“เช่นนั้นยาที่ฮองเฮาสกัดออกมานั้นให้ท่าน?”ท่านจินต้าเอ่ยถามอีกครั้งเซียวหลินเทียนนึกถึงยาห้าเม็ดที่หลิงอวี๋สกัดออกมา นางให้ตนทั้งหมด จากนั้นก็พยักหน้าท่านจินต้าจึงเอ่ยยิ้ม ๆ “ฮองเฮาทรงมีทักษะการแพทย์ยอดเยี่ยม แต่ไหนแต่ไรมาเมื่อท่านหรือพวกเราร้องขอสิ่งใดพระนางก็ให้ตามคำขอเสมอ! ยาที่พระนางสกัดออกมาก็มอบให้ท่านโดยมิปิดบังแม้แต่น้อย!”“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า ใต้หล้านี้หากคิดจะหาผู้ใดที่จิตใจตั้งมั่นต่อท่านดังเช่นฮองเฮา ก็หามีไม่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“แต่เหตุใดท่านยังทรงกังวลที่พระนางปิดบังท่านเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”“มิว่าทักษะการแพทย์หรือยาของพระนางจะมาได้อย่างไร ขอเพียงท่านเชื่อว่าพระนางมิได้มีเจตนาร้ายต่อท่านก็พอแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนได้ฟังเช่นนี้ก็ค่อนข้างละอาย “ท่านจินต้า ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยามิควรจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันหรือ? ข้ามีเรื่องใดก็ล้วนบอกนางทั้งหมด เหตุใดนางมิสามารถเปิดเผยตรงไปตรงมากับข้าได้!”“เพราะว่าฮองเฮามิได้มีความรู้สึกปลอดภัยกับท่านพ่ะย่ะค่ะ!”ท่านจินต้าเอ่ยอย่างตรงประเด็น “ฝ่าบาท ในตอนแรกท่านเป็นอ๋องอี้ก็สามารถจะทุบตีเข่นฆ่านางได้แล้ว!”“ตอนนี้
เซียวหลินเทียนคุยเรื่องที่แต่ละแคว้นจะมาประชุมกับท่านจินต้าอยู่นาน จนลืมสวีเนี่ยนจือไปเสียสิ้นสวีเนี่ยนจือผู้น่าสงสารยังคงรออยู่ที่ห้องอาหารอย่างขมขื่น นางคิดว่าหากเซียวหลินเทียนกลับมาดื่มอีกสักสองสามจอกก็จะทำสำเร็จแล้วไหนเลยจะคิดว่าเซียวหลินเทียนจะไปแล้วมิกลับมาอีก สุดท้ายลู่หนานเห็นว่าเซียวหลินเทียนลืมเรื่องนี้ไปแล้ว จึงให้องครักษ์มาบอกให้นางกลับไปก่อนอย่างเงียบ ๆสวีเนี่ยนจือโกรธอยู่สักพักหนึ่งก็สงบลง วันนี้มิถือว่านางล้มเหลว นางได้ทิ้งความประทับใจไว้ให้เซียวหลินเทียนแล้วต่อไปค่อยหาโอกาสแล้วกัน!แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะอยากปิดบังเรื่องที่ดื่มเหล้ากับสวีเนี่ยนจือ แต่ทางห้องอาหารก็ยังมีคนนำข่าวไปบอกหลิงซวนอยู่ดีคนของห้องอาหารบอกหลิงซวนกระทั่งเรื่องที่เซียวหลินเทียนให้ขันทีน้อยเซี่ยไปเรียกหลิงอวี๋มารินเหล้าหลิงซวนได้ยินเรื่องนี้ก็โกรธมาก คิดว่าเซียวหลินเทียนมิคู่ควรกับการที่หลิงอวี๋ดีต่อเขา นี่ทะเลาะกับเจ้านายตนเพียงมิกี่วันก็ไปหาคนอื่นแล้ว!แม้ว่าจะมิได้ไปจนถึงขั้นสุดท้าย แต่สำหรับหลิงซวน นี่ก็นับว่าเป็นการทรยศหลิงอวี๋แล้วอีกทั้งสิ่งที่เกินไปก็คือเซียวหลินเทียนยังกล้าเรีย
คำพูดนี้ของหลิงอวี๋มีความถากถางอยู่ แต่น้ำเสียงกลับมิได้แสดงออกมาชัดเจนแม้แต่น้อยกล้าให้ขันทีน้อยเซี่ยมาเรียกตนไปรินเหล้า นางมิแสดงออกกับเซียวหลินเทียนก็เกรงใจมากแล้วเพราะตนยังมิได้เตรียมทางหนีทีไล่ไว้อย่างดี หลิงอวี๋จึงมิอยากฉีกหน้าเซียวหลินเทียนตอนนี้เซียวหลินเทียนลืมเรื่องที่เมื่อคืนให้ขันทีน้อยเซี่ยถ่ายทอดพระราชโองการไปแล้ว และแม้ว่าจะจำได้ เขาก็คิดว่าขันทีน้อยเซี่ยมิได้มาถ่ายทอดก็มิได้สร้างความอับอายให้หลิงอวี๋“อาอวี๋ เจ้าอย่าเป็นเช่นนี้เลย ข้า… ข้ามาขอโทษ!”เซียวหลินเทียนเอ่ยพลางยิ้มขมขื่น “ข้าขอโทษ วันนั้นข้ามิควรทะเลาะกับเจ้า เรื่องที่เจ้าปิดบังข้าทั้งหมดนั้นข้ามิโทษเจ้า เป็นข้าเองที่ทำดีมิพอ! ทำให้เจ้ายังมิสามารถเชื่อข้าได้ทั้งหมด!”“ต่อไปข้าจะมิเอ่ยถามเรื่องนี้แล้ว รอให้วันไหนที่เจ้ารู้สึกว่าข้าทำดีมากพอให้เจ้าเชื่อได้แล้ว เจ้าสามารถเลือกได้ว่าจะบอกหรือมิบอกข้า!”หากคำพูดนี้ของเซียวหลินเทียนมาบอกกับหลิงอวี๋ตั้งแต่ก่อนเมื่อวาน หลิงอวี๋อาจจะซาบซึ้งแต่เมื่อเกิดเรื่องที่เซียวหลินเทียนดื่มเหล้ากับสวีเนี่ยนจือแล้วยังคิดจะสั่งให้ตนไปดูพวกเขาอี๋อ๋อกันอีก หลิงอวี๋จึงมิรู้
“ได้!”หลิงอวี๋มิได้อยากพบเซียวหลินเทียนอยู่แล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าเห็นด้วยหลิงซวนกำลังจะออกไป จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็เอ่ยขึ้นมา “ประเดี๋ยวก่อน!”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่เมื่อวานกุ้ยเหรินทั้งสองแย่งชิงกันปรากฏตัวต่อหน้าเซียวหลินเทียนอู๋จื่อผิงออกมาตอนกลางวันแล้วก็ตกน้ำ และตอนเย็นสวีเนี่ยนจือก็ไปเอาอกเอาใจเซียวหลินเทียนสวีเนี่ยนจือผู้นี้เมื่อก่อนตอนที่อยู่ตำหนักอ๋องอี้มิได้มีความปรารถนาใดมิใช่หรือ?ตอนนี้ทนมิไหวแล้วหรือ? หรือว่ามีคนสั่งการ?“เมื่อวานกุ้ยเหรินสวีเรียกร้องความสนใจองค์จักรพรรดิอย่างไร?” หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างอยากรู้หลิงซวนสืบมาอย่างชัดเจนแล้วจึงเล่าเรื่องที่สวีเนี่ยนจือดีดฉินที่ศาลาตรงสระน้ำดึงดูดความสนใจของเซียวหลินเทียนออกไปหลิงอวี๋ฟังแล้วก็กระตุกมุมปากเยาะเย้ย ดูท่าทางสวีเนี่ยนจือผู้นี้จะมีชั้นเชิงกว่าอู๋จื่อผิง!วิธีการถอยหลังเพื่อก้าวหน้านี้ใช้ได้ผลกับบุรุษเช่นเซียวหลินเทียนยิ่งกว่าการเข้าหาตรง ๆ หลิงอวี๋มองทะลุไปถึงธาตุแท้ แต่มิได้คิดว่าเรื่องราวจะง่ายดายเช่นนี้“หลิงซวน คนรับใช้ที่อู๋จื่อผิงกับสวีเนี่ยนจือพาเข้าวังมาด้วยครานี้มีใครบ้าง?”หลิงซวนม
“ฝ่าบาท ฮองเฮาตรัสว่าพระนางประชวร ยามเย็นพระองค์มิจำเป็นต้องเสด็จไปที่พระตำหนักคุนหนิงแล้ว ให้เรียกกุ้ยเหรินทั้งสองมาปรนนิบัติพ่ะย่ะค่ะ!”ขันทีน้อยเซี่ยรอให้เซียวหลินเทียนจัดการงานราชการเสร็จแล้วจึงรายงานเซียวหลินเทียนตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ความรู้สึกผิดปกติรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายเขาก็เรียกสติกลับมาได้ความโกรธที่หลิงอวี๋มีต่อตนยังมิได้คลายไป มิฉะนั้นนางไม่มีทางพูดออกมาว่าให้ตนเรียกกุ้ยเหรินทั้งสองมาปรนนิบัติเมื่อคิดลึกซึ้งลงไปอีกหน่อย ตอนนี้หลิงอวี๋ควบคุมดูแลวังหลัง เช่นนั้นเรื่องที่ตนดื่มเหล้ากับกุ้ยเหรินสวีที่ห้องอาหารเมื่อคืน หลิงอวี๋ก็น่าจะรู้แล้วเช่นกันเซียวหลินเทียนรู้สึกผิดขึ้นมา เรื่องนี้เขามิได้พูดกับหลิงอวี๋แต่หลิงอวี๋จะต้องมีความคิดแล้วแน่นอน!“ไปพระตำหนักคุนหนิง!”เซียวหลินเทียนลุกขึ้นอย่างรีบร้อนกลับไปเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาที่ห้องแล้วเดินออกไปเดินไปได้ครึ่งทาง เซียวหลินเทียนก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมา จากนั้นจึงรีบกลับไปที่ห้องทรงพระอักษรแล้วก้มหน้าก้มตาเขียนพระราชโองการขันทีน้อยเซี่ยแปลกใจ องค์จักรพรรดิจะทำสิ่งใดกัน เหตุใดจึงเขียนพระราชโองการซ้ำ ๆ!กระทั่งมาถึง
หลิงอวี๋เปิดดูม้วนหนึ่งอย่างสงสัย ทันทีที่เห็นก็ตะลึงไปนี่คือหนังสือรับรอง!หนังสือรับรองคือใบรับรองที่จักรพรรดิในสมัยต่าง ๆ มอบให้ขุนนางผู้มีความชอบในสมัยต่าง ๆ ให้ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ หรือเป็นการละเว้นโทษ มิว่าจะทำผิดในเรื่องใดก็สามารถใช้หนังสือนี้รับอภัยโทษได้เซียวหลินเทียนเขียนมอบให้ตนมากมายถึงเพียงนี้ นี่สามารถแลกได้ตั้งกี่ชีวิต!“อาอวี๋ เมื่อมีสิ่งนี้ก็สามารถรับรองจิตใจของข้าที่มีต่อเจ้าได้แล้วกระมัง!”เซียวหลินเทียนคิดอยู่นานก็คิดมิออกว่าจะทำอย่างไรให้หลิงอวี๋สบายใจ เมื่อครู่คิดเรื่องหนังสือรับรองออกจึงได้กลับไปเขียน“ข้ารู้ว่าต่อให้พูดดีแค่ไหนก็มิสู้การกระทำ! เจ้าดูการกระทำของข้าต่อจากนี้เถิด!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างซื่อตรง “ข้ารับรองว่าต่อไปข้าจะมิไปดื่มเหล้ากับกุ้ยเหรินสวีอีกแล้ว ข้าไม่มีทางเอาพวกนางมาทำให้เจ้าโกรธอีก!”“อาอวี๋ ข้า… ข้าค่อนข้างซื่อบื้อในเรื่องของความรู้สึก ข้าชอบเป็นสหายกับคนฉลาด นั่นก็เพราะว่าสื่อสารกันง่าย!”“แต่เรื่องจิตใจของสตรีนั้นข้าไร้ประสบการณ์นัก… เจ้าอย่าได้รังเกียจที่ข้าโง่เขลาเลย หากเจ้าเตือนข้ามากหน่อย ข้าก็จะเข้าใจได้!”หน้าของหลิ
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องวัวนม มีบางเรื่องที่หลิงอวี๋ต้องพูดถึงอย่างไรตนก็มีหนังสือรับรองที่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้มากมายถึงเพียงนี้ ชีวิตนี้ก็คงมิอาจไปจากฉินตะวันตกได้แล้ว เช่นนั้นนางจึงต้องทำเพื่อประโยชน์ของฉินตะวันตกเสียหน่อยเมื่อทุกคนมีชีวิตที่ดี ต่อไปเซียวเยวี่ยก็จะสบาย“เซียวหลินเทียน นมที่คั้นมาจากวัวนมนั้นมีประโยชน์มาก ยามนี้ท่านพัฒนาเรื่องเกษตรกรรม ก็ควรจะพัฒนาเรื่องห่วงโซ่อุตสาหกรรมอย่างรอบด้านด้วย!”หลิงอวี๋เผยแพร่เรื่องผลผลิตจากนมวัวให้เซียวหลินเทียนฟัง การพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมเหล่านี้มิเพียงแต่จะช่วยเพิ่มรายได้ของเกษตรกร แต่ยังสามารถกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจอื่น ๆ ได้ด้วยเซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ประหลาดใจ เขามิเคยคิดมาก่อนเลยว่านมวัวที่ตนมิชอบจะสามารถทำผลิตภัณฑ์ได้มากถึงเพียงนี้เมื่อคิดดูแล้ว หากทำตามที่หลิงอวี๋พูดออกมา แล้วขายไปในแคว้นอื่น ๆ ก็สามารถสร้างรายได้ให้ฉินตะวันตกได้เวลานี้ เซียวหลินเทียนมิกล้าเอ่ยถึงเรื่องที่มาของนโยบายแคว้นของหลิงอวี๋อีก เขาคิดว่าท่านจินต้าพูดถูกความคิดที่คาดคิดมิถึงของหลิงอวี๋เหล่านี้มิว่าจะไปเรียนมาจากที่ใด แต่นางมาบอกตน เจตนาเดิมก็คือหวั
งานอภิเษกสมรสขององค์ชายคังกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยคุณหนูตระกูลจ้าวมิได้ด้อยไปกว่าการมอบสินสอดทองหมั้นในวันนั้นองค์ชายคังจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ปูพรมแดงถนนหลายสายตั้งแต่ตำหนักองค์ชายคังไปจนถึงบ้านตระกูลจ้าวตอนที่ไปรับเจ้าสาวก็มีเด็กหญิงเด็กชายหลายสิบคนโปรยดอกไม้ไปตามทาง และยังมีทหารของแม่ทัพฟางคอยรักษาความสงบตลอดทางด้วยเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วจึงไปอาบน้ำแต่งตัว เพื่อเตรียมไปร่วมพิธีอภิเษกสมรสที่ตำหนักองค์ชายคังหลิงอวี๋สวมชุดงานมงคลลายห้าหงส์สีแดงกุหลาบปักด้ายทอง ที่มวยผมทั้งสองด้านปักปิ่นปักผมรูปหงส์คู่สีทอง ตรงกลางเป็นเครื่องประดับดอกโบตั๋นสีทอง ดูสง่างามเป็นอย่างมากหลิงซวนกับหานอวี้กำลังแต่งตัวให้นางอยู่ก็ได้ยินเสียงรายงานจากด้านนอก “ฝ่าบาทเสด็จแล้ว!”“ยังเช้าอยู่เลย เหตุใดองค์จักรพรรดิถึงเสด็จมาแล้วเล่า!”หลิงอวี๋ค่อนข้างแปลกใจ จึงให้หลิงซวนหยุดแล้วเดินออกไปรับเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนเปลี่ยนเป็นชุดงานมงคลแล้ว เขาสวมชุดจักรพรรดิสีทองอร่าม มือทั้งสองถือกล่องใบใหญ่ใบหนึ่ง เมื่อเห็นหลิงอวี๋ก็เข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม“อาอวี๋ ข้าว่าตั้งแต่ที่เจ้าเข้าวังมาก็มิได้แต
เย่หรงได้ยินคำถามของหลิงอวี๋ก็เอ่ยตอบไป “เรื่องนี้ข้ารู้ดีทีเดียว ตระกูลเหมียวมีฐานะขึ้นมาจากการพึ่งพาเครื่องยาสมุนไพร เนื่องจัดหาสมุนไพรให้หอโอสถไป๋เป่าอยู่บ่อยครั้ง กอปรกับที่เหมียวหยางค่อนข้างมีพรสวรรค์ในการแยกแยะเครื่องยาสมุนไพรด้วย ไป่หลี่ไห่จึงรับไปเป็นศิษย์!”“หลายปีมานี้ด้วยอำนาจของไป่หลี่ไห่ ตระกูลเหมียวจึงมีสถานะที่สูงขึ้นตามไปด้วย แล้วก็ค่อย ๆ ขึ้นไปเป็นตระกูลที่มีฐานะร่ำรวย!”มิน่า!หลิงอวี๋นึกถึงเงื่อนไขที่ตนเสนอให้หลงอิงก่อนหน้านี้ว่า ให้ไป่หลี่ไห่ขับไล่เขาออกจากสำนักเวลานั้นหลิงอวี๋มิรู้ถึงความแข็งแกร่งของตระกูลเหมียว คิดว่านี่เป็นการกระทำที่จะรักษาชื่อเสียงของไป่หลี่ไห่เอาไว้ตอนนี้เมื่อได้รู้ฐานะของตระกูลเหมียวแล้ว หลิงอวี๋จึงได้รู้ว่าเหตุใดตระกูลเหมียวจึงใช้ผู้รอบรู้แก้แค้นตนฐานะระดับตระกูลเหมียวนี้เรื่องเงินเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องเกียรติต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่หากเหมียวหยางถูกไป่หลี่ไห่ขับไล่ออกจากสำนัก ตระกูลเหมียวจะต้องเสียทั้งเกียรติทั้งศักดิ์ศรี อีกทั้งยังหมายความว่า นับจากนี้จะไม่มีไป่หลี่ไห่คอยสนับสนุนพวกเขาอีกต่อไปด้วยเช่นกันสำหรับตระก
นี่คือสิ่งที่หลิงอวี๋กำลังคิดอยู่ในใจ แต่ผู้รอบรู้กลับมองออกหลิงอวี๋อ้าปากค้างอย่างงุนงง มิรู้ว่าควรจะไปต่ออย่างไร“น้องหญิง วันนั้นพี่ใหญ่เห็นเจ้าตากฝนตัวเปียกโชก แล้วก็เห็นบ้านของเราถูกทำลายพังยับเยิน!”“ตอนนั้นข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกับเจ้า… หากข้ามีความสามารถ ข้าก็จะไปทุบบ้านของเหมียวหยางเช่นกัน!”“หากข้าวางยาพิษเป็น ก็คงมิต้องให้เจ้าลงมือหรอก ข้าจะวางยาพิษเขาด้วยตัวข้าเอง!”ผู้รอบรู้เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่ “ดังนั้น ข้ามิได้รับเคราะห์แทนเจ้า และมิได้ถูกเจ้าทำให้เดือดร้อนด้วย เจ้ามิต้องรู้สึกผิด!”“พี่ใหญ่!”ดวงตาของหลิงอวี๋มีน้ำตาคลอขึ้นอย่างอธิบายมิถูก“ข้าเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เด็ก หลังจากแยกอาจารย์ข้าก็เตร็ดเตร่อยู่ในยุทธภพเพียงลำพัง ไม่มีครอบครัว และไม่มีเป้าหมายใด!”ผู้รอบรู้เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “หลังจากที่ได้รู้จักเจ้า ข้าจึงได้มีบ้านและครอบครัว! ข้าออกไปไหนก็มิต้องกังวลแล้วว่าจะไม่มีบ้านให้กลับ และเมื่อกลับมาก็ยังมีเจ้ารอข้ากินข้าวอยู่!”“น้องหญิง ข้าชอบครอบครัวที่พวกเราสร้างขึ้นมา มันทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าก็มีความห่วงใยและมีเป้าหมายอยู่เช่นกัน ข้าหวังว่าจะหาเงินได้ม
“พี่ใหญ่มู่ เห็ดหยกนี้มีอยู่ที่ภูเขาใดหรือ?”หลิงอวี๋หันไปเอ่ยถามเขาหากซื้อมิได้นางก็จะไปเก็บด้วยตนเอง มิว่าจะยากลำบากแค่ไหน นางจะต้องหาเห็ดหยกมารักษาสิงจั๋วให้จงได้“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”มู่ตงมองหลิงอวี๋ “เจ้าคงมิคิดจะไปเก็บที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์กระมัง! เป็นไปมิได้หรอก!”“มีหลายสาเหตุทีเดียว ประการแรก ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นของราชวงศ์ มิอนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปเก็บสมุนไพรได้ง่าย ๆ!”“ประการที่สอง แม้ว่าท่านหญิงของข้าจะสามารถพูดให้เจ้าและให้เจ้าเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เจ้ารู้หรือว่าจะต้องไปเก็บที่ใด?”“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์มีอยู่สิบแปดยอดเขา ซึ่งแต่ละยอดเขาก็จะมีความสูงชันและอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่พวกตระกูลอู่ที่คอยเฝ้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ ก็ยังมิสามารถสำรวจยอดเขาครบทั้งสิบแปดยอดเขาได้ เจ้าไม่มีทางที่จะหาเห็ดหยกเจอท่ามกลางยอดเขามากมายถึงเพียงนั้นหรอก!”ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มิได้มีเพียงแค่มู่ตงผู้เดียวที่เอ่ยถึงความลึกลับของภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้กับตนวันนั้นเย่หรงก็บอกกับตนว่า จ้าวหรุ่ยหรุ่ยต้องการพานางไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อหาเครื่องยาสมุนไพรมาสลายเลือดเนื้อของนางและก่อน
หลังจากที่พวกเขารับคำสั่งแล้วก็ออกไป แล้วจู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงตะโกนขึ้นมา “หานเหมย เจ้ารอก่อน!”หานเหมยหยุดชะงัก หานอวี้ก็หยุดเช่นกัน จากนั้นทั้งสองคนก็มองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างสงสัย“ตอนที่ข้าจับตัวจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ที่ภูเขาหมางหลิ่ง นางเผลอหลุดปากออกมาเรื่องหนึ่ง… นางบอกว่านางโกหกหลิงอวี๋ว่าน้องสาวนางถูกจับตัวมาขายที่เมืองหลวงแดนเทพ!”แล้วเซียวหลินเทียนก็เอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น “หลิงอวี๋สูญเสียความทรงจำไป และคิดมาตลอดว่าเจ้าคือเสี่ยวอวี้ น้องสาวของนาง! นางมาที่เมืองหลวงแดนเทพก็เพื่อมาตามหาเจ้า!”หานเหมยตะลึง จากนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา “ฝ่าบาททรงหมายความว่าจะให้หม่อมฉันไปเข้าใกล้ฮองเฮาหรือเพคะ?”“อืม ตอนนี้หลิงอวี๋มีความคลางแคลงใจต่อพวกเรา ทว่ากับเจ้านั้นแตกต่างออกไป หลังจากที่นางสูญเสียความทรงจำไปเจ้าก็อยู่กับนางตลอด! จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพูดเช่นนี้แล้ว นางจะต้องเชื่อว่าเป็นจริงแน่ ๆ!”เซียวหลินเทียนมองไปทางหานเหมย “สิ่งที่ข้ามิแน่ใจตอนนี้ก็คือ หลิงอวี๋จำเรื่องอะไรได้บ้าง และนางสงสัยหรือไม่ว่าเจ้ามิใช่น้องสาวของนาง!”“หากเจ้าบุ่มบ่ามไปเข้าใกล้นางเช่นนี้
และหลังจากที่เซียวหลินเทียนรู้เรื่อง สายตาของเขาก็มองไปทางเผยอวี้ ฉินซาน เถาจื่อและคนอื่น ๆ อย่างเย็นชาเมื่อเผยอวี้ถูกมองเช่นนั้นก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัว ฉินซานเองก็เหงื่อแตกพลั่กเช่นกันแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมิได้ก่นด่าออกมา แต่พวกเขาต่างก็รู้สึกกระวนกระวายกันไปหมดในที่สุด เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมา เขาเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึง “วันนี้คนที่ถูกจับตัวไปคือสิงจั๋ว พวกเจ้ารู้สึกว่าโชคดีใช่หรือไม่… เพราะคนที่ถูกจับตัวไปมิใช่ฮองเฮาของพวกเจ้า!”ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ทุกคนต่างก็ยืนก้มหน้าอยู่เช่นนั้นพวกเขาเพิ่งจะรู้ข่าวว่าสิงจั๋วถูกหลงเพ่ยเพ่ยส่งกลับไปที่เรือนเล็กหากคนที่ถูกจับตัวไปเป็นหลิงอวี๋ ศัตรูจะรอจนพวกเขารู้ข่าวก่อนแล้วให้ไปช่วยเหลือหรือ?เช่นนั้นจะยังทันหรือ?“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าติดตามข้าออกมาหลายเดือนแล้ว พวกเจ้าคิดถึงครอบครัวและชีวิตก่อนหน้านี้!”เซียวหลินเทียนเปลี่ยนเป็นตะคอกเสียงแข็ง “หากพวกเจ้ารู้สึกว่ามิคุ้นเคยกับการอยู่แดนเทพ เช่นนั้นใครอยากจะกลับไป ข้าก็จะมิห้าม!”เผยอวี้เหงื่อตก จากนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง“ฝ่าบาท พวกกระหม่อมประมาทละเลย สมควรได้รับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”
เป็นหนี้บุญคุณหนึ่งครั้งก็นับว่าเป็นหนี้ เป็นหนี้บุญคุณสองครั้งก็นับว่าเป็นหนี้เช่นกัน!หลิงอวี๋รับความกรุณาของหลงเพ่ยเพ่ยมาแล้ว เอาไว้ค่อยตอบแทนนางภายหน้าก็แล้วกัน!“ข้าจะไปเตรียมยา พี่ใหญ่มู่ ประเดี๋ยวเจ้าช่วยทายาให้พี่ชายข้าที!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าหน้าอกที่เปลือยเปล่าของผู้รอบรู้นั้นแทบจะไม่มีผิวหนังตรงไหนปกติดีเลย นางจึงจดจำความโหดร้ายของครอบครัวเหมียวหยางไว้ แล้วรีบออกไปเตรียมยานางรีบนำยาทากระปุกใหญ่ที่เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วไปที่ห้องของผู้รอบรู้มู่ตงก็มิได้ปฏิเสธ เขารับยามาแล้วเอ่ยออกไป “แม่นางสิง เมื่อครู่ข้าตรวจดูพี่ชายของเจ้า นอกจากบาดแผลที่ผิวหนังภายนอกเหล่านี้แล้ว แขนซ้ายของเขาก็ถูกตีจนหัก และซี่โครงก็หักไปสองซี่!”“แล้วก็…”ดูเหมือนว่ามู่ตงจะยากที่จะพูดออกมาหลงเพ่ยเพ่ยก็มองไปทางหลิงอวี๋อย่างเห็นใจเช่นกัน“แล้วก็อะไร? พี่ใหญ่มู่พูดออกมาตามตรงเถิด ข้ารับได้ทุกอย่าง!”หลิงอวี๋รู้สึกกังวลขึ้นมา แต่ใบหน้าก็ยังดูสงบอยู่“เชื้อ… เชื้อสายลูกหลานของพี่ใหญ่เจ้าถูกทำลายไปเสียแล้ว ต่อไปอาจจะมิสามารถมีทายาทสืบสกุลให้ตระกูลเจ้าได้แล้ว!”มู่ตงกัดฟันพูดออกมาหลิงอวี๋ราวกั
หลิงอวี๋นั่งอยู่เช่นนั้น มิรู้ว่านั่งอยู่นานเท่าใด เมื่อน้ำมันในตะเกียงหมดลงภายในห้องก็เข้าสู่ความมืดมิด และนางก็มิได้จุดตะเกียงอีกนางนั่งอยู่เงียบ ๆ มิได้หลับทั้งคืนแต่ก็ไม่มีความง่วงเลยแม้แต่น้อยในสมองครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย ในขณะที่กำลังคิดจนเข้าสู่ภวังค์ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก“แม่นางสิง ข้าชื่อไป๋อวี้ เป็นนางรับใช้ของท่านหญิง นางให้ข้านำข้อความมาบอกเจ้า!”หลิงอวี๋ได้สติขึ้นมาทันที จึงวิ่งออกไปเปิดประตูไป๋อวี้คือนางรับใช้ที่หลิงอวี๋พบที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้ก่อนหน้านี้ นางรับใช้ผู้นั้นที่ติดตามหลงเพ่ยเพ่ย นางสูงมาก หลิงอวี๋จึงจำนางได้“ไป๋อวี้ มีข่าวคราวพี่ชายข้าแล้วหรือ?” หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างร้อนใจไป๋อวี้ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ท่านหญิงของข้าลงมือเอง หากไม่มีข่าวอะไร จะมิเป็นการรู้สึกผิดต่อเจ้าหรือ!”“วางใจเถิด เราเจอพี่ชายของเจ้าแล้ว และท่านหญิงก็กำลังพาเขากลับมา นางเกรงว่าเจ้าจะกังวล จึงให้ข้าล่วงหน้ามาบอกเจ้าก่อน!”หลิงอวี๋ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็จ้องแล้วเอ่ยถามออกไป “ผู้ใดจับตัวเขาไป?”รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋อวี้จางหายไป แล้วมองหลิงอวี๋อย่างเห็นอกเห็นใจ “ก็เป็
หลิงอวี๋ออกจากบ้าน แล้วก็ตรงไปที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้นางให้คนเฝ้ายามไปรายงานหลงเพ่ยเพ่ย เมื่อคนเฝ้ายามได้ยินว่านางมาหาหลงเพ่ยเพ่ย ก็รีบส่งคนเข้าไปรายงานในทันทีหลิงอวี๋ยืนอยู่ที่หน้าประตู ก่อนหน้านี้นางเคยผ่านจวนเจ้าแห่งทิศใต้ และรู้สึกเพียงว่าจวนเจ้าแห่งทิศใต้นั้นหรูหรามาก นางมิเคยคาดคิดว่าวันหนึ่งตนจะต้องติดต่อกับจวนเจ้าแห่งทิศใต้หลังจากรอไปสักพัก ก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยพานางรับใช้หนึ่งคนเดินออกมาอย่างรีบร้อนเมื่อหลงเพ่ยเพ่ยเห็นหลิงอวี๋ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง “มีเรื่องอันใดหรือ? มิเช่นนั้นมืดค่ำป่านนี้เจ้าก็คงมิมาหาข้ากระมัง!”ความเฉียบแหลมของหลงเพ่ยเพ่ยทำให้หลิงอวี๋รู้สึกชื่นชมยิ่งนัก นางจึงดึงหลงเพ่ยเพ่ยไปยืนด้านข้าง แล้วเอ่ยเบา ๆ “ข้าอยากให้เจ้าช่วย เวลานี้ข้านึกมิออกว่านอกจากเจ้าแล้วจะมีผู้ใดช่วยข้าได้ ข้าจึงมาหาเจ้า!”“เจ้าอย่าได้กังวล บอกข้ามา หากข้าสามารถช่วยได้ข้าก็จะช่วยอย่างแน่นอน!” หลงเพ่ยเพ่ยเอ่ยปลอบใจหลิงอวี๋หายใจเข้าลึก ๆ ระหว่างทางที่มานางได้เตรียมคำพูดไว้แล้ว จึงเอ่ยออกไป “เจ้าก็รู้ว่าข้ามาหาโอกาสที่เมืองหลวงแดนเทพกับพี่ใหญ่ของข้า และพี่ใหญ่ก็เป็นญาติเพียงคนเดี
หลิงอวี๋ยิ้มออกมา ต่อให้นางใจดีแค่ไหนก็มีขอบเขตของตน ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นกับดักแล้วตนจะพาตัวเองเข้าไปได้อย่างไรกัน!หากตนรู้จักฮูหยินเฉิง บางทีอาจจะเสี่ยงไปช่วยชีวิตนาง!แต่ตนกับฮูหยินเฉิงมิได้รู้จักกัน มิรู้ด้วยซ้ำว่านางเป็นคนดีหรือคนเลวแม้ว่าจะเห็นใจฮูหยินเฉิงที่ต้องประสบความทรมานของการเจ็บป่วย แต่นางก็มิใช่แม่พระ มิสามารถไปช่วยชีวิตทุกคนที่เจ็บป่วยได้หรอก!หลิงอวี๋ครุ่นคิดแล้วเอ่ยกับเย่หรง “ในช่วงสองวันนี้ท่านคอยติดตามอาการป่วยของฮูหยินเฉิงไว้ และไปตรวจสอบตัวตนของแม่ทัพเฉิงให้ละเอียดอีกสักหน่อย!”“หากเขาสามารถเป็นสายลับให้ท่านไปช่วยมารดาของท่านออกมาได้จริง ๆ ข้าจะหาวิธีตามหาหลิงอวี๋มาช่วยชีวิตนาง!”สำหรับเย่หรงแล้ว คนที่สำคัญที่สุดนั้นคือมารดาของเขาหากมั่นใจได้ว่าแม่ทัพเฉิงยินดีจะช่วยเป็นสายลับให้เย่หรง ต่อให้หลิงอวี๋ต้องเสี่ยงอันตรายก็จะช่วยเย่หรงทำสิ่งนี้“เจ้ามีวิธีตามหานางหรือ?”เย่หรงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“พี่ชายข้าเก่งเรื่องการสืบหาข่าวมาก บางทีคนที่ผู้อื่นหามิเจอ เขาอาจจะตามหาเจอก็ได้!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “เอาตามนี้ก่อนแล้วกัน หากแม่ทัพเฉิงมิควรเชื่อ