ฮูหยินสือได้ยินว่า แม่ทัพสือมาถึงก็สีหน้าเปลี่ยน หลิงอวี๋จึงจับร่างที่ตื่นตระหนกจนอยากจะหนีของนางไว้ แล้วยิ้มพลางเอ่ย “อยู่เถิด!”หลังจากนั้นมินาน แม่ทัพสือก็ถูกขันทีน้อยเซี่ยพาเข้ามา เมื่อเขาเห็นฮูหยินสือ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีแม่ทัพสือคิดว่าฮูหยินสือถูกหลิงอวี๋สั่งให้คนพามา เพื่อลงโทษพวกเขาทั้งคู่ด้วยกัน เขาจึงคุกเข่าลงทันที แล้วเอ่ยเสียงดัง“ฮองเฮา กระหม่อมรับตั๋วเงินสองแสนมาจากองค์ชายคัง แต่นี่มิใช่เจตนาเดิมของกระหม่อม กระหม่อมแค่ปฏิเสธมิได้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ...”เขาหยิบตั๋วเงินออกมาแล้วยื่นให้ด้วยมือทั้งสองข้าง พลางเอ่ยอย่างตัดสินใจเด็ดขาด “ฮองเฮา กระหม่อมซื่อตรงมาทั้งชีวิต ในเมื่อสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิ ก็จะไม่มีทางคิดคดทรยศพ่ะย่ะค่ะ!”“หากฮองเฮามิทรงเชื่อ กระหม่อมจะใช้ชีวิตแลกกับการแสดงเจตจำนงพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋ยิ้มออกมาทันที มิแปลกที่ฮูหยินสือจะกังวล แม่ทัพสือผู้นี้ตรงไปตรงมาและหัวโบราณจริง ๆ!เรื่องนี้ยังมิได้อธิบายชัดเจน ก็คิดจะใช้ความตายแสดงเจตจำนงเสียแล้ว เขาคิดว่าตนมีหลายชีวิตหรืออย่างไร?“แม่ทัพสือลุกขึ้นเถิด!”หลิงอวี๋ดันฮูหยินสือให้นางไปพยุงแ
ที่หลิงเสียงกังคุกเข่าลงมิใช่เพราะตนไร้ความสามารถ แต่เพราะรู้สึกผิดที่ทำให้สือเจี๋ยและชีวิตอีกนับพันเหล่านั้นต้องตายไป“แม่ทัพสือ เจ้าฆ่าข้าเถิด! หากสิ่งนี้สามารถบรรเทาความโกรธของเจ้าได้ แม้เจ้าจะฟันข้าเป็นชิ้น ๆ ข้าก็จะมิโกรธเคืองเจ้า!”“ข้าเองก็อยากจะปลิดชีพตัวข้าเองเช่นกัน แต่ข้ามิอาจตายได้! ข้ายังอยากล้างแค้นให้สือเจี๋ยและชีวิตนับพันเหล่านั้น…”“หากมิให้คำอธิบายแก่พวกเขา ข้าก็คงตายตามิหลับ!”หลิงเสียงกังบอกแม่ทัพสือถึงข้อสงสัยที่ตนค้นพบ แม่ทัพสือเองก็รู้สึกว่าหลิงเสียงกังมิได้แก้ตัว จึงปล่อยหลิงเสียงกังไปนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาแม่ทัพสือก็ทำการสืบสวนอย่างลับ ๆ แต่กำลังคนของเขามีจำกัด สืบสวนไปมาก็พบข้อมูลเพียงผิวเผินเท่านั้นเมื่อหลิงอวี๋พูดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้ แม่ทัพสือก็สนใจขึ้นมา หลิงอวี๋เป็นหลานสาวของหลิงเสียงกัง หรือว่านางคิดจะพลิกคดีเพื่อหลิงเสียงกัง?เช่นนั้นความอยุติธรรมของน้องชายตนก็มีความหวังแล้วใช่หรือไม่?“ฮองเฮาทรงเรียกกระหม่อมเข้าวัง หรือว่าท่านจะประสงค์เริ่มสอบสวนคดีนี้อีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ?”แม่ทัพสือมองไปทางหลิงอวี๋อย่างเต็มไปด้วยความหวังหลิงอวี๋พยักหน้า “มิใ
นี่คือภารกิจที่แบกรับดวงวิญญาณที่จากไปอย่างอยุติธรรมนับพันดวงว่าจะเรียกร้องความยุติธรรมให้ได้หรือไม่ แม่ทัพสือรู้สึกกดดัน แต่ก็ยังเอ่ยเสียงเรียบ“กระหม่อมสาบานว่าจะหาหลักฐานกระทำผิดขององค์ชายคังมาให้ได้โดยเร็วที่สุด จะทำภารกิจที่ฮองเฮาทรงมอบหมายให้สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม สองวันนี้ท่านมิต้องเข้าประจำการ ไปสอบสวนเป็นการส่วนตัวเถิด!”สายตาของหลิงอวี๋มองอยู่ที่ตั๋วเงินของแม่ทัพสือ ดวงตาเป็นประกาย แล้วมองไปทางแม่ทัพสือด้วยรอยยิ้ม “แม่ทัพสือ ท่านรู้จักกลยุทธ์ไส้ศึกหรือไม่?”แม่ทัพสือมองไปทางหลิงอวี๋อย่างสับสน มิรู้ว่าเหตุใดนางจึงถามเช่นนี้“องค์ชายคังเอาตั๋วเงินออกมาเพื่อจะซื้อตัวท่าน มิใช่เพราะต้องการให้ท่านเป็นสายลับ ทำให้ข้าอับอายหรือลอบสังหารข้าหรอกหรือ?”หลิงอวี๋ยิ้มอย่างดูถูก “ท่านก็ทนความคับข้องใจสักหน่อย แสร้งทำเป็นกระทบกระทั่งกับข้าแล้วถูกรังเกียจ ก็เลยท้อแท้แล้วเกิดความขุ่นเคืองในใจ!”“เช่นนี้องค์ชายคังก็จะเชื่อใจท่านได้มากขึ้น และเปิดเผยแผนการของเขากับท่านมากขึ้น!”แม่ทัพสือเข้าใจทันที ความคิดของเขาก็ประมวลผลอย่างรวดเร็วนี่ฮองเฮาให้ตนไปเป็นสายลับ หาจุดประสงค์ขององค์ชายคัง
ข่าวที่แม่ทัพสือเข้าไปในวังแล้วกระทบกระทั่งกับหลิงอวี๋ จนถูกหลิงอวี๋ลงโทษให้คุกเข่าอยู่เป็นเวลาสองชั่วยามแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วในราชสำนักวันรุ่งขึ้นแม่ทัพสือโกรธเพราะเรื่องนี้ จึงใช้ข้ออ้างว่ามิสบายพักฟื้นอยู่ที่บ้านหลิงอวี๋ก็เลื่อนให้รองผู้บัญชาการหลี่เจิ้นมาดูแลกองทัพหลวงเป็นการชั่วคราวทันทีส่วนแม่ทัพสือคืนนั้นก็ไปดื่มจนเมาอยู่ที่ภัตตาคาร สุดท้ายก็ถูกฮูหยินสือมารับตัวกลับไป วันรุ่งขึ้นก็มีรายงานว่าฮูหยินสือพาแม่ทัพสือออกไปข้างนอกเพื่อคลายความกังวลในใจของเขาหลี่ว์เซียงมิรู้เรื่องจึงไปเกลี้ยกล่อมหลิงอวี๋หลิงอวี๋จึงเล่าเรื่องเบี้ยหวัดทหารให้เขาฟัง แล้วสุดท้ายก็ยิ้มพลางเอ่ย “แม่ทัพสือแค่ให้ความร่วมมือแสดงละครกับข้า ท่านมิต้องกังวล รอเขาสอบสวนเรื่องเบี้ยหวัดทหารแน่ชัดแล้วเขาจะกลับมา!”หลี่ว์เซียงจึงได้วางใจ ทว่าก็เป็นกังวลแทนหลิงอวี๋อยู่ดี หากไปแตะต้ององค์ชายคังแล้วพวกของจ้าวฮุยจะยืนดูอยู่นิ่ง ๆ ได้หรือ?หลิงอวี๋แค่ดูแลเรื่องบ้านเมืองเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่องค์ชายคังเป็นองค์ชาย หลิงอวี๋มิสามารถตัดสินประหารเขาโดยพลการได้!“ฮองเฮา หลายปีมานี้ตระกูลจ้าวรวมถึงองค์ชายคังได้รวบรว
หลังจากไล่ตามมาตลอดหลายสิบลี้ องค์ชายคังก็ตามหัวหน้าหมู่บ้านทันที่เส้นทางภูเขาองค์ชายคังโกรธมาก รีบกวดม้าไปข้างหน้าแล้วขวางกั้นเส้นทางภูเขาอย่างโกรธเกรี้ยว“สารเลว เจ้ากล้ายักยอกเงินของข้า เจ้าคิดว่าชีวิตยืนยาวเกินไปรึ?”หัวหน้าหมู่บ้านมีความทุกข์ที่มิอาจพูดออกมาได้ เมื่อธนูยิงออกไปแล้วมิอาจย้อนกลับได้ เพื่อครอบครัวของตน เขาทำได้เพียงทำตามที่แม่ทัพสือสั่งเท่านั้น“องค์ชาย เงินนี้เป็นเงินที่ท่านได้มาจากการปล้นเบี้ยหวัดทหาร เงินนี้ได้มาโดยมิชอบ ผู้ที่มีส่วนร่วมก็มีสิทธิ์ได้ กระหม่อมเอามาสักหน่อยแล้วจะเป็นอย่างไรเล่า!”หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยด้วยน้ำเสียงไร้ยางอาย “องค์ชาย ท่านอย่าได้ลืมว่าในช่วงหลายปีมานี้ล้วนเป็นกระหม่อมที่ช่วยท่านรักษาเบี้ยหวัดทหารไว้ กระหม่อมเสี่ยงชีวิตทำงานให้กับท่าน แต่ท่านกลับให้เงินมิกี่ร้อยตำลึงก็คิดจะไล่กระหม่อมแล้วหรือ?”“สารเลว!”องค์ชายคังโกรธมากจนเสียสติแล้วตะคอกออกไป “เจ้าเป็นเพียงทาสก็ควรรับใช้ข้าแล้ว! ให้เจ้าแค่มิกี่ร้อยตำลึงก็เพียงพอแล้ว เจ้ายังต้องการอีกเท่าใด?”หัวหน้าหมู่บ้านยิ้มพลางเอ่ย “เบี้ยหวัดทหารสองล้าน นี่มิใช่จำนวนน้อย หากถูกพบเข้า ครอบครั
“ยอมให้จับแต่โดยดี คนชั้นต่ำเช่นเจ้าคิดจะจัดการกับข้ารึ? ฮ่า ๆ ๆ ...”องค์ชายคังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาจะยอมให้จับแต่โดยดีได้อย่างไร หากถูกหลิงอวี๋พากลับไป เขาไม่มีทางหนีพ้นจากความตายเป็นแน่เดิมทีเขาก็มีความตั้งใจที่จะสังหารหลิงอวี๋อยู่แล้ว และบัดนี้ก็ตั้งใจแน่วแน่ที่จะสังหารหลิงอวี๋มากกว่าเดิมเขามั่นใจว่าแม่ทัพสือรับเงินของตนไปแล้วก็คือคนของตน มีแม่ทัพสือร่วมมือกับตน หลิงอวี๋จะยังสามารถหนีไปได้อีกหรือ?เส้นทางภูเขานี้ข้างหน้าก็ไม่มีหมู่บ้าน ข้างหลังก็ไม่มีร้านค้า หากสังหารหลิงอวี๋แล้วก็โยนความผิดให้พวกโจรบนภูเขาไปถึงเวลานั้นแม้ว่าพวกหลี่ว์เซียงจะสงสัยว่าการตายของหลิงอวี๋ผิดปกติ ทว่าจะมีผู้ใดชี้ตัวมาที่เขาได้เล่า!“คนชั้นต่ำ แม้จะถูกเจ้าจับได้พร้อมหลักฐานแล้วอย่างไร?”องค์ชายคังเอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง “วันนี้เป็นวันตายของเจ้า เจ้าไปจัดการข้าในใต้ดินก็แล้วกัน!”“ฆ่านาง! ผู้ใดที่สังหารหลิงอวี๋ได้ ข้าจะตกรางวัลให้หนึ่งแสนตำลึง!”ทหารเหล่านั้นต่างก็มองหน้ากันไปมา องค์ชายคังโกรธจนบ้าไปแล้วหรือ?มิเห็นพลธนูที่จ้องมองพวกเขาอยู่มากมายถึงเพียงนั้นหรือไร?ขอเพียงพวกเขาเคลื่อนไหว ก็จะถู
ขุนนางพรรคพวกองค์ชายคังต่างก็ก่นด่าองค์ชายคังอยู่ในใจว่าเป็นหมูโง่!หลิงอวี๋มิได้ไต่สวนคดีนี้ด้วยซ้ำ เขาก็สารภาพทุกอย่างออกมาและยอมรับเรื่องที่ปล้นเบี้ยหวัดทหารรวมถึงสังหารทหารเหล่านั้นด้วยอีกทั้งยังจะสังหารหลิงอวี๋ปิดปากเขาต่อหน้าขุนนางจำนวนมากอีก!สติปัญญาขององค์ชายคังช่างน่ากังวลนัก!มิแปลกที่ชิงไหวชิงพริบกับหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็มักจะพ่ายแพ้!องค์ชายเย่มององค์ชายคังอย่างโมโห เขาไม่มีหน้าจะขอร้องให้องค์ชายคังแล้วนั่นมิใช่หนึ่งหรือสองชีวิต นั่นเป็นพันชีวิตเชียวนะ!หัวหน้าหมู่บ้านพูดถูก ในสายตาขององค์ชายคัง ชีวิตนับพันนี้ก็คือต้นหญ้า มิฉะนั้นหากมีความเป็นมนุษย์เสียหน่อย ผู้ใดจะทำเรื่องที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ได้?การแก้ตัวและตอบโต้ขององค์ชายคังทำให้องค์ชายเย่รู้สึกละอายกล้าทำมิกล้ารับ นี่ยังเป็นบุรุษอยู่หรือไม่?คนเช่นนี้ยังต้องการจะเป็นจักรพรรดิ โชคดีที่เสด็จพ่อทรงปราดเปรื่อง มิฉะนั้นหากมอบบัลลังก์ให้องค์ชายคังก็จะเป็นหายนะครั้งใหญ่ที่สุดของฉินตะวันตกเลยทีเดียว!องค์ชายคังเห็นคนมากมายจ้องมองตนเช่นนั้นก็ตะลึงไปนั่นมิใช่รถม้าที่ขนย้ายเบี้ยหวัดทหารหรอก
หลิงอวี๋มิเพียงแต่ปิดปากขุนนางเหล่านี้เท่านั้น เมื่อกลับไปถึงเมืองหลวง ยังให้ท่านกวนเอ้อร์ส่งคนไปปะปนกับฝูงชน แล้วกระจายข่าวเรื่องการปล้นเบี้ยหวัดทหารขององค์ชายคังอีกด้วยกระทั่งองค์ชายคังถูกพาตัวกลับเมืองหลวง คนมากมายได้เห็นภาพนี้ด้วยตาตนเองก็ล้วนเชื่อว่าองค์ชายคังได้ทำเรื่องที่โหดร้ายเช่นนี้จริง ๆราษฎรนับมิถ้วนต่างขว้างปาขยะ ใบผักเน่าและไข่เน่าไปที่รถม้าที่องค์ชายคังนั่งมา พร้อมทั้งก่นด่าว่าความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งขององค์ชายคังนั้นมาจากเลือกเนื้อของราษฎรบางคนนึกถึงสินสอดที่ทอดยาวไปตามถนนหลายสายครั้นเมื่อองค์ชายคังแต่งงานกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ก็ต่างมีการคาดเดาไปต่าง ๆ นานา“องค์ชายคังจะต้องมิได้ทำเพียงแค่เรื่องที่ปล้นเบี้ยหวัดทหารเป็นแน่ มิเช่นนั้นเขาจะนำสินสอดมากมายถึงเพียงนั้นมาให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้อย่างไร!”“ตรวจสอบ ต้องตรวจสอบ… เราไปร้องเรียนที่ศาลาว่าการกันเถิด!”พ่อค้าและผู้คนบางส่วนที่ถูกองค์ชายคังกับตระกูลจ้าวรังแกก่อนหน้านี้ก็นึกเชื่อมโยงขั้นมา แล้วรีบไปร้องเรียนที่ศาลาว่าการและบางคนก็พุ่งไปที่ตำหนักองค์ชายคัง อยากจะเข้าไปค้นหาหลิงอวี๋คาดการณ์ปฏิกิริยาของราษฎรไว้แล
หลิงอวี๋ยิ้มออกมา ต่อให้นางใจดีแค่ไหนก็มีขอบเขตของตน ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นกับดักแล้วตนจะพาตัวเองเข้าไปได้อย่างไรกัน!หากตนรู้จักฮูหยินเฉิง บางทีอาจจะเสี่ยงไปช่วยชีวิตนาง!แต่ตนกับฮูหยินเฉิงมิได้รู้จักกัน มิรู้ด้วยซ้ำว่านางเป็นคนดีหรือคนเลวแม้ว่าจะเห็นใจฮูหยินเฉิงที่ต้องประสบความทรมานของการเจ็บป่วย แต่นางก็มิใช่แม่พระ มิสามารถไปช่วยชีวิตทุกคนที่เจ็บป่วยได้หรอก!หลิงอวี๋ครุ่นคิดแล้วเอ่ยกับเย่หรง “ในช่วงสองวันนี้ท่านคอยติดตามอาการป่วยของฮูหยินเฉิงไว้ และไปตรวจสอบตัวตนของแม่ทัพเฉิงให้ละเอียดอีกสักหน่อย!”“หากเขาสามารถเป็นสายลับให้ท่านไปช่วยมารดาของท่านออกมาได้จริง ๆ ข้าจะหาวิธีตามหาหลิงอวี๋มาช่วยชีวิตนาง!”สำหรับเย่หรงแล้ว คนที่สำคัญที่สุดนั้นคือมารดาของเขาหากมั่นใจได้ว่าแม่ทัพเฉิงยินดีจะช่วยเป็นสายลับให้เย่หรง ต่อให้หลิงอวี๋ต้องเสี่ยงอันตรายก็จะช่วยเย่หรงทำสิ่งนี้“เจ้ามีวิธีตามหานางหรือ?”เย่หรงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“พี่ชายข้าเก่งเรื่องการสืบหาข่าวมาก บางทีคนที่ผู้อื่นหามิเจอ เขาอาจจะตามหาเจอก็ได้!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “เอาตามนี้ก่อนแล้วกัน หากแม่ทัพเฉิงมิควรเชื่อ
วันรุ่งขึ้นเมื่อหลิงอวี๋ไปที่บ้านตระกูลเย่ นางก็บอกเรื่องหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่ซื่อฝานในบ้านตระกูลเย่นั้นเย่ซื่อฝานจัดการเพียงแค่การปรุงโอสถเท่านั้น มิได้จัดการเรื่องการบริหาร เนื่องจากการบริหารเป็นเรื่องของผู้นำตระกูลแต่ในฐานะที่เย่ซื่อฝานเป็นสมาชิกตระกูลเย่ เขาก็รู้เรื่องภายในบางส่วนเช่นกันเขาจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจัง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดเจ้าแห่งทิศใต้จึงให้หลงเพ่ยเพ่ยมาแสดงความปรารถนาดีต่อเจ้าในเวลานี้?”“ก่อนหน้านี้เขามิได้สนใจการต่อสู้ระหว่างหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ เขาแค่หวังว่าหอโอสถไป๋เป่าจะกดหอโอสถซ่างกู่ลงไปให้ถึงจุดต่ำสุดเสียก่อน จากนั้นก็ค่อยยื่นไมตรี เช่นนี้ก็จะเป็นการช่วยเหลือในยามลำบาก แล้วกูลเย่ของข้าก็จะจงรักภักดีต่อเขาอย่างสุดหัวใจ!”เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินเช่นนั้น จึงเอ่ยขึ้นมา “หากท่านอาจารย์รู้สึกว่ามิเหมาะสม เช่นนั้นข้าก็จะรักษาระยะห่างกับหลงเพ่ยเพ่ยเจ้าค่ะ!”ถึงอย่างไรตอนนี้หลิงอวี๋ก็เป็นศิษย์ของเย่ซื่อฝาน นางจะมิละทิ้งสำนักไปทำดีกับศัตรูของอาจารย์เพื่อความปลอดภัยของตน“ไม่! มิต้อง!”เย่ซื่อฝานส่ายหัวแล้วเอ่ย “เมื่อเทียบกับเจ้าแห่งทะเละชายาเจ้าแห่งทะเล
จงเจิ้งเฟยได้ยินเช่นนั้น ก็เอ่ยขึ้นมา “ใช่แล้ว เมื่อขัดแย้งกันก็ควรจะแก้ปัญหามิใช่สร้างความบาดหมาง ท่านพ่อท่านแม่หลายตระกูลล้วนเป็นมิตรสนิทกัน ไม่มีใครอยากให้คนรุ่นหลังทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตายหรอก!”“ศิษย์พี่หญิง เย่หรงกับเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เจ้าก็ไปโน้มน้าวเขาด้วยเถิด แม้ว่าจะมิยอมแต่งงานกับหยางหงหนิง ก็อย่าได้ทะเลาะกันจนตึงเครียดเกินไปนัก!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าทั้งสองคนล้วนเอ่ยเช่นนี้ นางก็คิดแล้วเอ่ยออกมา “ข้าจะไปคุยกับเย่หรงดู ขอเพียงมิบังคับให้เขาแต่งงานกับหยางหงหนิง ข้าคิดว่าเขาก็น่าจะยอมคืนดี!”“ใช่ แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมมิหวาน พวกเราล้วนรู้เหตุผลข้อนี้ดี เราไม่มีทางไปบังคับให้เย่หรงทำเรื่องเช่นนั้นแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยพยักหน้าแล้วเอ่ย “เจ้ากลับไปโน้มน้าวเย่หรงดูก่อน ประเดี๋ยววันหลังข้าจะจัดงานเลี้ยง เมื่อทุกคนมารวมตัวกัน เช่นนี้พวกเขาก็จะมิอึดอัด แล้วก็ปรับความเข้าใจกันได้!”“อืม!”หลิงอวี๋พยักหน้า และกำลังจะเดินไป หลงเพ่ยเพ่ยก็เรียกนางไว้อีก “สิงอวี๋ ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากับเหมียวหยางผู้เป็นศิษย์ของปรมาจารย์ไป่หลี่ก็ทะเลาะกันหรือ?”“เรื่องนี้ข้าจะยืนอยู่ข้างเจ้า
กระทั่งเดินตามจงเจิ้งเฟยมาถึงในศาลาแห่งหนึ่งของสำนักศึกษาชิงหลง หลงเพ่ยเพ่ยก็รออยู่ที่นั่นแล้วเมื่อเห็นหลิงอวี๋ นางก็มองพิจารณาหลิงอวี๋อย่างสงสัยใคร่รู้อยู่หลายครั้ง ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ข้าได้ยินมาว่า หงหนิงแพ้การประลองปรุงยากับเจ้า ฮ่า ๆ นางหยิ่งทะนงมาโดยตลอด ควรจะมีคนมาทำให้นางรับรู้ได้แล้วว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคนอีก!”“สิงอวี๋ เรื่องสาเหตุและขั้นตอนในการประลองของเจ้ากับหงหนิงนั้นข้ารู้ทั้งหมดแล้ว ข้ามิได้เข้าข้างผู้ใด ข้าคิดว่าเจ้าทำถูกต้องแล้ว หากใครมาใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ข้าก็จะสู้กับนางจนถึงที่สุดเช่นกัน!”หลิงอวี๋ย่อมมิเชื่อหลงเพ่ยเพ่ยเสียทั้งหมดเพราะคำพูดมิกี่คำอยู่แล้ว“คุณหนูหลงมาหาข้ามีธุระอันใดหรือไม่?” หลิงอวี๋เอ่ยถามไปตามตรงหลงเพ่ยเพ่ยยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ข้าชอบผูกมิตร และนิสัยของเจ้าก็ถูกใจข้ายิ่งนัก!”“แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ข้ายังอยากให้เจ้ากับหงหนิงปรับความเข้าใจกันอยู่ หงหนิงมิใช่คนเลว เพียงแต่นางหลงเย่หรงจนหน้ามืดตามัว จึงได้ทำเรื่องโง่ ๆ เหล่านั้นไป!”“ควรจะหาทางแก้ไขมิใช่สร้างความบาดหมางต่อกัน เจ้าเห็นแก่ข้าเถิด อย่าได้ถือสาหาความกับนางเล
เมื่อหลิงอวี๋เห็นหยางหงหนิงก็ตะลึงไปเล็กน้อย แล้วก็นึกถึงคำขู่ที่หยางหงหนิงบอกว่าจะทำให้เย่หรงแต่งงานกับนางให้ได้ภายในหนึ่งเดือนหรือว่าหยางหงหนิงทำมิได้ ในตอนนี้จึงคิดจะมาทำให้ตนลำบาก?“สิงอวี๋ เจ้าจะเป็นศัตรูกับข้าจริง ๆ หรือ?”เป็นดังที่คาด ทันทีที่เอ่ยปากหยางหงหนิงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างก้าวร้าว “เจ้าก็รู้อยู่ว่าข้าชอบเย่หรง เจ้ายังกล้าชวนเขาไปที่ภูเขาหมางหลิ่งด้วยกันอีก เจ้ายังจะเถียงว่าเจ้ามิชอบเขาอีกหรือ!”“ข้าขอเตือนเจ้า อยู่ให้ห่างจากเย่หรง มิฉะนั้นข้าจะมิเกรงใจเจ้าแน่!”หลิงอวี๋หมดคำพูดไปทันที ตนมาที่สำนักศึกษาชิงหลงเพื่อศึกษาเล่าเรียน มิใช่มาแย่งชิงบุรุษกับผู้ใด!ในหัวของหยางหงหนิงนั้นนอกจากเรื่องระหว่างบุรุษกับสตรีแล้ว ก็ไม่มีเรื่องอื่นเลยหรือ?“คุณหนูหยาง ข้าได้แสดงทัศนคติของจ้าไปอย่างชัดเจนแล้ว เย่หรงเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาจะชอบใครก็เป็นอิสระของเขา!”“ข้ามิได้ตั้งใจจะแย่งเขากับเจ้า เจ้าก็อย่ามายุ่งกับข้าเช่นกัน!”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยบอกไปแล้วว่า เจ้าอย่าได้ผลักเขาให้ไกลออกไปเรื่อย ๆ แล้วเจ้าดูพฤติกรรมของเจ้าในตอนนี้สิ แพ้แล้วก็มิรักษาคำพูด แล้ว
“ฮูหยินเฉียว นอกจากนี้แล้ว พวกเราต้องตามหาป้าวซวนให้เจอโดยเร็วที่สุดด้วย!”นี่คือสิ่งที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยนึกขึ้นได้ตอนที่ถูกเซียวหลินเทียนซักถาม แม้ว่าตอนนั้นจะเป็นการรับมือกับเซียวหลินเทียน แต่หลังจากนั้นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็รู้สึกว่าคำโกหกที่ตนพูดไปนั้นสามารถนำมาใช้ได้เช่นกันหลิงอวี๋เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพและศีลธรรม นางกับป้าวซวนร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน หากจับตัวป้าวซวนไว้ จะต้องล่อให้หลิงอวี๋มาติดกับได้อย่างแน่นอนเป็นดังที่นางบอกกับเซียวหลินเทียนไว้ว่า ป้าวซวนมิได้ฉลาดเท่าหลิงอวี๋ นางไม่มีทางหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้อย่างแน่นอน“ฮูหยินเฉียว ข้าเคยบอกเซียวหลินเทียนไว้ว่า หลิงอวี๋จะไปช่วยป้าวซวน เซียวหลินเทียนจะต้องมิอยากให้หลิงอวี๋ตกอยู่ในอันตรายแน่นอน ขอเพียงพวกเราปล่อยข่าวออกไปว่าป้าวซวนอยู่ในมือพวกเรา เซียวหลินเทียนจะต้องชิงมาช่วยป้าวซวนก่อนหลิงอวี๋เป็นแน่!”“เมื่อเป็นเช่นนี้ มิว่าใครจะมาช่วย พวกเราก็จะสามารถหนึ่งในนั้นได้แล้ว!”กลยุทธ์ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้รับการชื่นชมจากฮูหยินเฉียว ฮูหยินเฉียวจึงให้คนออกไปแพร่ข่าวลือในทันทีในขณะเดียวกันก็วางกับดักไว้อย่างรัดกุม
หลิงอวี๋คิดตามความคิดนี้ต่อไป ก่อนหน้านี้เถาจื่อขอให้ตนช่วย และบอกไว้ว่าหากตัวตนของเซียวหลินเทียนถูกเปิดเผยออกไป ชีวิตของคนนับร้อยในคฤหาสน์อู่อาจตกอยู่ในอันตรายนั่นก็คือปัจจัยที่เซียวหลินเทียนกังวลเซียวหลินเทียนมิได้เปิดเผยตัวตนของตน ก็แค่มิอยากเปิดโปงตนให้ผู้อื่นรู้เขาต้องการเก็บหยกหล้าสุขาวดีไว้ผู้เดียว!นี่ก็หมายความว่า ในตอนที่เซียวหลินเทียนยังคลี่คลายวิกฤตมิได้นั้น นางจะปลอดภัยอยู่ก่อนชั่วคราวหลิงอวี๋บอกสิ่งที่ตนนึกได้กับผู้รอบรู้ แล้วสุดท้ายก็เอ่ยออกมา “พวกเรายังมีเวลา กระทั่งงานประมูลตอนปลายเดือนจัดขึ้น แล้วจะได้รับเงินจากการประมูลโสมเก้าคด จากนั้นพวกเราก็จะหาวิธีออกไปจากเมืองหลวงแดนเทพกัน!”“ตอนนี้เซียวหลินเทียนไม่มีทางทำให้พวกเราลำบากแน่ หากเขากล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่น พวกเราก็จะกระจายข่าวเรื่องเสือปีกกาฬออกไปเพื่อดึงดูดความสนใจของตระกูลเหล่านั้น!”หลิงอวี๋นึกถึงคำพูดของเย่หรงเมื่อครู่ ในเมื่อนางกับเย่หรงมีโชคชะตาของเมื่อชาติที่แล้ว เช่นนั้นก่อนจากไปนางจะต้องช่วยให้เขาช่วยมารดาของเขาออกมาให้ได้“พี่ใหญ่ ท่านช่วยข้าสืบอีกสักหน่อยเถิดว่า ในเกวียนทาสหญิงที่เซียวหลินเที
“เย่หรง!”หลิงอวี๋เรียกงึมงำ และกำลังคิดว่าจะบอกเรื่องภาพที่ตนเห็นกับเย่หรงเพื่อยืนยันสักหน่อย แล้วก็ได้ยินเสียงประตูใหญ่ดังมาแย่แล้ว!หรือว่ามีคนแอบฟัง?หลิงอวี๋ตกใจจนเด้งตัวลุกขึ้นทันที เย่หรงเองก็ชักกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน“น้องหญิง ข้ากลับมาแล้ว!”เสียงของผู้รอบรู้ดังขึ้นมา เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินว่าเป็นผู้รอบรู้จึงได้ถอนหายใจโล่งอก แล้วเก็บแผนที่ไปอย่างรวดเร็ว“พี่ชายข้ามิรู้ว่าท่านกำลังวางแผนเรื่องพวกนี้ อย่าได้หลุดปากไปนะ ข้ามิอยากลากเขาเข้ามาเกี่ยวด้วย!”เย่หรงพยักหน้าแล้วซ่อนแผนที่ไว้ในมิติ“น้องหญิง…”ผู้รอบรู้พุ่งเข้ามา เมื่อเขาเห็นเย่หรงก็ตะลึงไปเล็กน้อย แล้วกวาดสายตามองทั้งสองคนอย่างสงสัย“เสี่ยวชี ข้ามีธุระอื่นอีก ข้าไปก่อนนะ ไว้วันหลังข้าค่อยมาพาเจ้าไปงานประมูล!”เย่หรงรีบบอกกับหลิงอวี๋แล้วเดินจากไป“เขามาทำอะไร?”ผู้รอบรู้เอ่ยถามออกมา“มาหารือกับข้าเรื่องขายเครื่องยาสมุนไพร!”หลิงอวี๋ตอบออกไปแล้วเปลี่ยนหัวข้อ "ท่านสืบได้ข่าวอะไรมาหรือไม่?”ผู้รอบรู้เห็นว่ามีชาอยู่บนโต๊ะ จึงดื่มไปรวดเดียว ก่อนจะเอ่ยออก “น้องหญิง พวกเราต้องออกจากเมืองหลวงแดนเทพโดยเร็ว
“เย่หรง จ้าวหรุ่ยหรุ่ยอ้างว่าเคยจับตัวหลิงอวี๋ได้มิใช่หรือ? เหตุใดนางมิสังหารหลิงอวี๋แล้วชิงหยกหล้าสุขาวดีไปเล่า?”หลิงอวี๋ถามคำถามที่ตนคิดมิตกออกไปเย่หรงจึงหัวเราะเยาะออกมา “ข้ารู้เหตุผลในเรื่องนี้!”“ข้าได้ยินมาว่า หยกหล้าสุขาวดีเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่มีวิญญาณ ต้องใช้ยาสลายเลือดเนื้อของผู้ครอบครองในขณะที่คนผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่จึงจะนำมันไปได้ มิเช่นนั้นหยกหล้าสุขาวดีจะตายไปพร้อมกับความตายของผู้ครอบครอง!”“เครื่องยาสมุนไพรที่พิเศษนี้ก็มีเพียงที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น และเมื่อขุดเครื่องยาสมุนไพรนี้ออกมาแล้วจะต้องใช้ภายในครึ่งชั่วยาม มิเช่นนั้นก็จะเฉาตายไป!”“ดังนั้น จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงทำได้เพียงต้องพาหลิงอวี๋กลับมาที่เมืองหลวงแดนเทพ และเข้าสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อหาเครื่องยาสมุนไพรนั้น จึงจะสามารถนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาจากตัวหลิงอวี๋ได้!”หลิงอวี๋ฟังแล้วก็ขนลุกซู่ เข้าใจเหตุผลแล้วว่าเหตุใดจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงมิสังหารตน!จริงสิ หรือว่านี่จะเป็นสาเหตุที่เซียวหลินเทียนมิสังหารนางเช่นกัน?เขาเองก็อยากได้หยกหล้าสุขาวดีที่ตัวนางด้วยใช่หรือไม่?แต่เมื่อคิดอีกแง่หนึ่ง หลิงอวี๋ก็รู้ส