าถึงตายก็ต้องปกป้องหลิงอวี๋ให้จงได้“ไปกันเถิด!”หลิงอวี๋เห็นว่าหานเหมยเ
“พี่อาอวี๋ เจ้าไปแล้วใครจะเล่นกับข้า? ใครจะดูแลข้า?”“พี่อาอวี๋ เจ้ายังเล่านิทานมิจบเลย! ข้ายังอยากฟังเจ้าเล่านิทานอีก!”คำเรียกพี่อาอวี๋ก็ออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้หลิงอวี๋รู้สึกแสบจมูก ทำอะไรมิถูกนางเองก็ทำใจจากหวงฝู่หมิงจูมิได้เช่นกัน แต่วังเทพแห่งนี้มิใช่ที่ที่นางควรอยู่ นางยังต้องไปตามหาน้องสาวของตน!“พี่… อาอวี๋… อย่าไป!”หวงฝู่หมิงจูร้องไห้อย่างใจสลาย น้ำเสียงก็ขาด ๆ หาย ๆ กอดขาหลิงอวี๋ไว้แน่นมิยอมปล่อยมือหวงฝู่หลินทั้งปวดใจทั้งอิจฉา ตนเลี้ยงดูหวงฝู่หมิงจูเติบโตมา หวงฝู่หมิงจูล้วนไม่มีใจที่จะสนใจผู้ใด เมื่อใดกันที่สนใจคนคนหนึ่งถึงเพียงนี้!ท่านน้าหลินเองก็สีหน้ามิสู้ดีเช่นกัน นางก้าวไปข้างหน้าและพยายามดึงหวงฝู่หมิงจูออกพลางเตือนอย่างแสร้งทำดี“หมิงจู เจ้าได้ยินที่อาอวี๋บอกว่านางต้องไปตามหาน้องสาวแล้วหรือไม่? น้องสาวของนางเป็นญาติของนาง เจ้าให้นางไปตามหาน้องสาวนางเถิด!”“ท่านออกไป!”หวงฝู่หมิงจูหันหน้าไปมองท่านน้าหลินด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว แล้วตะโกนอย่างมิพอใจอย่างมาก “สตรีสารเลว เป็นเพราะท่านจะตีพี่อาอวี๋จึงบีบให้นางต้องไป!”“ท่านออกไปเสีย ที่นี่มิใช่บ้านของท่าน ข้ามิต้
“ผู้ใดกล้าตีพี่อาอวี๋”“ก็ต้องตีข้าด้วย!”หวงฝู่หมิงจูตะคอกใส่ท่านน้าหลินอย่างโมโห “ข้ายินดีให้พี่อาอวี๋ดูแลข้า… ข้าแค่มิต้อนรับแขกเช่นท่าน!”“ท่านไปเสียเถิด! ข้ามิอยากให้ท่านมาเป็นแขกของตำหนักรุ่ยจู! ข้ามิยินดีให้ท่านกินเกี๊ยวที่พี่อาอวี๋ทำ!”“พวกเจ้าหากผู้ใดกล้ารังแกพี่อาอวี๋ก็คือการรังแกข้า!”“ท่านพ่อ หากท่านกล้าให้พวกนางตีพี่อาอวี๋ ข้าเองก็มิต้องการท่านแล้ว ท่านออกไปพร้อมกับพวกนางเลย!”“ฮือ ๆ ถึงอย่างไรท่านก็มิค่อนอยู่บ้านอยู่แล้ว ข้าถูกรังแกท่านก็มิสนใจ ข้ามีพี่อาอวี๋ก็เพียงพอแล้ว!”หวงฝู่หมิงจูพูดแล้วก็หันไปกอดขาของหลิงอวี๋ไว้แล้วร้องไห้ออกมายกใหญ่ท่าทีเช่นนี้ของหวงฝู่หมิงจูทำเอาท่านน้าหลินไปมิเป็น สีหน้าของนางก็ดูแย่ลงอย่างกระอักกระอ่วนหวงฝู่หลินจึงรีบเอ่ยอย่างปวดใจ “หมิงจูอย่าร้องนะ พ่อมิได้บอกว่าจะตีอาอวี๋ เจ้าอย่าได้โกรธเลย! ระวังโกรธแล้วจะเสียสุขภาพเอาได้!”เขาเดินเข้าไปจะปลอบใจหวงฝู่หมิงจู แต่หวงฝู่หมิงจูมิไว้หน้าเขา ซุกหัวอยู่กับขาของหลิงอวี๋แล้วร้องไห้ต่อหลิงอวี๋หมดคำพูด แม้ว่าหวงฝู่หมิงจูจะกำลังร้องได้ แต่อาอวี๋รู้จักนางดี เด็กน้อยผู้นี้ร้องไห้จริงเสียที่ไห
“พี่อาอวี๋ นี่มานี่สิ!”หวงฝู่หมิงจูเห็นหลิงอวี๋ยืนอยู่ด้านข้างจึงวิ่งไปดึงนางมา“ท่านพ่อ เกี๊ยวที่พี่อาอวี๋ทำอร่อยนะเพคะ เป็นเกี๊ยวที่อร่อยที่สุดที่ข้าเคยกินมาเลย!”“แล้วนางก็ทำอาหารอร่อย ๆ ได้หลากหลายด้วยเพคะ...”“อีกทั้งพี่อาอวี๋ก็เล่านิทานได้ นางเล่าเรื่องผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าได้สุดยอดไปเลย!”หวงฝู่หมิงจูพูดชื่นชมหลิงอวี๋ให้หวงฝู่หลินฟังอย่างตื่นเต้นหวงฝู่หลินยังมิได้มีท่าทีใด ๆ สำหรับเขาแล้วการที่ทาสทำดีกับหวงฝู่หมิงจูก็เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้วแต่สีหน้าของท่านน้าหลินดูแย่อย่างถึงที่สุด หวงฝู่หมิงจูเอาแต่พูดว่าหลิงอวี๋ดีอย่างนั้นอย่างนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นหวงฝู่หมิงจูชมใครเช่นนี้ปกติแล้วตนดูแลหวงฝู่หมิงจูเป็นอย่างดี ซื้ออาหารซื้ออาภรณ์ให้นาง แต่ก็มิเห็นหวงฝู่หมิงจูจะชมตนเช่นนี้เลยดังนั้น แม้ว่าหลิงอวี๋จะมีรอยแผลอยู่เต็มหน้า ท่านน้าหลินก็ระวังตัวขึ้นมาในทันทีหวงฝู่หลินเป็นหมอชั้นเซียน รอยแผลบนในหน้าของหลิงอวี๋นั้น ขอเพียงหวงฝู่หลินอยากจะรักษาก็สามารถสกัดยาออกมาให้หลิงอวี๋ฟื้นคืนใบหน้าได้สตรีผู้นี้เก็บไว้มิได้แล้ว!“หมิงจู พ่อรู้แล้ว พ่อจะขอบคุณอาอวี๋อย่างดี!”
ตำหนักรุ่ยจูของหวงฝู่หมิงจูยังคงปิดอยู่ แต่เห็นได้ชัดว่าหวงฝู่หมิงจูดีขึ้นแล้วนางมิได้มีไข้แล้ว และตุ่มน้ำก็ตกสะเก็ดแล้วด้วยหลิงอวี๋มิยอมให้นางใช้มือเกาแล้วบอกว่ามันจะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ หวงฝู่หมิงจูจึงเชื่อฟังเป็นอย่างดีนางรู้ว่าหลิงอวี๋ทำเพราะหวังดีกับตน อีกทั้งนางเองก็มิอยากให้ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ขาวสะอาดมีรอยแผลเป็นด้วยในทุกวันเมื่อหลิงอวี๋มีเวลาก็จะมาเล่านิทานให้นางฟัง ทั้งยังเปลี่ยนอาหารประเภทต่าง ๆ ให้นางกินด้วยหวงฝู่หมิงจูรู้สึกว่านอกจากพ่อของตนแล้ว คนที่นางชอบที่สุดก็คือหลิงอวี๋ในวันนี้ หลิงอวี๋ก็ห่อเกี๊ยวให้หวงฝู่หมิงจูอีก หวงฝู่หมิงจูก็ยืนมองตาปริบ ๆ อยู่ในครัวแล้วจู่ ๆ ปี้เอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามาตะโกนอย่างดีใจและลุกลน “เจ้าวังน้อยเพคะ เจ้าวังกลับมาแล้ว มาถึงหน้าประตูแล้วเพคะ!”“ท่านพ่อข้ากลับมาแล้ว!”หวงฝู่หมิงจูตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นทันที เกี๊ยวก็มิอยากกินแล้ว นางหันหลังแล้ววิ่งออกไปข้างนอกหลิงอวี๋ยังมิเคยเห็นเจ้าวังผู้ลึกลับคนนี้มาก่อน จึงรีบล้างมือแล้วเดินตามออกไปเมื่อมาถึงที่โถงใหญ่ก็เห็นท่านน้าหลินเดินเข้ามาพร้อมกับบุรุษรูปงามที่ดูมีอำนาจมากผู้หนึ่งบุ
อะไรนะ?ทั้งเฉียวไป๋และลุงเฉียวตางก็ตกใจมากในความของพวกเขา หลิงอวี๋มิใช่คนแดนเทพ แม้ว่านางจะได้รับหยกหล้าสุขาวดีมาก็มิสามารถใช้ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่จากมันได้ ระดับพลังการบำเพ็ญของนางจะสูงถึงขั้นที่สามารถสังหารเฉียวเค่อได้อย่างไร?แต่เมื่อเห็นสภาพของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแล้ว พวกเขามิเชื่อก็ต้องเชื่อพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยู่เหนือกว่าเฉียวเค่อ นางไปถึงดินแดนที่หกนานแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งอยู่ในดินแดนที่สี่เฉียวไป๋กับลุงสามตระกูลเฉียวต่างก็มิรู้ว่า หลิงอวี๋ทำลายตันเถียนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยไปแล้ว หลังจากได้ฟังคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็คิดไปจริง ๆ ว่าหลิงอวี๋ได้ชิงพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่อไป“นางสารเลวผู้นี้ นางอยู่ที่ใด ข้าจะต้องตามหาและสังหารนางให้ได้!”หัวใจของเฉียวไป๋ราวกับมีมีดมากรีด ก่อนหน้านี้คำทำนายของลุงสามตระกูลเฉียวบอกว่า เฉียวเค่อตายไปแล้ว เขาก็เชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง หวังว่าคำทำนายของลุงสามจะผิดพลาดแต่ตอนนี้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยืนยันการตายของเฉียวเค่อ ความหวังของเขาพังทลายลงไปแล้ว“ศพพี่ชายข้าอยู่ที่ใด? ข้าจะต้องตามหาเขาแล้วพาเขากลับมาฝังอย่างสงบ...”เฉียวไป๋สะอื้นไห้แม้ว่าเฉียวเค่
ชิงพลังไปหรือ?เช่นนั้นหลิงอวี๋จะมิเป็นดังเช่นเมื่อก่อนที่ไม่มีความสามารถที่จะป้องกันตัวแล้วต้องยอมให้คนอื่นรักแกหรือ?ความกังวลของเซียวหลินเทียนกัมีมากกว่าฉินซานนัก เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ตามที่หานเหมยบอกมา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับอาอวี๋ก็แยกจากกันไปแล้ว ศิษย์พี่ที่ช่วยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับหานเหมยก็คือเฉียวเค่อ!”“แต่เมื่อวานเผยอวี้ไปสืบมา เฉียวเค่อตายแล้ว แล้วใครเป็นคนสังหารเฉียวเค่อเล่า?”“หรือจะเป็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ย?”ฉินซานก็วิเคราะห์ตามไปด้วยเช่นกัน แต่รู้สึกว่าความคิดของตนนั้นเหลวไหลเกินไปเฉียวเค่อเป็นศิษย์พี่ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะสังหารเขาได้อย่างไรกัน!ยิ่งไปกว่านั้น ระดับของเฉียวเค่อก็สูงมาก คนธรรมดาไม่มีทางที่จะสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย!“หรือจะเป็นเย่หรง?”เซียวหลินเทียนนึกถึงเย่หรงที่ติดตามจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่ออยู่เช่นกัน ดังนั้นจึงพูดชื่อของเขาออกมาโดยมิรู้ตัว“ก็เป็นไปได้!”ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น ขันทีโม่ก็พาหานเหมยกลับมาหานเหมยดูท่าทางอ่อนแอ เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนก็คุกเข่าลง“ฝ่าบาท บ่าวมิได้ปกป้องฮองเฮาให้ดี ฝ่าบาทโปรดลงโทษบ่าวเถิดเพคะ!”“เจ้
เซียวหลินเทียน ฉินซานและขันทีโม่นำเกวียนทาสหญิงกลับมาที่โรงเตี๊ยมทาสคุนหลุนผู้นั้นซื่อสัตย์มาก ฉินซานบอกว่า เซียวหลินเทียนเป็นเจ้านายของเขา จากนั้นเขาก็ติดตามเซียวหลินเทียนมิยอมห่างเซียวหลินเทียนเห็นว่าเขาแข็งแกร่งราวกับหอคอยเหล็ก จึงตั้งชื่อให้เขาว่าเถี่ยจู้กระทั่งกลับมาถึงโรงเตี๊ยม เถ้าแก่จูก็บอกว่า มีสตรีสองคนมาหาพวกเขา แล้วบอกว่าเป็นคนคุ้นเคยของพวกเขาเถ้าแก่จูจัดห้องให้สตรีทั้งสองคนเป็นการชั่วคราวเมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนกลับมาแล้ว เถ้าแก่จูจึงให้เสี่ยวเอ้อร์ไปแจ้งสตรีทั้งสองคนผลก็คือคนที่มาคือเถาจื่อกับหานอวี้นั่นเอง“หานอวี้ เจอพี่หญิงของเจ้าแล้วนะ!”ฉินซานเอ่ยอย่างตื่นเต้น“อยู่ที่ใด!” หานอวี้ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น“เจ้ารอสักครู่ ข้าจะไปพานางมา!”ฉินซานรีบเดินออกไป แต่หานอวี้รอมิไหวแล้วจึงรีบตามฉินซานไปที่เรือน แล้วก็เห็นทาสหญิงถูกขังอยู่ในเกวียนหานอวี้มิได้สนใจถามฉินซานว่าทาสหญิงเหล่านี้มาจากที่ใด นางรีบเปิดประตูเกวียนนั้นแล้วดึงพวกนางออกมาทีละคนหานเหมยถูกดึงลงมา แล้วหานอวี้ก็กอดนางอย่างตื่นเต้น “พี่หญิง ในที่สุดข้าก็พบเจ้าแล้ว! เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ช่างดี
การกระทำนี้ของเซียวหลินเทียนทำให้เก๋อเฟิ่งฉิงถอนหายใจโล่งอก ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่าจะยอมลดทิฐิลงขอร้องให้เซียวหลินเทียนช่วยเหลือ ไหนเลยจะคิดว่า มิต้องให้ตนเอ่ยปากเซียวหลินเทียนช่วยเหลือแล้วในใจของเก๋อเฟิ่งฉิงเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง มิรู้สึกอยากแข่งขันกับเซียวหลินเทียนอีกต่อไปแล้วนางพยักหน้าให้เซียวหลินเทียนเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาเรียบ ๆ “ในเมื่อคุณชายผู้นี้ซื้อทาสหญิงเหล่านี้ด้วยความจริงใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะมิสู้กับท่านอีก!”หม่าเฉียงเห็นเช่นนี้ก็พอใจแล้ว และแทบจะรอมิไหวที่จะลากฉินซานไปดำเนินการซื้อขายกันป้าวเฉิงมองเซียวหลินเทียนแล้วพาคนของตนเดินออกไปเขามองออกว่า เซียวหลินเทียนมิใช่คนธรรมดา แต่ตราบใดที่รับรองว่าตนจะได้ส่วนแบ่งทางการค้า เขาก็จะมิสนใจว่าเซียวหลินเทียนเป็นใครขันทีโม่ใช้เงินห้าร้อยตำลึงไปซื้อตัวทาสหญิงที่เชี่ยวชาญเรื่องการติดตามและทาสคุนหลุนที่มีพลังมากมาหม่าเฉียงมอบให้ฉินซานแม้กระทั่งเกวียน ฉินซานเห็นว่าคนตระกูลเก๋อยังมิไป จึงมิยอมปล่อยหานเหมยออกมา เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ดึงดูดความสนใจของคนตระกูลเก๋อเซียวหลินเทียนยังต้องการถามคำถามหม่าเฉีย
หลังจากเสียงนั้น คนที่มุงกันอยู่เหล่านั้นก็หลีกทางให้โดยมิรู้ตัว แล้วกลุ่มคนที่มาก็เผยตัว...เซียวหลินเทียนก็มองไปเช่นกัน แล้วก็เห็นว่าคนที่นำมาเป็นบุรุษอายุประมาณห้าสิบปี รูปร่างสูง แขนทั้งสองข้างที่เผยออกมานั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ บนนั้นมีห่วงทองคำทองรูปสัตว์ประหลาดคล้องอยู่สองห่วงด้วย“ท่านป้าว!”มีคนจากในฝูงชนนั้นตะโกนขึ้นมาเซียวหลินเทียนรู้ทันทีว่า คนผู้นี้คือป้าวเฉิงเจ้าถิ่นตลาดซื้อขายทาสแห่งนี้ป้าวเฉิงเดินเข้ามาโดยที่ลูกน้องของคนล้อมรอบอยู่ เขาสูงกว่าเซียวหลินเทียนไปครึ่งหัว เขามองเซียวหลินเทียนแล้วมองเก๋อเฟิ่งฉิง จากนั้นก็ยิ้มเย็นชา“การประมูลก็มีกฎเกณฑ์ของการประมูล ท่านสองคนรู้หรือไม่ว่า ต่อให้ตะโกนเสนอราคาสูงแค่ไหน หากตอนที่ส่งมอบจริงแล้วจ่ายมิได้จะโดนลงโทษอย่างไร?”ในเมื่อป้าวเฉิงเป็นเจ้าถิ่นลานประมูลแห่งนี้ เขาจึงมิยอมให้ใครมาสร้างปัญหาในถิ่นของตนเมื่อครู่เขาเห็นจากด้านบนว่า คนในลานประมูลมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ก็กังวลว่าสองคนนี้จะมาสร้างปัญหา เขาจึงลงมาดู“หากจ่ายมิได้ ท่านจะต้องอยู่ที่ลานประมูลนี้และต้องนำเงินจำนวนสามเท่าจากที่เสนอราคามาไถ่ตัว!”ผู้ค้ามนุษย์คนห