คำพูดนี้ของหลิงอวี๋ทำให้เซียวหลินเทียนตะลึง จากนั้นก็หัวเราะออกมา“เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะอยู่ที่พระตำหนักคุนหนิง!”หลิงอวี๋กลอกตาใส่เซียวหลินเทียน เมื่อเห็นว่าหลิงซวนไล่นางกำนัลที่มารับใช้ในห้องออกไปจนหมดแล้วจึงเอ่ยอย่างเย็นชา“เซียวหลินเทียน ที่หม่อมฉันพูดกับท่านในเรื่องเหล่านี้มิใช่เพราะอยากจะแย่งชิงความโปรดปราน แต่เพราะจะให้ท่านมิต้องหลบหลีกในเรื่องนี้!”“ก่อนหน้านี้หม่อมฉันเคยบอกกับท่านแล้วว่า หม่อมฉันกับป้าสะใภ้ใหญ่และสตรีเหล่านี้มิเหมือนกัน สามีที่หม่อมฉันต้องการคือคนที่รักหม่อมฉันได้หมดทั้งใจ!”“ชีวิตนี้หม่อมฉันมิสามารถใช้สามีร่วมกับสตรีอื่นได้ มิว่าท่านจะเป็นอ๋องอี้หรือองค์จักรพรรดิ หม่อมฉันจะไม่มีทางเปลี่ยนความคิดของหม่อมฉัน!”หลิงอวี๋สบตากับเซียวหลินเทียนโดยตรง “และหม่อมฉันก็มิอยากให้ท่านต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อหม่อมฉันด้วย!”“หม่อมฉันรับปากท่านได้ว่าจะมิจากไปในตอนที่ตำแหน่งของท่านยังมิมั่นคง ในภายภาคหน้า เมื่อท่านมิต้องการหม่อมฉันแล้ว ก็ปล่อยให้หม่อมฉันจากไป แล้วเราจะเป็นสหายและคนรู้ใจที่ดีต่อกันไปตลอดชีวิต!”นี่เป็นครั้งแรกหลังจากที่เซียวหลินเทียนขึ้นเป็นจักรพรรดิ ที่ได้พู
เซียวหลินเทียนเองก็มิกล้าบังคับหลิงอวี๋ จึงเอ่ยออกไป“เจ้าบอกวันมะรืนก็วันมะรืน! จริงสิ วันพรุ่งตามกรมวังมาช่วยเจ้าปรับปรุงพระตำหนักคุนหนิงเสียหน่อยเถิด ข้าคิดถึงห้องน้ำของเราที่ตำหนักอ๋องอี้ เจ้าให้พวกเขาทำห้องน้ำด้วย!”“อีกอย่าง ข้าเองก็อยากให้ในพระตำหนักคุนหนิงมีพวกเครื่องใช้และพืชพรรณที่เจ้าตกแต่งด้วย ที่นี่ช่างหนาวเหน็บ ไม่มีความรู้สึกของบ้านเลย!”เซียวหลินเทียนพูดในจุดที่มิพอใจต่อพระตำหนักคุนหนิงออกมาจำนวนมาก หลิงอวี๋ก็จดจำไว้อย่างเงียบ ๆในขณะเดียวกันหลิงอวี๋ก็ใจเต้นขึ้นมา เช่นนี้ในใจเซียวหลินเทียนก็โหยหาความอบอุ่นของบ้านเช่นกันเขาอยู่ที่ราชสำนักเป็นองค์จักรพรรดิ เมื่อเสร็จกิจราชสำนักแล้วก็เป็นเพียงบุรุษธรรมดาผู้หนึ่ง เขาเองก็มีความต้องและข้อเรียกร้องของตนเช่นกันจักรพรรดิก็เป็นคนเช่นกัน!หลิงอวี๋นึกถึงความใกล้ชิดสนิทสนมของตนกับเซียวหลินเทียนตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา ตั้งแต่เริ่มแรกที่เขาเป็นบุรุษที่วางอำนาจไร้มารยาทแล้วค่อย ๆ ถูกตนเปลี่ยนแปลงไปทีละขั้น บางที ขอเพียงตนใช้ใจกับความสัมพันธ์ที่มีกับเขา เซียวหลินเทียนก็อาจจะเปลี่ยนเป็นสามีที่คู่ควรกับความเชื่อมั่นได้เช่นกันกระม
ส่วนที่แม่ทัพฟางยอมให้ฟางเหยาเหยาแต่งงานเป็นชายารองขององค์ชายคังก็มิได้ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกประหลาดใจออกไปครานี้ชัดเจนว่า แม่ทัพฟางคือคนของจ้าวฮุย แค่ทำอะไรอย่างคลุมเครือมากเท่านั้นหลิงอวี๋นึกถึงเรื่องจลาจล แล้วจึงเอ่ยถาม “คดีใต้เท้าจางสอบสวนชัดเจนหรือไม่เพคะ?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เซียวหลินเทียนก็เดือดขึ้นมาสองวันมานี้กรมพระคลังและกรมวังเร่งสอบสวนบัญชีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเส้นทางแม่น้ำของใต้เท้าจางก่อนหน้านี้ บัญชีหลายปีตรวจสอบแล้วพบว่าราชสำนักจัดสรรงบไปยี่สิบกว่าล้านบัญชีของใต้เท้าจางล้วนใช้เงินยี่สิบกว่าล้านนั้นไปกับการซ่อมแซมเส้นทางแม่น้ำ แต่นับตั้งแต่เรื่องที่มีคนตายไปสองร้อยกว่าคนเซียวหลินเทียนก็รู้แล้วว่าบัญชีนี้ของใต้เท้าจางเป็นบัญชีปลอมแค่เงินอุดหนุนของสองร้อยกว่าชีวิตนี้ไม่มีในบัญชีเลยแม้แต่น้อยเช่นนั้นบัญชีอื่นมิบอกก็รู้ว่าจะต้องมีการตกแต่งบัญชีแล้วถูกพวกเขาทุจริตไปแน่นอนเรื่องนี้เมื่อตรวจสอบแล้วมีการเกี่ยวโยงไปเป็นวงกว้าง ใต้เท้าจางเงียบตลอด และมิปริปากพูดเรื่องทรัพย์สินที่ค้นออกมาจากบ้านของตนด้วยส่วนขุนนางทุจริตที่อยู่เบื้องล่างทนรับการทรมานมิไหวจึงสารภาพ แ
หลิงอวี๋ได้เห็นความสามารถของเก๋อเทียนซือแล้ว องค์ชายรุ่ยไปที่โม่เหอนอกจากจะไปตามหาแดนปีศาจก็ไม่มีทางจะมีเหตุผลอื่นอีกหลิงอวี๋กังวลว่า องค์ชายรุ่ยจะมีเจตนาร้ายแอบแฝงอยู่ และแอบหว่านเมล็ดอำนาจของตน“ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลอะไร ครานี้ข้าอาศัยเรื่องงานแต่งงานขององค์ชายคัง ให้องค์ชายรุ่ยแต่งงานเช่นกัน เพราะว่าจะใช้ครอบครัวผูกมัดเขาไว้”เซียวหลินเทียนเอ่ยเรียบ ๆ “แม้ว่าข้าจะมิได้มีความรู้สึกฉันพี่น้องกับพวกเขาเท่าไร แต่เพราะว่าเป็นพี่น้องกัน ข้าจึงมิอยากให้ผลสุดท้ายแล้วต้องเข่นฆ่ากันเอง”องค์ชายรุ่ยมีความเคลื่อนไหวเล็กน้อยได้ แต่ขอเพียงมิทำลายความเป็นพี่น้อง เซียวหลินเทียนก็สามารถทนความรุ่งโรจน์ของเขาไปได้ทั้งชีวิตหลิงอวี๋ยังคงมิกล้าประมาทองค์ชายรุ่ย จึงเอ่ยเตือน “ครานี้เก๋อเทียนซือเสียเปรียบหม่อมฉัน เขาจะต้องหาผู้ช่วยมาจัดการพวกเราอย่างแน่นอน!”“พวกเรามิเพียงแต่ต้องป้องกันเก๋อเทียนซือ ยังต้องป้องกันองค์ชายรุ่ยเผื่อพบอะไรด้วย! เซียวหลินเทียน ท่านจะประมาทมิได้โดยเด็ดขาดเพคะ!”วันนั้นที่เจดีย์วัดไคหยวน หลิงอวี๋ต่อสู้กับเก๋อเทียนซือ ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อเจดีย์วัดไคหยวน หลังจากนั้น
การประทานสมรสหลายคนเช่นนี้ทำให้ฮูหยินฉินแม่ของฉินซานก็ตื่นเต้นมาก ๆ ไปด้วย นางจึงจงใจคุยกับฉินซานในคืนหนึ่งฉินซานถูกแม่โน้มน้าวมิยอมหยุด ในที่สุดก็ตกลงแต่งงาน ฮูหยินฉินได้รับการยินยอมจากลูกชายก็ไปหาแม่สื่อหลายคนมาหาคนจับคู่ให้กับฉินซานมาตรฐานของนางลดลงแล้ว ขอเพียงสตรีที่มีภูมิหลังครอบครัวดีและมีความประพฤติดีมาเป็นภรรยาของฉินซานหานอวี้ได้รับรู้ข่าวนี้ก็ร้อนใจแทนพี่สาว จึงไปหาหลิงอวี๋เพื่อพูดเรื่องนี้แทนพี่สาวหลิงอวี๋ทำใจปล่อยให้หานเหมยไปมิได้ แต่เพื่อการแต่งงานของหานเหมย แม้ว่านางจะทำใจมิได้ก็ทำได้เพียงยอม นางจึงเรียกหานเหมยมาซักถามถึงความคิดที่จะแต่งงานกับฉินซานเสียก่อนไหนเลยจะรู้ว่าหานเหมยจะเอ่ย “ฮองเฮา หานเหมยมิอยากแต่งงานกับเจ้ากรมฉินเพคะ!”“เหตุใดเล่า? ฉินซานมิดีหรือ?”หลิงอวี๋สับสนหานเหมยส่ายหน้า “เรื่องคุณสมบัติของเจ้ากรมฉินนั้นมิอาจพูดได้ ตอนนี้หานเหมยเองก็รู้สึกว่าคู่ควรต่อเจ้ากรมฉิน แต่ฮูหยินฉินมิเหมาะที่จะเป็นแม่สามีของหานเหมยเพคะ!”ตอนนี้หานเหมยเป็นผู้ช่วยของหลิงซวนกับเถาจื่อ และมีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้า เป็นขุนนางระดับแปด หลุดพ้นจากการเป็นทาสแล้วขอเพียงนางทำง
เมื่อประทานสมรสแล้ว งานอภิเษกสมรสขององค์ชายคังและองค์ชายรุ่ยจึงได้เตรียมการและกำหนดวันไว้อย่างรวดเร็วมิรู้ว่าองค์ชายคังคิดจะใช้โอกาสนี้รวบรวมกำลังพลใหม่ หรือว่าตั้งใจจะให้ความสำคัญกับพระชายาคังคนใหม่กันแน่ สินสอดทองหมั้นจึงอุดมสมบูรณ์เป็นพิเศษจนเกือบจะเป็นทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตำหนักองค์ชายคังแล้ววันส่งมอบสินสอดมีหาบถึงหนึ่งร้อยยี่สิบหาบ และใช้เวลาหาบไปหลายชั่วยาม ขบวนที่ยิ่งใหญ่ดึงดูดความสนใจของราษฎรในเมืองหลวงจนการสัญจรติดขัดอยู่ครึ่งวันเลยทีเดียวความร่ำรวยขององค์ชายคังมากพอที่จะทำให้ผู้คนอิจฉา และจ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้ได้รับสินสอดทองหมั้นก็ยิ่งเป็นสตรีที่จุดรวมความอิจฉาหลิงอวี๋มิรู้เรื่องนี้ เพิ่งจะรู้ตอนไปกินอาหารเย็นแล้วได้ยินพวกนางกำนัลซุบซิบเรื่องนี้กันนางกำนัลเหล่านั้นมิรู้ว่าหลิงอวี๋มาแล้วจึงรวมตัวกันซุบซิบนินทา“ได้ยินว่าคุณหนูรองจ้าวผู้นี้งดงามยิ่งกว่าพี่สาวอีก เป็นคนที่งดงามจนพระจันทร์ต้องหลบ ดอกไม้ละอาย และปลาตกใจจนลืมว่ายน้ำไปจริง ๆ!”“องค์ชายคังโชคดีจึงได้แต่งงานกับนาง!”นางกำนัลอีกคนก็หัวเราะพลางเอ่ย “เกิดมางดงามก็เป็นข้อได้เปรียบ! แต่ก็ต้องดูที่ฝ่ายบุรุษด้วยว่า
เซียวหลินเทียนมากินอาหารด้วย หลิงอวี๋ก็โกรธเขาอย่างประหลาดเพราะเรื่องนี้ เอาแต่ถามคำตอบคำกับเซียวหลินเทียนต่างจากก่อนหน้านี้ ทั้งยังก้มหน้าก้มตากินในส่วนของตนด้วยใบหน้าเย็นชา“อาอวี๋ วันนี้เป็นอะไรไปหรือ? มิสบายหรือไม่?”เซียวหลินเทียนทำตัวมิถูก แต่ก็ยังเอ่ยถามอย่างเอาใจ“เปล่าเพคะ!”หลิงอวี๋เอ่ยเท่านี้แล้วกินต่อ“เช่นนั้นผู้ใดทำให้เจ้าขุ่นเคืองหรือ? หรือว่าไท่เฟยเส้า?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มหากไท่เฟยเส้ากล้ามาทำให้หลิงอวี๋ลำบากใจอีก เซียวหลินเทียนตัดสินใจว่าจะมิไว้หน้าองค์ชายคังอีกแล้ว จะบังคับให้ส่งไท่เฟยเส้าไปที่ศาลบูรพกษัตริย์“เปล่าเพคะ!”หลิงอวี๋กลายเป็นคนถามคำตอบคำ ตอบมาเพียงคำเดียวมิพูดไปมากกว่านั้นเซียวหลินเทียนประหลาดใจกับสิ่งนี้ มิได้มีผู้ใดทำให้นางขุ่นเคือง และนางก็มิได้ป่วย เช่นนั้นเหตุใดวันนี้หลิงอวี๋จึงเปลี่ยนไปอย่างน่าแปลกเช่นนี้เล่า!เขากวาดสายตามองไปที่หลิงซวนกับเถาจื่อที่รับใช้อยู่ด้านข้าง หลิงซวนกับเถาจื่อก็แสร้งมิเห็นและเบือนหน้าหนีพวกนางเป็นนางรับใช้ของหลิงอวี๋ เจ้านายก็คือหลิงอวี๋ พวกนางจะมิเปิดเผยเรื่องของเจ้านายตนเซียวหลินเทียน
“หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร