หลิงอวี๋หลับตาลงแม้ว่าการตั้งครรภ์ถึงสามเดือนจะยังมิแน่นอน แค่ได้รับความตกใจก็อาจจะทำให้แท้งได้แต่หลิงอวี๋มิเชื่อเด็ดขาดว่าการที่สุ่ยหลิงตบไปสิบครั้งจะทำให้เฝิงฉินแท้งยิ่งไปกว่านั้น เฝิงฉินสามารถติดตามขบวนเดินทางยาวนานจากสิงหยางมาถึงเมืองหลวงได้ โดยที่ตลอดทางเด็กมิเป็นอะไร ถูกตบสิบครั้งจะทำให้แท้งได้อย่างไร!แต่ตอนนี้ ลูกของเฝิงฉินมิอยู่แล้วจริง ๆ!หลิงเสียงกังยังนึกเรื่องเมื่อก่อนมิออก นี่ก็เท่ากับลูกคนแรกของเขากับเฝิงฉินเมื่อเด็กมิอยู่แล้ว นางจะมิโกรธเคืองตน นางซุนและหลิงหว่านได้อย่างไร!หลิงอวี๋ยังคิดที่จะใช้เงินมาแยกเฝิงฉินกับหลิงเสียงกังออกจากกัน ไหนเลยจะคิดว่าเฝิงฉิน...เดี๋ยวนะ!จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็ตื่นเต้นขึ้นมา หากเฝิงฉินอยากจะมัดใจของหลิงเสียงกัง การใช้เด็กที่ยังมิเกิดมาก็เห็นได้ชัดว่าวิธีนี้อ่อนแอไปหน่อยตนยังบอกหลิงหว่านเลยว่า เด็กที่ยังมิเกิดเทียบมิได้กับนางที่สามารถพูดได้คล่องแคล่วเฝิงฉินจะต้องคาดการณ์ถึงจุดนี้ ดังนั้นจึงชิงลงมือกับตนก่อนโดยการทำให้เด็กแท้งยังมีสิ่งใดที่จะมัดใจของหลิงเสียงกังได้ดีไปกว่าความเจ็บปวดร่วมกันของการสูญเสียลูกเล่า!ดูจากตอนนี้ ควา
คำพูดของหลิงซวนปลอบใจหลิงอวี๋ได้ทันที นางไม่มีสิ่งใดที่ผิดต่อป้าสะใภ้ใหญ่กับหลิงหว่าน และมิเคยทำเรื่องร้ายแรงหากป้าสะใภ้ใหญ่มิรับน้ำใจ และจะประนีประนอมให้ได้นางเองก็หมดหนทาง อย่างมากที่สุดก็มิเข้าไปยุ่งเรื่องของพวกเขาอีกหลายวันต่อมา เซียวหลินเทียนให้พวกจ้าวซวนไปซื้อวัวนมหลายตัวเข้ามาเลี้ยงที่คอกม้าในวังจริง ๆและด้วยเหตุนี้เขายังตั้งใจเชิญคู่สามีภรรยาที่มีความถนัดในการเลี้ยงวัวนมมาดูแลวัวเหล่านี้ด้วยหลังจากที่เซียวเยวี่ยรู้ พอเลิกเรียนก็พาเซี่ยเหวยกับฉีเต๋อมาดูวัวนมทันทีหลิงอวี๋เองก็พาพวกหลิงซวนมาดูสถานการณ์ของวัวนมเช่นกันเห็นได้ชัดว่าจ้าวซวนมีความพยายามมาก วัวนมที่ซื้อมาล้วนมีสุขภาพที่ดีมากสามีภรรยาที่ดูแลวัวนั้นสกุลหลิว อายุประมาณห้าสิบป้าหลิวรีดนมวัวไปแล้วถังหนึ่ง เซียวเยวี่ยเห็นนมวัวสีขาว ๆ ก็นึกถึงที่หลิงอวี๋บอกว่าสามารถทำอาหารดี ๆ ได้มากมาย เขาจึงมองหลิงอวี๋พลางเอ่ย“ท่านแม่ ท่านรีบทำอาหารอร่อย ๆ ให้พวกเราเถิดขอรับ เยวี่ยเยวี่ยอยากชิมอาหารเลิศรสที่ท่านแม่บอก ดูว่าจะอร่อยอย่างที่ท่านแม่บอกไว้จริง ๆ หรือไม่!”หลิงอวี๋ยิ้มพลางบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา “เจ้าลูกแมวตะกละ วั
เมื่อมีงานเลี้ยงนมวัวมื้อนี้ เซียวหลินเทียนก็มีความเชื่อมั่นในการผลักดันการเพาะเลี้ยงวัวนมอย่างเต็มเปี่ยมเขาให้ฉินซานหาทุ่งนาที่เหมาะกับการเพาะเลี้ยง พลางเตรียมการประชุมของแคว้นเล็ก ๆ ไปด้วยเรื่องที่ใต้เท้าจางถูกลอบสังหารที่เรือนจำกรมอาญาแพร่ออกไปแล้วจ้าวฮุยยังคิดว่าตนทำสำเร็จแล้ว แม้ว่าจะสูญเสียมือสังหารไปมิน้อย แต่สามารถกำจัดใต้เท้าจางได้ ทำให้เขาปิดปากไปตลอดกาล เช่นนี้ก็คุ้มค่าแล้วจ้าวฮุยมิรู้ว่าการตายของใต้เท้าจางทำให้ขุนนางผู้ใหญ่ที่ติดตามองค์ชายคังเกิดความรู้สึกเห็นใจพวกเดียวกันผู้ที่ฉลาดต่างก็รู้ว่าเงินที่ใต้เท้าจางยักยอกจำนวนมากไปอยู่ที่ใต้เท้าจางกับองค์ชายคัง แต่เมื่อเกิดเรื่องกับใต้เท้าจาง จ้าวฮุยกับองค์ชายคังมิเคยคิดจะช่วยเขาทั้งยังสังหารเพื่อปิดปากอีกด้วยใต้เท้าจางทุ่มเททำงานให้พวกเขา แต่กลับมิได้จบลงด้วยดี เช่นนั้นเหตุใดต้องทุ่มเทอดทนทำงานเพื่อพวกเขาอีกเล่า!กอปรกับสินสอดที่องค์ชายคังมอบให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยและการจัดงานแต่งงานที่หรูหราฟุ่มเฟือย สิ่งเหล่านี้หากคำนวณดูก็เป็นเงินที่ใต้เท้าจางหามาเพื่อพวกเขาอย่างยากลำบาก!สิ่งที่ยิ่งทำให้เหล่าขุนนางเหล่านี้ผิดหวังก็ค
เป็นครั้งแรกที่องค์ชายคังรู้สึกกลัว เขามองจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเดินเข้ามาทีละก้าวพร้อมกับตัวสั่นโดยมิรู้ตัว“เจ้า... เจ้าคิดจะทำอะไร?”องค์ชายคังลืมที่จะเรียกคนไปแล้ว พลางเอ่ยเสียงสั่น “เจ้าอย่าเข้ามานะ...”ยังมิทันที่องค์ชายคังจะพูดจบ มือที่เนียนละเอียดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็คว้าเข้าที่คอของเขา“เซียวหลินอี้ วันนี้ข้าจะสอนท่านว่าอะไรคือภรรยาเป็นใหญ่!”แต่ไหนแต่ไรมามีแต่สามีเป็นใหญ่ มีภรรยาเป็นใหญ่ที่ไหนกันแต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิได้สนใจมากมายถึงเพียงนั้น นางกล้าคิดกระทั่งการเป็นจักรพรรดินี แล้วเหตุใดจะมิกล้าพลิกแนวคิดเก่า ๆ เหล่านี้เล่า!“ท่านกินของตระกูลจ้าว ใช้ของตระกูลจ้าว ยังกล้าที่จะใส่อารมณ์กับข้า ใครให้สิทธิ์ท่าน?”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเอ่ยอย่างเย็นชา “ข้าจะทำให้ท่านรู้ว่าข้ามิใช่จ้าวเจินเจินคนโง่เขลานั่น ข้าไม่มีทางยอมรับความลำบากจากท่านโดยมิขัดขืน!”องค์ชายคังถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยบีบคอจนหายใจมิออกและหน้าเขียวไปแล้วเขาอยากจะดิ้นรน แต่ก็ดิ้นมิหลุดจากมือของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยทันทีที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยกมือขึ้น เขาก็ถูกยกขึ้นจากพื้นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเขาอยู่ในระดับสายตาเท่ากันและมองเขาด้วยแววตาเย็นชา
การยั่วยุขององค์ชายคังทำให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยหัวเราะออกมา“สังหารหลิงอวี๋จะไปยากอะไรกัน!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยิ้มอย่างเย็นชา “รอให้ข้าได้ของที่ข้าต้องการจากนางก่อน ข้าย่อมต้องส่งนางไปตายอยู่แล้ว!”ที่ตัวของหลิงอวี๋มีหยกหล้าสุขาวดี นี่คือสิ่งที่คนแดนปีศาจเฝ้าปรารถนาที่จะได้มา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้รู้ข่าวก็ใจเต้นขึ้นมาเช่นกันเป็นดังที่หลิงอวี๋คาดการณ์ไว้ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยฝึกฝนอยู่ที่ดินแดนที่หกมาหนึ่งปีกว่าแล้วก็ยังมิสามารถบรรลุได้ หากได้หยกหล้าสุขาวดีมา เช่นนั้นก็จะเลื่อนขั้นขึ้นได้อย่างราบรื่นแล้วองค์ชายคังเองก็รู้มาจากไท่เฟยเส้าว่าที่ตัวของหลิงอวี๋มีของล้ำค่าอยู่ แม้ว่าเขาจะมิเข้าใจว่านั่นคือของอะไร แต่แม้แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็อยากได้จะต้องเป็นสมบัติหายากอย่างแน่นอนเขาจึงเอ่ยออกไป “แต่ตอนนี้นับวันหลิงอวี๋ก็ยิ่งเก่งกาจขึ้นเรื่อย ๆ มีนางช่วยเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนก็มีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แล้วข้าจะต้องรอไปถึงเมื่อใด!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นองค์ชายคังอ่อนลงแล้ว มิกล้าเรียกแสดงอำนาจต่อหน้าตนแล้วจึงเอ่ยออกไปอย่างเย็นชา “มิต้องรอนานจนเกินไป!”“ก่อนหน้านี้ข้ามิได้เห็นหลิงอวี๋อยู่ในสายตา และมิ
ช่วงนี้ฉินซานกำลังถูกฮูหยินฉินเร่งเร้าเรื่องแต่งงานจนกังวลแม่สื่อหลายคนผลัดกันมา สตรีที่เลือกมาก็ทำให้ฉินซานตาพร่าไปหมดแต่ดูไปดูมาก็ทำให้ฉินซานมิรู้สึกสนใจเพราะว่าแขนขาดไป ฮูหยินฉินจึงลดมาตรฐานลง คนที่หามาให้เขาล้วนเป็นลูกสาวของตระกูลเล็ก ๆรูปร่างหน้าตาก็ล้วนพอใช้ แต่ที่ฉินซานเข้าใจก็ล้วนเป็นคนแบบมารดา สตรีผู้รู้เพียงแต่การให้ความสำคัญกับสามีเมื่อได้พูดคุยกับพวกนางก็รู้สึกว่ามิน่าสนใจความกลัดกลุ้มในใจของฉินซานมากขึ้นเรื่อย ๆ รู้สึกราวกับปลาที่ขาดน้ำ และใกล้จะถูกฮูหยินฉินทำให้ขาดอากาศหายใจแล้วยังดีที่เซียวหลินเทียนมอบหมายให้เขาไปหาทุ่งนาที่เหมาะสมสำหรับเพาะเลี้ยง ฉินซานจึงรีบหลบออกไปในทุกวันเขาจะพาองครักษ์ไปเยี่ยมหมู่บ้านต่าง ๆ แม้ว่าจะเหนื่อยมาก แต่สำหรับฉินซานแล้วกลับเป็นการปลดปล่อยแต่มีชีวิตที่ดีได้มิกี่วัน แคว้นเล็ก ๆ โดยรอบมาประชุม เซียวหลินเทียนจึงเรียกฉินซานกลับมา ให้เขาควบคุมกรมพิธีการให้ทำงานต้อนรับให้ดีครานี้หลิงอวี๋ก็ส่งหานเหมยมารับผิดชอบในการต้อนรับแขกสตรีเช่นกันฉินซานมิได้พบกับหานเหมยมาเป็นเวลานานแล้วเขาเองก็คิดมิถึงว่าหานเหมยจะเริ่มหลบหน้าเขาเพราะหล
วันรุ่งขึ้น ทูตชุดแรกจากแคว้นเล็ก ๆ เดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้วชุดแรกที่มาถึงก่อนก็คือสามแคว้นเล็กโดยรอบคือ แคว้นพัน แคว้นเฉิง แคว้นกันกู่คนที่นำแคว้นพันมาเยี่ยมเยือนก็คือหัวหน้าขุนนางจินอายุเกือบห้าสิบจากแคว้นพันทางแคว้นเฉิงคือท่านชายอวี่เหวินเย่ลูกชายคนโตของอ๋องเฉิงและอวี่เหวินเสียท่านหญิงที่เพิ่งจะถึงวัยปักปิ่นปีนี้ส่วนคนที่นำแคว้นกันกู่มาก็คือฮูเหยียนเสวี่ยท่านหญิงคนโตของประมุขและฮูเหยียนเจี้ยนกับน้องชายที่เพิ่งจะสิบขวบทั้งสามแคว้นเล็กต่างนำของพิเศษพื้นถิ่นจำนวนมิน้อยมาถวายแด่จักรพรรดิองค์ใหม่ ทั้งผ้าไหม เครื่องประดับหยก ทั้งยังมีผลไม้ตามฤดูกาลและของพิเศษที่มีอยู่ในพื้นถิ่นอีกด้วยหลิงอวี๋อยู่ที่วังหลัง มิได้พบทูตของทั้งสามแคว้นหลิงซวนจึงย่อมมิละเลยในเรื่องนี้ นางส่งหานอวี้ผู้ชอบซุบซิบนินทาไปสืบแล้วหานอวี้ปลอมตัวเป็นขันทีน้อยคอยดูทูตเหล่านั้นอย่างชัดเจนในเส้นทางที่พวกทูตต้องผ่านเมื่อเห็นท่านหญิงทั้งสอง หานอวี้ก็ตาโตมิสนผู้อื่นแล้วรีบกลับไปรายงานหลิงอวี๋“ฮองเฮาเพคะ ท่านหญิงอวี่เหวินเสียจากแคว้นเฉิงนั้นมิรู้ว่าหน้าตาเป็นเช่นไร นางคลุมผ้าปิดหน้าไว้ แต่ชุดที่นางสวมใส่ท
เรื่องนี้เจ้ากรมพิธีได้แจ้งหลิงอวี๋ไว้ก่อนหน้านี้แล้วเซียวหลินเทียนขึ้นครองบัลลังก์ใหม่ แคว้นเล็ก ๆ โดยรอบเหล่านี้ไม่แน่ว่าจะยอมจำนนต่อเขาโดยซื่อสัตย์ การมาประชุมครานี้จะตัดเรื่องที่พวกเขามาดูลาดเลาออกไปมิได้ดังนั้นงานต้อนรับจึงมิเพียงแต่การจัดที่พักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความน่าตกใจที่ซ่อนอยู่ในรายการที่จัดงานเลี้ยงด้วยหลิงอวี๋ย่อมเข้าใจดีก่อนหน้านี้นางขัดแย้งกับเซียวหลินเทียนจึงมิอยากไปยุ่งเรื่องของเขาแต่หลังจากที่เซียวหลินเทียนขอโทษนางอย่างจริงใจแล้ว หลิงอวี๋จึงพยายามที่จะเตรียมการต้อนรับเพื่อช่วยเซียวหลินเทียนเพียงแต่ตอนนี้นางมิอยากบอกกับเซียวหลินเทียน หากบอกเรื่องนี้ไปก่อนก็มิประหลาดใจแล้ว“หม่อมฉันจัดการ ท่านยังมิวางพระทัยอีกหรือเพคะ?”หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนอย่างตำหนิ พลางเอ่ยถามออกไป “ท่านคิดเห็นอย่างไรกับทูตทั้งสามแคว้นนี้หรือเพคะ?”เซียวหลินเทียนเอ่ยไปตามตรง “ทั้งสามแคว้นนี้นอกจากแคว้นกันกู่แล้ว แคว้นอื่นล้วนแสร้งมาบ่นลำบากกับข้า!””“หัวหน้าขุนนางจินผู้นั้นใบหน้าเย่อหยิ่ง ข้ามิรู้ว่าเขาไปเอาความมั่นใจจากที่ใดจึงกล้าเย่อหยิ่งต่อหน้าข้าเช่นนี้ คิดว่าข้ายังเด็กรั
ผู้นำคนหนึ่งและชาวบ้านของหลายหมู่บ้านพากันคุกเข่าลงอย่างล้นหลาม“ฝ่าบาททรงนึกถึงราษฎรและนำพาความร่ำรวยมาสู่พวกเราเช่นนี้ พวกเราจะให้ความร่วมมือกับฝ่าบาท จะเลี้ยงวัวนมอย่างดี ทำให้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมพัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นไปพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาทโปรดวางประทัย กระหม่อมเสี่ยวเฮยจะเลี้ยงวัวนมให้ขาวสะอาดและแข็งแรง ในทุกวันจะรีดนมวัวให้ได้มาก ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”ชาวบ้านแต่ละคนแย่งกันแสดงออกถึงความภักดีและความมุ่งมั่นต่อเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็ยิ้มให้ชาวบ้านเหล่านั้นอย่างเมตตาพลางเอ่ย “ผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้ล้วนเป็นฮองเฮาที่คิดขึ้นมา พวกเรามิอาจทำให้เจตนาของฮองเฮาต้องผิดหวังได้! พวกเราต้องพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมของผลิตภัณฑ์วัวนมให้ดี ทำให้แคว้นฉินตะวันตกร่ำรวยและราษฎรแข็งแกร่ง!”“อีกอย่างผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้มิเพียงแต่ทำให้อิ่มท้องแต่ยังทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วย คนชรากินเข้าไปกระดูกก็จะดี เด็ก ๆ กินแล้วก็แข็งแรงและเติบโตขึ้น...”“ฉินตะวันตกของเราต้องเลี้ยงวัวนมให้มาก ให้ราษฎรของฉินตะวันตกสามารถดื่มนมได้วันละถ้วย เมื่อร่างกายแข็งแรง ก็จะสร้างฉินตะวันตกที่แข็งแกร่งได้!”คำพูดขอ
เซียวหลินเทียนอยู่บนแท่นสูงเห็นผลิตภัณฑ์นมเหล่านั้นถูกทุกคนลิ้มลองไปอย่างเอร็ดอร่อย มุมปากของเขาก็ปรากฏความเยาะเย้ยต่อหมู่บ้านที่ค้านการเลี้ยงวัวนมเหล่านั้น เรื่องนี้ทำให้เขานึกถึงตอนแรก หลิงอวี๋กับเกิ่งเสี่ยวหาวสร้างโรงงานยาที่หมู่บ้านตระกูลเฉินจนทำให้ชาวบ้านท้องถิ่งนั้นร่ำรวยกันขึ้นมา!แต่องค์หญิงหกต้องการจะแย่งโรงงานยาของหลิงอวี๋ จึงซื้อโรงงานยาด้วยราคาที่สูง เกิ่งเสี่ยวหาวโกรธมากก็เลยย้ายโรงงานยาไปที่หมู่บ้านอื่น!หลิงอวี๋กับตนพยายามคิดทุกทางเพื่อส่งเสริมการเพาะเลี้ยง และคิดที่จะช่วยให้ชาวบ้านท้องถิ่นให้ร่ำรวยขึ้น ในเมื่อพวกเขามิเห็นค่าก็มองหมู่บ้านอื่นร่ำรวยด้วยความอิจฉาตาร้อนไปเสียเถิด!กฎหมายมิได้รับผิดชอบต่อทุกคน เมื่อเทียบกับการลงโทษชาวบ้านเหล่านี้ เซียวหลินเทียนคิดว่าการลงโทษที่ดีที่สุดก็คือปล่อยให้พวกเขาได้มองการสูญเสียความร่ำรวยนั้นไป...ฉินซานกับผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเดินตามงานเลี้ยงและแจกใบประชาสัมพันธ์ให้ราษฎรและบัณฑิตเหล่านั้น ประกาศว่าผลิตภัณฑ์นมจะนำพาผลกำไรทางเศรษฐกิจมาให้เทียบกับการโฆษณาปากเปล่าแล้ว การมีผลิตภัณฑ์นมจำนวนมากวางอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ ทุกคนทั้งได้ลิ
การผ่าตัดเปิดกะโหลก นี่เป็นครั้งแรกในรอบพันปีของเมืองหลวง!หลิงเสียงกังเลือดท่วม สถานการณ์เร่งด่วนร้ายแรงถึงชีวิตทำให้เหล่าบัณฑิตและราษฎรเหล่านั้นวางความโกรธที่มีต่อหลิงอวี๋ลงชั่วคราวแม้จะมีข้อสงสัยในใจ แต่ท่านอดีตเสนาบดีเป็นบิดาของหลิงเสียงกัง ตามกฎหมายแล้วมีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะให้หลิงอวี๋รักษาหรือไม่ และพวกเขาเองก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้านนางซุนในฐานะภรรยามิได้มีสิทธิ์ตัดสินใจ การคัดค้านของนางจึงถูกเมินไปหลิงอวี๋พาพวกหลิงหว่านเข้าไปปฐมพยาบาลหลิงเสียงกังข้างในเซียวหลินเทียนมองนางซุนอย่างเย็นชาราวกับมองคนตายนางซุนผู้นี้ใส่ร้ายหลิงอวี๋ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่าจะมีความยากบำลาก ก็มิคู่ควรที่จะได้รับการอภัยนางซุนเห็นหลิงเสียงกังถูกล้อมไว้ ส่วนนางนั้นเดียวดายไร้ผู้ใดสนใจ เมื่อเห็นเผยอวี้นั่งอยู่ด้านข้างและมีองครักษ์คนหนึ่งกำลังจัดการบาดแผลให้เขาอยู่นางซุนก็เข้าไปอย่างรู้สึกผิด พลางเอ่ยถามอย่างเศร้าใจ “แม่ทัพเผย หว่านเอ๋อร์ของข้าเล่า?”เผยอวี้มิรู้ว่าควรจะเกลียดหรือโกรธนางซุนดี จึงเอ่ยเรียบ ๆ “นางก็ถูกช่วยออกมาแล้ว อีกประเดี๋ยวก็มาถึง!”นางซุนได้ยินดังนั้นก็โล่งใจแล้วรีบเอ่ย “คนที่ข
“ฉึก… ฉึก...”เสียงลูกธนูคมกริบทั้งสองที่แทงทะลุร่าง ทำให้ราษฎรและบัณฑิตที่พุ่งไปข้างหน้าเมื่อเห็นทหารสองคนถูกยิงเข้าที่อกก็ชะงักอยู่กับที่ทันทียังมิทันที่พวกเขาจะได้ตอบสนองก็ได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวของเซียวหลินเทียนเอ่ยขึ้นมา “ทหารของข้าไม่มีทางสังหารคนบริสุทธิ์มิเลือกหน้า คนเลวสองคนนี้คิดจะสังหารพวกเจ้า กระตุ้นให้เกิดความวุ่นวาย มีเจตนาแอบแฝง เป็นความผิดร้ายแรงมิอาจให้อภัยได้!”“ข้าสังหารพวกเขาเป็นการเตือน! ผู้ใดที่กล้ามิฟังคำสั่งและลงมืออีกก็จะมีจุดจบดังเช่นพวกเขา!”ราษฎรและบัณฑิตเหล่านั้นตกตะลึงไปกับฉากนี้ คนที่มีเหตุผลเมื่อคิดแล้วก็เหงื่อออกทั่วร่างหากมิใช่เพราะมือธนูที่ซ่อนตัวอยู่บนที่สูงสังหารมือสังหารที่ก่อเรื่องสองคนนั้น พวกเขาก็จะถูกปลุกปั่น เมื่อเห็นทหารของจักรพรรดิสังหารราษฎร พวกเขาจะพุ่งเข้าไปทุบตีต่อสู้กับเหล่าทหารหรือไม่!ถึงเวลานั้นจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?มิว่าจะเป็นราษฎรหรือทหารที่ตายก็ล้านทำให้จัตุรัสเกิดสถานการณ์นองเลือดที่ไหลดั่งสายน้ำ...เมื่อนึกถึงภาพนองเลือดนั้น ทุกคนก็กลัวจนตัวสั่น!และในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เผยอวี้ก็ขี่ม้าพร้อมแบกหลิงเสียงกังมาออกมาตามทางที
เหล่าบัณฑิตและขุนนางที่เดิมทีคล้อยตามท่านอดีตเสนาบดีกับผู้ป่วยแต่ละคนจนเลือกเชื่อหลิงอวี๋แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็หวั่นไหวทันทีเมื่อเห็นนางซุนที่คำนับหัวโขกพื้นจนเลือดไหลคุกเข่าขอร้องหลิงอวี๋อยู่ที่พื้น ภาพนองเลือดนี้กระตุ้นให้หัวใจแห่งความชอบธรรมของพวกเขาปั่นป่วนขึ้นอีกครั้งแล้ว“หลิงอวี๋เผด็จการรังแกผู้คนเช่นนี้ จะคู่ควรกับการนั่งเพลิดเพลินอยู่ในตำแหน่งฮองเฮาบนแท่นสูงนั้นได้อย่างไร!”“หลิงอวี๋ ลงมาเสีย เจ้าควรจะฆ่าตัวตายเป็นการขอโทษ!”“ประหารมือสังหารที่บีบให้คนตายผู้นี้เสีย!”เสียงแห่งความโกรธเกรี้ยวดังก้องขึ้นมาในจัตุรัส บัณฑิตเหล่านั้นพยักหน้า และทุกคนก็พุ่งไปที่แท่นสูงกองทัพหลวงก้าวออกมากั้นเอาไว้ แต่พวกเขามิสามารถสังหารราษฎรได้ และมิสามารถลงมือกับพวกเขาได้ด้วย จึงถูกบีบจนต้องถอยร่นไปเซียวหลินเทียนเด้งตัวลุกขึ้นมา สีหน้าของเขามืดครึ้ม วันนี้แม้จะต้องสังหารคนที่ก่อเรื่องเหล่านี้ให้หมดและขึ้นชื่อเรื่องเผด็จการเป็นชนักติดหลัง เขาก็จะมิยอมพูดได้มิชัดเจนแล้วอย่างไร เขาก็จะใช้สถานการณ์ที่นองเลือดยิ่งกว่ามาทำให้นางซุนและคนที่ด่าหลิงอวี๋ต้องหุบปากตลอดไป!หลิงอวี๋เองก็ลุกขึ้
ผู้ป่วยเหล่านี้แต่ละคนต่างก็แย่งกันเล่าว่าหลิงอวี๋รักษาโรคให้พวกเขาอย่างไร จนเสียงดังที่จัตุรัสยิ่งวุ่นวายมากขึ้นแต่ใต้เท้าเถี่ยมิได้คิดจะห้ามแม้แต่น้อยคนที่ด่าเหล่านั้นก็ยังคงตะโกนอย่างมิพอใจ “พวกเจ้าถูกหลิงอวี๋ซื้อตัวเพื่อมาล้างมลทินให้ชื่อของนาง!”“พวกเจ้าจะต้องเห็นว่านางเป็นฮองเฮาจึงได้ตั้งใจจะเอาใจนาง พูดดีกับนาง!”ครอบครัวผู้ป่วยคนหนึ่งมีคนด่าที่ลุกออกไปด้านข้าง เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ครอบครัวนั้นก็ทนมิไหวแล้วซัดหมัดให้หน้าคนที่ด่าไปเต็ม ๆ“พล่ามไร้สาระอะไรของเจ้า ข้ามิเคยได้รับเงินจากฮองเฮาสักตำลึง!”“เรามีกันมากถึงเพียงนี้ ล้วนรู้บุญคุณของฮองเฮา มิอยากเห็นพระนางที่มีความคิดที่ดีต่อราษฎรเช่นนี้ต้องถูกคำต่ำช้าเยี่ยงพวกเจ้าใส่ร้าย!”“หมู่บ้านข้าก็มีคนมา เจ้ามิเชื่อคำพูดของข้าก็ไปถามคนในหมู่บ้านว่าฮองเฮาส่งคนไปจ่ายเงินซื้อพวกเราหรือไม่?”“หากฮองเฮาซื้อพวกเราได้ แล้วพระนางจะสามารถซื้อตัวคนในหลายหมู่บ้านทั้งหมดนั้นได้หรือ?”คนที่ด่าเหล่านั้นเห็นว่าคนนับมิถ้วนส่งสายตาโกรธเกรี้ยวมาให้พวกเขา คนที่ด่าคนหนึ่งยังคงเอ่ยอย่างแข็งกร้าว “พูดเรื่องพวกนี้หาได้มีประโยชน์ไม่… ต้องให้หลิงเส
เมื่อไต่สวนคดีนี้แล้ว หลี่ต้าหนิวมิเพียงแต่มิถูกลงโทษ แต่ยังได้รับชื่อเสียงที่ดีมากอีกด้วย ครอบครัวผู้เสียหายเหล่านั้นก็รู้สึกละอายใจต่อหลี่ต้าหนิววันที่อาคารศึกษาถล่ม พวกเขาโกรธจนมีคนวิ่งไปที่บ้านของหลี่ต้าหนิวแล้วทุบบ้านเขาจนพังตอนนี้เมื่อรู้ว่าถูกคนทำให้เข้าใจหลี่ต้าหนิวผิด คนเหล่านั้นจึงละอายกับการกระทำของตน“เมื่อพูดเรื่องของหลี่ต้าหนิวกระจ่างแล้ว ตอนนี้จะไต่สวนคดีที่หลิงอวี๋เรียกเงินค่ารักษาเกินจริงและเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา!”ใต้เท้าเถี่ยเป็นคนที่เที่ยงตรงมิเห็นแก่หน้าใครอย่างแท้จริง ยามไต่สวนคดีก็ถือว่าหลิงอวี๋เป็นคนผิด มิเรียกแม้แต่ฮองเฮาแต่เรียกชื่อออกไปตรง ๆการกระทำนี้ได้รับการยอมรับจากบัณฑิตอย่างล้นหลาม พวกเขารู้สึกว่าใต้เท้าเถี่ยจะต้องตัดสินคดีโดยยึดมั่นในความยุติธรรมอย่างแน่นอนเมื่อเห็นหลิงอวี๋แต่งกายด้วยชุดฮองเฮา รอให้คดีตัดสินเสร็จสิ้น นางจะไม่มีวาสนาได้แต่งชุดฮองเฮาอีกต่อไป!ใต้เท้าเถี่ยยังมิได้รับข่าวว่าเผยอวี้พาตัวหลิงเสียงกังกลับมา ภายนอกเขาดูสงบ แต่กลับแอบมองไปทางแม่ทัพสือตอนนี้คำให้การของหลิงเสียงกังสำคัญที่สุด หากเขามิมาให้การ คำให้การของพวกท่านอดีตเสน
เถ้าแก่เหอถูกใต้เท้าเถี่ยรัวคำถามใส่ก็พูดมิออก เหงื่อเย็นพลันผุดออกมาเต็มไปหมด“เถ้าแก่เหอ ข้าไปเยี่ยมชมร้านค้าที่อยู่ใกล้ ๆ กับร้านตั๋วเงินมาแล้ว ทั้งยังมีผู้ที่อยู่แถวนั้นอีกหลายสิบคน วันที่ในสมุดบัญชีเจ้าบันทึกว่าหลี่ต้าหนิวไปฝากเงินสองแสนไว้ ไม่มีผู้ใดเห็นหลี่ต้าหนิวมาฝากเงินเลย!”“สองแสนนี้มาโผล่ในสมุดบัญชีอย่างน่าประหลาดได้อย่างไร?”“หรือเจ้ามิพอใจหลี่ต้าหนิวจึงจงใจปลอมแปลงบัญชีเพื่อกล่าวหาเท็จว่าเขาทุจริต?”เถ้าแก่เหอทนมิไหวอีกต่อไปแล้วจึงตะโกนออกไป “ใต้เท้าเถี่ย ข้าหรือจะกล้ากล่าวหาหลี่ต้าหนิวอย่างเป็นเท็จ มีคนที่รูปร่างหน้าตาดูเหมือนหลี่ต้าหนิวเอาตั๋วเงินของร้านตั๋วเงินไท่เหอมาที่ร้านตั๋วเงินสี่หลายแล้วฝากในชื่อของหลี่ต้าหนิวจริง ๆ ขอรับ!”“ตอนนั้นเขาใช้ตั๋วเงิน ย่อมไม่มีทางที่จะมีคนมาขนย้าย!”“คล้ายหลี่ต้าหนิว มิได้หมายความว่าคนที่มาฝากเงินคือหลี่ต้าหนิว เงินนี้ก็มีความเป็นไปได้ว่ามีคนจงใจใช้ชื่อเขาฝากเงินเพื่อใส่ร้ายหลี่ต้าหนิว ใช่หรือไม่?”“ขอรับ!” เถ้าแก่เหอทำได้เพียงยอมรับ“เรื่องนี้หยุดไว้ก่อน ตอนนี้ข้าจะไต่สวนเรื่องที่พวกเจ้าฟ้องร้องว่าหลี่ต้าหนิวทุจริตเงินก่อสร
คนที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสั่งการล้วนปะปนอยู่ในฝูงชน เมื่อเห็นคนนั้นกระโดดออกมาฟ้องร้องหลี่ต้าหนิว ก็มีคนตามกันออกมา“ใต้เท้าเถี่ยทำเพื่อฮองเฮา จึงจงใจปกปิดหลี่ต้าหนิว!”“สังหารหลี่ต้าหนิว ลงโทษฮองเฮาสถานหนัก ถอดถอนฮองเฮา!”“ถอดถอนฮองเฮา!”เสียงคัดค้านเหล่านั้นแหลมสูงขึ้นเรื่อย ๆ“เงียบ!”แม่ทัพสือตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง พลางตะคอกเสียงแข็ง “ใต้เท้าเถี่ยกำลังไต่สวน ห้ามพวกเจ้าเอะอะเสียงดัง มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษที่ส่งเสียงดัง!”“เกรียงไกร...”ทหารกองทัพหลงที่อยู่รอบ ๆ ตะโกนขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกันบรรยากาศที่ทรงอำนาจและหอกที่ส่องประกายในมือพวกเขาปรามให้คนที่โวยวายจำนวนมากมิกล้าพูดคนหนึ่งคิดว่าแม่ทัพสือมิกล้าสังหารตนต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ จึงตะโกนขึ้นมา“ใต้เท้าเถี่ยตัดสินคดีมิยุติธรรม ยังมิให้เราเอ่ยทวงความยุติธรรมอีกหรือ? พวกเราเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวใต้เท้าเถี่ยแล้วไต่สวนคดีนี้ใหม่อีกครั้ง!เซียวหลินเทียนสีหน้าเรียบนิ่งลง นี่มิได้กำลังท้าทายใต้เท้าเถี่ย แต่กำลังท้าทายอำนาจของตน!เขามองแม่ทัพสือ แม่ทัพสือจึงโบกมือทันที จากนั้นทหารกองทัพหลวงหลายคนก็พุ่งไปข้างหน้าแล้วกดคนผู้นั้นลงกับพื้