เซียวหลินเทียนมองอยู่นิ่ง ๆ และมิคิดที่จะช่วยการกระทำเช่นนี้ทำให้หลิงอวี๋เย็นชาไปทันทีอย่างมิต้องสงสัย นางมิได้รู้สึกว่าตนทำผิดไปเลยนางมีความลับก็เพื่อปกป้องตนเอง โอสถเซียนที่กลั่นออกมาก็มอบให้เซียวหลินเทียนอย่างมิเห็นแก่ตัว แล้วเซียวหลินเทียนมีสิทธิ์อะไรถึงกล้าทำท่าทีเช่นนี้ใส่ตน?ขอถามว่าสิ่งที่นางทำเพื่อเขายังมิพอหรือ?มิว่าเรื่องอะไรก็เป็นห่วงแทนเขา เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในวังนี้มิใช่เรื่องที่นางชอบทำเลยสักนิด แต่นางก็อดทนทำไปก็เหมือนกับที่ป้าสะใภ้ใหญ่ทำเพื่อหลิงเสียงกัง อุทิศตนอยู่เบื้องหลังอย่างเงียบ ๆ แต่หลิงเสียงกังลืมอดีตและลบล้างความยากลำบากของนางไปทั้งหมดตอนนี้เซียวหลินเทียนก็เช่นกัน เขายังมิได้สูญเสียความทรงจำก็ลืมสิ่งที่ตนทำเพื่อเขาแล้ว เอาแต่จับจ้องตนเมื่อมีเรื่องปิดบังเล็กน้อยก็ชักสีหน้าใส่ตนเช่นนี้คู่ควรกับที่ตนทุ่มเทไปหรือ?หลิงอวี๋โยนโอสถเซียนเข้าไปในมิติ แล้วตะโกนไปข้างนอก “หลิงซวน เรียกขันทีน้อยเซี่ยมาดูแลให้องค์จักรพรรดิไปพักผ่อนที่ตำหนักอื่น!”หลิงซวนที่อยู่ด้านนอกได้ยินดังนั้นก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง พลางมองไปทางเถาจื่ออย่างทำตัวมิถูกเมื่อครู่หลิงอวี๋ยังเ
ยามทะเลาะย่อมไม่มีคำพูดที่ดี หลิงอวี๋มีหรือจะมิรู้เหตุผลข้อนี้ แต่นางก็ยังยืนกรานที่จะพูดเช่นนี้นางจะดูว่าขีดจำกัดความอดทนของเซียวหลินเทียนที่มีต่อตนจะอยู่ที่ใด...จิตใจของจักรพรรดิยากแท้หยั่งถึง!เมื่อก่อนเซียวหลินเทียนอดทนกับตนได้ มิได้หมายความว่าเป็นจักรพรรดิแล้วจะทนได้เข้าใจตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงในวันหนึ่งตนต้องตายไปอย่างมิเข้าใจ!“หลิงอวี๋ เจ้าไม่มีเหตุผล!”เซียวหลินเทียนถูกบีบจนทั้งหงุดหงิดทั้งโกรธ เขามิได้มีความคิดที่จะประหารนางเสียหน่อย!เขาแค่มิชอบความรู้สึกถูกปิดบัง!“เจ้าอย่าเปลี่ยนเรื่อง! หากเจ้ามิได้มีเรื่องที่มิอาจให้ผู้ใดรู้ได้ปิดบังข้าอยู่ เหตุใดจึงมิอาจพูดกับข้าให้ชัดเจนได้?”เซียวหลินเทียนร้อนใจจนพูดความสงสัยในใจออกมา“ทักษะการแพทย์ของเจ้ามาได้อย่างไร? อย่าใช้คำที่โกหกผู้อื่นมาโกหกข้าอีก!”“คนผู้หนึ่งจะเปลี่ยนแปลงได้มากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? หลิงอวี๋เมื่อก่อนโง่เขลาเบาปัญญา แต่ตอนนี้เจ้าเฉลียวฉลาด!”“อีกอย่าง เจ้ามีความรู้เรื่องการบริหารแคว้นมากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ลูกรอกที่โจมตีเมืองในตอนแรกนั้นเจ้าไปเรียนมาจากที่ใด?”คำถามเหล่านี้ทำให้ใจของหล
เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋เริ่มต้นสงครามเย็นกันแล้วเซียวหลินเทียนมิเป็นฝ่ายไปกินข้าวกับหลิงอวี๋อีก หลิงอวี๋ก็ย่อมไม่มีทางส่งคนไปเชิญเขาเป็นเช่นนี้เพียงวันสองวันก็ยังไม่มีผู้ใดสังเกต แต่เมื่อเป็นติดต่อกันเช่นนี้หลายวัน อย่าว่าแต่คนที่อยู่ข้างกายเซียวหลินเทียนที่พบความผิดปกติ แม้แต่ไท่เฟยเส้าเองก็พบความผิดปกติเช่นกัน“เหอะ ๆ จะต้องเป็นเรื่องการคัดเลือกสนมแน่ ๆ ที่ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างสองคนนั้น!”ไท่เฟยเส้าแอบยินดี นางส่งคนไปให้สัญญาณกับกุ้ยเหรินทั้งสองให้ฉวยโอกาสตอนนี้ทันที ขอเพียงเซียวหลินเทียนยอมรับหนึ่งในนั้น พวกจ้าวฮุยก็สามารถเอ่ยเรื่องการคัดเลือกสนมขึ้นมาได้อีกครั้งทันทีที่อู๋จื่อผิงได้ยินว่าองค์จักรพรรดิกับฮองเฮาขัดแย้งกันก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อก่อนตอนที่อยู่ตำหนักอ๋องอี้นางยังคิดอยู่เลยว่า หากเซียวหลินเทียนเป็นจักรพรรดิ ตนก็จะได้รับแต่งตั้งเป็นสนมเอกได้ ไหนเลยจะคิดว่าหลังจากเข้าวังมาแล้วจะเป็นกุ้ยเหรินก่อนหน้านี้นางคิดอยู่ตลอดว่า จะหาโอกาสไปปรนนิบัติเซียวหลินเทียน แต่ก็จนใจที่เซียวหลินเทียนมิเคยเรียกไปปรนนิบัติเลย กฏในวังหากไม่มีการเรียกก็มิสามารถเป็นฝ่ายไปถวายตัว
“หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร
“อย่าตีท่านแม่ของข้า...” หลังจากที่เสี่ยวเมาล้มบนพื้น กระอักเลือดออกมาแล้วก็คลานเข้าไปหาหลิงอวี๋อย่างไม่ยินยอม ยังคิดที่จะใช้ร่างกายที่อ่อนแอของตนช่วยรับแส้ให้กับนางอีก หลิงอวี๋มองไปยังมุมปากของเสี่ยวเมาที่ยังคงมีเลือดไหลซึม ในใจก็ยิ่งสั่นสะท้านขึ้นมา… ในความทรงจำนั้น หลิงอวี๋ใส่ใจเสี่ยวเมาน้อยนัก ทำให้เสี่ยวเมาที่คลอดมาแข็งแรงมาก กลับยิ่งเลี้ยงดูก็ยิ่งผอมบาง... “ท่านอ๋อง… นี่? โบยต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” มือเฆี่ยนเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง “ลากลูกนอกสมรสนั่นออกไป โบยต่อ!” ชายหนุ่มสูงส่งราวกับเทพเจ้านั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นเสี่ยวเมากระอักเลือดออกมา ก็ยังคงดูเฉยชาไร้ซึ่งอารมณ์ดั่งเก่า “เสี่ยวเมา ไปเถอะ ปกตินางก็ไม่ได้ดูแลเจ้าดีนัก เจ้ายังสนใจว่านางจะเป็นตายไปเพื่อเหตุอันใด!” หญิงชราคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เมื่ออุ้มเสี่ยวเมาได้ก็ออกไป “อย่าตีท่านแม่… ปล่อยข้า!” เสี่ยวเมายังคงร้องตะโกนออกมาอย่างเศร้าโศก ไม่สนใจว่าตรงมุมปากของตนจะมีเลือดไหลออกมา ดิ้นรนอย่างแรงอยู่ในอ้อมแขนของหญิงชรา หญิงชรากอดเขาเอาไว้แน่น มือเฆี่ยนยังคงโบยแส้ลงไปบนกายของหลิงอวี๋ เสี่ยวเมาเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาแรง
“ตึกตึก… ตึก...” ไม่รู้ว่าสลบไปนานเท่าใด หลิงอวี๋ได้ยินเสียงนาฬิกาดังตึกตึกแว่ว ๆ จนลืมตาขึ้นมา... ทันใดนั้น ดวงตาของหลิงยวี่ก็สว่างขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องทดลองอิสระของตนที่วิทยาลัยแพทย์ หรือว่าตนจะเดินทางข้ามเวลากลับมาแล้ว? หลิงอวี๋ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นขึ้นมา ทว่าเพียงเคลื่อนไหวร่างกายก็รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างเจ็บปวด และยังมีเลือดสดไหลออกมา... เธอก้มหัวลงไปมองก็พบว่าร่องรอยบาดเจ็บของแส้ก็ถูกนำกลับมาด้วย! เธออดทนต่อความเจ็บปวดตามหากล่องยา แล้วฉีดยาบาดทะยักให้กับตนเอง ก่อนจะรีบจัดการบาดแผลอย่างรวดเร็ว มีรอยแส้มากมายอยู่ตรงหน้าอก แผ่นหลัง และบนใบหน้า ล้วนแต่ลึกลงสู่ผิวหนัง มองดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวและโหดร้าย ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจัดการอาการบาดเจ็บบนร่างกายอยู่ทางนี้นั้น ก็ก่นด่าสาปแช่งเซียวหลินเทียนไปพลาง สาปแช่งให้เขาไม่ได้ตายดี ขาดลูกหลานสืบสกุล... เมื่อคำด่า “ขาดลูก” สองคำนี้ออกมา ก็คิดถึงเสี่ยวเมาที่ปกป้องตนจนไม่อาจสาปแช่งต่อไปได้ เธอไม่ได้หวังให้เสี่ยวเมาตายไป! บาดแผลของหลิงอวี๋เพิ่งจะใส่ยาลงไป ขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังลอยมา เ
หลิงอวี๋คิดที่จะหยิบเครื่องมือและยาเพื่อไปช่วยรักษาเสี่ยวเมา ทว่าประตูห้องใหญ่ก็ถูกเปิดขึ้นในทันที นางรับใช้แม่นมที่อยู่ด้านนอกอาจจะเข้ามาได้ทุกเมื่อ หลิงอวี๋จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม ทำได้เพียงแต่สงบนิ่งรอคอยเวลา พ่อบ้านฟั่นด้านนอกนั้นถูกแม่นมลี่ถามไถ่จนรู้สึกรำคาญใจ จึงใช้เท้าเตะแม่นมลี่ แล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาไร้ปรานี “ไสหัวไป สุนัขดี ๆ จะต้องไม่มาขวางทาง” เมื่อหลิงอวี๋มองออกไป ก็พบว่าแม่นมลี่ถูกผลักจนล้มลงบนพื้นอย่างแรง ดูเหมือนว่า แม่นมลี่เองก็คงจะถูกแส้หวดมาก่อน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บนใบหน้ายังมีคราบเลือดอยู่ไม่น้อย... “แม่นมลี่ เจ้าอย่ามามัวเสียเวลาอีกเลย รีบจัดการเก็บกวาดอยู่ในเรือนบุหงาเสียดี ๆ เถิด!” นางรับใช้ที่ดูหยิ่งยโสคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของแม่นมลี่ เอ่ยออกมาอย่างได้ใจ “พ่อบ้านฟั่นได้เลื่อนขั้นให้ข้าเป็นนางรับใช้ใหญ่แล้ว ต่อไปทุกคนในเรือนบุหงาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของข้า” “ท่านอ๋องทรงรับสั่งมาแล้วว่า หากพวกเจ้ายังจะไม่เชื่อฟัง ข้าก็มีอำนาจทีจะทุบตีพวกเจ้าจนตายได้!” “หลิงผิง เจ้าเป็นนางรับใช้ข้างกายของพระชายา สัญญาทาสยังอยู่ในมือของพระชายา เจ้าม
หลิงอวี๋ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนหลุมธรรมดา มีตะเกียงน้ำมันแสงสลัวแขวนอยู่บนกำแพงดินเก่า ๆ ส่วนเสี่ยวเมาที่นอนข้างกายเธอนั้น อาการบาดเจ็บก็สาหัสมากยิ่งขึ้น! หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดตรงหน้าอก นี่เป็นความรู้สึกของเสี่ยวเมาที่เธอรับรู้ได้! หลิงอวี๋คุ้นชินกับความรับรู้ที่เหนือธรรมชาติของตนเองได้แล้ว จึงได้คลานไปอย่างต้องการจะช่วยเสี่ยวเมาตรวจอาการอีกสักครั้ง ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงของคนพูดคุยกันอยู่ด้านนอก น้ำเสียงดูเขินอาย “พี่หลิงหลาน พี่ช่วยไปขอร้องพี่หลิงผิง ให้นางช่วยตามหมอมาให้กับคุณชายน้อยและแม่นมลี่ทีเถิด! แม่นมลี่อายุมากแล้ว นางไม่มีทางทนได้!” หลิงหลานเอ่ยออกมาด้วยความโมโห “แม่นมลี่และข้าถูกเจ้าหมูโง่นั่นทำให้ลำบากแล้ว ต่างก็ถูกเฆี่ยนกันคนละสามสิบครั้ง ทั่วทั้งร่างกายของข้าล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผล! จะมีหมอที่ไหนมาดูพวกเรากัน! ท่านหมอที่มีชื่อในเมืองหลวงล้วนแต่ถูกท่านอ๋องเรียกไปทางด้านของเฮยจื่อหมดแล้ว!” “ข้าเพิ่งจะได้ยินมาว่า หมอเหล่านั้นเองก็มิอาจทำอะไรกับอาการบาดเจ็บของเฮยจื่อได้เลย คุณชายเฮยจื่อหากว่าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ พวกเราทั้งหมดคงจะต้องถ