“หลิงเสียงกัง ป้าสะใภ้ใหญ่ของข้าปฏิบัติตามจรรยาบรรณสตรี กตัญญูต่อบิดามารดา ท่านต่างหากที่ทำผิดต่อนาง!”“ดังนั้นในการหย่าร้างท่านจะต้องชดเชยค่าสูญเสียวัยเยาว์ของป้าสะใภ้ใหญ่ข้า และค่าใช้จ่ายในการทำงานบ้านและเลี้ยงดูลูกให้ท่านเป็นเวลาหลายปีมานี้!”หลิงอวี๋พูดถึงตรงนี้ก็มองไปทางหลิงซวน “จดสิ่งที่ข้าพูดทั้งหมดไว้ ประเดี๋ยวให้นักบัญชีคำนวณเงินทั้งหมด!”“เพคะ ฮองเฮา!”ในใจของหลิงซวนก็คิดเช่นเดียวกับหลิงหว่าน จึงรีบหากระดาษและพู่กันมาช่วยหลิงอวี๋จด“หลิงเซียวและหลิงหว่านคือลูกของท่าน พวกเขาโตแล้ว ในฐานะพ่อ ท่านต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการแต่งงานของพวกเขาครึ่งหนึ่ง ข้ามิได้ให้ท่านรับผิดชอบทั้งหมด นี่ก็ยุติธรรมมากแล้วกระมัง!”“หากไปพิจารณาที่จวนขุนนาง ท่านต้องจ่ายทั้งหมด!”หลิงอวี๋วางแผนหลอกหลิงเสียงกังต่อหลิงเสียงกังคิดว่าสิ่งที่หลิงอวี๋พูดมามิได้ผิดแม้แต่น้อย ตนผิดต่อนางซุน มิอาจขัดขวางมิให้นางแต่งงานใหม่ส่วนลูก ๆ ก็คือลูกของตน พวกเขาแต่งงานตนก็ควรจะจัดการเต็มที่เช่นกันหลิงเสียงกังจึงพยักหน้าอย่างซื่อตรง “กระหม่อมยอมรับในสิ่งเหล่านี้ที่ฮองเฮาตรัสมา!”“สามี...”เพราะว่าเฝิงฉินเป
“เอามาจ่ายมิได้ใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋คาดเดาเอาไว้อยู่แล้วจึงยิ้มเยาะ “หลิงเสียงกัง ท่านเป็นบุรุษ คำพูดของบุรุษย่อมต้องหนักแน่น มีแปดหมื่นก็ให้มาก่อนแปดหมื่น ส่วนที่เหลือหากยังจ่ายมิได้ก็สามารถให้ท่านติดหนี้ไว้ก่อนได้!”“เมื่อใดที่ท่านชำระหนี้จนครบ เมื่อนั้นท่านจึงจะไปจากเมืองหลวงได้!”“หากกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของข้า ก็อย่าโทษว่าข้าไร้ความปรานี!”เมื่อมีการลงโทษตบปากสิบครั้งเมื่อครู่ หลิงเสียงกังก็รู้แล้วว่าหลิงอวี๋พูดคำไหนคำนั้นยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ติดหนี้นางซุนกับลูกทั้งสองจริง ๆ หากมิชดเชยให้พวกเขา หลิงเสียงกังก็มิสบายใจ“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะจ่ายคืน!”หลิงเสียงกังเขียนหนังสือสัญญาหนี้ ส่วนเฝิงฉินนับเงินจำนวนแปดหมื่นมาจ่ายอย่างลำบากใจ จากนั้นทั้งสองก็ไปนางซุนมองแผ่นหลังที่เย็นชาของหลิงเสียงกัง หลังจากเสียใจอยู่สักพักก็อดกลั้นความปวดใจเอาไว้“ฮองเฮา ท่านบีบบังคับให้เขาคืนเงินเช่นนี้มิเกินไปหน่อยหรือเพคะ?”นางซุนกังวลว่าหลิงอวี๋จะเข้าใจผิดว่าตนกล่าวโทษนางจึงรีบเอ่ย “ฮองเฮา หม่อมฉันรู้ว่าท่านหวังดีกับพวกเรา แต่ท่านลุงใหญ่ของท่านเขาเป็นคนตรงไปตรงมา หม่อมฉันกังวลว่าเขาจะไปช่วยคนนั้นคน
พวกหลิงอวี๋กลับไปถึงวัง หลิงอวี๋ก็กลับไปที่ตำหนักคุนหนิงก่อนทันทีเมื่อไปถึงหน้าประตูก็เห็นขันทีน้อยเซี่ยกับขันทีเหอรออยู่ด้านนอกเซียวหลินเทียนมาแล้วหลิงอวี๋เห็นว่าฟ้ามืดแล้ว เมื่อเดินเข้าไปจึงเอ่ยถาม “องค์จักรพรรดิเสวยพระกระยาหารเย็นแล้วหรือไม่?”ขันทีเหอรายงาน “องค์จักรพรรดิทรงต้องการเสวยพร้อมกับฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นจึงยังมิได้เสวยและกำลังรออยู่พ่ะย่ะค่ะ”หลิงอวี๋ก็มิได้ทานอาหารเย็นที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนเช่นกัน เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเอ่ย “ให้พวกเขาเตรียมอาหารเถิด!”หลิงอวี๋เดินเข้าไปก็เห็นเซียวหลินเทียนเอนตัวพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ เขาเปลี่ยนชุดจักรพรรดิแล้วสวมใส่เพียงแค่ชุดธรรมดาที่มีปักลายพระจันทร์เสี้ยวกับมังกรทองเท่านั้นเซียวหลินเทียนกำลังหลับอยู่ราวกับรอคอยอยู่นานแล้วชุดขาวลายพระจันทร์เสี้ยวทำให้ใบหน้าที่งดงามของเขายิ่งงดงามขึ้นอีก ขาข้างหนึ่งของเขาพาดอยู่บนเก้าอี้ ส่วนอีกข้างเหมือนจะไม่มีที่วางจึงปล่อยลงที่พื้นคนที่งดงามหลับอยู่บนเก้าอี้ที่งดงามช่างเป็นภาพการนอนหลับที่งดงามนักเซียวหลินเทียนเอนนอนอยู่ด้านบนนั้นก็เป็นภาพชายหนุ่มรูปงามที่หลับอยู่ที่เหมือนกันคืองดง
คำพูดนี้ของหลิงอวี๋ทำให้เซียวหลินเทียนตะลึง จากนั้นก็หัวเราะออกมา“เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะอยู่ที่พระตำหนักคุนหนิง!”หลิงอวี๋กลอกตาใส่เซียวหลินเทียน เมื่อเห็นว่าหลิงซวนไล่นางกำนัลที่มารับใช้ในห้องออกไปจนหมดแล้วจึงเอ่ยอย่างเย็นชา“เซียวหลินเทียน ที่หม่อมฉันพูดกับท่านในเรื่องเหล่านี้มิใช่เพราะอยากจะแย่งชิงความโปรดปราน แต่เพราะจะให้ท่านมิต้องหลบหลีกในเรื่องนี้!”“ก่อนหน้านี้หม่อมฉันเคยบอกกับท่านแล้วว่า หม่อมฉันกับป้าสะใภ้ใหญ่และสตรีเหล่านี้มิเหมือนกัน สามีที่หม่อมฉันต้องการคือคนที่รักหม่อมฉันได้หมดทั้งใจ!”“ชีวิตนี้หม่อมฉันมิสามารถใช้สามีร่วมกับสตรีอื่นได้ มิว่าท่านจะเป็นอ๋องอี้หรือองค์จักรพรรดิ หม่อมฉันจะไม่มีทางเปลี่ยนความคิดของหม่อมฉัน!”หลิงอวี๋สบตากับเซียวหลินเทียนโดยตรง “และหม่อมฉันก็มิอยากให้ท่านต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อหม่อมฉันด้วย!”“หม่อมฉันรับปากท่านได้ว่าจะมิจากไปในตอนที่ตำแหน่งของท่านยังมิมั่นคง ในภายภาคหน้า เมื่อท่านมิต้องการหม่อมฉันแล้ว ก็ปล่อยให้หม่อมฉันจากไป แล้วเราจะเป็นสหายและคนรู้ใจที่ดีต่อกันไปตลอดชีวิต!”นี่เป็นครั้งแรกหลังจากที่เซียวหลินเทียนขึ้นเป็นจักรพรรดิ ที่ได้พู
เซียวหลินเทียนเองก็มิกล้าบังคับหลิงอวี๋ จึงเอ่ยออกไป“เจ้าบอกวันมะรืนก็วันมะรืน! จริงสิ วันพรุ่งตามกรมวังมาช่วยเจ้าปรับปรุงพระตำหนักคุนหนิงเสียหน่อยเถิด ข้าคิดถึงห้องน้ำของเราที่ตำหนักอ๋องอี้ เจ้าให้พวกเขาทำห้องน้ำด้วย!”“อีกอย่าง ข้าเองก็อยากให้ในพระตำหนักคุนหนิงมีพวกเครื่องใช้และพืชพรรณที่เจ้าตกแต่งด้วย ที่นี่ช่างหนาวเหน็บ ไม่มีความรู้สึกของบ้านเลย!”เซียวหลินเทียนพูดในจุดที่มิพอใจต่อพระตำหนักคุนหนิงออกมาจำนวนมาก หลิงอวี๋ก็จดจำไว้อย่างเงียบ ๆในขณะเดียวกันหลิงอวี๋ก็ใจเต้นขึ้นมา เช่นนี้ในใจเซียวหลินเทียนก็โหยหาความอบอุ่นของบ้านเช่นกันเขาอยู่ที่ราชสำนักเป็นองค์จักรพรรดิ เมื่อเสร็จกิจราชสำนักแล้วก็เป็นเพียงบุรุษธรรมดาผู้หนึ่ง เขาเองก็มีความต้องและข้อเรียกร้องของตนเช่นกันจักรพรรดิก็เป็นคนเช่นกัน!หลิงอวี๋นึกถึงความใกล้ชิดสนิทสนมของตนกับเซียวหลินเทียนตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา ตั้งแต่เริ่มแรกที่เขาเป็นบุรุษที่วางอำนาจไร้มารยาทแล้วค่อย ๆ ถูกตนเปลี่ยนแปลงไปทีละขั้น บางที ขอเพียงตนใช้ใจกับความสัมพันธ์ที่มีกับเขา เซียวหลินเทียนก็อาจจะเปลี่ยนเป็นสามีที่คู่ควรกับความเชื่อมั่นได้เช่นกันกระม
ส่วนที่แม่ทัพฟางยอมให้ฟางเหยาเหยาแต่งงานเป็นชายารองขององค์ชายคังก็มิได้ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกประหลาดใจออกไปครานี้ชัดเจนว่า แม่ทัพฟางคือคนของจ้าวฮุย แค่ทำอะไรอย่างคลุมเครือมากเท่านั้นหลิงอวี๋นึกถึงเรื่องจลาจล แล้วจึงเอ่ยถาม “คดีใต้เท้าจางสอบสวนชัดเจนหรือไม่เพคะ?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เซียวหลินเทียนก็เดือดขึ้นมาสองวันมานี้กรมพระคลังและกรมวังเร่งสอบสวนบัญชีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเส้นทางแม่น้ำของใต้เท้าจางก่อนหน้านี้ บัญชีหลายปีตรวจสอบแล้วพบว่าราชสำนักจัดสรรงบไปยี่สิบกว่าล้านบัญชีของใต้เท้าจางล้วนใช้เงินยี่สิบกว่าล้านนั้นไปกับการซ่อมแซมเส้นทางแม่น้ำ แต่นับตั้งแต่เรื่องที่มีคนตายไปสองร้อยกว่าคนเซียวหลินเทียนก็รู้แล้วว่าบัญชีนี้ของใต้เท้าจางเป็นบัญชีปลอมแค่เงินอุดหนุนของสองร้อยกว่าชีวิตนี้ไม่มีในบัญชีเลยแม้แต่น้อยเช่นนั้นบัญชีอื่นมิบอกก็รู้ว่าจะต้องมีการตกแต่งบัญชีแล้วถูกพวกเขาทุจริตไปแน่นอนเรื่องนี้เมื่อตรวจสอบแล้วมีการเกี่ยวโยงไปเป็นวงกว้าง ใต้เท้าจางเงียบตลอด และมิปริปากพูดเรื่องทรัพย์สินที่ค้นออกมาจากบ้านของตนด้วยส่วนขุนนางทุจริตที่อยู่เบื้องล่างทนรับการทรมานมิไหวจึงสารภาพ แ
หลิงอวี๋ได้เห็นความสามารถของเก๋อเทียนซือแล้ว องค์ชายรุ่ยไปที่โม่เหอนอกจากจะไปตามหาแดนปีศาจก็ไม่มีทางจะมีเหตุผลอื่นอีกหลิงอวี๋กังวลว่า องค์ชายรุ่ยจะมีเจตนาร้ายแอบแฝงอยู่ และแอบหว่านเมล็ดอำนาจของตน“ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลอะไร ครานี้ข้าอาศัยเรื่องงานแต่งงานขององค์ชายคัง ให้องค์ชายรุ่ยแต่งงานเช่นกัน เพราะว่าจะใช้ครอบครัวผูกมัดเขาไว้”เซียวหลินเทียนเอ่ยเรียบ ๆ “แม้ว่าข้าจะมิได้มีความรู้สึกฉันพี่น้องกับพวกเขาเท่าไร แต่เพราะว่าเป็นพี่น้องกัน ข้าจึงมิอยากให้ผลสุดท้ายแล้วต้องเข่นฆ่ากันเอง”องค์ชายรุ่ยมีความเคลื่อนไหวเล็กน้อยได้ แต่ขอเพียงมิทำลายความเป็นพี่น้อง เซียวหลินเทียนก็สามารถทนความรุ่งโรจน์ของเขาไปได้ทั้งชีวิตหลิงอวี๋ยังคงมิกล้าประมาทองค์ชายรุ่ย จึงเอ่ยเตือน “ครานี้เก๋อเทียนซือเสียเปรียบหม่อมฉัน เขาจะต้องหาผู้ช่วยมาจัดการพวกเราอย่างแน่นอน!”“พวกเรามิเพียงแต่ต้องป้องกันเก๋อเทียนซือ ยังต้องป้องกันองค์ชายรุ่ยเผื่อพบอะไรด้วย! เซียวหลินเทียน ท่านจะประมาทมิได้โดยเด็ดขาดเพคะ!”วันนั้นที่เจดีย์วัดไคหยวน หลิงอวี๋ต่อสู้กับเก๋อเทียนซือ ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อเจดีย์วัดไคหยวน หลังจากนั้น
การประทานสมรสหลายคนเช่นนี้ทำให้ฮูหยินฉินแม่ของฉินซานก็ตื่นเต้นมาก ๆ ไปด้วย นางจึงจงใจคุยกับฉินซานในคืนหนึ่งฉินซานถูกแม่โน้มน้าวมิยอมหยุด ในที่สุดก็ตกลงแต่งงาน ฮูหยินฉินได้รับการยินยอมจากลูกชายก็ไปหาแม่สื่อหลายคนมาหาคนจับคู่ให้กับฉินซานมาตรฐานของนางลดลงแล้ว ขอเพียงสตรีที่มีภูมิหลังครอบครัวดีและมีความประพฤติดีมาเป็นภรรยาของฉินซานหานอวี้ได้รับรู้ข่าวนี้ก็ร้อนใจแทนพี่สาว จึงไปหาหลิงอวี๋เพื่อพูดเรื่องนี้แทนพี่สาวหลิงอวี๋ทำใจปล่อยให้หานเหมยไปมิได้ แต่เพื่อการแต่งงานของหานเหมย แม้ว่านางจะทำใจมิได้ก็ทำได้เพียงยอม นางจึงเรียกหานเหมยมาซักถามถึงความคิดที่จะแต่งงานกับฉินซานเสียก่อนไหนเลยจะรู้ว่าหานเหมยจะเอ่ย “ฮองเฮา หานเหมยมิอยากแต่งงานกับเจ้ากรมฉินเพคะ!”“เหตุใดเล่า? ฉินซานมิดีหรือ?”หลิงอวี๋สับสนหานเหมยส่ายหน้า “เรื่องคุณสมบัติของเจ้ากรมฉินนั้นมิอาจพูดได้ ตอนนี้หานเหมยเองก็รู้สึกว่าคู่ควรต่อเจ้ากรมฉิน แต่ฮูหยินฉินมิเหมาะที่จะเป็นแม่สามีของหานเหมยเพคะ!”ตอนนี้หานเหมยเป็นผู้ช่วยของหลิงซวนกับเถาจื่อ และมีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้า เป็นขุนนางระดับแปด หลุดพ้นจากการเป็นทาสแล้วขอเพียงนางทำง
หลังจากเสียงนั้น คนที่มุงกันอยู่เหล่านั้นก็หลีกทางให้โดยมิรู้ตัว แล้วกลุ่มคนที่มาก็เผยตัว...เซียวหลินเทียนก็มองไปเช่นกัน แล้วก็เห็นว่าคนที่นำมาเป็นบุรุษอายุประมาณห้าสิบปี รูปร่างสูง แขนทั้งสองข้างที่เผยออกมานั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ บนนั้นมีห่วงทองคำทองรูปสัตว์ประหลาดคล้องอยู่สองห่วงด้วย“ท่านป้าว!”มีคนจากในฝูงชนนั้นตะโกนขึ้นมาเซียวหลินเทียนรู้ทันทีว่า คนผู้นี้คือป้าวเฉิงเจ้าถิ่นตลาดซื้อขายทาสแห่งนี้ป้าวเฉิงเดินเข้ามาโดยที่ลูกน้องของคนล้อมรอบอยู่ เขาสูงกว่าเซียวหลินเทียนไปครึ่งหัว เขามองเซียวหลินเทียนแล้วมองเก๋อเฟิ่งฉิง จากนั้นก็ยิ้มเย็นชา“การประมูลก็มีกฎเกณฑ์ของการประมูล ท่านสองคนรู้หรือไม่ว่า ต่อให้ตะโกนเสนอราคาสูงแค่ไหน หากตอนที่ส่งมอบจริงแล้วจ่ายมิได้จะโดนลงโทษอย่างไร?”ในเมื่อป้าวเฉิงเป็นเจ้าถิ่นลานประมูลแห่งนี้ เขาจึงมิยอมให้ใครมาสร้างปัญหาในถิ่นของตนเมื่อครู่เขาเห็นจากด้านบนว่า คนในลานประมูลมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ก็กังวลว่าสองคนนี้จะมาสร้างปัญหา เขาจึงลงมาดู“หากจ่ายมิได้ ท่านจะต้องอยู่ที่ลานประมูลนี้และต้องนำเงินจำนวนสามเท่าจากที่เสนอราคามาไถ่ตัว!”ผู้ค้ามนุษย์คนห
บุรุษผู้นี้ฉลาดนัก!เก๋อเฟิ่งฉิงกลุ้มอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็มิได้โกรธ สิ่งที่นางต้องการคือบุรุษที่ได้ทั้งบุ๋นและบู๊เช่นนี้ หากเซียวหลินเทียนโง่เกินไป นางก็มิสนใจแล้ว!“พี่หญิง ข้าคิดว่าคุณชายผู้นี้พูดถูกนะ!”เก๋อเฟิ่งเจียวเบียดเข้ามาแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ “ทาสหญิงเหล่านี้มิคุ้มราคาจริง ๆ หากท่านใช้เงินมากมายเช่นนี้ซื้อพวกนาง กลับไปจะต้องถูกท่านยายดุเป็นแน่!”“ท่านก็ทำตามที่คุณชายผู้นี้บอก ยอมให้เขาไปเถิด เลือกมาสองคนให้เขามอบให้ท่านเปล่า ๆ เขาจะต้องยอมแน่นอน!”เซียวหลินเทียนเกือบจะหัวเราะออกมา เขามิคาดคิดว่าความขัดแย้งภายในของตระกูลเก๋อจะชัดเจนถึงเพียงนี้ คุณหนูรองตระกูลเก๋อมาช่วยเหลือคนนอกเช่นนี้เก๋อเฟิ่งฉิงสีหน้ามิพอใจ นางคาดมิถึงว่าเก๋อเฟิ่งเจียวจะเผยจุดอ่อนของตนออกไป นี่มิใช่เป็นการบอกเซียวหลินเทียนหรือว่าหากตนเสนอราคาขึ้นอีก กลับไปจะต้องถูกท่านยายดุ?“เฟิ่งเจียว ไปยืนด้านข้างเสีย ข้าทำอะไรอย่างมีเหตุผล ท่านยายมิดุข้าหรอก!”เก๋อเฟิ่งฉิงฝืนพูดต่อไปเก๋อเฟิ่งเจียวยิ้มเยาะ “เช่นนั้นท่านมีเหตุผลอะไรก็พูดมาสิ พูดให้ชัดเจนแล้วข้าจะมิคัดค้านที่ท่านใช้เงินมหาศาลซื้อทาสหญิงเหล่านี้ มิเช่นนั้นข
เซียวหลินเทียนเห็นภาพนี้ไกล ๆ ก็รู้ว่ามีคนทำให้ฉินซานลำบากแล้วเขาเห็นซูจู๋ที่ขัดแย้งอยู่กับฉินซานก็พอจะคาดเดาเจตนาของเก๋อเฟิ่งฉิงได้เซียวหลินเทียนสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น อยากจะแข่งความรวยหรือ?เขามิเชื่อว่ากำลังทรัพย์ของคุณหนูตระกูลเก๋อจะเทียบกับตนที่เป็นจักรพรรดิได้ความเย่อหยิ่งของเซียวหลินเทียนเพิ่มขึ้นในทันที อย่างไรวันนี้เขาก็จะต้องปรามอำนาจของเก๋อเฟิ่งฉิงให้ได้เขาเดินเข้าไปด้วยใบหน้ามิสบอารมณ์เก๋อเฟิ่งฉิงเห็นว่าคนในใจเดินเข้าไปก็ตามเข้าไปด้วย“หกหมื่น!”ซูจู๋ให้ราคาเป็นสองเท่าจากที่หม่าเฉียงเสนอ หม่าเฉียงมีความสุขมาก แต่ยังฝืนมิพยักหน้าแล้วมองไปทางฉินซานฉินซานรู้ว่าเซียวหลินเทียนมิได้ใส่ใจกับเงินจำนวนนี้ เขาสามารถตัดสินใจเสนอราคาตามไปได้แต่เขาก็มองออกเช่นกันว่า วันนี้นางรับใช้ที่อยู่ตรงหน้าตั้งใจจะมีปัญหากับตน จึงกลัวว่าหากตนขึ้นราคา นางรับใช้ผู้นี้ก็จะขึ้นราคาไปด้วยแล้วเมื่อใดจึงจะสิ้นสุดเล่า?เวลานี้ฉินซานก็เห็นเซียวหลินเทียนเดินเข้ามา แล้วพยักหน้าให้เขาอย่างยากที่ใครจะสังเกตเห็นฉินซานจึงเอ่ยขึ้นมาทันที “แปดหมื่น!”เซียวหลินเทียนบอกเป็นนัยแล้วว่าเขาสามารถดันรา
ฉินซานได้รับคำสั่งแล้วไปเจรจาธุรกิจกับผู้ค้ามนุษย์ทันทีสิ่งที่เซียวหลินเทียนมิคาดคิดก็คือ วันนี้เก๋อเฟิ่งฉิงคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อและเก๋อเฟิ่งเจียวคุณหนูรองตระกูลเก๋อก็มาด้วยเก๋อเฟิ่งฉิงมองปราดเดียวก็เห็นเซียวหลินเทียนที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางผู้คนทันทีเมื่อเห็นเขาสั่งให้คนรับใช้ไปเจรจาการค้ากับผู้ค้ามนุษย์ เก๋อเฟิ่งฉิงก็กลอกตาแล้วกระซิบกับซูจู๋ทันที จากนั้นซูจู๋ก็ตามฉินซานไปเก๋อเฟิ่งเจียวมิเชื่อใจเก๋อเฟิ่งฉิง การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ นี้ก็ดึงความสนใจของเก๋อเฟิ่งเจียวเช่นกัน นางจึงให้นางรับใช้ของตนตามไปดูด้วยฉินซานกำลังคุยอยู่กับหม่าเฉียงหัวหน้าผู้ค้ามนุษย์วัยสี่สิบปี“นายของเราบอกว่า เขาสนใจทาสหญิงเกวียนนี้ อยากซื้อตามราคาสูงสุด และขอเพียงให้เจ้าตอบคำถามเขามิกี่ข้อ...เรื่องดีเช่นนี้หากพลาดไปคงไม่มีอีกแล้ว เจ้าต้องคว้าโอกาสไว้!”หม่าเฉียงได้ยินเช่นนี้ก็ใจเต้นแรงทันที คุณภาพของทาสหญิงเกวียนนี้ของตนมิได้นับว่าดีมากนัก เมื่อวานมาแล้ววันหนึ่งก็ขายมิออกสักคน วันนี้มีคนอยากจะซื้อทั้งหมดในคราวเดียว แล้วเขาจะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไรเล่า!“นายใหญ่อยากถามอะไรข้า?”หม่าเฉียงเอ่ยอย่างตื่นเต้น
เซียวหลินเทียนกับฉินซานแทบจะหันไปมองพร้อมกันทันทีที่ได้ยินชื่อหานเหมยแล้วก็เห็นว่าบนเกวียนคันนั้นก็มีทาสหญิงอยู่จำนวนมิน้อยสตรีคนที่ขันทีโม่พูดถึงยืนนิ่งอยู่ในมุมหนึ่งด้วยท่าทีเฉยเมย บนตัวและใบหน้าของนางเต็มไปด้วยบาดแผล ชุดก็ขาดรุ่งริ่งจนเผยผิวหนังส่วนใหญ่ออกมา“หานเหมย!”ฉินซานตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้นที่เขาเป็นฝ่ายอาสาออกมาตามหาหลิงอวี๋ครั้งนี้ เหตุผลอีกครึ่งหนึ่งก็เพื่อหานเหมยนับตั้งแต่ที่ฉินซานมีความคิดที่จะแต่งงานกับหานเหมย เขาก็ให้ความสนใจหานเหมยอย่างมากหานเหมยทำงานอย่างจริงจัง ทั้งยังขยันเรียนรู้และปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนน้อมอย่างยิ่งไป ๆ มา ๆ ฉินซานก็ตกหลุมรักหานเหมยที่ขยันและจิตใจดีผู้นี้ไปเสียแล้วเดิมทีเขาอยากหาโอกาสหยั่งเชิงหานเหมยว่าจะยินดีแต่งงานกับตนหรือไม่ ไหนเลยจะคิดว่ายังมิทันได้โอกาส หานเหมยก็หายตัวไปพร้อมกับหลิงอวี๋เสียก่อนแล้วฉินซานกังวลมาตลอดว่า หานเหมยจะถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารไปแล้วเพราะไม่มีประโยชน์และมูลค่า คาดมิถึงว่าจะได้เห็นหานเหมยยังมีชีวิตอยู่ฉินซานตื่นเต้นจนอยากจะพุ่งเข้าไปช่วยหานเหมยออกมาขันทีโม่คว้าตัวเขาไว้แล้วกระซิบ “อย่าหุนหัน
เผยอวี้เพิ่งจะพูดจบ ฉินซานกับขันทีโม่ก็กลับมาตาม ๆ กันขันทีโม่ส่ายหัวพลางเอ่ย “กระหม่อมคลาดกับบุรุษลึกลับผู้นั้น พลังของเขาสูงกว่ากระหม่อมมาก กระหม่อมตามมิทันจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนเคยได้รับรู้ถึงความสามารถของบุรุษผู้นั้นแล้ว จึงมิได้ตำหนิขันทีโม่ที่คลาดกับเขาฉินซานก็รายงานการสอบสวนตระกูลเก๋อของตน“ฝ่าบาท ครานี้ตระกูลเก๋อมาสองกลุ่ม นอกจากกลุ่มคุณหนูสองคนของตระกูลเก๋อแล้ว ยังมีกลุ่มของเก๋อเทียนซือด้วย พวกเขาน่าจะมิได้มากับคุณหนูสองคนของตระกูลเก๋อ แต่เป็นการต่างคนต่างทำงานพ่ะย่ะค่ะ!”“วันนี้คุณหนูสองคนของตระกูลเก๋อแยกกันค้นหา คุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อจับตามองคนตระกูลเฉียว ส่วนคุณหนูรองจับตามองเก๋อเทียนซือ เป้าหมายน่าจะเป็นการตามหาฮองเฮาทั้งหมด!”“วันนี้คุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อไปตลาดซื้อขายทาส เป็นสถานที่ประมูลทาสในเมืองเล็กนี้ แล้วนางก็ซื้อนางรับใช้มาสองสามคน!”“ฝ่าบาท กระหม่อมรู้สึกว่า ท่านสามารถไปดูที่ตลาดซื้อขายทาสแห่งนั้นได้พ่ะย่ะค่ะ ในนั้นมีคนที่สามารถใช้งานได้มากมายนัก!”ฉินซานเอ่ยอย่างตื่นเต้น “วันนี้กระหม่อมเห็นทาสคุนหลุนคนหนึ่ง ดูเหมือนถ่านดำ แต่มีพลังมาก สิงโตหินถูกเ
เมื่อเซียวหลินเทียนกลับมาที่โรงเตี๊ยม ก็ให้เผยอวี้ ขันทีโมและลู่หนานแบ่งกองกำลังออกเป็นสามกลุ่มไปติดตามตระกูลเฉียว ตระกูลเก๋อ และบุรุษลึกลับผู้นั้นมิว่าตระกูลใดในสามตระกูลจะพบที่อยู่ของหลิงอวี๋ก่อน ก็ให้รายงานข้อมูลทันที และชิงช่วยเหลือหลิงอวี๋ออกมาตัดหน้าพวกเขาขันทีโม่รับผิดชอบในการติดตามบุรุษลึกลับ เผยอวี้รับผิดชอบตระกูลเฉียว และฉินซานติดตามคนตระกูลเก๋อเนื่องจากคนที่เผชิญหน้าล้วนเป็นผู้บำเพ็ญตนระดับสูงมาก องครักษ์ธรรมดาเหล่านั้นหากส่งไปก็หาได้มีประโยชน์ไม่ เซียวหลินเทียนจึงให้ลู่หนานส่งจดหมายถึงจ้าวซวน ให้เหลือคนที่มีวรยุทธ์แก่กล้าของค่ายกองทหารเสือไว้เพียงมิกี่สิบคนเท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ ให้กลับไปรอที่เมืองซานต้งคืนนั้นพวกขันทีโม่สามคนพาคนออกไปสืบข่าว ส่วนเซียวหลินเทียนก็รอฟังข่าวอยู่ที่โรงเตี๊ยมโรงเตี๊ยมแห่งนี้นับว่าค่อนข้างดีในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ ที่ที่เซียวหลินเทียนอาศัยอยู่เป็นเรือนส่วนตัว แม้ว่าราคาจะสูงมากแต่เขาก็มิได้เสียดายแม้แต่น้อยเหยี่ยวน้อยที่เฮยอิงขององค์ชายอิงคาบมา เซียวหลินเทียนยังไม่มีโอกาสส่งมันกลับไปเมืองหลวง คราวนี้เซียวหลินเทียนก็พามันมาตามหาหลิงอวี๋ด้
เซียวหลินเทียนหันกลับไปจ้องมองซูจู๋ด้วยสายตาเย็นเยียบ ในฐานะจักรพรรดิผู้ทรงอำนาจและเย็นชา กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างของเขานั้นกดดันจนร่างกายของซูจู๋หนาวไปทั่วร่างราวกับว่าจู่ ๆ บรรยากาศของโรงน้ำชาก็ลดลงถึงจุดเยือกแข็ง นางรู้สึกเย็นยะเยือกจนขนลุกซู่ไปหมดชั่วขณะหนึ่ง นางรู้สึกว่า เพียงเซียวหลินเทียนยกเท้าขึ้นมาก็สามารถเหยียบย่ำนางจนตายเหมือนมดตัวหนึ่งได้แล้วเซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเย็นชา “กบในกะลากล้าที่จะมาโวยวายกับข้า เจ้าคิดว่าใต้หล้านี้ไม่มีผู้ใดเทียบตระกูลเก๋อได้จริง ๆ รึ? บอกว่าภรรยาของข้าเป็นตาปลา ในสายตาของข้า คุณหนูใหญ่ของเจ้ามิคู่ควรที่จะแบกรองเท้าของภรรยาข้าด้วยซ้ำ!”“หากข้าได้ยินคำพูดดูหมิ่นภรรยาของข้าจากปากเจ้าอีก ข้าจะทำให้พ่อแม่ของเจ้าเสียใจที่ให้กำเนิดเจ้ามา!”หลังจากพูดจบ เซียวหลินเทียนก็มิสนใจซูจู๋อีกและก้าวขายาวเดินออกไปในหัวของซูจู๋ว่างเปล่า เซียวหลินเทียนไปนานแล้วนางกลับเพิ่งตื่นขึ้นมาราวกับฝัน อาภรณ์ส่วนหลังของนางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น ยิ่งเพิ่มความหนาวเย็นขึ้นไปอีกซูจู๋ตัวสั่น คุณชายผู้นี้เป็นคุณชายตระกูลใดกันแน่?เหตุใดนางมิเคยเห็นบุรุษที่มีอำนาจน่าส
เผยอวี้กับขันทีโม่ก็มิได้สังเกตเช่นกันขันทีโม่สังเกตเห็นเพียงว่า บุรุษที่ตามหลังบุรุษผู้นั้นไปก็เป็นยอดฝีมือในการบำเพ็ญตนเช่นกัน ดูจากการแต่งตัวของเขา น่าจะเป็นพวกบ่าวมีคนสามกลุ่มนี้ในเมืองเล็กก็หมายความว่าหลิงอวี๋อยู่ใกล้ ๆ นี้พวกเซียวหลินเทียนกับเผยอวี้รีบกินอาหารเย็นแล้วเดินออกไป หมายจะติดตามไปตามมิศทางของคนทั้งสามกลุ่มนี้พวกเซียวหลินเทียนสามคนเพิ่งจะเดินออกมา ก็เห็นนางรับใช้ที่วิพากษ์วิจารณ์คุณหนูรองตระกูลเก๋อเมื่อครู่เดินมาหาแล้วมุ่งตรงมาที่เซียวหลินเทียน จากนั้นจึงเอ่ย “คุณชาย หาสถานที่คุยกันสักหน่อยได้หรือไม่?”เซียวหลินเทียนตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วระวังตัวทันที หรือว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อมองออกถึงตัวตนของเขาแล้วจึงจงใจให้นางรับใช้ผู้นี้มารออยู่ที่นี่?“ไปคุยกันที่โรงน้ำชาข้างหน้าแล้วกัน!”เซียวหลินเทียนกวาดสายตามอง เห็นว่าฝั่งตรงข้ามมีโรงน้ำชาที่ยังคงเปิดอยู่ เขาจึงเดินนำไปเผยอวี้กับขันทีโม่มองหน้ากัน ต่างก็เดามิออกว่าคุณหนูใหญ่จากตระกูลเก๋อให้นางรับใช้มาหาเซียวหลินเทียนเพื่ออะไร แต่ทั้งคู่ก็ตามไปอย่างเข้าใจเซียวหลินเทียนหาโต๊ะริมหน้าต่างแล้วนั่งลงมองซูจู๋โดยมิพ