กระทั่งออกจากตำหนักโซ่วอัน หลิงซวนก็เล่าเรื่องที่เซียวหลินเทียนค้านข้อเสนอในการคัดเลือกสนมในราชสำนักให้หลิงอวี๋ฟังหลิงอวี๋จึงได้รู้ว่าตนเกือบจะเข้าใจเซียวหลินเทียนผิดไปแล้วแต่หลิงอวี๋ก็มิได้สบายใจเพราะเรื่องนี้ เรื่องเช่นนี้มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สองเซียวหลินเทียนจะปฏิเสธไปได้อีกนานเท่าใดกันเชียว!“ผู้ใดไปนินทาเรื่องเกี่ยวกับกุ้ยเหรินทั้งสองต่อหน้าไท่เฟยเส้า?”หลิงอวี๋เอ่ยปากถามออกไปอู๋จื่อผิงกับสวีเนี่ยนจือคือคนที่ฮองเฮาเว่ยประทานให้เซียวหลินเทียนก่อนหน้านี้ ครานี้เมื่อเซียวหลินเทียนเป็นจักรพรรดิ ทั้งสองจึงได้รับแต่งตั้งเป็นกุ้ยเหรินและพาเข้าวังมาด้วยเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ล้วนใช้สองคนนี้เป็นเกราะป้องกันแต่ตอนนี้เซียวหลินเทียนมีสตรีอยู่เพียงมิกี่คน หากตนมิได้ปรนนิบัติ กุ้ยเหรินทั้งสองมิได้ปรนนิบัติ เมื่อเวลาล่วงเลยยาวนานไปจะทำให้ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เอาได้และที่ร้ายแรงก็อาจจะถึงกับสงสัยว่า เซียวหลินเทียนไร้สมรรถภาพทางเพศหรือไม่ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นการโจมตีที่รุนแรงมากต่อการเป็นจักรพรรดิของเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋ในฐานะฮองเฮามิอาจมิใส่ใจในเรื่องนี้ได้“มิรู้ว่าเป็นผู้ใ
หลิงอวี๋มิได้มีความรู้สึกลึกซึ้งถึงความเป็นพ่อลูกกับหลิงเสียงเซิง ทุกคราที่พบหลิงเสียงเซิงก็จะนึกถึงภาพน่าสลดที่หลานฮุ่ยจวนถูกขังและแท้งลูก จึงให้ความเคารพต่อเขามิได้จริง ๆ“ท่านพ่อ ท่านออกไปก่อนเถิด ข้ามีธุระจะหารือกับท่านอดีตเสนาบดีจริง ๆ!”หลิงอวี๋พูดยังมิทันขาดคำ หลิงเสียงกังกับเฝิงฉินก็มาทั้งคู่หลิงหว่านเห็นหลิงเสียงกังประคองเฝิงฉินมาอย่างระมัดระวังก็แอบกลอกตาใส่ ทำอ่อนแอให้ใครดูกัน!“ฮองเฮา!”เฝิงฉินลากหลิงเสียงกังให้คุกเข่าลงคำนับหลิงอวี๋ตามหลักแล้วหลิงอวี๋จะมิรับการคำนับของคนในครอบครัวแต่ภาพที่เฝิงฉินทำตัวอ่อนแอให้หลิงเสียงกังประคองเมื่อครู่ก็อยู่ในสายตาของหลิงอวี๋เช่นกัน นางจึงรับการคำนับของทั้งสองคนอย่างสงบแล้วให้ทั้งสองลุกขึ้นหลิงเสียงเซิงเห็นว่าพวกหลิงเสียงกังมาแล้วก็รีรอมิยอมไปนางกังวลว่าหลิงอวี๋จะเลื่อนตำแหน่งให้หลิงเสียงกังอย่างเงียบ ๆ จึงอยู่ดูก่อนหลิงอวี๋เห็นท่าทางของเฝิงฉินมิน่าจะออกไป จึงพูดถึงเรื่องที่หลิงเสียงกังมีก้อนเลือดอยู่ในสมองและบอกวิธีการรักษาของตนให้ท่านอดีตเสนาบดีและนางซุนฟังเสียเลยทันทีที่นางซุนได้ยินก็ตกใจมาก ผ่าหัวเพื่อเอาก้อนเลือดออก
ยามนี้หลิงอวี๋มิอยากไว้หน้าผู้อาวุโสเช่นหลิงเสียงกังแล้ว นางรู้ว่าป้าสะใภ้ใหญ่เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม แม้ว่าจะได้รับความอยุติธรรมก็ทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้แต่เรื่องอะไรเล่า?ป้าสะใภ้ใหญ่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูลูกให้หลิงเสียงกัง เมื่อหลิงเสียงกังออกไปรบก็ดูแลพ่อแม่แทนเขาสิ่งที่ผ่านไปในแต่ละวันนี้มิลึกซึ้งยิ่งกว่าที่เฝิงฉินมีบุญคุณต่อหลิงเสียงกังหรือ?“หลิงเสียงกัง ดูสตรีที่อยู่ตรงหน้าท่านผู้นี้ เมื่ออายุสิบห้าถึงวัยปักปิ่นก็แต่งงานเข้ามาในจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนเป็นภรรยาของท่าน เลี้ยงดูลูกแทนท่าน ดูแลพ่อแม่แทนท่าน!“ท่านได้รับบาดเจ็บกลับมาก็เป็นนางที่ดูแลท่าน! ยามท่านป่วยก็เป็นนางก็คอยดูแลอยู่ข้างเตียงท่าน!”หลิงอวี๋ตำหนิ “ท่านดูเถิดว่าตอนนี้นางอายุเท่าใดแล้ว?”“นางแต่งงานกับท่านมายี่สิบกว่าปี ดูแลท่านมายี่สิบกว่าปี อยู่ข้างกายตลอดทุกวันทุกคืนมาเก้าพันกว่าวัน เทียบมิได้กับเฝิงฉินที่เพิ่งจะดูแลท่านมาหนึ่งปีครึ่งมิกี่ร้อยวันเลยหรือ?”“การที่ท่านลืมนางมิใช่ข้ออ้างที่ท่านจะทรยศนาง! และมิใช่เหตุผลที่ท่านจะทำลายความดีที่นางมีต่อท่านได้ตามใจ!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างขุ่นเคือง “ตอนที่ท่านนอนอยู่ข้า
“ฮองเฮาของเราจะออกจากวังสักครั้งมิได้ง่ายดาย เช่นนี้แล้วยังถูกคนทำให้ลำบากใจอีก!”หลิงซวนมองหลิงเสียงกังอย่างเย็นชา พลางเอ่ยอย่างเป็นเดือดเป็นร้อนแทนหลิงอวี๋“ฮองเฮาทรงเห็นแก่ท่านอดีตเสนาบดี ฮูหยินใหญ่และคุณหนูหลิงหว่านจึงได้ออกจากวังมาแม้จะถูกคนขู่ที่จะกล่าวโทษ!ท่านอดีตเสนาบดีกับนางซุนย่อมรู้ว่า ในฐานะฮองเฮาการออกจากวังนั้นยากเย็นนัก เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อหลิงเสียงกังเช่นนี้ แต่หลิงเสียงกังกลับมิรับน้ำใจท่านอดีตเสนาบดีก็โกรธขึ้นมาเช่นกัน พลางเอ่ยเสียงเรียบ “หลิงเสียงกัง จะสิ่งดีหรือมิดีฮองเฮาก็ล้วนบอกเจ้าไปหมดแล้ว พ่อจะมิพูดสิ่งใดแล้ว!”“ชีวิตเป็นของเจ้า เจ้าตัดสินใจเอง!”“หากเจ้ามิอยากให้ฮองเฮาทำการผ่าตัด เจ้าก็พาสตรีผู้นี้ออกจากจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนไป ข้าจะถือว่าเจ้าตายอยู่ด้านนอกนั้นแล้ว จะได้มิต้องกลายเป็นหัวหงอกต้องส่งหัวดำให้จากไปก่อน!”“ท่านอดีตเสนาบดี นี่ไม่...”นางซุนร้อนใจ เพราะว่าเป็นสามีภรรยากันมาตั้งแต่อายุยังน้อย นางจะทนมองหลิงเสียงกังตายไปเช่นนี้ได้อย่างไร!นางจึงเอ่ยอย่างร้อนใจ “ข้าจะเกลี้ยกล่อมเขาอีกครั้ง!”นางซุนเดินไปตรงหน้าของหลิงเสีย
เฝิงฉินพูดถึงตรงนี้ก็คล้ายกับว่าสีหน้าเปลี่ยนไป นางจับที่ท้องของตนพลางคุกเข่าให้หลิงอวี๋อย่างช้า ๆ“ฮองเฮา หม่อมฉันตั้งครรภ์อยู่ ลูกจะขาดพ่อไปตั้งแต่ยังมิทันได้เกิดมามิได้เพคะ!”“ขอความเมตตาฮองเฮาอย่าได้บังคับให้สามีของหม่อมฉันทำการผ่าตัดเลยเพคะ ปล่อยพวกเราไปตามเส้นทางเถิดเพคะ!”ทันทีที่นางพูดเช่นนี้ออกมา หลิงซวนก็โกรธเป็นอย่างมาก นี่พูดไปพูดมากลายเป็นหลิงอวี๋มิดีเสียแล้วหลิงอวี๋เองก็โกรธเช่นกัน เฝิงฉินผู้นี้ช่างสมกับที่ขึ้นเหนือล่องใต้ทำการค้าขายเสียจริง ฝีปากคล่องแคล่วเช่นนี้ จนสามารถพูดกลับดำกลายเป็นขาวได้“ท่านพ่อ ฮองเฮา… ในเมื่อพวกเขามิเข้าใจความซาบซึ้งก็ให้พวกเขาไปเสียเถิด!”หลิงเสียงเซิงหาโอกาสพูดมิได้เลย ตอนนี้เมื่อเห็นว่าเฝิงฉินบีบบังคับหลิงอวี๋เช่นนี้ก็แอบดีใจทางที่ดีที่สุดคือ หลิงอวี๋ต้องรีบไล่หลิงเสียงกังออกไป ให้เขาไปตายด้านนอก จะได้มิต้องมีคนมาแย่งทรัพย์สินกับตน!“ไสหัวไป...”ท่านอดีตเสนาบดีก็โกรธกับคำพูดกลับดำเป็นขาวของเฝิงฉินจนเครากระดิก เขาจึงตะคอกอย่างโมโห “กลับไปเก็บข้าวของของพวกเจ้า แล้วไสหัวออกไปจากจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนบัดเดี๋ยวนี้!”“ข้าจะถือเสียว่าไม่ม
“หลิงเสียงกัง ป้าสะใภ้ใหญ่ของข้าปฏิบัติตามจรรยาบรรณสตรี กตัญญูต่อบิดามารดา ท่านต่างหากที่ทำผิดต่อนาง!”“ดังนั้นในการหย่าร้างท่านจะต้องชดเชยค่าสูญเสียวัยเยาว์ของป้าสะใภ้ใหญ่ข้า และค่าใช้จ่ายในการทำงานบ้านและเลี้ยงดูลูกให้ท่านเป็นเวลาหลายปีมานี้!”หลิงอวี๋พูดถึงตรงนี้ก็มองไปทางหลิงซวน “จดสิ่งที่ข้าพูดทั้งหมดไว้ ประเดี๋ยวให้นักบัญชีคำนวณเงินทั้งหมด!”“เพคะ ฮองเฮา!”ในใจของหลิงซวนก็คิดเช่นเดียวกับหลิงหว่าน จึงรีบหากระดาษและพู่กันมาช่วยหลิงอวี๋จด“หลิงเซียวและหลิงหว่านคือลูกของท่าน พวกเขาโตแล้ว ในฐานะพ่อ ท่านต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการแต่งงานของพวกเขาครึ่งหนึ่ง ข้ามิได้ให้ท่านรับผิดชอบทั้งหมด นี่ก็ยุติธรรมมากแล้วกระมัง!”“หากไปพิจารณาที่จวนขุนนาง ท่านต้องจ่ายทั้งหมด!”หลิงอวี๋วางแผนหลอกหลิงเสียงกังต่อหลิงเสียงกังคิดว่าสิ่งที่หลิงอวี๋พูดมามิได้ผิดแม้แต่น้อย ตนผิดต่อนางซุน มิอาจขัดขวางมิให้นางแต่งงานใหม่ส่วนลูก ๆ ก็คือลูกของตน พวกเขาแต่งงานตนก็ควรจะจัดการเต็มที่เช่นกันหลิงเสียงกังจึงพยักหน้าอย่างซื่อตรง “กระหม่อมยอมรับในสิ่งเหล่านี้ที่ฮองเฮาตรัสมา!”“สามี...”เพราะว่าเฝิงฉินเป
“เอามาจ่ายมิได้ใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋คาดเดาเอาไว้อยู่แล้วจึงยิ้มเยาะ “หลิงเสียงกัง ท่านเป็นบุรุษ คำพูดของบุรุษย่อมต้องหนักแน่น มีแปดหมื่นก็ให้มาก่อนแปดหมื่น ส่วนที่เหลือหากยังจ่ายมิได้ก็สามารถให้ท่านติดหนี้ไว้ก่อนได้!”“เมื่อใดที่ท่านชำระหนี้จนครบ เมื่อนั้นท่านจึงจะไปจากเมืองหลวงได้!”“หากกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของข้า ก็อย่าโทษว่าข้าไร้ความปรานี!”เมื่อมีการลงโทษตบปากสิบครั้งเมื่อครู่ หลิงเสียงกังก็รู้แล้วว่าหลิงอวี๋พูดคำไหนคำนั้นยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ติดหนี้นางซุนกับลูกทั้งสองจริง ๆ หากมิชดเชยให้พวกเขา หลิงเสียงกังก็มิสบายใจ“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะจ่ายคืน!”หลิงเสียงกังเขียนหนังสือสัญญาหนี้ ส่วนเฝิงฉินนับเงินจำนวนแปดหมื่นมาจ่ายอย่างลำบากใจ จากนั้นทั้งสองก็ไปนางซุนมองแผ่นหลังที่เย็นชาของหลิงเสียงกัง หลังจากเสียใจอยู่สักพักก็อดกลั้นความปวดใจเอาไว้“ฮองเฮา ท่านบีบบังคับให้เขาคืนเงินเช่นนี้มิเกินไปหน่อยหรือเพคะ?”นางซุนกังวลว่าหลิงอวี๋จะเข้าใจผิดว่าตนกล่าวโทษนางจึงรีบเอ่ย “ฮองเฮา หม่อมฉันรู้ว่าท่านหวังดีกับพวกเรา แต่ท่านลุงใหญ่ของท่านเขาเป็นคนตรงไปตรงมา หม่อมฉันกังวลว่าเขาจะไปช่วยคนนั้นคน
พวกหลิงอวี๋กลับไปถึงวัง หลิงอวี๋ก็กลับไปที่ตำหนักคุนหนิงก่อนทันทีเมื่อไปถึงหน้าประตูก็เห็นขันทีน้อยเซี่ยกับขันทีเหอรออยู่ด้านนอกเซียวหลินเทียนมาแล้วหลิงอวี๋เห็นว่าฟ้ามืดแล้ว เมื่อเดินเข้าไปจึงเอ่ยถาม “องค์จักรพรรดิเสวยพระกระยาหารเย็นแล้วหรือไม่?”ขันทีเหอรายงาน “องค์จักรพรรดิทรงต้องการเสวยพร้อมกับฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นจึงยังมิได้เสวยและกำลังรออยู่พ่ะย่ะค่ะ”หลิงอวี๋ก็มิได้ทานอาหารเย็นที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนเช่นกัน เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเอ่ย “ให้พวกเขาเตรียมอาหารเถิด!”หลิงอวี๋เดินเข้าไปก็เห็นเซียวหลินเทียนเอนตัวพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ เขาเปลี่ยนชุดจักรพรรดิแล้วสวมใส่เพียงแค่ชุดธรรมดาที่มีปักลายพระจันทร์เสี้ยวกับมังกรทองเท่านั้นเซียวหลินเทียนกำลังหลับอยู่ราวกับรอคอยอยู่นานแล้วชุดขาวลายพระจันทร์เสี้ยวทำให้ใบหน้าที่งดงามของเขายิ่งงดงามขึ้นอีก ขาข้างหนึ่งของเขาพาดอยู่บนเก้าอี้ ส่วนอีกข้างเหมือนจะไม่มีที่วางจึงปล่อยลงที่พื้นคนที่งดงามหลับอยู่บนเก้าอี้ที่งดงามช่างเป็นภาพการนอนหลับที่งดงามนักเซียวหลินเทียนเอนนอนอยู่ด้านบนนั้นก็เป็นภาพชายหนุ่มรูปงามที่หลับอยู่ที่เหมือนกันคืองดง
อะไรนะ?ทั้งเฉียวไป๋และลุงเฉียวตางก็ตกใจมากในความของพวกเขา หลิงอวี๋มิใช่คนแดนเทพ แม้ว่านางจะได้รับหยกหล้าสุขาวดีมาก็มิสามารถใช้ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่จากมันได้ ระดับพลังการบำเพ็ญของนางจะสูงถึงขั้นที่สามารถสังหารเฉียวเค่อได้อย่างไร?แต่เมื่อเห็นสภาพของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแล้ว พวกเขามิเชื่อก็ต้องเชื่อพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยู่เหนือกว่าเฉียวเค่อ นางไปถึงดินแดนที่หกนานแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งอยู่ในดินแดนที่สี่เฉียวไป๋กับลุงสามตระกูลเฉียวต่างก็มิรู้ว่า หลิงอวี๋ทำลายตันเถียนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยไปแล้ว หลังจากได้ฟังคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็คิดไปจริง ๆ ว่าหลิงอวี๋ได้ชิงพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่อไป“นางสารเลวผู้นี้ นางอยู่ที่ใด ข้าจะต้องตามหาและสังหารนางให้ได้!”หัวใจของเฉียวไป๋ราวกับมีมีดมากรีด ก่อนหน้านี้คำทำนายของลุงสามตระกูลเฉียวบอกว่า เฉียวเค่อตายไปแล้ว เขาก็เชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง หวังว่าคำทำนายของลุงสามจะผิดพลาดแต่ตอนนี้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยืนยันการตายของเฉียวเค่อ ความหวังของเขาพังทลายลงไปแล้ว“ศพพี่ชายข้าอยู่ที่ใด? ข้าจะต้องตามหาเขาแล้วพาเขากลับมาฝังอย่างสงบ...”เฉียวไป๋สะอื้นไห้แม้ว่าเฉียวเค่
ชิงพลังไปหรือ?เช่นนั้นหลิงอวี๋จะมิเป็นดังเช่นเมื่อก่อนที่ไม่มีความสามารถที่จะป้องกันตัวแล้วต้องยอมให้คนอื่นรักแกหรือ?ความกังวลของเซียวหลินเทียนกัมีมากกว่าฉินซานนัก เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ตามที่หานเหมยบอกมา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับอาอวี๋ก็แยกจากกันไปแล้ว ศิษย์พี่ที่ช่วยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับหานเหมยก็คือเฉียวเค่อ!”“แต่เมื่อวานเผยอวี้ไปสืบมา เฉียวเค่อตายแล้ว แล้วใครเป็นคนสังหารเฉียวเค่อเล่า?”“หรือจะเป็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ย?”ฉินซานก็วิเคราะห์ตามไปด้วยเช่นกัน แต่รู้สึกว่าความคิดของตนนั้นเหลวไหลเกินไปเฉียวเค่อเป็นศิษย์พี่ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะสังหารเขาได้อย่างไรกัน!ยิ่งไปกว่านั้น ระดับของเฉียวเค่อก็สูงมาก คนธรรมดาไม่มีทางที่จะสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย!“หรือจะเป็นเย่หรง?”เซียวหลินเทียนนึกถึงเย่หรงที่ติดตามจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่ออยู่เช่นกัน ดังนั้นจึงพูดชื่อของเขาออกมาโดยมิรู้ตัว“ก็เป็นไปได้!”ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น ขันทีโม่ก็พาหานเหมยกลับมาหานเหมยดูท่าทางอ่อนแอ เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนก็คุกเข่าลง“ฝ่าบาท บ่าวมิได้ปกป้องฮองเฮาให้ดี ฝ่าบาทโปรดลงโทษบ่าวเถิดเพคะ!”“เจ้
เซียวหลินเทียน ฉินซานและขันทีโม่นำเกวียนทาสหญิงกลับมาที่โรงเตี๊ยมทาสคุนหลุนผู้นั้นซื่อสัตย์มาก ฉินซานบอกว่า เซียวหลินเทียนเป็นเจ้านายของเขา จากนั้นเขาก็ติดตามเซียวหลินเทียนมิยอมห่างเซียวหลินเทียนเห็นว่าเขาแข็งแกร่งราวกับหอคอยเหล็ก จึงตั้งชื่อให้เขาว่าเถี่ยจู้กระทั่งกลับมาถึงโรงเตี๊ยม เถ้าแก่จูก็บอกว่า มีสตรีสองคนมาหาพวกเขา แล้วบอกว่าเป็นคนคุ้นเคยของพวกเขาเถ้าแก่จูจัดห้องให้สตรีทั้งสองคนเป็นการชั่วคราวเมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนกลับมาแล้ว เถ้าแก่จูจึงให้เสี่ยวเอ้อร์ไปแจ้งสตรีทั้งสองคนผลก็คือคนที่มาคือเถาจื่อกับหานอวี้นั่นเอง“หานอวี้ เจอพี่หญิงของเจ้าแล้วนะ!”ฉินซานเอ่ยอย่างตื่นเต้น“อยู่ที่ใด!” หานอวี้ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น“เจ้ารอสักครู่ ข้าจะไปพานางมา!”ฉินซานรีบเดินออกไป แต่หานอวี้รอมิไหวแล้วจึงรีบตามฉินซานไปที่เรือน แล้วก็เห็นทาสหญิงถูกขังอยู่ในเกวียนหานอวี้มิได้สนใจถามฉินซานว่าทาสหญิงเหล่านี้มาจากที่ใด นางรีบเปิดประตูเกวียนนั้นแล้วดึงพวกนางออกมาทีละคนหานเหมยถูกดึงลงมา แล้วหานอวี้ก็กอดนางอย่างตื่นเต้น “พี่หญิง ในที่สุดข้าก็พบเจ้าแล้ว! เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ช่างดี
การกระทำนี้ของเซียวหลินเทียนทำให้เก๋อเฟิ่งฉิงถอนหายใจโล่งอก ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่าจะยอมลดทิฐิลงขอร้องให้เซียวหลินเทียนช่วยเหลือ ไหนเลยจะคิดว่า มิต้องให้ตนเอ่ยปากเซียวหลินเทียนช่วยเหลือแล้วในใจของเก๋อเฟิ่งฉิงเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง มิรู้สึกอยากแข่งขันกับเซียวหลินเทียนอีกต่อไปแล้วนางพยักหน้าให้เซียวหลินเทียนเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาเรียบ ๆ “ในเมื่อคุณชายผู้นี้ซื้อทาสหญิงเหล่านี้ด้วยความจริงใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะมิสู้กับท่านอีก!”หม่าเฉียงเห็นเช่นนี้ก็พอใจแล้ว และแทบจะรอมิไหวที่จะลากฉินซานไปดำเนินการซื้อขายกันป้าวเฉิงมองเซียวหลินเทียนแล้วพาคนของตนเดินออกไปเขามองออกว่า เซียวหลินเทียนมิใช่คนธรรมดา แต่ตราบใดที่รับรองว่าตนจะได้ส่วนแบ่งทางการค้า เขาก็จะมิสนใจว่าเซียวหลินเทียนเป็นใครขันทีโม่ใช้เงินห้าร้อยตำลึงไปซื้อตัวทาสหญิงที่เชี่ยวชาญเรื่องการติดตามและทาสคุนหลุนที่มีพลังมากมาหม่าเฉียงมอบให้ฉินซานแม้กระทั่งเกวียน ฉินซานเห็นว่าคนตระกูลเก๋อยังมิไป จึงมิยอมปล่อยหานเหมยออกมา เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ดึงดูดความสนใจของคนตระกูลเก๋อเซียวหลินเทียนยังต้องการถามคำถามหม่าเฉีย
หลังจากเสียงนั้น คนที่มุงกันอยู่เหล่านั้นก็หลีกทางให้โดยมิรู้ตัว แล้วกลุ่มคนที่มาก็เผยตัว...เซียวหลินเทียนก็มองไปเช่นกัน แล้วก็เห็นว่าคนที่นำมาเป็นบุรุษอายุประมาณห้าสิบปี รูปร่างสูง แขนทั้งสองข้างที่เผยออกมานั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ บนนั้นมีห่วงทองคำทองรูปสัตว์ประหลาดคล้องอยู่สองห่วงด้วย“ท่านป้าว!”มีคนจากในฝูงชนนั้นตะโกนขึ้นมาเซียวหลินเทียนรู้ทันทีว่า คนผู้นี้คือป้าวเฉิงเจ้าถิ่นตลาดซื้อขายทาสแห่งนี้ป้าวเฉิงเดินเข้ามาโดยที่ลูกน้องของคนล้อมรอบอยู่ เขาสูงกว่าเซียวหลินเทียนไปครึ่งหัว เขามองเซียวหลินเทียนแล้วมองเก๋อเฟิ่งฉิง จากนั้นก็ยิ้มเย็นชา“การประมูลก็มีกฎเกณฑ์ของการประมูล ท่านสองคนรู้หรือไม่ว่า ต่อให้ตะโกนเสนอราคาสูงแค่ไหน หากตอนที่ส่งมอบจริงแล้วจ่ายมิได้จะโดนลงโทษอย่างไร?”ในเมื่อป้าวเฉิงเป็นเจ้าถิ่นลานประมูลแห่งนี้ เขาจึงมิยอมให้ใครมาสร้างปัญหาในถิ่นของตนเมื่อครู่เขาเห็นจากด้านบนว่า คนในลานประมูลมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ก็กังวลว่าสองคนนี้จะมาสร้างปัญหา เขาจึงลงมาดู“หากจ่ายมิได้ ท่านจะต้องอยู่ที่ลานประมูลนี้และต้องนำเงินจำนวนสามเท่าจากที่เสนอราคามาไถ่ตัว!”ผู้ค้ามนุษย์คนห
บุรุษผู้นี้ฉลาดนัก!เก๋อเฟิ่งฉิงกลุ้มอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็มิได้โกรธ สิ่งที่นางต้องการคือบุรุษที่ได้ทั้งบุ๋นและบู๊เช่นนี้ หากเซียวหลินเทียนโง่เกินไป นางก็มิสนใจแล้ว!“พี่หญิง ข้าคิดว่าคุณชายผู้นี้พูดถูกนะ!”เก๋อเฟิ่งเจียวเบียดเข้ามาแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ “ทาสหญิงเหล่านี้มิคุ้มราคาจริง ๆ หากท่านใช้เงินมากมายเช่นนี้ซื้อพวกนาง กลับไปจะต้องถูกท่านยายดุเป็นแน่!”“ท่านก็ทำตามที่คุณชายผู้นี้บอก ยอมให้เขาไปเถิด เลือกมาสองคนให้เขามอบให้ท่านเปล่า ๆ เขาจะต้องยอมแน่นอน!”เซียวหลินเทียนเกือบจะหัวเราะออกมา เขามิคาดคิดว่าความขัดแย้งภายในของตระกูลเก๋อจะชัดเจนถึงเพียงนี้ คุณหนูรองตระกูลเก๋อมาช่วยเหลือคนนอกเช่นนี้เก๋อเฟิ่งฉิงสีหน้ามิพอใจ นางคาดมิถึงว่าเก๋อเฟิ่งเจียวจะเผยจุดอ่อนของตนออกไป นี่มิใช่เป็นการบอกเซียวหลินเทียนหรือว่าหากตนเสนอราคาขึ้นอีก กลับไปจะต้องถูกท่านยายดุ?“เฟิ่งเจียว ไปยืนด้านข้างเสีย ข้าทำอะไรอย่างมีเหตุผล ท่านยายมิดุข้าหรอก!”เก๋อเฟิ่งฉิงฝืนพูดต่อไปเก๋อเฟิ่งเจียวยิ้มเยาะ “เช่นนั้นท่านมีเหตุผลอะไรก็พูดมาสิ พูดให้ชัดเจนแล้วข้าจะมิคัดค้านที่ท่านใช้เงินมหาศาลซื้อทาสหญิงเหล่านี้ มิเช่นนั้นข
เซียวหลินเทียนเห็นภาพนี้ไกล ๆ ก็รู้ว่ามีคนทำให้ฉินซานลำบากแล้วเขาเห็นซูจู๋ที่ขัดแย้งอยู่กับฉินซานก็พอจะคาดเดาเจตนาของเก๋อเฟิ่งฉิงได้เซียวหลินเทียนสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น อยากจะแข่งความรวยหรือ?เขามิเชื่อว่ากำลังทรัพย์ของคุณหนูตระกูลเก๋อจะเทียบกับตนที่เป็นจักรพรรดิได้ความเย่อหยิ่งของเซียวหลินเทียนเพิ่มขึ้นในทันที อย่างไรวันนี้เขาก็จะต้องปรามอำนาจของเก๋อเฟิ่งฉิงให้ได้เขาเดินเข้าไปด้วยใบหน้ามิสบอารมณ์เก๋อเฟิ่งฉิงเห็นว่าคนในใจเดินเข้าไปก็ตามเข้าไปด้วย“หกหมื่น!”ซูจู๋ให้ราคาเป็นสองเท่าจากที่หม่าเฉียงเสนอ หม่าเฉียงมีความสุขมาก แต่ยังฝืนมิพยักหน้าแล้วมองไปทางฉินซานฉินซานรู้ว่าเซียวหลินเทียนมิได้ใส่ใจกับเงินจำนวนนี้ เขาสามารถตัดสินใจเสนอราคาตามไปได้แต่เขาก็มองออกเช่นกันว่า วันนี้นางรับใช้ที่อยู่ตรงหน้าตั้งใจจะมีปัญหากับตน จึงกลัวว่าหากตนขึ้นราคา นางรับใช้ผู้นี้ก็จะขึ้นราคาไปด้วยแล้วเมื่อใดจึงจะสิ้นสุดเล่า?เวลานี้ฉินซานก็เห็นเซียวหลินเทียนเดินเข้ามา แล้วพยักหน้าให้เขาอย่างยากที่ใครจะสังเกตเห็นฉินซานจึงเอ่ยขึ้นมาทันที “แปดหมื่น!”เซียวหลินเทียนบอกเป็นนัยแล้วว่าเขาสามารถดันรา
ฉินซานได้รับคำสั่งแล้วไปเจรจาธุรกิจกับผู้ค้ามนุษย์ทันทีสิ่งที่เซียวหลินเทียนมิคาดคิดก็คือ วันนี้เก๋อเฟิ่งฉิงคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อและเก๋อเฟิ่งเจียวคุณหนูรองตระกูลเก๋อก็มาด้วยเก๋อเฟิ่งฉิงมองปราดเดียวก็เห็นเซียวหลินเทียนที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางผู้คนทันทีเมื่อเห็นเขาสั่งให้คนรับใช้ไปเจรจาการค้ากับผู้ค้ามนุษย์ เก๋อเฟิ่งฉิงก็กลอกตาแล้วกระซิบกับซูจู๋ทันที จากนั้นซูจู๋ก็ตามฉินซานไปเก๋อเฟิ่งเจียวมิเชื่อใจเก๋อเฟิ่งฉิง การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ นี้ก็ดึงความสนใจของเก๋อเฟิ่งเจียวเช่นกัน นางจึงให้นางรับใช้ของตนตามไปดูด้วยฉินซานกำลังคุยอยู่กับหม่าเฉียงหัวหน้าผู้ค้ามนุษย์วัยสี่สิบปี“นายของเราบอกว่า เขาสนใจทาสหญิงเกวียนนี้ อยากซื้อตามราคาสูงสุด และขอเพียงให้เจ้าตอบคำถามเขามิกี่ข้อ...เรื่องดีเช่นนี้หากพลาดไปคงไม่มีอีกแล้ว เจ้าต้องคว้าโอกาสไว้!”หม่าเฉียงได้ยินเช่นนี้ก็ใจเต้นแรงทันที คุณภาพของทาสหญิงเกวียนนี้ของตนมิได้นับว่าดีมากนัก เมื่อวานมาแล้ววันหนึ่งก็ขายมิออกสักคน วันนี้มีคนอยากจะซื้อทั้งหมดในคราวเดียว แล้วเขาจะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไรเล่า!“นายใหญ่อยากถามอะไรข้า?”หม่าเฉียงเอ่ยอย่างตื่นเต้น
เซียวหลินเทียนกับฉินซานแทบจะหันไปมองพร้อมกันทันทีที่ได้ยินชื่อหานเหมยแล้วก็เห็นว่าบนเกวียนคันนั้นก็มีทาสหญิงอยู่จำนวนมิน้อยสตรีคนที่ขันทีโม่พูดถึงยืนนิ่งอยู่ในมุมหนึ่งด้วยท่าทีเฉยเมย บนตัวและใบหน้าของนางเต็มไปด้วยบาดแผล ชุดก็ขาดรุ่งริ่งจนเผยผิวหนังส่วนใหญ่ออกมา“หานเหมย!”ฉินซานตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้นที่เขาเป็นฝ่ายอาสาออกมาตามหาหลิงอวี๋ครั้งนี้ เหตุผลอีกครึ่งหนึ่งก็เพื่อหานเหมยนับตั้งแต่ที่ฉินซานมีความคิดที่จะแต่งงานกับหานเหมย เขาก็ให้ความสนใจหานเหมยอย่างมากหานเหมยทำงานอย่างจริงจัง ทั้งยังขยันเรียนรู้และปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนน้อมอย่างยิ่งไป ๆ มา ๆ ฉินซานก็ตกหลุมรักหานเหมยที่ขยันและจิตใจดีผู้นี้ไปเสียแล้วเดิมทีเขาอยากหาโอกาสหยั่งเชิงหานเหมยว่าจะยินดีแต่งงานกับตนหรือไม่ ไหนเลยจะคิดว่ายังมิทันได้โอกาส หานเหมยก็หายตัวไปพร้อมกับหลิงอวี๋เสียก่อนแล้วฉินซานกังวลมาตลอดว่า หานเหมยจะถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารไปแล้วเพราะไม่มีประโยชน์และมูลค่า คาดมิถึงว่าจะได้เห็นหานเหมยยังมีชีวิตอยู่ฉินซานตื่นเต้นจนอยากจะพุ่งเข้าไปช่วยหานเหมยออกมาขันทีโม่คว้าตัวเขาไว้แล้วกระซิบ “อย่าหุนหัน