เพราะต้องไปร่วมพิธีอภิเษกขององค์ชายคัง หลิงอวี๋จึงไม่มีเวลาศึกษากำไลหยก นางจึงตกแต่งด้วยเครื่องหน้าผมที่เซียวหลินเทียนมอบให้ด้วยความร่วมมือกันของพวกหลิงซวนเมื่อสวมมงกุฎไข่มุกหงส์สีม่วงทองแล้ว ความรู้สึกสูงศักดิ์สง่างามที่มิอาจระงับได้ของหลิงอวี๋ก็ท่วมท้นขึ้นมาในทันทีต่างจากความหรูหราสง่างามเมื่อครู่ หลิงอวี๋ในเวลานี้ราวกับเทพธิดาที่ผู้สูงสง่าอยู่เหนือทุกคน และมีความสูงส่งมากงดงามยิ่งนัก!เซียวหลินเทียนมองตะลึง รู้สึกว่าหลิงอวี๋ในวันนี้ดูมีสง่าราศียิ่งกว่าวันที่แต่งตั้งฮองเฮาเสียอีกหากหลิงอวี๋ที่เป็นเช่นนี้ไปที่ตำหนักองค์ชายคัง ผู้ใดยังจะกล้าหัวเราะว่าสินสอดของนางในวันนั้นสู้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิได้อีกหลิงซวนรู้สึกคลายความโกรธลง ความโกรธที่มีต่อเซียวหลินเทียนก่อนหน้านี้ได้ลบล้างไปแล้วนางตั้งใจออกไปบอกให้ลู่หนานเปลี่ยนเป็นรถม้าพระที่นั่งแบบเปิด อยากจะให้รูปลักษณ์ของหลิงอวี๋เช่นนี้ไปร่วมงานแล้วตบหน้าคนที่หัวเราะเยาะหลิงอวี๋เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋มิรู้ความคิดเช่นนี้ของหลิงซวน เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาแล้วจึงขึ้นรถม้าพระที่นั่ง แล้วมุ่งไปยังตำหนักองค์ชายคังโดยที่มีกองทัพหลวงเปิดทา
นับวันจ้าวฮุยก็ยิ่งมิชอบองค์ชายคัง รู้สึกว่าองค์ชายคังมิได้มีความสามารถอะไรช่วงนี้เขาสนับสนุนองค์ชายคังก็มิได้มีความเชื่อมั่นในใจแล้วแต่ความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของจ้าวฮุยก็คือไม่มีลูกชาย ฮูหยินจ้าวมีแต่ลูกสาวให้ตนทั้งสองคนเหล่าอนุภรรยาก็มีลูกสาวอดีตจ้าวฮุยไปหาปรมาจารย์ให้ดูดวงให้ เขาบอกว่าชีวิตของตนถูกลิขิตมาว่าจะไม่มีลูกชายเขาเองก็เคยหวั่นใจ คิดจะหาเด็กชายในตระกูล แต่เด็กที่เฉลียวฉลาดในตระกูลมีมิมาก ดูไปดูมาก็ยังสู้ลูกสาวสองคนของตนมิได้จ้าวฮุยมิอยากให้ชื่อเสียงของตนถูกทำลายไปชั่วชีวิตจึงตัดความคิดนี้ไปการตายของจ้าวเจินเจินคราวนี้ยิ่งทำให้จ้าวฮุยมองเห็นถึงความเย็นชาขององค์ชายคังกับไท่เฟยเส้าแม้ว่าเขาจะเรียกลูกสาวของตนกลับมา แต่มิได้วางแผนที่จะให้นางอุทิศตนให้องค์ชายคังอย่างมิเห็นแก่ตัวดังเช่นจ้าวเจินเจินอีกการให้ค่าตอบแทนเท่าเทียมกันของขุนนางชายหญิงที่หลิงอวี๋ผลักดัน ทำให้จ้าวฮุยหวั่นใจบุรุษสามารถเป็นจักรพรรดิได้ สตรีก็เป็นได้เช่นกันจ้าวหรุ่ยหรุ่ยลูกสาวของตนเหนือกว่าองค์ชายคังมากทั้งทักษะและปัญญา เช่นนั้นเหตุใดจะมิสามารถแทนที่ได้เล่า!ดังนั้น จ้าวฮุยเพีย
ทางด้านหลิงอวี๋กำลังเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่ง จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเองก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนของพลังวิญญาณของหลิงอวี๋ นางค่อนข้างตกใจ หลิงอวี๋ก็เป็นผู้ฝึกฝนเช่นกันหรือ?อีกทั้งดูเหมือนว่าการฝึกพลังวิญญาณจะถึงดินแดนที่สี่แล้วด้วย?สิ่งนี้ทำให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ยิ้มออกมาอย่างเหยียดหยามหลิงอวี๋เพิ่งจะดินแดนที่สี่ ตนเองอยู่ระดับสูงของดินแดนที่หกแล้ว ขอเพียงตนเองบรรลุผ่านดินแดนที่หกไปก็จะเป็นดินแดนที่เจ็ดอาจารย์บอกไว้แล้วว่า หากถึงดินแดนที่เจ็ด แผ่นดินใหญ่ทั้งสี่แคว้นนี้ก็จะไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของตน!นางจ้าวหรุ่ยหรุ่ยคือคนที่อาจารย์ยกย่องว่ามีปัญญามาก คุณหนูตระกูลขุนนางเช่นหลิงอวี๋ การถึงดินแดนที่สี่ก็เป็นขั้นสุดที่นางฝึกฝนแล้ว!นางไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของตนได้แน่!และความผันผวนของพลังวิญญาณบนร่างของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับหลิงอวี๋นั้นเซียวหลินเทียนก็สัมผัสได้ สีหน้าของเขาจึงเรียบเฉยลงดังเช่นหลิงอวี๋ แรกเริ่มเขาตกใจที่ลูกสาวของจ้าวฮุยเป็นผู้บำเพ็ญตนเช่นกัน จากนั้นก็ตระหนักได้ว่า การที่จ้าวฮุยให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยแต่งงานกับองค์ชายคังมิเพียงแต่เป็นการเชื่อมความสัม
“จ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้นี้มิธรรมดา!”เมื่อพิธีเสร็จสิ้น หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนก็กลับวังหลวง เพิ่งจะนั่งรถม้าพระที่นั่งทั้งสองก็เอ่ยปากขึ้นมาโดยพร้อมกันอย่างรู้ใจ“อาอวี๋ การฝึกพลังวิญญาณของนางดูเหมือนจะเหนือกว่าของข้ากับเจ้า!”เซียวหลินเทียนเพิ่งจะบรรลุดินแดนที่สี่ แต่สามารถสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเหนือกว่าตนไปมาก“ระดับสูงของระดับหก!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาตรง ๆ“หา! เช่นนั้นอีกมินานก็จะบรรลุไปถึงดินแดนที่เจ็ดแล้วมิใช่หรือ?”เซียวหลินเทียนตกใจ เขาเพิ่งจะอยู่ในระดับต้นของดินแดนที่สี่ หลิงอวี๋อยู่ระดับสูงของดินแดนที่ห้า มิใช่ระดับเดียวกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย!“อย่าเพิ่งตื่นตูมไปเพคะ!”หลิงอวี๋ยิ้มอย่างปลอบใจ “แม้ว่าจะเป็นระดับสูง ทว่าหากต้องการจะบรรลุดินแดนที่เจ็ดก็มิใช่เรื่องที่ง่ายถึงเพียงนั้น!”“อีกทั้ง จ้าวหรุ่ยหรุ่ยถูกส่งตัวออกไปตั้งแต่เล็ก ร่ำเรียนมาหลายปีจึงได้มีโชคเช่นนี้ มินับว่าเป็นอะไรหรอกเพคะ!”หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเพิ่งจะฝึกฝนกันช่วงนี้มิกี่เดือน สามารถเลื่อนขั้นไปถึงดินแดนที่สี่ได้อย่างรวดเร็วก็นับว่ามีพรสวรรค์มากแล้ว!“ตอนนั้นขันทีโม่เคยบอกไว้ว่า คนจำนวน
เซียวหลินเทียนได้ยินคำถามของหลิงอวี๋ก็หัวเราะเบาพลางเอ่ย “อาอวี๋รู้จักข้าดีจริง ๆ!”“ใช่แล้ว ข้าคาดการณ์ไว้ว่าจ้าวฮุยจะส่งมือสังหารไปสังหารใต้เท้าจาง จึงให้คนของค่ายกองทหารเสือซุ่มอยู่ล่วงหน้า สิ่งที่พวกเขาทำคือสังหารคนของจ้าวฮุย ทำให้จ้าวฮุยสูญเสียกำลังคน!”“ในขณะเดียวกัน คนของค่ายกองทหารเสือก็แสร้งเป็นมือสังหารช่วยใต้เท้าจางออกไป คนเหล่านี้จะแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งอยากสังหารใต้เท้าจาง และอีกกลุ่มก็ช่วยชีวิตเขา!”หลิงอวี๋เข้าใจ “เช่นนี้ใต้เท้าจางก็จะคิดว่า จ้าวฮุยอยากจะสังหารเขาเพื่อปิดปากและจะตัดความคาดหวังที่มีต่อจ้าวฮุยไป จากนั้นก็สารภาพความผิดของจ้าวฮุยกับองค์ชายคังออกมา!”เซียวหลินเทียนพยักหน้าอย่างชื่นชม “มิเพียงเท่านี้ ข้ายังให้คนกระจายข่าวออกไปว่าใต้เท้าจางถูกจ้าวฮุยกับองค์ชายคังสังหารเพื่อปิดปากด้วย!”“นี่เพื่อข่มขวัญพวกคนที่จ้าวฮุยใช้งาน ให้พวกเขาเห็นใจกัน ต่อไปเมื่อทำงานให้จ้าวฮุยก็จะระวังตัว!”ใต้เท้าจางโกงกินเงินไปมากมายถึงเพียงนั้น ตายไปก็มิสาสมกับที่ทำเมื่อเทียบกับการเอาตัวเขาออกไปตัดหัวต่อหน้าธารกำนัลแล้ว เซียวหลินเทียนใช้การตายของเขาไปสร้างความแตกแยกพวกจ้า
หลิงอวี๋หลับตาลงแม้ว่าการตั้งครรภ์ถึงสามเดือนจะยังมิแน่นอน แค่ได้รับความตกใจก็อาจจะทำให้แท้งได้แต่หลิงอวี๋มิเชื่อเด็ดขาดว่าการที่สุ่ยหลิงตบไปสิบครั้งจะทำให้เฝิงฉินแท้งยิ่งไปกว่านั้น เฝิงฉินสามารถติดตามขบวนเดินทางยาวนานจากสิงหยางมาถึงเมืองหลวงได้ โดยที่ตลอดทางเด็กมิเป็นอะไร ถูกตบสิบครั้งจะทำให้แท้งได้อย่างไร!แต่ตอนนี้ ลูกของเฝิงฉินมิอยู่แล้วจริง ๆ!หลิงเสียงกังยังนึกเรื่องเมื่อก่อนมิออก นี่ก็เท่ากับลูกคนแรกของเขากับเฝิงฉินเมื่อเด็กมิอยู่แล้ว นางจะมิโกรธเคืองตน นางซุนและหลิงหว่านได้อย่างไร!หลิงอวี๋ยังคิดที่จะใช้เงินมาแยกเฝิงฉินกับหลิงเสียงกังออกจากกัน ไหนเลยจะคิดว่าเฝิงฉิน...เดี๋ยวนะ!จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็ตื่นเต้นขึ้นมา หากเฝิงฉินอยากจะมัดใจของหลิงเสียงกัง การใช้เด็กที่ยังมิเกิดมาก็เห็นได้ชัดว่าวิธีนี้อ่อนแอไปหน่อยตนยังบอกหลิงหว่านเลยว่า เด็กที่ยังมิเกิดเทียบมิได้กับนางที่สามารถพูดได้คล่องแคล่วเฝิงฉินจะต้องคาดการณ์ถึงจุดนี้ ดังนั้นจึงชิงลงมือกับตนก่อนโดยการทำให้เด็กแท้งยังมีสิ่งใดที่จะมัดใจของหลิงเสียงกังได้ดีไปกว่าความเจ็บปวดร่วมกันของการสูญเสียลูกเล่า!ดูจากตอนนี้ ควา
คำพูดของหลิงซวนปลอบใจหลิงอวี๋ได้ทันที นางไม่มีสิ่งใดที่ผิดต่อป้าสะใภ้ใหญ่กับหลิงหว่าน และมิเคยทำเรื่องร้ายแรงหากป้าสะใภ้ใหญ่มิรับน้ำใจ และจะประนีประนอมให้ได้นางเองก็หมดหนทาง อย่างมากที่สุดก็มิเข้าไปยุ่งเรื่องของพวกเขาอีกหลายวันต่อมา เซียวหลินเทียนให้พวกจ้าวซวนไปซื้อวัวนมหลายตัวเข้ามาเลี้ยงที่คอกม้าในวังจริง ๆและด้วยเหตุนี้เขายังตั้งใจเชิญคู่สามีภรรยาที่มีความถนัดในการเลี้ยงวัวนมมาดูแลวัวเหล่านี้ด้วยหลังจากที่เซียวเยวี่ยรู้ พอเลิกเรียนก็พาเซี่ยเหวยกับฉีเต๋อมาดูวัวนมทันทีหลิงอวี๋เองก็พาพวกหลิงซวนมาดูสถานการณ์ของวัวนมเช่นกันเห็นได้ชัดว่าจ้าวซวนมีความพยายามมาก วัวนมที่ซื้อมาล้วนมีสุขภาพที่ดีมากสามีภรรยาที่ดูแลวัวนั้นสกุลหลิว อายุประมาณห้าสิบป้าหลิวรีดนมวัวไปแล้วถังหนึ่ง เซียวเยวี่ยเห็นนมวัวสีขาว ๆ ก็นึกถึงที่หลิงอวี๋บอกว่าสามารถทำอาหารดี ๆ ได้มากมาย เขาจึงมองหลิงอวี๋พลางเอ่ย“ท่านแม่ ท่านรีบทำอาหารอร่อย ๆ ให้พวกเราเถิดขอรับ เยวี่ยเยวี่ยอยากชิมอาหารเลิศรสที่ท่านแม่บอก ดูว่าจะอร่อยอย่างที่ท่านแม่บอกไว้จริง ๆ หรือไม่!”หลิงอวี๋ยิ้มพลางบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา “เจ้าลูกแมวตะกละ วั
เมื่อมีงานเลี้ยงนมวัวมื้อนี้ เซียวหลินเทียนก็มีความเชื่อมั่นในการผลักดันการเพาะเลี้ยงวัวนมอย่างเต็มเปี่ยมเขาให้ฉินซานหาทุ่งนาที่เหมาะกับการเพาะเลี้ยง พลางเตรียมการประชุมของแคว้นเล็ก ๆ ไปด้วยเรื่องที่ใต้เท้าจางถูกลอบสังหารที่เรือนจำกรมอาญาแพร่ออกไปแล้วจ้าวฮุยยังคิดว่าตนทำสำเร็จแล้ว แม้ว่าจะสูญเสียมือสังหารไปมิน้อย แต่สามารถกำจัดใต้เท้าจางได้ ทำให้เขาปิดปากไปตลอดกาล เช่นนี้ก็คุ้มค่าแล้วจ้าวฮุยมิรู้ว่าการตายของใต้เท้าจางทำให้ขุนนางผู้ใหญ่ที่ติดตามองค์ชายคังเกิดความรู้สึกเห็นใจพวกเดียวกันผู้ที่ฉลาดต่างก็รู้ว่าเงินที่ใต้เท้าจางยักยอกจำนวนมากไปอยู่ที่ใต้เท้าจางกับองค์ชายคัง แต่เมื่อเกิดเรื่องกับใต้เท้าจาง จ้าวฮุยกับองค์ชายคังมิเคยคิดจะช่วยเขาทั้งยังสังหารเพื่อปิดปากอีกด้วยใต้เท้าจางทุ่มเททำงานให้พวกเขา แต่กลับมิได้จบลงด้วยดี เช่นนั้นเหตุใดต้องทุ่มเทอดทนทำงานเพื่อพวกเขาอีกเล่า!กอปรกับสินสอดที่องค์ชายคังมอบให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยและการจัดงานแต่งงานที่หรูหราฟุ่มเฟือย สิ่งเหล่านี้หากคำนวณดูก็เป็นเงินที่ใต้เท้าจางหามาเพื่อพวกเขาอย่างยากลำบาก!สิ่งที่ยิ่งทำให้เหล่าขุนนางเหล่านี้ผิดหวังก็ค
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต