“อาอวี๋!”เซียวหลินเทียนยื่นมือออกไปดึงหลิงอวี๋เบา ๆหลิงอวี๋ตื่นขึ้นมาก็เห็นว่าเซียวหลินเทียนมองตนอยู่ก็โล่งอก “ท่านฟื้นแล้ว!”“อืม เจ้าขึ้นมานอนสักหน่อยสิ!”เซียวหลินเทียนขยับเข้าไปด้านใน แม้ว่าทันทีที่ขยับตัวจะทำให้บาดแผลของตนเจ็บขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็มิได้เกินทน“ทักษะการแพทย์ของเจ้านับวันก็ยิ่งดีขึ้น ข้าบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ เพียงมินานก็รู้สึกว่ามิเจ็บแล้ว!”เซียวหลินเทียนอดมิได้ที่จะเอ่ยชมออกไป“นี่มิใช่เพราะทักษะการแพทย์ยอดเยี่ยมหรอกเพคะ แต่เป็นผลของพลังวิญญาณกับยาอายุวัฒนะเพคะ!”หลิงอวี๋นั่งอยู่จนปวดหลัง แต่ก็มิอยากจะไปนอนกับเซียวหลินเทียนเรื่องฉินรั่วซือทำให้ใจของนางมีกำแพงกับเซียวหลินเทียน การขึ้นไปนอนด้วยกันจะมิได้หมายความว่าให้อภัยเซียวหลินเทียนแล้วหรอกหรือ?นางยังมิได้ใจกว้างเช่นนั้นหรอก!หลายวันมานี้แม้ว่าหลิงอวี๋จะช่วยเซียวหลินเทียนจัดการดูแลวังหลัง แต่นั่นก็เป็นเพราะจำใจต้องทำ มิได้หมายความว่าหลิงอวี๋ให้อภัยเซียวหลินเทียนแล้วหากทั้งสองคนอยู่ด้วยกันก็ต้องเป็นต่างฝ่ายต่างมอบให้กัน แล้วเขาเซียวหลินเทียนได้ทำสิ่งใดเพื่อตนเองและเยวี่ยเยวี่ยบ้างเล่า?เมื่อครู่พ
หลิงอวี๋เล่าให้เซียวหลินเทียนฟังว่า ตอนนั้นจ้าวซวนมาขอความช่วยเหลือ เรื่องที่ซุ่ยเอ๋อร์หลอกตนให้ไปช่วยเซียวเยวี่ยเซียวหลินเทียนได้ฟังดังนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลซึมออกมา เรื่องราวในตอนนั้นอันตรายเช่นนี้ หากหลิงอวี๋จดจ่ออยู่กับเซียวเยวี่ยแล้วไปช่วยเซียวเยวี่ยก่อน เช่นนั้นตนก็ตายไปแล้วดีที่หลิงอวี๋เลือกที่จะไปช่วยเหลือตนก่อน เช่นนี้จึงทำให้แผนการของพวกพระชายาเส้ามิสำเร็จ“เจ้า… เจ้ามิกลัวว่าไปช่วยข้าแล้วเยวี่ยเยวี่ยจะมีอันตรายอยู่จริง ๆ หรือ?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามด้วยความเห็นแก่ตัวเล็ก ๆเขารู้สึกว่าตนมีพื้นที่ในใจของหลิงอวี๋มิเท่ากับเยวี่ยเยวี่ย เขาอยากรู้ว่าเหตุใดหลิงอวี๋จึงเลือกไปช่วยเหลือตนก่อนดูเหมือนว่าหลิงอวี๋จะอ่านความคิดของเซียวหลินเทียนออก นางจึงกระตุกมุมปากพลางเอ่ยเยาะเย้ยต่อเซียวหลินเทียนอย่างมิปิดบัง“หากเยวี่ยเยวี่ยมีอันตรายจริง ๆ หม่อมฉันต้องเลือกไปช่วยเขาก่อนอยู่แล้วเพคะ!”“เซียวหลินเทียน แม้ว่าท่านจะเป็นจักรพรรดิ แต่ก็ยังมิได้สำคัญเท่าเยวี่ยเยวี่ยในใจของหม่อมฉัน เพราะว่าในตอนที่หม่อมฉันต้องการการสนับสนุนมากที่สุด เยวี่ยเยวี่ยอยู่ข้างกายหม่อมฉันมิใช่ท่าน!”ตอนที่หล
หลิงอวี๋คิดกระทั่งทางหนีทีไล่ไว้แล้วด้วยรอให้เซียวหลินเทียนนั่งบัลลังก์มังกรอย่างมั่นคง แล้วนางก็จะสร้างให้เกิดอุบัติเหตุแล้วแกล้งตายหลบหนีไปที่มาพูดกับเซียวหลินเทียนให้ชัดเจนในตอนนี้ก็เพราะจะถือโอกาสที่ตนกับเขายังมีความรักใคร่ต่อกันอยู่ แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะโกรธเคืองที่นางอยากจะไป แต่ก็จะมิสังหารนางให้สิ้นไปในภายภาคหน้า หากเซียวหลินเทียนคุ้นเคยกับการเป็นจักรพรรดิแล้วออกคำสั่งบัญชาการอย่างอยู่เหนือผู้อื่น เช่นนั้นถึงนางอยากจะไปก็ไม่มีโอกาสแล้วความคิดของบุรุษเช่นเซียวหลินเทียนจะไม่มีทางยอมให้ตนมีความคิดอื่นแน่เซียวหลินเทียนคิดมิถึงเรื่องที่หลิงอวี๋ฃมีความคิดแกล้งตาย เมื่อได้ยินหลิงอวี๋เอ่ยถึงเรื่องการหย่าร้างขึ้นมาก็ร้อนใจทันที“อาอวี๋ ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า! เรื่องฉินรั่วซือข้าขอโทษเจ้าด้วย ข้ารับรองว่าต่อไปจะไม่มีความผิดพลาดเช่นนี้เกิดขึ้นอีก!”“และเจ้ามิได้ติดหนี้อะไรข้าเลย เป็นข้าต่างหากที่ติดหนี้พวกเจ้า! หลายปีมานี้ล้วนเป็นข้าที่ติดหนี้พวกเจ้า ทำให้เจ้ากับเยวี่ยเยวี่ยต้องถูกคนติฉินนินทา ข้าจะชดใช้ให้พวกเจ้าเอง!”“อาอวี๋ เจ้าวางใจได้ ข้าเองก็กลายเป็นคนที่มีเงินหนึ่งต
การปรับเปลี่ยนแก้ไขยกชุดทำให้ผู้ดูแลและหัวหน้าภายในวังล้วนมิกล้าทำงานลวก ๆ กันอีก และล้วนแต่ทำงานที่ตนควรทำให้ดีอย่างระมัดระวังสำหรับเหตุเพลิงไหม้ที่ห้องโถงที่ตั้งพระบรมศพ หลิงอวี๋ก็ได้ตัดหัวผู้ดูแลรับผิดชอบห้องโถงที่ตั้งศพไปแล้ว และได้ทำการแต่งตั้งแม่นมที่แก่ประสบการณ์และมีความละเอียดรอบคอบขึ้นมาเป็นผู้ดูแลใหม่ส่วนองครักษ์ทั้งสองและฉีเต๋อที่ได้คุ้มกันเซียวเยวี่ยไปส่งที่ตำหนักเหยียนฝูของไทเฮานั้น ล้วนได้เบี้ยหวัดเพิ่มกันเป็นรางวัลทั้งหมดและเนื่องจากองครักษ์ทั้งสองได้ทำหน้าที่อย่างตั้งใจแล้ว เซียวหลินเทียนจึงตั้งใจให้ทั้งสองคนได้เป็นองครักษ์ส่วนตัวของเซียวเยวี่ยหลังจากเกิดเรื่องแล้วทั้งสามคนถึงได้รู้ว่า ตนเกือบจะเข้าไปพัวพันในคดีลอบสังหารองค์จักรพรรดิแล้ว แต่เพราะว่าการทำหน้าที่อย่างตั้งใจของตน จึงป้องกันนายน้อยจากการถูกคนวางแผนจัดการได้หลังจากเกิดเหตุในครั้งนี้ ทั้งสามคนก็ยิ่งใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของเซียวเยวี่ยมากขึ้นอีก เมื่อรู้สึกว่าที่ใดเป็นสถานที่อันตรายก็จะมิยอมให้เซียวเยวี่ยย่างกรายเข้าไปเป็นอันขาดเซียวเยวี่ยก็ถูกแม่นมลี่อธิบายเรื่องความสัมพันธ์เรื่องส่วนได้ส่วนเสียใ
หลังจากยุ่งกับพระราชพิธีพระบรมศพของจักรพรรดิอู่อันจบเสร็จสิ้นแล้ว ต่อไปก็เป็นพิธีราชาภิเษกของเซียวหลินเทียนตามแผนของกรมพิธีการแล้วจะมีพิธีเฉลิมฉลองมากมายอย่างเช่นดนตรี การเต้นรำ การตีฆ้องตีกลองและงานเลี้ยงแต่เพราะการขึ้นครองบัลลังก์ของเซียวหลินเทียนอยู่หลังจากพระราชพิธีพระบรมศพของจักรพรรดิอู่อัน พิธีเฉลิมฉลองอย่างเช่นการเต้นรำจึงถูกตัดออกไป มีเพียงดนตรี การตีฆ้องตีกลองและงานเลี้ยงสามอย่างนี้เท่านั้นในวันพิธีราชาภิเษก เซียวหลินเทียนได้พาขุนนางน้อยใหญ่ไปที่หอบรรพบุรุษเพื่อทำพิธีบูชาฟ้าดิน และเพื่อเสียสละตนเองว่าได้รับคำสั่งจากสวรรค์และบรรพบุรุษแล้ว ภายใต้การดูแลของท่านอ๋องเฉิงและเจ้ากรมพิธีการกระทั่งพิธีบูชาฟ้าเสร็จสิ้น เซียวหลินเทียนก็เปลี่ยนเป็นชุดเฉลิมฉลองสีเหลืองทอง บนเสื้อคลุมมังกรมีลายปักมังกรสีทองห้ากรงเล็บอยู่เก้าตัว ซึ่งช่วยเสริมรูปร่างที่สูงใหญ่ของเขาให้ดูสูงส่งและสง่างามอย่างเห็นได้ชัดเลยย่างก้าวของเขาที่เดินเข้าไปหาเก้าอี้มังกรที่อยู่แท่นสูงตรงกลางนั้นสม่ำเสมอและมั่นคงในทุกฝีก้าวสายตาของเหล่าขุนนางน้อยใหญ่และพวกองค์ชายคังดูเหมือนจะมิได้มีอิทธิพลต่อเขาเลยแม้แต่น้อย
‘เจ้าไปบอกเลยสิ!’พระชายาเส้าเยาะเย้ยเซียวทงอย่างไร้ความปรานี “ฉินรั่วซือเป็นสหายคนสนิทของเจ้า เป็นเจ้าเองที่มาถึงตำหนักข้าแล้วขอร้องให้ข้าจับคู่ให้เจ้ากับแม่ทัพเผย!”“เรื่องเหล่านี้แค่องค์จักรพรรดิตรวจสอบก็รู้แล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถทำให้องค์จักรพรรดิเชื่อเจ้าได้รึ?”“ยิ่งไปกว่านั้น… เซียวทงเจ้าเองก็ทำเรื่องที่มิอาจให้ใครเห็นได้อีก… เถาลี่ตายอย่างไรเล่า?”คำพูดของพระชายาเส้าทำให้เซียวทงตกใจในทันทีวันนั้นจู่ ๆ นางก็เป็นใบ้จึงบ้าคลั่งบีบคอเถาลี่จนตาย นางคิดว่าในเหตุการณ์วุ่นวายนั้นจะไม่มีผู้ใดเห็นว่าตนทำเรื่องเช่นนี้ แล้วเหตุใดพระชายาเส้าจึงรู้ได้เล่า!“หึ! เจ้าคิดว่าเจ้าทำได้อย่างแนบเนียนมากจนข้ามิรู้ว่าเจ้าเรื่องเช่นนี้กระนั้นรึ?”พระชายาเส้ายิ้มเยาะพลางเอ่ย “ตอนที่ตระกูลเถามารับตัวเถาลี่ไปนั้น เถากังพี่ชายของเถาลี่พบความผิดปกติ เหตุใดมือสังหารจึงมิใช้มือแต่กลับใช้มือบีบคอสังหารเถาลี่กันเล่า?”“เถากังจึงแอบไปหาเจ้าหน้าที่ชันสูตรมาแล้วก็ได้รับการยืนยันว่า นางถูกสตรีบีบคอจนตาย! เขาจึงแอบตรวจสอบอย่างเงียบ ๆ อีกจนไปพบนางรับใช้ผู้หนึ่งที่เห็นว่าเจ้าบีบคอเถาลี่จนตายที่ตำหนักอ๋องอ
หลิงอวี๋รับผิดชอบจัดการเรื่องสถานที่ที่เหล่านางสนมจะไป หลังจากที่ยุ่งมาสองวัน ในวังก็โล่งไปครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ในที่สุดก็จัดระเบียบเรียบร้อยแล้วลำดับต่อไปก็ต้องจัดการที่อยู่ให้ไท่เฟยเส้ากับไท่เฟยอีกสองคนที่มิยอมไปที่ศาลบูรพกษัตริย์อีกไท่เฟยเส้าจะย้ายไปอยู่ที่พระตำหนักโซ่วอัน ส่วนไท่เฟยเหอกับไท่เฟยจู้ก็จัดให้ไปอยู่บริเวณใกล้ ๆ กับตำหนักโซ่วอันด้วยไท่เฟยทั้งสองนี้ล้วนเป็นบาทบริจาริกาของจักรพรรดิองค์ก่อนไท่เฟยเหอมีองค์หญิงอยู่หนึ่งคน ปีนี้เพิ่งจะอายุสิบสาม นางอยู่ในอันดับที่เก้า ชื่อว่าเซียวเฟยส่วนไท่เฟยจู้มีองค์ชายหนึ่งและองค์หญิงอีกหนึ่ง ปีนี้องค์ชายอายุสิบสี่ อยู่อันดับที่แปด แต่เนื่องจากยังมิถึงวัยบรรลุนิติภาวะ จึงมิสามารถก่อตั้งจวนของคน หรือรับพระราชทานตำแหน่งอ๋องได้และองค์หญิงน้อยปีนี้เพิ่งจะอายุสิบขวบ อยู่อันดับที่สิบเอ็ด ในตอนที่จักรพรรดิอู่อันยังมีชีวิตอยู่จะเรียกนางอย่างใจดีว่าเจ้าสิบเอ็ดน้อย นางมีชื่อว่าเซียวเหยาหลิงอวี๋ยุ่งจนไม่มีเวลาได้ใกล้ชิดกับพวกนาง ที่รู้เรื่องของไท่เฟยทั้งสองนี้ก็เพราะหานอวี้ไปช่วยสืบมาให้สำหรับไท่เฟยทั้งสามคนนี้ของจักรพรรดิอู่อัน หลิงอว
เซียวหลินเทียนปลอบใจหลิงอวี๋อย่างอดทน “เจ้าวางใจเถิด ข้าจะต้องจัดคนไว้คอยปกป้องเขาอย่างดีแน่นอน! หากข้าทำให้เกิดเรื่องขึ้นกับเขาเพราะเหตุนี้ ข้าจะเอาชีวิตของข้าชดใช้ให้เจ้าเอง!”เมื่อเซียวหลินเทียนพูดมาถึงเพียงนี้ หลิงอวี๋ก็พูดมิออกเลยนางนึกถึงเรื่องที่ตอนนั้นเยวี่ยเยวี่ยกับเฮยจื่อถูกลักพาตัวไปด้วยกันและจะถูกโยนลงหน้าผา ตอนนั้นขาทั้งสองข้างของเซียวหลินเทียนยังพิการอยู่ก็ยังกระโดดลงจากหน้าผาไปช่วยเยวี่ยเยวี่ยโดยมิห่วงความปลอดภัยของตนเลยหากมีอันตรายขึ้นมาจริง ๆ หลิงอวี๋ก็เชื่อว่าเซียวหลินเทียนจะช่วยเซียวเยวี่ยอย่างมิห่วงความปลอดภัยของตนเช่นเดิมต่อให้หลิงอวี๋จะมิยินยอมแค่ไหน แต่เรื่องได้ถูกตัดสินใจไปแล้ว นางคัดค้านไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว“ครั้งต่อไปหากมีเรื่องอะไรก็หารือกับหม่อมฉันก่อนเถิดเพคะ หากกล้าจัดการเรื่องของเซียวเยวี่ยโดยที่ปิดบังหม่อมฉันเช่นนี้อีก หม่อมฉันจะไม่มีทางให้อภัยท่านอีกเด็ดขาด!”หลิงอวี๋เอ่ยเตือนอย่างเข้มงวด “การให้ความเคารพซึ่งกันและกันนั้นมิใช่แค่เพียงการพูด เซียวหลินเทียน หากท่านอยากจะให้พวกเราเห็นว่าท่านเป็นคนในครอบครัว ก่อนอื่นเลยคือต้องปลูกฝังความตระหนักรู้