งานอภิเษกสมรสขององค์ชายคังกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยคุณหนูตระกูลจ้าวมิได้ด้อยไปกว่าการมอบสินสอดทองหมั้นในวันนั้นองค์ชายคังจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ปูพรมแดงถนนหลายสายตั้งแต่ตำหนักองค์ชายคังไปจนถึงบ้านตระกูลจ้าวตอนที่ไปรับเจ้าสาวก็มีเด็กหญิงเด็กชายหลายสิบคนโปรยดอกไม้ไปตามทาง และยังมีทหารของแม่ทัพฟางคอยรักษาความสงบตลอดทางด้วยเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วจึงไปอาบน้ำแต่งตัว เพื่อเตรียมไปร่วมพิธีอภิเษกสมรสที่ตำหนักองค์ชายคังหลิงอวี๋สวมชุดงานมงคลลายห้าหงส์สีแดงกุหลาบปักด้ายทอง ที่มวยผมทั้งสองด้านปักปิ่นปักผมรูปหงส์คู่สีทอง ตรงกลางเป็นเครื่องประดับดอกโบตั๋นสีทอง ดูสง่างามเป็นอย่างมากหลิงซวนกับหานอวี้กำลังแต่งตัวให้นางอยู่ก็ได้ยินเสียงรายงานจากด้านนอก “ฝ่าบาทเสด็จแล้ว!”“ยังเช้าอยู่เลย เหตุใดองค์จักรพรรดิถึงเสด็จมาแล้วเล่า!”หลิงอวี๋ค่อนข้างแปลกใจ จึงให้หลิงซวนหยุดแล้วเดินออกไปรับเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนเปลี่ยนเป็นชุดงานมงคลแล้ว เขาสวมชุดจักรพรรดิสีทองอร่าม มือทั้งสองถือกล่องใบใหญ่ใบหนึ่ง เมื่อเห็นหลิงอวี๋ก็เข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม“อาอวี๋ ข้าว่าตั้งแต่ที่เจ้าเข้าวังมาก็มิได้แต
เพราะต้องไปร่วมพิธีอภิเษกขององค์ชายคัง หลิงอวี๋จึงไม่มีเวลาศึกษากำไลหยก นางจึงตกแต่งด้วยเครื่องหน้าผมที่เซียวหลินเทียนมอบให้ด้วยความร่วมมือกันของพวกหลิงซวนเมื่อสวมมงกุฎไข่มุกหงส์สีม่วงทองแล้ว ความรู้สึกสูงศักดิ์สง่างามที่มิอาจระงับได้ของหลิงอวี๋ก็ท่วมท้นขึ้นมาในทันทีต่างจากความหรูหราสง่างามเมื่อครู่ หลิงอวี๋ในเวลานี้ราวกับเทพธิดาที่ผู้สูงสง่าอยู่เหนือทุกคน และมีความสูงส่งมากงดงามยิ่งนัก!เซียวหลินเทียนมองตะลึง รู้สึกว่าหลิงอวี๋ในวันนี้ดูมีสง่าราศียิ่งกว่าวันที่แต่งตั้งฮองเฮาเสียอีกหากหลิงอวี๋ที่เป็นเช่นนี้ไปที่ตำหนักองค์ชายคัง ผู้ใดยังจะกล้าหัวเราะว่าสินสอดของนางในวันนั้นสู้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิได้อีกหลิงซวนรู้สึกคลายความโกรธลง ความโกรธที่มีต่อเซียวหลินเทียนก่อนหน้านี้ได้ลบล้างไปแล้วนางตั้งใจออกไปบอกให้ลู่หนานเปลี่ยนเป็นรถม้าพระที่นั่งแบบเปิด อยากจะให้รูปลักษณ์ของหลิงอวี๋เช่นนี้ไปร่วมงานแล้วตบหน้าคนที่หัวเราะเยาะหลิงอวี๋เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋มิรู้ความคิดเช่นนี้ของหลิงซวน เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาแล้วจึงขึ้นรถม้าพระที่นั่ง แล้วมุ่งไปยังตำหนักองค์ชายคังโดยที่มีกองทัพหลวงเปิดทา
นับวันจ้าวฮุยก็ยิ่งมิชอบองค์ชายคัง รู้สึกว่าองค์ชายคังมิได้มีความสามารถอะไรช่วงนี้เขาสนับสนุนองค์ชายคังก็มิได้มีความเชื่อมั่นในใจแล้วแต่ความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของจ้าวฮุยก็คือไม่มีลูกชาย ฮูหยินจ้าวมีแต่ลูกสาวให้ตนทั้งสองคนเหล่าอนุภรรยาก็มีลูกสาวอดีตจ้าวฮุยไปหาปรมาจารย์ให้ดูดวงให้ เขาบอกว่าชีวิตของตนถูกลิขิตมาว่าจะไม่มีลูกชายเขาเองก็เคยหวั่นใจ คิดจะหาเด็กชายในตระกูล แต่เด็กที่เฉลียวฉลาดในตระกูลมีมิมาก ดูไปดูมาก็ยังสู้ลูกสาวสองคนของตนมิได้จ้าวฮุยมิอยากให้ชื่อเสียงของตนถูกทำลายไปชั่วชีวิตจึงตัดความคิดนี้ไปการตายของจ้าวเจินเจินคราวนี้ยิ่งทำให้จ้าวฮุยมองเห็นถึงความเย็นชาขององค์ชายคังกับไท่เฟยเส้าแม้ว่าเขาจะเรียกลูกสาวของตนกลับมา แต่มิได้วางแผนที่จะให้นางอุทิศตนให้องค์ชายคังอย่างมิเห็นแก่ตัวดังเช่นจ้าวเจินเจินอีกการให้ค่าตอบแทนเท่าเทียมกันของขุนนางชายหญิงที่หลิงอวี๋ผลักดัน ทำให้จ้าวฮุยหวั่นใจบุรุษสามารถเป็นจักรพรรดิได้ สตรีก็เป็นได้เช่นกันจ้าวหรุ่ยหรุ่ยลูกสาวของตนเหนือกว่าองค์ชายคังมากทั้งทักษะและปัญญา เช่นนั้นเหตุใดจะมิสามารถแทนที่ได้เล่า!ดังนั้น จ้าวฮุยเพีย
ทางด้านหลิงอวี๋กำลังเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่ง จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเองก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนของพลังวิญญาณของหลิงอวี๋ นางค่อนข้างตกใจ หลิงอวี๋ก็เป็นผู้ฝึกฝนเช่นกันหรือ?อีกทั้งดูเหมือนว่าการฝึกพลังวิญญาณจะถึงดินแดนที่สี่แล้วด้วย?สิ่งนี้ทำให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ยิ้มออกมาอย่างเหยียดหยามหลิงอวี๋เพิ่งจะดินแดนที่สี่ ตนเองอยู่ระดับสูงของดินแดนที่หกแล้ว ขอเพียงตนเองบรรลุผ่านดินแดนที่หกไปก็จะเป็นดินแดนที่เจ็ดอาจารย์บอกไว้แล้วว่า หากถึงดินแดนที่เจ็ด แผ่นดินใหญ่ทั้งสี่แคว้นนี้ก็จะไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของตน!นางจ้าวหรุ่ยหรุ่ยคือคนที่อาจารย์ยกย่องว่ามีปัญญามาก คุณหนูตระกูลขุนนางเช่นหลิงอวี๋ การถึงดินแดนที่สี่ก็เป็นขั้นสุดที่นางฝึกฝนแล้ว!นางไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของตนได้แน่!และความผันผวนของพลังวิญญาณบนร่างของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับหลิงอวี๋นั้นเซียวหลินเทียนก็สัมผัสได้ สีหน้าของเขาจึงเรียบเฉยลงดังเช่นหลิงอวี๋ แรกเริ่มเขาตกใจที่ลูกสาวของจ้าวฮุยเป็นผู้บำเพ็ญตนเช่นกัน จากนั้นก็ตระหนักได้ว่า การที่จ้าวฮุยให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยแต่งงานกับองค์ชายคังมิเพียงแต่เป็นการเชื่อมความสัม
“จ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้นี้มิธรรมดา!”เมื่อพิธีเสร็จสิ้น หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนก็กลับวังหลวง เพิ่งจะนั่งรถม้าพระที่นั่งทั้งสองก็เอ่ยปากขึ้นมาโดยพร้อมกันอย่างรู้ใจ“อาอวี๋ การฝึกพลังวิญญาณของนางดูเหมือนจะเหนือกว่าของข้ากับเจ้า!”เซียวหลินเทียนเพิ่งจะบรรลุดินแดนที่สี่ แต่สามารถสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเหนือกว่าตนไปมาก“ระดับสูงของระดับหก!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาตรง ๆ“หา! เช่นนั้นอีกมินานก็จะบรรลุไปถึงดินแดนที่เจ็ดแล้วมิใช่หรือ?”เซียวหลินเทียนตกใจ เขาเพิ่งจะอยู่ในระดับต้นของดินแดนที่สี่ หลิงอวี๋อยู่ระดับสูงของดินแดนที่ห้า มิใช่ระดับเดียวกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย!“อย่าเพิ่งตื่นตูมไปเพคะ!”หลิงอวี๋ยิ้มอย่างปลอบใจ “แม้ว่าจะเป็นระดับสูง ทว่าหากต้องการจะบรรลุดินแดนที่เจ็ดก็มิใช่เรื่องที่ง่ายถึงเพียงนั้น!”“อีกทั้ง จ้าวหรุ่ยหรุ่ยถูกส่งตัวออกไปตั้งแต่เล็ก ร่ำเรียนมาหลายปีจึงได้มีโชคเช่นนี้ มินับว่าเป็นอะไรหรอกเพคะ!”หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเพิ่งจะฝึกฝนกันช่วงนี้มิกี่เดือน สามารถเลื่อนขั้นไปถึงดินแดนที่สี่ได้อย่างรวดเร็วก็นับว่ามีพรสวรรค์มากแล้ว!“ตอนนั้นขันทีโม่เคยบอกไว้ว่า คนจำนวน
เซียวหลินเทียนได้ยินคำถามของหลิงอวี๋ก็หัวเราะเบาพลางเอ่ย “อาอวี๋รู้จักข้าดีจริง ๆ!”“ใช่แล้ว ข้าคาดการณ์ไว้ว่าจ้าวฮุยจะส่งมือสังหารไปสังหารใต้เท้าจาง จึงให้คนของค่ายกองทหารเสือซุ่มอยู่ล่วงหน้า สิ่งที่พวกเขาทำคือสังหารคนของจ้าวฮุย ทำให้จ้าวฮุยสูญเสียกำลังคน!”“ในขณะเดียวกัน คนของค่ายกองทหารเสือก็แสร้งเป็นมือสังหารช่วยใต้เท้าจางออกไป คนเหล่านี้จะแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งอยากสังหารใต้เท้าจาง และอีกกลุ่มก็ช่วยชีวิตเขา!”หลิงอวี๋เข้าใจ “เช่นนี้ใต้เท้าจางก็จะคิดว่า จ้าวฮุยอยากจะสังหารเขาเพื่อปิดปากและจะตัดความคาดหวังที่มีต่อจ้าวฮุยไป จากนั้นก็สารภาพความผิดของจ้าวฮุยกับองค์ชายคังออกมา!”เซียวหลินเทียนพยักหน้าอย่างชื่นชม “มิเพียงเท่านี้ ข้ายังให้คนกระจายข่าวออกไปว่าใต้เท้าจางถูกจ้าวฮุยกับองค์ชายคังสังหารเพื่อปิดปากด้วย!”“นี่เพื่อข่มขวัญพวกคนที่จ้าวฮุยใช้งาน ให้พวกเขาเห็นใจกัน ต่อไปเมื่อทำงานให้จ้าวฮุยก็จะระวังตัว!”ใต้เท้าจางโกงกินเงินไปมากมายถึงเพียงนั้น ตายไปก็มิสาสมกับที่ทำเมื่อเทียบกับการเอาตัวเขาออกไปตัดหัวต่อหน้าธารกำนัลแล้ว เซียวหลินเทียนใช้การตายของเขาไปสร้างความแตกแยกพวกจ้า
หลิงอวี๋หลับตาลงแม้ว่าการตั้งครรภ์ถึงสามเดือนจะยังมิแน่นอน แค่ได้รับความตกใจก็อาจจะทำให้แท้งได้แต่หลิงอวี๋มิเชื่อเด็ดขาดว่าการที่สุ่ยหลิงตบไปสิบครั้งจะทำให้เฝิงฉินแท้งยิ่งไปกว่านั้น เฝิงฉินสามารถติดตามขบวนเดินทางยาวนานจากสิงหยางมาถึงเมืองหลวงได้ โดยที่ตลอดทางเด็กมิเป็นอะไร ถูกตบสิบครั้งจะทำให้แท้งได้อย่างไร!แต่ตอนนี้ ลูกของเฝิงฉินมิอยู่แล้วจริง ๆ!หลิงเสียงกังยังนึกเรื่องเมื่อก่อนมิออก นี่ก็เท่ากับลูกคนแรกของเขากับเฝิงฉินเมื่อเด็กมิอยู่แล้ว นางจะมิโกรธเคืองตน นางซุนและหลิงหว่านได้อย่างไร!หลิงอวี๋ยังคิดที่จะใช้เงินมาแยกเฝิงฉินกับหลิงเสียงกังออกจากกัน ไหนเลยจะคิดว่าเฝิงฉิน...เดี๋ยวนะ!จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็ตื่นเต้นขึ้นมา หากเฝิงฉินอยากจะมัดใจของหลิงเสียงกัง การใช้เด็กที่ยังมิเกิดมาก็เห็นได้ชัดว่าวิธีนี้อ่อนแอไปหน่อยตนยังบอกหลิงหว่านเลยว่า เด็กที่ยังมิเกิดเทียบมิได้กับนางที่สามารถพูดได้คล่องแคล่วเฝิงฉินจะต้องคาดการณ์ถึงจุดนี้ ดังนั้นจึงชิงลงมือกับตนก่อนโดยการทำให้เด็กแท้งยังมีสิ่งใดที่จะมัดใจของหลิงเสียงกังได้ดีไปกว่าความเจ็บปวดร่วมกันของการสูญเสียลูกเล่า!ดูจากตอนนี้ ควา
คำพูดของหลิงซวนปลอบใจหลิงอวี๋ได้ทันที นางไม่มีสิ่งใดที่ผิดต่อป้าสะใภ้ใหญ่กับหลิงหว่าน และมิเคยทำเรื่องร้ายแรงหากป้าสะใภ้ใหญ่มิรับน้ำใจ และจะประนีประนอมให้ได้นางเองก็หมดหนทาง อย่างมากที่สุดก็มิเข้าไปยุ่งเรื่องของพวกเขาอีกหลายวันต่อมา เซียวหลินเทียนให้พวกจ้าวซวนไปซื้อวัวนมหลายตัวเข้ามาเลี้ยงที่คอกม้าในวังจริง ๆและด้วยเหตุนี้เขายังตั้งใจเชิญคู่สามีภรรยาที่มีความถนัดในการเลี้ยงวัวนมมาดูแลวัวเหล่านี้ด้วยหลังจากที่เซียวเยวี่ยรู้ พอเลิกเรียนก็พาเซี่ยเหวยกับฉีเต๋อมาดูวัวนมทันทีหลิงอวี๋เองก็พาพวกหลิงซวนมาดูสถานการณ์ของวัวนมเช่นกันเห็นได้ชัดว่าจ้าวซวนมีความพยายามมาก วัวนมที่ซื้อมาล้วนมีสุขภาพที่ดีมากสามีภรรยาที่ดูแลวัวนั้นสกุลหลิว อายุประมาณห้าสิบป้าหลิวรีดนมวัวไปแล้วถังหนึ่ง เซียวเยวี่ยเห็นนมวัวสีขาว ๆ ก็นึกถึงที่หลิงอวี๋บอกว่าสามารถทำอาหารดี ๆ ได้มากมาย เขาจึงมองหลิงอวี๋พลางเอ่ย“ท่านแม่ ท่านรีบทำอาหารอร่อย ๆ ให้พวกเราเถิดขอรับ เยวี่ยเยวี่ยอยากชิมอาหารเลิศรสที่ท่านแม่บอก ดูว่าจะอร่อยอย่างที่ท่านแม่บอกไว้จริง ๆ หรือไม่!”หลิงอวี๋ยิ้มพลางบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา “เจ้าลูกแมวตะกละ วั