ช่วงนี้ฉินซานกำลังถูกฮูหยินฉินเร่งเร้าเรื่องแต่งงานจนกังวลแม่สื่อหลายคนผลัดกันมา สตรีที่เลือกมาก็ทำให้ฉินซานตาพร่าไปหมดแต่ดูไปดูมาก็ทำให้ฉินซานมิรู้สึกสนใจเพราะว่าแขนขาดไป ฮูหยินฉินจึงลดมาตรฐานลง คนที่หามาให้เขาล้วนเป็นลูกสาวของตระกูลเล็ก ๆรูปร่างหน้าตาก็ล้วนพอใช้ แต่ที่ฉินซานเข้าใจก็ล้วนเป็นคนแบบมารดา สตรีผู้รู้เพียงแต่การให้ความสำคัญกับสามีเมื่อได้พูดคุยกับพวกนางก็รู้สึกว่ามิน่าสนใจความกลัดกลุ้มในใจของฉินซานมากขึ้นเรื่อย ๆ รู้สึกราวกับปลาที่ขาดน้ำ และใกล้จะถูกฮูหยินฉินทำให้ขาดอากาศหายใจแล้วยังดีที่เซียวหลินเทียนมอบหมายให้เขาไปหาทุ่งนาที่เหมาะสมสำหรับเพาะเลี้ยง ฉินซานจึงรีบหลบออกไปในทุกวันเขาจะพาองครักษ์ไปเยี่ยมหมู่บ้านต่าง ๆ แม้ว่าจะเหนื่อยมาก แต่สำหรับฉินซานแล้วกลับเป็นการปลดปล่อยแต่มีชีวิตที่ดีได้มิกี่วัน แคว้นเล็ก ๆ โดยรอบมาประชุม เซียวหลินเทียนจึงเรียกฉินซานกลับมา ให้เขาควบคุมกรมพิธีการให้ทำงานต้อนรับให้ดีครานี้หลิงอวี๋ก็ส่งหานเหมยมารับผิดชอบในการต้อนรับแขกสตรีเช่นกันฉินซานมิได้พบกับหานเหมยมาเป็นเวลานานแล้วเขาเองก็คิดมิถึงว่าหานเหมยจะเริ่มหลบหน้าเขาเพราะหล
วันรุ่งขึ้น ทูตชุดแรกจากแคว้นเล็ก ๆ เดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้วชุดแรกที่มาถึงก่อนก็คือสามแคว้นเล็กโดยรอบคือ แคว้นพัน แคว้นเฉิง แคว้นกันกู่คนที่นำแคว้นพันมาเยี่ยมเยือนก็คือหัวหน้าขุนนางจินอายุเกือบห้าสิบจากแคว้นพันทางแคว้นเฉิงคือท่านชายอวี่เหวินเย่ลูกชายคนโตของอ๋องเฉิงและอวี่เหวินเสียท่านหญิงที่เพิ่งจะถึงวัยปักปิ่นปีนี้ส่วนคนที่นำแคว้นกันกู่มาก็คือฮูเหยียนเสวี่ยท่านหญิงคนโตของประมุขและฮูเหยียนเจี้ยนกับน้องชายที่เพิ่งจะสิบขวบทั้งสามแคว้นเล็กต่างนำของพิเศษพื้นถิ่นจำนวนมิน้อยมาถวายแด่จักรพรรดิองค์ใหม่ ทั้งผ้าไหม เครื่องประดับหยก ทั้งยังมีผลไม้ตามฤดูกาลและของพิเศษที่มีอยู่ในพื้นถิ่นอีกด้วยหลิงอวี๋อยู่ที่วังหลัง มิได้พบทูตของทั้งสามแคว้นหลิงซวนจึงย่อมมิละเลยในเรื่องนี้ นางส่งหานอวี้ผู้ชอบซุบซิบนินทาไปสืบแล้วหานอวี้ปลอมตัวเป็นขันทีน้อยคอยดูทูตเหล่านั้นอย่างชัดเจนในเส้นทางที่พวกทูตต้องผ่านเมื่อเห็นท่านหญิงทั้งสอง หานอวี้ก็ตาโตมิสนผู้อื่นแล้วรีบกลับไปรายงานหลิงอวี๋“ฮองเฮาเพคะ ท่านหญิงอวี่เหวินเสียจากแคว้นเฉิงนั้นมิรู้ว่าหน้าตาเป็นเช่นไร นางคลุมผ้าปิดหน้าไว้ แต่ชุดที่นางสวมใส่ท
เรื่องนี้เจ้ากรมพิธีได้แจ้งหลิงอวี๋ไว้ก่อนหน้านี้แล้วเซียวหลินเทียนขึ้นครองบัลลังก์ใหม่ แคว้นเล็ก ๆ โดยรอบเหล่านี้ไม่แน่ว่าจะยอมจำนนต่อเขาโดยซื่อสัตย์ การมาประชุมครานี้จะตัดเรื่องที่พวกเขามาดูลาดเลาออกไปมิได้ดังนั้นงานต้อนรับจึงมิเพียงแต่การจัดที่พักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความน่าตกใจที่ซ่อนอยู่ในรายการที่จัดงานเลี้ยงด้วยหลิงอวี๋ย่อมเข้าใจดีก่อนหน้านี้นางขัดแย้งกับเซียวหลินเทียนจึงมิอยากไปยุ่งเรื่องของเขาแต่หลังจากที่เซียวหลินเทียนขอโทษนางอย่างจริงใจแล้ว หลิงอวี๋จึงพยายามที่จะเตรียมการต้อนรับเพื่อช่วยเซียวหลินเทียนเพียงแต่ตอนนี้นางมิอยากบอกกับเซียวหลินเทียน หากบอกเรื่องนี้ไปก่อนก็มิประหลาดใจแล้ว“หม่อมฉันจัดการ ท่านยังมิวางพระทัยอีกหรือเพคะ?”หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนอย่างตำหนิ พลางเอ่ยถามออกไป “ท่านคิดเห็นอย่างไรกับทูตทั้งสามแคว้นนี้หรือเพคะ?”เซียวหลินเทียนเอ่ยไปตามตรง “ทั้งสามแคว้นนี้นอกจากแคว้นกันกู่แล้ว แคว้นอื่นล้วนแสร้งมาบ่นลำบากกับข้า!””“หัวหน้าขุนนางจินผู้นั้นใบหน้าเย่อหยิ่ง ข้ามิรู้ว่าเขาไปเอาความมั่นใจจากที่ใดจึงกล้าเย่อหยิ่งต่อหน้าข้าเช่นนี้ คิดว่าข้ายังเด็กรั
หลิงอวี๋มิใช่แม่พระ ผู้ป่วยที่ต้องช่วยเหลือในใต้หล้ามีตั้งมาก นางมิสามารถช่วยเหลือทุกคนได้ยิ่งไปกว่านั้นคือต้องไปแคว้นกันกู่ที่อยู่ไกลถึงเพียงนั้นอีก!แต่ท่านหญิงใหญ่จะยอมแพ้หรือ?หากประมุขแคว้นกันกู่ป่วยหนักจริง ๆ อีกทั้งท่านหญิงใหญ่ก็เป็นลูกกตัญญู นางไม่มีทางยอมแพ้กับคำปฏิเสธนี้ของเซียวหลินเทียนแน่เมื่อนึกถึงที่หานอวี๋บอกว่า ท่านหญิงใหญ่เป็นสตรีที่ดูมีพลังมาก หลิงอวี๋ก็ให้ความสำคัญกับท่านหญิงใหญ่ผู้นี้เป็นพิเศษเดิมทีหลิงอวี๋ยังคิดว่าอีกสองวันจึงจะได้พบกับฮูเหยียนเสวี่ยที่งานเลี้ยงไหนเลยจะคิดว่า วันรุ่งขึ้นยังมิทันที่เซียวหลินเทียนจะว่าราชกิจเสร็จ ป้ายอวยพรของฮูเหยียนเสวี่ยก็ส่งมาที่พระตำหนักคุนหนิงแล้ว“ฮองเฮาเพคะ หากท่านมิทรงต้องการพบ บ่าวจะไปปฏิเสธนางให้เพคะ!”หลิงซวนเอ่ยอย่างเอาใจใส่“เหตุใดจะมิพบเล่า?”หลิงอวี๋ยิ้มพลางเอ่ย “เชิญนางเข้ามาเถิด!”ฮูเหยียนเสวี่ยเข้ามาคารวะตนที่ตำหนักอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ นางหลิงอวี๋ก็ต้องพบเสียหน่อย เหตุใดจะต้องหลบซ่อนเล่า!หลิงอวี๋เปลี่ยนเป็นชุดเรียบง่านแล้วไปพบฮูเหยียนเสวี่ยที่โถงกลางฮูเหยียนเสวี่ยพานางรับใช้มาเพียงสองคน ตอนที่นางเข
“หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร
“อย่าตีท่านแม่ของข้า...” หลังจากที่เสี่ยวเมาล้มบนพื้น กระอักเลือดออกมาแล้วก็คลานเข้าไปหาหลิงอวี๋อย่างไม่ยินยอม ยังคิดที่จะใช้ร่างกายที่อ่อนแอของตนช่วยรับแส้ให้กับนางอีก หลิงอวี๋มองไปยังมุมปากของเสี่ยวเมาที่ยังคงมีเลือดไหลซึม ในใจก็ยิ่งสั่นสะท้านขึ้นมา… ในความทรงจำนั้น หลิงอวี๋ใส่ใจเสี่ยวเมาน้อยนัก ทำให้เสี่ยวเมาที่คลอดมาแข็งแรงมาก กลับยิ่งเลี้ยงดูก็ยิ่งผอมบาง... “ท่านอ๋อง… นี่? โบยต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” มือเฆี่ยนเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง “ลากลูกนอกสมรสนั่นออกไป โบยต่อ!” ชายหนุ่มสูงส่งราวกับเทพเจ้านั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นเสี่ยวเมากระอักเลือดออกมา ก็ยังคงดูเฉยชาไร้ซึ่งอารมณ์ดั่งเก่า “เสี่ยวเมา ไปเถอะ ปกตินางก็ไม่ได้ดูแลเจ้าดีนัก เจ้ายังสนใจว่านางจะเป็นตายไปเพื่อเหตุอันใด!” หญิงชราคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เมื่ออุ้มเสี่ยวเมาได้ก็ออกไป “อย่าตีท่านแม่… ปล่อยข้า!” เสี่ยวเมายังคงร้องตะโกนออกมาอย่างเศร้าโศก ไม่สนใจว่าตรงมุมปากของตนจะมีเลือดไหลออกมา ดิ้นรนอย่างแรงอยู่ในอ้อมแขนของหญิงชรา หญิงชรากอดเขาเอาไว้แน่น มือเฆี่ยนยังคงโบยแส้ลงไปบนกายของหลิงอวี๋ เสี่ยวเมาเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาแรง
“ตึกตึก… ตึก...” ไม่รู้ว่าสลบไปนานเท่าใด หลิงอวี๋ได้ยินเสียงนาฬิกาดังตึกตึกแว่ว ๆ จนลืมตาขึ้นมา... ทันใดนั้น ดวงตาของหลิงยวี่ก็สว่างขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องทดลองอิสระของตนที่วิทยาลัยแพทย์ หรือว่าตนจะเดินทางข้ามเวลากลับมาแล้ว? หลิงอวี๋ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นขึ้นมา ทว่าเพียงเคลื่อนไหวร่างกายก็รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างเจ็บปวด และยังมีเลือดสดไหลออกมา... เธอก้มหัวลงไปมองก็พบว่าร่องรอยบาดเจ็บของแส้ก็ถูกนำกลับมาด้วย! เธออดทนต่อความเจ็บปวดตามหากล่องยา แล้วฉีดยาบาดทะยักให้กับตนเอง ก่อนจะรีบจัดการบาดแผลอย่างรวดเร็ว มีรอยแส้มากมายอยู่ตรงหน้าอก แผ่นหลัง และบนใบหน้า ล้วนแต่ลึกลงสู่ผิวหนัง มองดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวและโหดร้าย ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจัดการอาการบาดเจ็บบนร่างกายอยู่ทางนี้นั้น ก็ก่นด่าสาปแช่งเซียวหลินเทียนไปพลาง สาปแช่งให้เขาไม่ได้ตายดี ขาดลูกหลานสืบสกุล... เมื่อคำด่า “ขาดลูก” สองคำนี้ออกมา ก็คิดถึงเสี่ยวเมาที่ปกป้องตนจนไม่อาจสาปแช่งต่อไปได้ เธอไม่ได้หวังให้เสี่ยวเมาตายไป! บาดแผลของหลิงอวี๋เพิ่งจะใส่ยาลงไป ขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังลอยมา เ
หลิงอวี๋คิดที่จะหยิบเครื่องมือและยาเพื่อไปช่วยรักษาเสี่ยวเมา ทว่าประตูห้องใหญ่ก็ถูกเปิดขึ้นในทันที นางรับใช้แม่นมที่อยู่ด้านนอกอาจจะเข้ามาได้ทุกเมื่อ หลิงอวี๋จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม ทำได้เพียงแต่สงบนิ่งรอคอยเวลา พ่อบ้านฟั่นด้านนอกนั้นถูกแม่นมลี่ถามไถ่จนรู้สึกรำคาญใจ จึงใช้เท้าเตะแม่นมลี่ แล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาไร้ปรานี “ไสหัวไป สุนัขดี ๆ จะต้องไม่มาขวางทาง” เมื่อหลิงอวี๋มองออกไป ก็พบว่าแม่นมลี่ถูกผลักจนล้มลงบนพื้นอย่างแรง ดูเหมือนว่า แม่นมลี่เองก็คงจะถูกแส้หวดมาก่อน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บนใบหน้ายังมีคราบเลือดอยู่ไม่น้อย... “แม่นมลี่ เจ้าอย่ามามัวเสียเวลาอีกเลย รีบจัดการเก็บกวาดอยู่ในเรือนบุหงาเสียดี ๆ เถิด!” นางรับใช้ที่ดูหยิ่งยโสคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของแม่นมลี่ เอ่ยออกมาอย่างได้ใจ “พ่อบ้านฟั่นได้เลื่อนขั้นให้ข้าเป็นนางรับใช้ใหญ่แล้ว ต่อไปทุกคนในเรือนบุหงาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของข้า” “ท่านอ๋องทรงรับสั่งมาแล้วว่า หากพวกเจ้ายังจะไม่เชื่อฟัง ข้าก็มีอำนาจทีจะทุบตีพวกเจ้าจนตายได้!” “หลิงผิง เจ้าเป็นนางรับใช้ข้างกายของพระชายา สัญญาทาสยังอยู่ในมือของพระชายา เจ้าม