คำพูดนี้ของหลิงอวี๋มีความถากถางอยู่ แต่น้ำเสียงกลับมิได้แสดงออกมาชัดเจนแม้แต่น้อยกล้าให้ขันทีน้อยเซี่ยมาเรียกตนไปรินเหล้า นางมิแสดงออกกับเซียวหลินเทียนก็เกรงใจมากแล้วเพราะตนยังมิได้เตรียมทางหนีทีไล่ไว้อย่างดี หลิงอวี๋จึงมิอยากฉีกหน้าเซียวหลินเทียนตอนนี้เซียวหลินเทียนลืมเรื่องที่เมื่อคืนให้ขันทีน้อยเซี่ยถ่ายทอดพระราชโองการไปแล้ว และแม้ว่าจะจำได้ เขาก็คิดว่าขันทีน้อยเซี่ยมิได้มาถ่ายทอดก็มิได้สร้างความอับอายให้หลิงอวี๋“อาอวี๋ เจ้าอย่าเป็นเช่นนี้เลย ข้า… ข้ามาขอโทษ!”เซียวหลินเทียนเอ่ยพลางยิ้มขมขื่น “ข้าขอโทษ วันนั้นข้ามิควรทะเลาะกับเจ้า เรื่องที่เจ้าปิดบังข้าทั้งหมดนั้นข้ามิโทษเจ้า เป็นข้าเองที่ทำดีมิพอ! ทำให้เจ้ายังมิสามารถเชื่อข้าได้ทั้งหมด!”“ต่อไปข้าจะมิเอ่ยถามเรื่องนี้แล้ว รอให้วันไหนที่เจ้ารู้สึกว่าข้าทำดีมากพอให้เจ้าเชื่อได้แล้ว เจ้าสามารถเลือกได้ว่าจะบอกหรือมิบอกข้า!”หากคำพูดนี้ของเซียวหลินเทียนมาบอกกับหลิงอวี๋ตั้งแต่ก่อนเมื่อวาน หลิงอวี๋อาจจะซาบซึ้งแต่เมื่อเกิดเรื่องที่เซียวหลินเทียนดื่มเหล้ากับสวีเนี่ยนจือแล้วยังคิดจะสั่งให้ตนไปดูพวกเขาอี๋อ๋อกันอีก หลิงอวี๋จึงมิรู้
“ได้!”หลิงอวี๋มิได้อยากพบเซียวหลินเทียนอยู่แล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าเห็นด้วยหลิงซวนกำลังจะออกไป จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็เอ่ยขึ้นมา “ประเดี๋ยวก่อน!”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่เมื่อวานกุ้ยเหรินทั้งสองแย่งชิงกันปรากฏตัวต่อหน้าเซียวหลินเทียนอู๋จื่อผิงออกมาตอนกลางวันแล้วก็ตกน้ำ และตอนเย็นสวีเนี่ยนจือก็ไปเอาอกเอาใจเซียวหลินเทียนสวีเนี่ยนจือผู้นี้เมื่อก่อนตอนที่อยู่ตำหนักอ๋องอี้มิได้มีความปรารถนาใดมิใช่หรือ?ตอนนี้ทนมิไหวแล้วหรือ? หรือว่ามีคนสั่งการ?“เมื่อวานกุ้ยเหรินสวีเรียกร้องความสนใจองค์จักรพรรดิอย่างไร?” หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างอยากรู้หลิงซวนสืบมาอย่างชัดเจนแล้วจึงเล่าเรื่องที่สวีเนี่ยนจือดีดฉินที่ศาลาตรงสระน้ำดึงดูดความสนใจของเซียวหลินเทียนออกไปหลิงอวี๋ฟังแล้วก็กระตุกมุมปากเยาะเย้ย ดูท่าทางสวีเนี่ยนจือผู้นี้จะมีชั้นเชิงกว่าอู๋จื่อผิง!วิธีการถอยหลังเพื่อก้าวหน้านี้ใช้ได้ผลกับบุรุษเช่นเซียวหลินเทียนยิ่งกว่าการเข้าหาตรง ๆ หลิงอวี๋มองทะลุไปถึงธาตุแท้ แต่มิได้คิดว่าเรื่องราวจะง่ายดายเช่นนี้“หลิงซวน คนรับใช้ที่อู๋จื่อผิงกับสวีเนี่ยนจือพาเข้าวังมาด้วยครานี้มีใครบ้าง?”หลิงซวนม
“ฝ่าบาท ฮองเฮาตรัสว่าพระนางประชวร ยามเย็นพระองค์มิจำเป็นต้องเสด็จไปที่พระตำหนักคุนหนิงแล้ว ให้เรียกกุ้ยเหรินทั้งสองมาปรนนิบัติพ่ะย่ะค่ะ!”ขันทีน้อยเซี่ยรอให้เซียวหลินเทียนจัดการงานราชการเสร็จแล้วจึงรายงานเซียวหลินเทียนตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ความรู้สึกผิดปกติรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายเขาก็เรียกสติกลับมาได้ความโกรธที่หลิงอวี๋มีต่อตนยังมิได้คลายไป มิฉะนั้นนางไม่มีทางพูดออกมาว่าให้ตนเรียกกุ้ยเหรินทั้งสองมาปรนนิบัติเมื่อคิดลึกซึ้งลงไปอีกหน่อย ตอนนี้หลิงอวี๋ควบคุมดูแลวังหลัง เช่นนั้นเรื่องที่ตนดื่มเหล้ากับกุ้ยเหรินสวีที่ห้องอาหารเมื่อคืน หลิงอวี๋ก็น่าจะรู้แล้วเช่นกันเซียวหลินเทียนรู้สึกผิดขึ้นมา เรื่องนี้เขามิได้พูดกับหลิงอวี๋แต่หลิงอวี๋จะต้องมีความคิดแล้วแน่นอน!“ไปพระตำหนักคุนหนิง!”เซียวหลินเทียนลุกขึ้นอย่างรีบร้อนกลับไปเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาที่ห้องแล้วเดินออกไปเดินไปได้ครึ่งทาง เซียวหลินเทียนก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมา จากนั้นจึงรีบกลับไปที่ห้องทรงพระอักษรแล้วก้มหน้าก้มตาเขียนพระราชโองการขันทีน้อยเซี่ยแปลกใจ องค์จักรพรรดิจะทำสิ่งใดกัน เหตุใดจึงเขียนพระราชโองการซ้ำ ๆ!กระทั่งมาถึง
หลิงอวี๋เปิดดูม้วนหนึ่งอย่างสงสัย ทันทีที่เห็นก็ตะลึงไปนี่คือหนังสือรับรอง!หนังสือรับรองคือใบรับรองที่จักรพรรดิในสมัยต่าง ๆ มอบให้ขุนนางผู้มีความชอบในสมัยต่าง ๆ ให้ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ หรือเป็นการละเว้นโทษ มิว่าจะทำผิดในเรื่องใดก็สามารถใช้หนังสือนี้รับอภัยโทษได้เซียวหลินเทียนเขียนมอบให้ตนมากมายถึงเพียงนี้ นี่สามารถแลกได้ตั้งกี่ชีวิต!“อาอวี๋ เมื่อมีสิ่งนี้ก็สามารถรับรองจิตใจของข้าที่มีต่อเจ้าได้แล้วกระมัง!”เซียวหลินเทียนคิดอยู่นานก็คิดมิออกว่าจะทำอย่างไรให้หลิงอวี๋สบายใจ เมื่อครู่คิดเรื่องหนังสือรับรองออกจึงได้กลับไปเขียน“ข้ารู้ว่าต่อให้พูดดีแค่ไหนก็มิสู้การกระทำ! เจ้าดูการกระทำของข้าต่อจากนี้เถิด!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างซื่อตรง “ข้ารับรองว่าต่อไปข้าจะมิไปดื่มเหล้ากับกุ้ยเหรินสวีอีกแล้ว ข้าไม่มีทางเอาพวกนางมาทำให้เจ้าโกรธอีก!”“อาอวี๋ ข้า… ข้าค่อนข้างซื่อบื้อในเรื่องของความรู้สึก ข้าชอบเป็นสหายกับคนฉลาด นั่นก็เพราะว่าสื่อสารกันง่าย!”“แต่เรื่องจิตใจของสตรีนั้นข้าไร้ประสบการณ์นัก… เจ้าอย่าได้รังเกียจที่ข้าโง่เขลาเลย หากเจ้าเตือนข้ามากหน่อย ข้าก็จะเข้าใจได้!”หน้าของหลิ
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องวัวนม มีบางเรื่องที่หลิงอวี๋ต้องพูดถึงอย่างไรตนก็มีหนังสือรับรองที่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้มากมายถึงเพียงนี้ ชีวิตนี้ก็คงมิอาจไปจากฉินตะวันตกได้แล้ว เช่นนั้นนางจึงต้องทำเพื่อประโยชน์ของฉินตะวันตกเสียหน่อยเมื่อทุกคนมีชีวิตที่ดี ต่อไปเซียวเยวี่ยก็จะสบาย“เซียวหลินเทียน นมที่คั้นมาจากวัวนมนั้นมีประโยชน์มาก ยามนี้ท่านพัฒนาเรื่องเกษตรกรรม ก็ควรจะพัฒนาเรื่องห่วงโซ่อุตสาหกรรมอย่างรอบด้านด้วย!”หลิงอวี๋เผยแพร่เรื่องผลผลิตจากนมวัวให้เซียวหลินเทียนฟัง การพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมเหล่านี้มิเพียงแต่จะช่วยเพิ่มรายได้ของเกษตรกร แต่ยังสามารถกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจอื่น ๆ ได้ด้วยเซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ประหลาดใจ เขามิเคยคิดมาก่อนเลยว่านมวัวที่ตนมิชอบจะสามารถทำผลิตภัณฑ์ได้มากถึงเพียงนี้เมื่อคิดดูแล้ว หากทำตามที่หลิงอวี๋พูดออกมา แล้วขายไปในแคว้นอื่น ๆ ก็สามารถสร้างรายได้ให้ฉินตะวันตกได้เวลานี้ เซียวหลินเทียนมิกล้าเอ่ยถึงเรื่องที่มาของนโยบายแคว้นของหลิงอวี๋อีก เขาคิดว่าท่านจินต้าพูดถูกความคิดที่คาดคิดมิถึงของหลิงอวี๋เหล่านี้มิว่าจะไปเรียนมาจากที่ใด แต่นางมาบอกตน เจตนาเดิมก็คือหวั
งานอภิเษกสมรสขององค์ชายคังกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยคุณหนูตระกูลจ้าวมิได้ด้อยไปกว่าการมอบสินสอดทองหมั้นในวันนั้นองค์ชายคังจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ปูพรมแดงถนนหลายสายตั้งแต่ตำหนักองค์ชายคังไปจนถึงบ้านตระกูลจ้าวตอนที่ไปรับเจ้าสาวก็มีเด็กหญิงเด็กชายหลายสิบคนโปรยดอกไม้ไปตามทาง และยังมีทหารของแม่ทัพฟางคอยรักษาความสงบตลอดทางด้วยเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วจึงไปอาบน้ำแต่งตัว เพื่อเตรียมไปร่วมพิธีอภิเษกสมรสที่ตำหนักองค์ชายคังหลิงอวี๋สวมชุดงานมงคลลายห้าหงส์สีแดงกุหลาบปักด้ายทอง ที่มวยผมทั้งสองด้านปักปิ่นปักผมรูปหงส์คู่สีทอง ตรงกลางเป็นเครื่องประดับดอกโบตั๋นสีทอง ดูสง่างามเป็นอย่างมากหลิงซวนกับหานอวี้กำลังแต่งตัวให้นางอยู่ก็ได้ยินเสียงรายงานจากด้านนอก “ฝ่าบาทเสด็จแล้ว!”“ยังเช้าอยู่เลย เหตุใดองค์จักรพรรดิถึงเสด็จมาแล้วเล่า!”หลิงอวี๋ค่อนข้างแปลกใจ จึงให้หลิงซวนหยุดแล้วเดินออกไปรับเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนเปลี่ยนเป็นชุดงานมงคลแล้ว เขาสวมชุดจักรพรรดิสีทองอร่าม มือทั้งสองถือกล่องใบใหญ่ใบหนึ่ง เมื่อเห็นหลิงอวี๋ก็เข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม“อาอวี๋ ข้าว่าตั้งแต่ที่เจ้าเข้าวังมาก็มิได้แต
เพราะต้องไปร่วมพิธีอภิเษกขององค์ชายคัง หลิงอวี๋จึงไม่มีเวลาศึกษากำไลหยก นางจึงตกแต่งด้วยเครื่องหน้าผมที่เซียวหลินเทียนมอบให้ด้วยความร่วมมือกันของพวกหลิงซวนเมื่อสวมมงกุฎไข่มุกหงส์สีม่วงทองแล้ว ความรู้สึกสูงศักดิ์สง่างามที่มิอาจระงับได้ของหลิงอวี๋ก็ท่วมท้นขึ้นมาในทันทีต่างจากความหรูหราสง่างามเมื่อครู่ หลิงอวี๋ในเวลานี้ราวกับเทพธิดาที่ผู้สูงสง่าอยู่เหนือทุกคน และมีความสูงส่งมากงดงามยิ่งนัก!เซียวหลินเทียนมองตะลึง รู้สึกว่าหลิงอวี๋ในวันนี้ดูมีสง่าราศียิ่งกว่าวันที่แต่งตั้งฮองเฮาเสียอีกหากหลิงอวี๋ที่เป็นเช่นนี้ไปที่ตำหนักองค์ชายคัง ผู้ใดยังจะกล้าหัวเราะว่าสินสอดของนางในวันนั้นสู้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิได้อีกหลิงซวนรู้สึกคลายความโกรธลง ความโกรธที่มีต่อเซียวหลินเทียนก่อนหน้านี้ได้ลบล้างไปแล้วนางตั้งใจออกไปบอกให้ลู่หนานเปลี่ยนเป็นรถม้าพระที่นั่งแบบเปิด อยากจะให้รูปลักษณ์ของหลิงอวี๋เช่นนี้ไปร่วมงานแล้วตบหน้าคนที่หัวเราะเยาะหลิงอวี๋เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋มิรู้ความคิดเช่นนี้ของหลิงซวน เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาแล้วจึงขึ้นรถม้าพระที่นั่ง แล้วมุ่งไปยังตำหนักองค์ชายคังโดยที่มีกองทัพหลวงเปิดทา
นับวันจ้าวฮุยก็ยิ่งมิชอบองค์ชายคัง รู้สึกว่าองค์ชายคังมิได้มีความสามารถอะไรช่วงนี้เขาสนับสนุนองค์ชายคังก็มิได้มีความเชื่อมั่นในใจแล้วแต่ความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของจ้าวฮุยก็คือไม่มีลูกชาย ฮูหยินจ้าวมีแต่ลูกสาวให้ตนทั้งสองคนเหล่าอนุภรรยาก็มีลูกสาวอดีตจ้าวฮุยไปหาปรมาจารย์ให้ดูดวงให้ เขาบอกว่าชีวิตของตนถูกลิขิตมาว่าจะไม่มีลูกชายเขาเองก็เคยหวั่นใจ คิดจะหาเด็กชายในตระกูล แต่เด็กที่เฉลียวฉลาดในตระกูลมีมิมาก ดูไปดูมาก็ยังสู้ลูกสาวสองคนของตนมิได้จ้าวฮุยมิอยากให้ชื่อเสียงของตนถูกทำลายไปชั่วชีวิตจึงตัดความคิดนี้ไปการตายของจ้าวเจินเจินคราวนี้ยิ่งทำให้จ้าวฮุยมองเห็นถึงความเย็นชาขององค์ชายคังกับไท่เฟยเส้าแม้ว่าเขาจะเรียกลูกสาวของตนกลับมา แต่มิได้วางแผนที่จะให้นางอุทิศตนให้องค์ชายคังอย่างมิเห็นแก่ตัวดังเช่นจ้าวเจินเจินอีกการให้ค่าตอบแทนเท่าเทียมกันของขุนนางชายหญิงที่หลิงอวี๋ผลักดัน ทำให้จ้าวฮุยหวั่นใจบุรุษสามารถเป็นจักรพรรดิได้ สตรีก็เป็นได้เช่นกันจ้าวหรุ่ยหรุ่ยลูกสาวของตนเหนือกว่าองค์ชายคังมากทั้งทักษะและปัญญา เช่นนั้นเหตุใดจะมิสามารถแทนที่ได้เล่า!ดังนั้น จ้าวฮุยเพีย
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต