“ฮองเฮาของเราจะออกจากวังสักครั้งมิได้ง่ายดาย เช่นนี้แล้วยังถูกคนทำให้ลำบากใจอีก!”หลิงซวนมองหลิงเสียงกังอย่างเย็นชา พลางเอ่ยอย่างเป็นเดือดเป็นร้อนแทนหลิงอวี๋“ฮองเฮาทรงเห็นแก่ท่านอดีตเสนาบดี ฮูหยินใหญ่และคุณหนูหลิงหว่านจึงได้ออกจากวังมาแม้จะถูกคนขู่ที่จะกล่าวโทษ!ท่านอดีตเสนาบดีกับนางซุนย่อมรู้ว่า ในฐานะฮองเฮาการออกจากวังนั้นยากเย็นนัก เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อหลิงเสียงกังเช่นนี้ แต่หลิงเสียงกังกลับมิรับน้ำใจท่านอดีตเสนาบดีก็โกรธขึ้นมาเช่นกัน พลางเอ่ยเสียงเรียบ “หลิงเสียงกัง จะสิ่งดีหรือมิดีฮองเฮาก็ล้วนบอกเจ้าไปหมดแล้ว พ่อจะมิพูดสิ่งใดแล้ว!”“ชีวิตเป็นของเจ้า เจ้าตัดสินใจเอง!”“หากเจ้ามิอยากให้ฮองเฮาทำการผ่าตัด เจ้าก็พาสตรีผู้นี้ออกจากจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนไป ข้าจะถือว่าเจ้าตายอยู่ด้านนอกนั้นแล้ว จะได้มิต้องกลายเป็นหัวหงอกต้องส่งหัวดำให้จากไปก่อน!”“ท่านอดีตเสนาบดี นี่ไม่...”นางซุนร้อนใจ เพราะว่าเป็นสามีภรรยากันมาตั้งแต่อายุยังน้อย นางจะทนมองหลิงเสียงกังตายไปเช่นนี้ได้อย่างไร!นางจึงเอ่ยอย่างร้อนใจ “ข้าจะเกลี้ยกล่อมเขาอีกครั้ง!”นางซุนเดินไปตรงหน้าของหลิงเสีย
เฝิงฉินพูดถึงตรงนี้ก็คล้ายกับว่าสีหน้าเปลี่ยนไป นางจับที่ท้องของตนพลางคุกเข่าให้หลิงอวี๋อย่างช้า ๆ“ฮองเฮา หม่อมฉันตั้งครรภ์อยู่ ลูกจะขาดพ่อไปตั้งแต่ยังมิทันได้เกิดมามิได้เพคะ!”“ขอความเมตตาฮองเฮาอย่าได้บังคับให้สามีของหม่อมฉันทำการผ่าตัดเลยเพคะ ปล่อยพวกเราไปตามเส้นทางเถิดเพคะ!”ทันทีที่นางพูดเช่นนี้ออกมา หลิงซวนก็โกรธเป็นอย่างมาก นี่พูดไปพูดมากลายเป็นหลิงอวี๋มิดีเสียแล้วหลิงอวี๋เองก็โกรธเช่นกัน เฝิงฉินผู้นี้ช่างสมกับที่ขึ้นเหนือล่องใต้ทำการค้าขายเสียจริง ฝีปากคล่องแคล่วเช่นนี้ จนสามารถพูดกลับดำกลายเป็นขาวได้“ท่านพ่อ ฮองเฮา… ในเมื่อพวกเขามิเข้าใจความซาบซึ้งก็ให้พวกเขาไปเสียเถิด!”หลิงเสียงเซิงหาโอกาสพูดมิได้เลย ตอนนี้เมื่อเห็นว่าเฝิงฉินบีบบังคับหลิงอวี๋เช่นนี้ก็แอบดีใจทางที่ดีที่สุดคือ หลิงอวี๋ต้องรีบไล่หลิงเสียงกังออกไป ให้เขาไปตายด้านนอก จะได้มิต้องมีคนมาแย่งทรัพย์สินกับตน!“ไสหัวไป...”ท่านอดีตเสนาบดีก็โกรธกับคำพูดกลับดำเป็นขาวของเฝิงฉินจนเครากระดิก เขาจึงตะคอกอย่างโมโห “กลับไปเก็บข้าวของของพวกเจ้า แล้วไสหัวออกไปจากจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนบัดเดี๋ยวนี้!”“ข้าจะถือเสียว่าไม่ม
“หลิงเสียงกัง ป้าสะใภ้ใหญ่ของข้าปฏิบัติตามจรรยาบรรณสตรี กตัญญูต่อบิดามารดา ท่านต่างหากที่ทำผิดต่อนาง!”“ดังนั้นในการหย่าร้างท่านจะต้องชดเชยค่าสูญเสียวัยเยาว์ของป้าสะใภ้ใหญ่ข้า และค่าใช้จ่ายในการทำงานบ้านและเลี้ยงดูลูกให้ท่านเป็นเวลาหลายปีมานี้!”หลิงอวี๋พูดถึงตรงนี้ก็มองไปทางหลิงซวน “จดสิ่งที่ข้าพูดทั้งหมดไว้ ประเดี๋ยวให้นักบัญชีคำนวณเงินทั้งหมด!”“เพคะ ฮองเฮา!”ในใจของหลิงซวนก็คิดเช่นเดียวกับหลิงหว่าน จึงรีบหากระดาษและพู่กันมาช่วยหลิงอวี๋จด“หลิงเซียวและหลิงหว่านคือลูกของท่าน พวกเขาโตแล้ว ในฐานะพ่อ ท่านต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการแต่งงานของพวกเขาครึ่งหนึ่ง ข้ามิได้ให้ท่านรับผิดชอบทั้งหมด นี่ก็ยุติธรรมมากแล้วกระมัง!”“หากไปพิจารณาที่จวนขุนนาง ท่านต้องจ่ายทั้งหมด!”หลิงอวี๋วางแผนหลอกหลิงเสียงกังต่อหลิงเสียงกังคิดว่าสิ่งที่หลิงอวี๋พูดมามิได้ผิดแม้แต่น้อย ตนผิดต่อนางซุน มิอาจขัดขวางมิให้นางแต่งงานใหม่ส่วนลูก ๆ ก็คือลูกของตน พวกเขาแต่งงานตนก็ควรจะจัดการเต็มที่เช่นกันหลิงเสียงกังจึงพยักหน้าอย่างซื่อตรง “กระหม่อมยอมรับในสิ่งเหล่านี้ที่ฮองเฮาตรัสมา!”“สามี...”เพราะว่าเฝิงฉินเป
“เอามาจ่ายมิได้ใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋คาดเดาเอาไว้อยู่แล้วจึงยิ้มเยาะ “หลิงเสียงกัง ท่านเป็นบุรุษ คำพูดของบุรุษย่อมต้องหนักแน่น มีแปดหมื่นก็ให้มาก่อนแปดหมื่น ส่วนที่เหลือหากยังจ่ายมิได้ก็สามารถให้ท่านติดหนี้ไว้ก่อนได้!”“เมื่อใดที่ท่านชำระหนี้จนครบ เมื่อนั้นท่านจึงจะไปจากเมืองหลวงได้!”“หากกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของข้า ก็อย่าโทษว่าข้าไร้ความปรานี!”เมื่อมีการลงโทษตบปากสิบครั้งเมื่อครู่ หลิงเสียงกังก็รู้แล้วว่าหลิงอวี๋พูดคำไหนคำนั้นยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ติดหนี้นางซุนกับลูกทั้งสองจริง ๆ หากมิชดเชยให้พวกเขา หลิงเสียงกังก็มิสบายใจ“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะจ่ายคืน!”หลิงเสียงกังเขียนหนังสือสัญญาหนี้ ส่วนเฝิงฉินนับเงินจำนวนแปดหมื่นมาจ่ายอย่างลำบากใจ จากนั้นทั้งสองก็ไปนางซุนมองแผ่นหลังที่เย็นชาของหลิงเสียงกัง หลังจากเสียใจอยู่สักพักก็อดกลั้นความปวดใจเอาไว้“ฮองเฮา ท่านบีบบังคับให้เขาคืนเงินเช่นนี้มิเกินไปหน่อยหรือเพคะ?”นางซุนกังวลว่าหลิงอวี๋จะเข้าใจผิดว่าตนกล่าวโทษนางจึงรีบเอ่ย “ฮองเฮา หม่อมฉันรู้ว่าท่านหวังดีกับพวกเรา แต่ท่านลุงใหญ่ของท่านเขาเป็นคนตรงไปตรงมา หม่อมฉันกังวลว่าเขาจะไปช่วยคนนั้นคน
พวกหลิงอวี๋กลับไปถึงวัง หลิงอวี๋ก็กลับไปที่ตำหนักคุนหนิงก่อนทันทีเมื่อไปถึงหน้าประตูก็เห็นขันทีน้อยเซี่ยกับขันทีเหอรออยู่ด้านนอกเซียวหลินเทียนมาแล้วหลิงอวี๋เห็นว่าฟ้ามืดแล้ว เมื่อเดินเข้าไปจึงเอ่ยถาม “องค์จักรพรรดิเสวยพระกระยาหารเย็นแล้วหรือไม่?”ขันทีเหอรายงาน “องค์จักรพรรดิทรงต้องการเสวยพร้อมกับฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นจึงยังมิได้เสวยและกำลังรออยู่พ่ะย่ะค่ะ”หลิงอวี๋ก็มิได้ทานอาหารเย็นที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนเช่นกัน เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเอ่ย “ให้พวกเขาเตรียมอาหารเถิด!”หลิงอวี๋เดินเข้าไปก็เห็นเซียวหลินเทียนเอนตัวพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ เขาเปลี่ยนชุดจักรพรรดิแล้วสวมใส่เพียงแค่ชุดธรรมดาที่มีปักลายพระจันทร์เสี้ยวกับมังกรทองเท่านั้นเซียวหลินเทียนกำลังหลับอยู่ราวกับรอคอยอยู่นานแล้วชุดขาวลายพระจันทร์เสี้ยวทำให้ใบหน้าที่งดงามของเขายิ่งงดงามขึ้นอีก ขาข้างหนึ่งของเขาพาดอยู่บนเก้าอี้ ส่วนอีกข้างเหมือนจะไม่มีที่วางจึงปล่อยลงที่พื้นคนที่งดงามหลับอยู่บนเก้าอี้ที่งดงามช่างเป็นภาพการนอนหลับที่งดงามนักเซียวหลินเทียนเอนนอนอยู่ด้านบนนั้นก็เป็นภาพชายหนุ่มรูปงามที่หลับอยู่ที่เหมือนกันคืองดง
คำพูดนี้ของหลิงอวี๋ทำให้เซียวหลินเทียนตะลึง จากนั้นก็หัวเราะออกมา“เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะอยู่ที่พระตำหนักคุนหนิง!”หลิงอวี๋กลอกตาใส่เซียวหลินเทียน เมื่อเห็นว่าหลิงซวนไล่นางกำนัลที่มารับใช้ในห้องออกไปจนหมดแล้วจึงเอ่ยอย่างเย็นชา“เซียวหลินเทียน ที่หม่อมฉันพูดกับท่านในเรื่องเหล่านี้มิใช่เพราะอยากจะแย่งชิงความโปรดปราน แต่เพราะจะให้ท่านมิต้องหลบหลีกในเรื่องนี้!”“ก่อนหน้านี้หม่อมฉันเคยบอกกับท่านแล้วว่า หม่อมฉันกับป้าสะใภ้ใหญ่และสตรีเหล่านี้มิเหมือนกัน สามีที่หม่อมฉันต้องการคือคนที่รักหม่อมฉันได้หมดทั้งใจ!”“ชีวิตนี้หม่อมฉันมิสามารถใช้สามีร่วมกับสตรีอื่นได้ มิว่าท่านจะเป็นอ๋องอี้หรือองค์จักรพรรดิ หม่อมฉันจะไม่มีทางเปลี่ยนความคิดของหม่อมฉัน!”หลิงอวี๋สบตากับเซียวหลินเทียนโดยตรง “และหม่อมฉันก็มิอยากให้ท่านต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อหม่อมฉันด้วย!”“หม่อมฉันรับปากท่านได้ว่าจะมิจากไปในตอนที่ตำแหน่งของท่านยังมิมั่นคง ในภายภาคหน้า เมื่อท่านมิต้องการหม่อมฉันแล้ว ก็ปล่อยให้หม่อมฉันจากไป แล้วเราจะเป็นสหายและคนรู้ใจที่ดีต่อกันไปตลอดชีวิต!”นี่เป็นครั้งแรกหลังจากที่เซียวหลินเทียนขึ้นเป็นจักรพรรดิ ที่ได้พู
เซียวหลินเทียนเองก็มิกล้าบังคับหลิงอวี๋ จึงเอ่ยออกไป“เจ้าบอกวันมะรืนก็วันมะรืน! จริงสิ วันพรุ่งตามกรมวังมาช่วยเจ้าปรับปรุงพระตำหนักคุนหนิงเสียหน่อยเถิด ข้าคิดถึงห้องน้ำของเราที่ตำหนักอ๋องอี้ เจ้าให้พวกเขาทำห้องน้ำด้วย!”“อีกอย่าง ข้าเองก็อยากให้ในพระตำหนักคุนหนิงมีพวกเครื่องใช้และพืชพรรณที่เจ้าตกแต่งด้วย ที่นี่ช่างหนาวเหน็บ ไม่มีความรู้สึกของบ้านเลย!”เซียวหลินเทียนพูดในจุดที่มิพอใจต่อพระตำหนักคุนหนิงออกมาจำนวนมาก หลิงอวี๋ก็จดจำไว้อย่างเงียบ ๆในขณะเดียวกันหลิงอวี๋ก็ใจเต้นขึ้นมา เช่นนี้ในใจเซียวหลินเทียนก็โหยหาความอบอุ่นของบ้านเช่นกันเขาอยู่ที่ราชสำนักเป็นองค์จักรพรรดิ เมื่อเสร็จกิจราชสำนักแล้วก็เป็นเพียงบุรุษธรรมดาผู้หนึ่ง เขาเองก็มีความต้องและข้อเรียกร้องของตนเช่นกันจักรพรรดิก็เป็นคนเช่นกัน!หลิงอวี๋นึกถึงความใกล้ชิดสนิทสนมของตนกับเซียวหลินเทียนตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา ตั้งแต่เริ่มแรกที่เขาเป็นบุรุษที่วางอำนาจไร้มารยาทแล้วค่อย ๆ ถูกตนเปลี่ยนแปลงไปทีละขั้น บางที ขอเพียงตนใช้ใจกับความสัมพันธ์ที่มีกับเขา เซียวหลินเทียนก็อาจจะเปลี่ยนเป็นสามีที่คู่ควรกับความเชื่อมั่นได้เช่นกันกระม
ส่วนที่แม่ทัพฟางยอมให้ฟางเหยาเหยาแต่งงานเป็นชายารองขององค์ชายคังก็มิได้ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกประหลาดใจออกไปครานี้ชัดเจนว่า แม่ทัพฟางคือคนของจ้าวฮุย แค่ทำอะไรอย่างคลุมเครือมากเท่านั้นหลิงอวี๋นึกถึงเรื่องจลาจล แล้วจึงเอ่ยถาม “คดีใต้เท้าจางสอบสวนชัดเจนหรือไม่เพคะ?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เซียวหลินเทียนก็เดือดขึ้นมาสองวันมานี้กรมพระคลังและกรมวังเร่งสอบสวนบัญชีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเส้นทางแม่น้ำของใต้เท้าจางก่อนหน้านี้ บัญชีหลายปีตรวจสอบแล้วพบว่าราชสำนักจัดสรรงบไปยี่สิบกว่าล้านบัญชีของใต้เท้าจางล้วนใช้เงินยี่สิบกว่าล้านนั้นไปกับการซ่อมแซมเส้นทางแม่น้ำ แต่นับตั้งแต่เรื่องที่มีคนตายไปสองร้อยกว่าคนเซียวหลินเทียนก็รู้แล้วว่าบัญชีนี้ของใต้เท้าจางเป็นบัญชีปลอมแค่เงินอุดหนุนของสองร้อยกว่าชีวิตนี้ไม่มีในบัญชีเลยแม้แต่น้อยเช่นนั้นบัญชีอื่นมิบอกก็รู้ว่าจะต้องมีการตกแต่งบัญชีแล้วถูกพวกเขาทุจริตไปแน่นอนเรื่องนี้เมื่อตรวจสอบแล้วมีการเกี่ยวโยงไปเป็นวงกว้าง ใต้เท้าจางเงียบตลอด และมิปริปากพูดเรื่องทรัพย์สินที่ค้นออกมาจากบ้านของตนด้วยส่วนขุนนางทุจริตที่อยู่เบื้องล่างทนรับการทรมานมิไหวจึงสารภาพ แ