ความมิสบายใจของหลิงอวี๋มาเร็วก็ไปเร็วมินานนางก็คิดได้เองแล้วว่าตนมิใช่เจ้าของร่าง เหตุใดต้องกังวลเรื่องสินสอดที่ได้รับแทนเจ้าของร่างด้วยเล่า!นางกับเซียวหลินเทียนจะเดินไปด้วยกันได้หรือไม่ก็ยังมิรู้ กังวลเรื่องของนอกกายเหล่านั้นไปจะมีประโยชน์อันใด!หลิงอวี๋กินอาหารเสร็จก็ไปหาเซียวเยวี่ยเซี่ยเหวยถูกรับเข้ามาในวังแล้วและอยู่คนละตำหนักกับเซียวเยวี่ยแรกเริ่มหลิงอวี๋ก็อยากให้เซี่ยเหวยรู้สถานะของตนให้ชัดเจน ดังนั้นตอนที่เซียวเยวี่ยเสนอให้เซี่ยเหวยกับเขาอยู่ที่ตำหนักองค์รัชทายาทด้วยกันจึงถูกหลิงอวี๋ปฏิเสธไปนางมิสามารถให้ใจของเซี่ยเหวยเติบโตมากขึ้นได้ กฎที่ควรจะดูแลก็ควรดูแลไว้ทางด้านเซียวเยวี่ยได้เรียนความรู้ต่าง ๆ อย่างเป็นระบบแล้ว เซียวหลินเทียนยังได้เชิญอาจารย์ด้านวรยุทธ์มาให้เขาด้วย เด็กน้อยมิได้รู้สึกว่าการเรียนเหล่านี้น่าเบื่อและเรียนอย่างสนุกสนานหลิงอวี๋เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างของเขาเป็นไปด้วยดีจึงกลับพระตำหนักคุนหนิง ให้หลิงซวนกับเถาจื่อเฝ้าหน้าประตูไว้แล้วหลิงอวี๋ก็เข้าไปในมิติเพื่อกลั่นโอสถเซียนที่จะทำให้เซียวหลินเทียนได้พัฒนาการฝึกฝนพลังวิญญาณตอนนี้นางฝึกฝนในดินแดนห้า
เซียวหลินเทียนมองอยู่นิ่ง ๆ และมิคิดที่จะช่วยการกระทำเช่นนี้ทำให้หลิงอวี๋เย็นชาไปทันทีอย่างมิต้องสงสัย นางมิได้รู้สึกว่าตนทำผิดไปเลยนางมีความลับก็เพื่อปกป้องตนเอง โอสถเซียนที่กลั่นออกมาก็มอบให้เซียวหลินเทียนอย่างมิเห็นแก่ตัว แล้วเซียวหลินเทียนมีสิทธิ์อะไรถึงกล้าทำท่าทีเช่นนี้ใส่ตน?ขอถามว่าสิ่งที่นางทำเพื่อเขายังมิพอหรือ?มิว่าเรื่องอะไรก็เป็นห่วงแทนเขา เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในวังนี้มิใช่เรื่องที่นางชอบทำเลยสักนิด แต่นางก็อดทนทำไปก็เหมือนกับที่ป้าสะใภ้ใหญ่ทำเพื่อหลิงเสียงกัง อุทิศตนอยู่เบื้องหลังอย่างเงียบ ๆ แต่หลิงเสียงกังลืมอดีตและลบล้างความยากลำบากของนางไปทั้งหมดตอนนี้เซียวหลินเทียนก็เช่นกัน เขายังมิได้สูญเสียความทรงจำก็ลืมสิ่งที่ตนทำเพื่อเขาแล้ว เอาแต่จับจ้องตนเมื่อมีเรื่องปิดบังเล็กน้อยก็ชักสีหน้าใส่ตนเช่นนี้คู่ควรกับที่ตนทุ่มเทไปหรือ?หลิงอวี๋โยนโอสถเซียนเข้าไปในมิติ แล้วตะโกนไปข้างนอก “หลิงซวน เรียกขันทีน้อยเซี่ยมาดูแลให้องค์จักรพรรดิไปพักผ่อนที่ตำหนักอื่น!”หลิงซวนที่อยู่ด้านนอกได้ยินดังนั้นก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง พลางมองไปทางเถาจื่ออย่างทำตัวมิถูกเมื่อครู่หลิงอวี๋ยังเ
ยามทะเลาะย่อมไม่มีคำพูดที่ดี หลิงอวี๋มีหรือจะมิรู้เหตุผลข้อนี้ แต่นางก็ยังยืนกรานที่จะพูดเช่นนี้นางจะดูว่าขีดจำกัดความอดทนของเซียวหลินเทียนที่มีต่อตนจะอยู่ที่ใด...จิตใจของจักรพรรดิยากแท้หยั่งถึง!เมื่อก่อนเซียวหลินเทียนอดทนกับตนได้ มิได้หมายความว่าเป็นจักรพรรดิแล้วจะทนได้เข้าใจตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงในวันหนึ่งตนต้องตายไปอย่างมิเข้าใจ!“หลิงอวี๋ เจ้าไม่มีเหตุผล!”เซียวหลินเทียนถูกบีบจนทั้งหงุดหงิดทั้งโกรธ เขามิได้มีความคิดที่จะประหารนางเสียหน่อย!เขาแค่มิชอบความรู้สึกถูกปิดบัง!“เจ้าอย่าเปลี่ยนเรื่อง! หากเจ้ามิได้มีเรื่องที่มิอาจให้ผู้ใดรู้ได้ปิดบังข้าอยู่ เหตุใดจึงมิอาจพูดกับข้าให้ชัดเจนได้?”เซียวหลินเทียนร้อนใจจนพูดความสงสัยในใจออกมา“ทักษะการแพทย์ของเจ้ามาได้อย่างไร? อย่าใช้คำที่โกหกผู้อื่นมาโกหกข้าอีก!”“คนผู้หนึ่งจะเปลี่ยนแปลงได้มากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? หลิงอวี๋เมื่อก่อนโง่เขลาเบาปัญญา แต่ตอนนี้เจ้าเฉลียวฉลาด!”“อีกอย่าง เจ้ามีความรู้เรื่องการบริหารแคว้นมากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ลูกรอกที่โจมตีเมืองในตอนแรกนั้นเจ้าไปเรียนมาจากที่ใด?”คำถามเหล่านี้ทำให้ใจของหล
เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋เริ่มต้นสงครามเย็นกันแล้วเซียวหลินเทียนมิเป็นฝ่ายไปกินข้าวกับหลิงอวี๋อีก หลิงอวี๋ก็ย่อมไม่มีทางส่งคนไปเชิญเขาเป็นเช่นนี้เพียงวันสองวันก็ยังไม่มีผู้ใดสังเกต แต่เมื่อเป็นติดต่อกันเช่นนี้หลายวัน อย่าว่าแต่คนที่อยู่ข้างกายเซียวหลินเทียนที่พบความผิดปกติ แม้แต่ไท่เฟยเส้าเองก็พบความผิดปกติเช่นกัน“เหอะ ๆ จะต้องเป็นเรื่องการคัดเลือกสนมแน่ ๆ ที่ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างสองคนนั้น!”ไท่เฟยเส้าแอบยินดี นางส่งคนไปให้สัญญาณกับกุ้ยเหรินทั้งสองให้ฉวยโอกาสตอนนี้ทันที ขอเพียงเซียวหลินเทียนยอมรับหนึ่งในนั้น พวกจ้าวฮุยก็สามารถเอ่ยเรื่องการคัดเลือกสนมขึ้นมาได้อีกครั้งทันทีที่อู๋จื่อผิงได้ยินว่าองค์จักรพรรดิกับฮองเฮาขัดแย้งกันก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อก่อนตอนที่อยู่ตำหนักอ๋องอี้นางยังคิดอยู่เลยว่า หากเซียวหลินเทียนเป็นจักรพรรดิ ตนก็จะได้รับแต่งตั้งเป็นสนมเอกได้ ไหนเลยจะคิดว่าหลังจากเข้าวังมาแล้วจะเป็นกุ้ยเหรินก่อนหน้านี้นางคิดอยู่ตลอดว่า จะหาโอกาสไปปรนนิบัติเซียวหลินเทียน แต่ก็จนใจที่เซียวหลินเทียนมิเคยเรียกไปปรนนิบัติเลย กฏในวังหากไม่มีการเรียกก็มิสามารถเป็นฝ่ายไปถวายตัว
อู๋จื่อผิงเซไปเซมา ในช่วงนี้ทางเดินทั้งสองด้านล้วนเป็นสระน้ำ และเพื่อความงดงามในการชมดอกบัว รั้วโดยรอบจึงทำถึงแค่เอวเท่านั้นอู๋จื่อผิงพุ่งไปตรงรั้วท่ามกลางความตื่นตระหนก หรืออาจจะเพราะแรงเกินไป ทำให้นางข้ามผ่านรั้วแล้วตกลงไปในสระน้ำเกิดเสียงตู้มดังขึ้น จากนั้นนำในสระก็กระจายตามที่อู๋จื่อผิงตก อู๋จื่อผิงตกลงไปในน้ำทั้งตัวเซียวหลินเทียนตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วหัวเราะออกมานี่มันตลกเกินไปแล้ว!เขามิสามารถควบคุมตนเองได้ เขาคาดมิถึงว่าจะมีคนโง่ถึงขั้นนี้ เพียงทักทายก็สามารถพาตนเองไปอยู่ในสระน้ำได้จ้าวซวนกับพวกลู่หนานก็อยากจะขำ แต่ก็พยายามอดกลั้นไว้ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรีขององค์จักรพรรดิ เมื่อเกิดเรื่องแล้วพวกเขาหัวเราะจะมิเหมาะสม“ช่วยด้วย!”“ช่วยด้วย! ฝ่าบาทรีบช่วยกุ้ยเหรินอู๋ด้วยเถิดเพคะ!”เฉี่ยวเอ๋อร์ตะโกนอย่างตกใจจ้าวซวนจึงได้สติแล้วรีบให้องครักษ์ผู้หนึ่งไปหาแม่นมสองคนมาช่วย ตนก็รีบไปดูว่าข้าง ๆ มีไม้ไผ่หรือไม่ เมื่อหาไม้ไผ่เจอก็ยื่นไปในน้ำให้อู๋จื่อผิงจับไว้ก่อนอู๋จื่อผิงอยากจะแสร้งเป็นลมให้ได้รับความเห็นใจจากเซียวหลินเทียน ไหนเลยจะคิดว่าสระน้ำจะหนาวเข้ากระดูกเช่นนี้
แม่นมลี่อยู่กับหลิงอวี๋ตั้งแต่ในตอนที่ยากลำบากกันมา สิ่งที่พวกหลิงซวนมิกล้าพูด แม่นมลี่กล้าพูดแม่นมลี่เอ่ยอย่างเกลี้ยกล่อม “องค์จักรพรรดิมิใช่อ๋องอี้เช่นเมื่อก่อนแล้ว พระองค์มีสถานะสูงศักดิ์ ท่านกับพระองค์โกรธกันเช่นนี้ คนที่จะเสียเปรียบไปตลอดก็คือท่านเพคะ!”“แม่นม มิต้องพูดแล้ว ข้าเข้าใจทั้งหมด!”หลิงอวี๋พูดตัดบทแม่นมลี่เรียบ ๆสองวันนี้นางพิจารณาอย่างชัดเจนมากแล้ว นางอยากจะใช้เรื่องนี้ลองหยั่งเชิงขีดจำกัดของเซียวหลินเทียนดูว่าเขาจะสามารถทนตนไปได้ถึงขั้นไหน!หากแค่ความโกรธธรรมดา หลิงอวี๋มิถือสาก็ย่อมได้ทว่าหากเรื่องนี้พัฒนาต่อไปแล้วเซียวหลินเทียนมิอาจทนตนได้จริง ๆ เช่นนั้นก็ให้เป็นความรักที่จากกันด้วยดีหากเซียวหลินเทียนติดเชื้อความคลางแคลงใจของจักรพรรดิ อยากจะประหารตน เช่นนั้นนางก็ต้องพิจารณาทางหนีทีไล่ให้พวกนางทุกคนยามจำเป็น หลิงอวี๋ก็จะพาพวกนางไปแนะนำกับมู่หรงชิ่งที่เยวี่ยใต้ หรือไม่ก็หาที่ที่ดีอยู่กันอย่างสันโดษแน่นอนว่าหลิงอวี๋มิหวังให้ไปถึงขั้นนั้น หากเป็นเช่นนั้นความเสียสละของพวกนางคงจะมากเกินไปตอนนี้ก็ดูท่าทีของเซียวหลินเทียนไป!ครานี้หลิงอวี๋ตัดสินใจว่าจะมิป
หลิงอวี๋ตั้งใจสั่งทำโต๊ะมาสามโต๊ะเพื่อกินหม้อไฟ พวกหานเหมยก็จัดโต๊ะไว้ที่โถงด้านข้างกระทั่งหลิงอวี๋เชิญไทฮองไทเฮามาก็เริ่มจุดไฟไทฮองไทเฮาเองก็ได้ยินจากแม่นมเว่ยว่า หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนมิได้ไปมาหาสู่กัน แต่เมื่อเทียบกับแม่นมลี่แล้ว ไทฮองไทเฮาทำเหมือนว่าเรื่องนี้มิได้เกิดขึ้นสามีภรรนาหนุ่มสาวทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติมาก หากนางยื่นมือเข้าไปยุ่งอาจจะทำให้เรื่องดี ๆ กลายเป็นเรื่องแย่ก็ได้อีกอย่างไทฮองไทเฮาเข้าใจหลิงอวี๋มาก หลิงอวี๋ใจกว้าง นิสัยก็ดี โดยปกติแล้วปัญหาทั่ว ๆ ไปมิอาจทำให้นางขุ่นเคืองได้ นางไม่มีทางจับจ้องอย่างมิยอมปล่อย“หม้อนี้แปลกใหม่มาก เป็นเพราะความรุ่งโรจน์ของอาอวี๋ในวันนี้ข้าถึงได้เห็น!”ไทฮองไทเฮาเห็นหม้อที่รูปร่างคล้ายผังแปดทิศ จึงมองพิจารณาอย่างสงสัยแล้วยิ้มพลางเอ่ยชื่นชมหลิงอวี๋ยิ้มพลางเอ่ย “วันนี้จู่ ๆ ก็นึกอยากกินหม้อไฟเพคะ ที่ครัวหลวงมิได้เตรียมเนื้อแกะไว้ หากมีเนื้อแกะหั่นชิ้นบาง ๆ หม้อไฟจึงจะเลิศรสเพคะ!”แม้ว่าจะไม่มีเนื้อแกะ หลิงอวี๋ก็เตรียมวัตถุดิบที่แสนอร่อยไว้มากมาย แล้วเชิญไทฮองไทเฮานั่งลง จากนั้นก็ใส่ผักให้ไทฮองไทเฮาก่อนพวกเซียวเยวี่ยมองอยู
เซียวหลินเทียนคิดเช่นนี้ก็ก้าวเท้าเดินเข้าไป“เหตุใดมิดีดแล้ว ทักษะฉินของเจ้ายอดเยี่ยมมาก ตามหลักแล้วมิน่าจะผิดพลาด...”สวีเนี่ยนจือได้ยินเสียงก็แอบดีใจ ในที่สุดนางก็ก้าวไปขั้นหนึ่งแล้ว!องค์จักรพรรดิมิได้เห็นตนแล้วหันหลังหนีไป ทั้งยังก้าวเข้ามาพูดคุย นั่นเป็นการพิสูจน์แล้วว่าองค์จักรพรรดิมิได้รังเกียจตนแต่สวีเนี่ยนจือกลับมิได้งุนงงไปเพราะเหตุนี้ นางจึงแสร้งหันไปอย่างตกใจ เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนจึงเรียกออกมาอย่างตกใจ “ฝ่าบาท...”“ฝ่าบาทขอประทานอภัยเพคะ เนี่ยนจือรบกวนฝ่าบาทหรือไม่เพคะ!”สวีเนี่ยนจือรีบลุกขึ้นแล้วคุกเข่าทำความเคารพ“มิต้องพิธีรีตอง ข้ารบกวนเจ้าหรือไม่?”เซียวหลินเทียนประคองนางเล็กน้อย อาศัยโคมมังกรสีเข้มที่แขวนอยู่ในศาลา เซียวหลินเทียนจึงมองเห็นอย่างชัดเจนว่าบนใบหน้างดงามของสตรีเต็มไปด้วยรอยน้ำตาเขาตะลึงไปเล็กน้อย นี่คือสาเหตุที่กุ้ยเหรินสวีดีดฉินผิดอยู่ตลอดสินะ?เมื่อนึกถึงเสียงฉินที่ทั้งน่าสงสารและซาบซึ้ง ทั้งยังมีความมิพอใจ เซียวหลินเทียนขึงเอ่ยถามออกไป “เจ้ากำลังนึกถึงใครหรือ?”“กราบทูลฝ่าบาท เนี่ยนจือพ่อแม่สิ้นแล้วทั้งคู่ เมื่อครู่แค่นึกถึงพวกท่านเพคะ..
คำเตือนของเสวี่ยเหมยและการเหลือบมองก่อนจะไปทำให้หลิงอวี๋ระมัดระวังขึ้นมาทันทีนางเพิ่งมา แม้แต่นางกำนัลเหล่านี้ก็ล้วนมิรู้จักแต่เสวี่ยหลานเป็นคนดังต่อหน้าหวงฝู่หมิงจู นางกำนัลเหล่านี้จะต้องถูกอำนาจของนางบีบให้มาช่วยนางทำร้ายตนอย่างแน่นอน!การจะทำสิ่งใดเพียงคนเดียวนั้นยากนัก!หลิงอวี๋มิรู้ว่าเสวี่ยหลานจะจัดการกับตนอย่างไร อยากจะป้องกันก็มิรู้ว่าจะป้องกันอย่างไรหลิงอวี๋กลับมาที่ห้องของตน เห็นหมาป่าน้อยสองตัวที่ดูเหมือนจะได้กลิ่นนม ต่างก็เดินไปอยู่หน้ากระปุกนมแล้วโน้มไปหากระปุกนมท่าทางโน้มตัวไปข้างหน้านั้นช่างน่ารักนัก เห็นแล้วหลิงอวี๋ก็ใจอ่อนหลิงอวี๋มิสนใจจะคิดเรื่องของตน แล้วหาจานมารินนมหมาป่าน้อยสองตัวกินนมบนจานหมดในทันทีหลิงอวี๋ก็รินนมให้พวกมันต่อ หลังจากกินนมไปครึ่งกระปุก หมาป่าน้อยทั้งสองก็อิ่มแล้วมุดเข้าไปในเสื้อผ้าเก่าที่ปี้เอ๋อร์นำมาให้และผล็อยหลับไปหลิงอวี๋ทำความสะอาดสิ่งตกค้างบนพื้นแล้วนอนลงบนเตียง ครุ่นคิดว่าเสวี่ยหลานจะใช้กลอุบายอะไรมาตอบโต้ตนขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ นางก็นึกถึงลูกปัดสีเขียวที่แม่หมาป่าให้ไว้ในมือของตน หลิงอวี๋จึงหยิบออกมาลูกปัดนี้เป็
ที่ไหล่ของเสวี่ยหลานมีชิ้นเนื้อหายไป ทั่วทั้งร่างกายก็เปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉานนางขวางทางหลิงอวี๋ แล้วมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาเย็นชา หลิงอวี๋เองก็สบตานางอย่างมิยอมแพ้เช่นกัน...ทั้งสองจ้องมองกันและกัน แล้วเสวี่ยหลานก็เอ่ยอย่างมิพอใจ “นางสารเลว ข้าจะจดจำบัญชีนี้ไว้ รอข้าก่อน ข้าจะทำให้เจ้าต้องตายทั้งเป็น!”นี่นับเป็นการท้าทายหรือไม่?หลิงอวี๋หัวเราะเยาะพลางเอ่ย “มิรู้ว่าใครกันแน่ที่จะตายทั้งเป็น! เจ้ามีกลอุบายใดก็งัดออกมา ข้ามิกลัวเจ้าหรอก!”“เสวี่ยหลาน!”นางรับใช้คนหนึ่งตะโกนมาไกล ๆ เสวี่ยหลานจึงทำได้เพียงมองหลิงอวี๋อย่างโกรธเคือง จากนั้นจึงหันหลังเดินออกไปหลิงอวี๋อุ้มหมาป่าน้อยสองตัวที่ชุ่มไปด้วยเลือดกลับไปที่เรือน เมื่อเหล่านางกำนัลเห็นเลือดบนตัวของหลิงอวี๋ ก็ล้วนตกใจจนหลบอยู่ไกล ๆปี้เอ๋อร์ก็กลัวหมาป่าน้อยเช่นกัน แต่เมื่อเห็นหมาป่าน้อยสองตัวนอนเชื่องอยู่ในอ้อมแขนของหลิงอวี๋ ก็กล้ามากขึ้นนางหาเสื้อผ้าเก่า ๆ มาให้หลิงอวี๋พันตัวหมาป่าน้อยสองตัว แล้วช่วยหลิงอวี๋หาอ่างน้ำร้อนมาหลิงอวี๋ทำความสะอาดหมาป่าน้อยทั้งสองอย่างอดทนสิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋ประหลาดใจก็คือ ลูกหมาป่าทั้งสองตัวม
ทันใดนั้นหลิงอวี๋ก็มิสามารถคิดอะไรได้อีก นางกระโดดลงไปในหลุม กลิ้งตัวลงบนพื้นสองสามครั้ง แล้วกลิ้งพุ่งไปหาแม่หมาป่าตั้วนั้นแม่หมาป่ายังคงหายใจอยู่ เมื่อเห็นหลิงอวี๋ ดวงตาสีเขียวก็รื้น และมีน้ำตาไหลออกมาจากหางตา“เจ้าอดทนไว้ ข้าจะช่วยลูกของเจ้า!”หลิงอวี๋รู้สึกแสบจมูก นางกลั้นน้ำตาไว้แล้วผลักเสวี่ยหลานออกไป จากนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้นและยื่นมือออกไปเปิดท้องของแม่หมาป่าตามรอยมีดแม่หมาป่ามิไหวแล้ว หากมิเอาลูกหมาป่าออกจากท้องให้ทันเวลา ลูกหมาป่าก็จะสิ้นใจอยู่ในร่างของแม่หลิงอวี๋หยิบลูกหมาป่าตัวหนึ่งออกมาจากท้องของแม่หมาป่า มันตายแล้ว มันถูกเสวี่ยหลานแทงจนตายแล้วก็อีกหนึ่งตัว และอีกหนึ่ง...ในท้องของแม่หมาป่ามีลูกทั้งหมดหกตัว แต่มีเพียงสองตัวเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ลูกหมาป่าสองตัวขดตัวอย่างสั่น ๆ ขนที่ตัวยังมองเห็นสีมิชัดเจน ล้วนถูกเลือดของแม่หมาป่าย้อมเป็นสีแดงไปหมด“ลูกของเจ้ายังมีชีวิตอยู่!”หลิงอวี๋อุ้มลูกหมาป่าทั้งสองไปไว้ข้างกายแม่หมาป่าทั้งน้ำตา ดวงตาสีเขียวของแม่หมาป่าสะท้อนภาพลูกทั้งสอง แล้วน้ำตาก็ไหลอาบดวงตาของมัน“บรู๊ว…”มันใช้แรงที่เหลือผลักลูกหมาป่าทั้งสองตัวเข
เสวี่ยหลานรู้สึกว่าแขนของนางถูกหมาป่าหิมะข่วน เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเจ้าวังน้อย ก็มิสนใจที่จะตรวจสอบอาการบาดเจ็บของตนแล้วหลบไปด้านข้างตามคำแนะนำหลิงอวี๋มองเสวี่ยหลานถูกหมาป่าหิมะสองตัวไล่ล่าจนมิสามารถเข้าใกล้กริชได้อย่างเย็นชา มุมปากก็โค้งขึ้นอย่างเยาะเย้ยเสวี่ยหลานมีวรยุทธ์ก็ยังถูกหมาป่าหิมะไล่ล่าจนตื่นตระหนก หากเปลี่ยนเป็นตนลงไป เกรงว่าคงจะเต็มไปด้วยบาดแผลนานแล้ว!หลังจากต่อสู้กันสักพัก ในที่สุดเสวี่ยหลานก็มีเวลาไปคว้ากริชได้เจ้าวังน้อยจึงตะโกนอย่างตื่นเต้น “สังหารมัน… สังหารมัน!”เสวี่ยหลานยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้หลิงอวี๋อย่างยั่วยุแต่ก็มีความหมายแฝงแม้ว่านางจะมิได้พูด แต่หลิงอวี๋ก็เข้าใจความหมายของรอยยิ้มนั้น มันก็คือ...เจ้ารอข้าก่อนเถิด ข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!หลิงอวี๋มิได้สนใจกับการยั่วยุนี้ นางมิใช่คนโง่ รู้ดีว่ายามนี้ตราบใดที่ตนบอกเจ้าวังน้อยว่าเสวี่ยหลานมีความสามารถถึงเพียงนี้ หมาป่าสองตัวก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย เหตุใดมิเพิ่มไปเป็นหมาป่าสี่ตัวด้วยความตื่นเต้นของหวงฝู่หมิงจูในตอนนี้ จะต้องตกลงที่จะเพิ่มไปอย่างแน่นอนเพียงแต
ที่จริงแล้วหลิงอวี๋เองก็มิอยากให้เสวี่ยหลานไปตายหรอก นางแค่อยากจะลงโทษเสวี่ยหลานสักหน่อยเท่านั้นในความคิดของหลิงอวี๋ เด็กคือกระดาษเปล่าที่ไร้เดียงสาแม้ว่าเจ้าวังจะโปรดปรานเจ้าวังน้อยมาก แต่เจ้าวังก็ไม่มีทางจะติดตามเจ้าวังน้อยได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงผู้ที่รับผิดชอบในการสั่งสอนและดูแลเจ้าวังน้อยคือเสวี่ยหลานกับเสวี่ยเหมยเสวี่ยหลานเมินเฉยต่อการกระทำชั่วร้ายของเจ้าวังน้อยและมิได้สั่งสอน นี่คือการมิรับผิดชอบต่อเจ้าวังน้อยหลิงอวี๋อยากจะใช้สิ่งนี้สั่งสอนบทเรียนที่ลึกซึ้งแก่เสวี่ยหลานดูเหมือนว่ามิเคยมีผู้ใดให้คำแนะนำเช่นนี้กับหวงฝู่หมิงจู นางเอียงหัวเล็ก ๆ คิด แล้วรู้สึกว่าสิ่งที่หลิงอวี๋พูดนั้นมีเหตุผล จึงเอ่ย “เช่นนั้นวันนี้เปลี่ยนเป็นเสวี่ยหลานไปต่อสู้กับหมาป่าหิมะ!”“เจ้าวังน้อย อย่าไปฟังนาง นางแค่อยากแก้แค้นบ่าวที่เฆี่ยนตีนางเมื่อวานเพคะ!”เสวี่ยหลานร้องออกมาอย่างกังวล “เจ้าวังน้อย บ่าวภักดีต่อท่าน แต่สตรีมาใหม่ผู้นี้เต็มไปด้วยความชั่วร้าย ควรจะโยนนางเข้าไปต่อสู้กับหมาป่าหิมะนะเพคะ!”เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินว่าเสวี่ยหลานคิดจะลากตนลงน้ำไปด้วย ก็เอ่ย “เจ้าวังน้อยชาญฉลาดยิ่งนัก เหตุ
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?เผยอวี้กับฉินซานต่างมองหน้ากัน คำพูดของเด็กถือว่าเป็นเรื่องเหลวไหลได้ แต่หลิงเฟิงเป็นคนกันเอง เขาไม่มีทางโกหก!เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อเช่นกัน ในป่านั้นจะต้องมีอะไรแปลก ๆ เป็นแน่!“เช่นนั้นก็อย่าไปเสี่ยงเลย อดทนรอสักสองวัน!”เซียวหลินเทียนมิรู้ว่าในป่ามีอันตรายอะไรอยู่ จะให้แม่ทัพของตนไปเสี่ยงได้อย่างไรหากหลิงอวี๋กับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยต้องเข้าสู่แดนเทพ ก็จะต้องผ่านเมืองซานต้ง พวกเขาเฝ้าอยู่ที่เมืองซานต้งก็อาจจะเจอหลิงอวี๋ได้แม้ว่าจะตัดสินใจที่จะมิเสี่ยงเข้าไปในป่าแล้ว แต่วันรุ่งขึ้นเซียวหลินเทียนก็ยังพาเผยอวี้ ฉินซานและหลิงเฟิงไปสำรวจที่ภูเขาไท่กู่แตกต่างจากคนธรรมดาเช่นหลิงเฟิง พวกเซียวหลินเทียนต่างเป็นผู้บำเพ็ญตน ทันทีที่เข้าใกล้ป่าในภูเขาไท่กู่ ก็สัมผัสได้ถึงความรุนแรงของสนามแม่เหล็กแล้วหลิงอวี๋เคยบอกกับเซียวหลินเทียนเกี่ยวกับเรื่องสนามแม่เหล็กที่เจดีย์วัดไคหยวน เซียวหลินเทียนจึงรู้ทันทีว่าป่าแห่งนี้เหมาะสำหรับการบำเพ็ญตนเขามิกลับไปที่เมืองซานต้ง ให้เผยอวี้ตั้งค่ายอยู่ใกล้ ๆ ให้ทุกคนรอขันทีโม่กับแม่นมอูที่นี่ พลางบำเพ็ญตนไปด้วยเซียวหลิน
แม่ทัพกู่ได้ยินว่าท่านอดีตเสนาบดีจะมาส่งเสบียงด้วยตนเองก็รู้สึกดีใจมาก เขามิได้เจอท่านอดีตเสนาบดีมาหลายปีแล้ว ครานี้จะได้พูดคุยเรื่องเก่า ๆ กันเสียหน่อย!เซียวหลินเทียนซักถามเรื่องสถานการณ์ทางทหาร จึงได้รู้ว่าราษฎรที่อาศัยอยู่ถาวรของเมืองซานต้งมีเพียงประมาณหนึ่งพันคนเท่านั้น โดยส่วนใหญ่เป็นครอบครัวยากจนที่มาหาเลี้ยงชีพในเหมืองถ่านหินเพียงแต่การขนส่งยังมิได้รับการพัฒนา กอปรกับที่เว่ยเหนือกับฉีตะวันออกมักจะทำสงครามกัน เหมืองถ่านหินที่ขุดขึ้นมาจึงมิสามารถขายหรือขนส่งออกไปได้ ชีวิตของทุกคนจึงยากจนข้นแค้นเซียวหลินเทียนกำลังคิดเกี่ยวกับทางเข้าสู่แดนเทพของโม่เหอ จึงเปลี่ยนหัวข้อเป็นเรื่องนี้แทนแม่ทัพกู่จึงได้รู้เรื่องที่หลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยลักพาตัวไปเขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทส่งกระหม่อมมาประจำการที่โม่เหอ ให้กระหม่อมให้ความสนใจกับสิ่งแปลก ๆ ในโม่เหอ กระหม่อมตั้งตัวเมืองหลวงไว้ที่เมืองซานต้งเพราะที่นี่คือสถานที่ที่มีสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้นบ่อยครั้งพ่ะย่ะค่ะ!”แม่ทัพกู่ยื่นมือชี้ออกไปไกล ๆ “มีภูเขาอยู่ห่างจากที่นี่ไปสามสิบลี้ คนท้องถิ่นเรียกว่าภูเขาไท่กู่ ได้ยินมาว่า ภูเข
“หลิงเฟิง เรื่องผู้ใหญ่ในบ้านของเจ้า ข้าในฐานะคนนอกขอมิแสดงความคิดเห็น!”แม่ทัพกู่เอ่ยอย่างอดทน “ข้าแค่อยากจะบอกเจ้าว่า แม่ของเจ้าก็คือแม่ของเจ้า และเจ้าก็คือเจ้า! ในภายภาคหน้าเจ้าจะเป็นคนแบบใด จะเดินไปในเส้นทางใด มีเพียงเจ้าที่ตัดสินใจได้ ผู้ใดก็มาทำแทนเจ้ามิได้!”“จริงสิ ที่เจ้ามาอยู่ใต้บังคับบัญชาของข้ามิใช่เจตนาของท่านอดีตเสนาบดี แต่เป็นเจตนาของพระชายา!”“นางบอกว่าท่านอดีตเสนาบดีเฉลียวฉลาดมาตลอดชีวิต นางมิอยากเห็นตระกูลหลิงมีลูกที่อกตัญญู นางหวังให้พวกเจ้าพี่น้องใช้ความสามารถเป็นเกียรติแก่ตระกูลหลิงได้!”หลิงเฟิงถือจดหมายของท่านอดีตเสนาบดีและอ่านอย่างตั้งใจตลอดทั้งคืน เขาเชื่อในอุปนิสัยของท่านอดีตเสนาบดี เขาจะไม่มีวันจงใจใส่ร้ายแม่ของตนเพื่อสนับสนุนหลิงอวี๋แน่หลิงเยี่ยนกับหวางซือตายไปหมดแล้ว จากนี้ไปเขาจะเป็นเสาหลักของบ้านรอง เขาควรแบกรับความรับผิดชอบของบ้านรองหลิงอวี๋สามารถฝึกฝนตนโดยมิคำนึงถึงความแค้นในอดีตได้ พี่หญิงผู้นี้ เขามิยอมรับก็ต้องยอมรับ!แม้ว่าหลิงเฟิงจะยังมีปมในใจอยู่บ้าง แต่ก็มิสามารถต้านทานหลิงอวี๋ได้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วบุญคุณความแค้นของรุ่นพ่อแม่มิควรมา
แม้ว่าที่ดินที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้บางแห่งจะมิสามารถเพาะปลูกได้ แต่นั่นก็เกิดจากการที่ถูกปล่อยทิ้งร้างมาตลอดหลายปีขอเพียงตั้งใจที่จะจัดการ มิกี่ปีหลังจากนี้ที่ดินเหล่านี้จะเป็นที่ดินที่อุดมสมบูรณ์เซียวหลินเทียนเดินไปก็จดบันทึกสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ของแต่ละสถานที่ไปกระทั่งวันรุ่งขึ้นมาถึงเมืองซานต้ง เซียวหลินเทียนเดินทางไกลเห็นบ้านเรือนที่ทรุดโทรมมากมาย ที่นี่เป็นตัวเมืองของโม่เหออยู่แล้ว แต่ก็ยังดูเงียบเหงาอยู่ดีเซียวหลินเทียนรู้สึกผิดต่อแม่ทัพกู่ก่อนหน้านี้แม่ทัพกู่ประจำการอยู่ที่ชายแดน อย่างน้อยก็มิต้องกังวลเรื่องอาหารและอาภรณ์ ตนกลับส่งเขามาอยู่ในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ เพียงแค่มองบ้านเรือนเหล่านี้ก็สามารถจินตนาการถึงความยากลำบากที่พวกแม่ทัพกู่ต้องอยู่ที่นี่ได้แล้ว!องครักษ์ของจ้าวซวนวิ่งไปแจ้งแม่ทัพกู่ก่อน แม่ทัพกู่จึงพารองแม่ทัพหลายคนออกมาต้อนรับหนึ่งในนั้นคือหลิงเฟิงพี่ชายต่างแม่ของหลิงอวี๋หลิงเฟิงถูกหลิงอวี๋วางแผนลับ ๆ ส่งให้มาอยู่ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพกู่ให้แม่ทัพกู่ฝึกฝนก่อนหน้านี้คนผู้นี้คิดว่า ท่านอดีตเสนาบดีทำให้ตนต้องมาทนทุกข์ทรมาน จึงมิพอใจการกระทำนี้ของท