“มีมือสังหาร!”ลู่หนานเห็นว่าเซียวหลินเทียนถูกลอบสังหารก็ตะโกนเสียงดัง แล้วชักดาบเข้าไปหามือสังหารที่ผลักเซียวหลินเทียนมือสังหารถอยหลังแล้วกลิ้งออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วลากจ้าวเจินเจินที่ตรงหน้าตนอย่างรุนแรงดาบของลู่หนานพุ่งไป เมื่อเห็นว่าจ้าวเจินเจินบังหน้าอยู่ก็มิกล้าแทงแต่มือสังหารผู้นั้นกลับมิได้สนใจเช่นนี้ นางชักดาบที่เอวออกมาแทงไปทางลู่หนานลู่หนานหลบไปอย่างรวดเร็วแต่มิทันแล้ว เขาถูกแทงเข้าที่แขน จนดาบที่ถือมิมั่นคงร่วงลงไปที่พื้นจ้าวซวนเห็นว่าที่หน้าอกของเซียวหลินเทียนมีเลือดซึมออกมาก็เข้าไปรับร่างเซียวหลินเทียนไว้อย่างตกใจแล้วลากเขาไปด้านหลังพวกองครักษ์คนอื่น ๆ ก็วิ่งมาป้องกันเซียวหลินเทียนไว้“ฝ่าบาท ช่วยด้วยเพคะ!”ดูเหมือนว่าเสียงการต่อสู้จะปลุกให้จ้าวเจินเจินที่ “สลบ” อยู่ฟื้นขึ้นมาแล้ว จ้าวเจินเจินลืมตาขึ้นมาก็ถูกมือสังหารลากไปข้างหลังจึงตกใจหน้าถอดสีแล้วกรีดร้องออกมาเซียวหลินเทียนพูดมิออกเลย ที่หน้าอกของเขายังมีกริชเล่มนั้นคาอยู่ และกริชก็อาบยาพิษ พิษนั้นแล่นเข้าจู่โจมที่หัวใจทันทีเซียวหลินเทียนจ้องมองมือสังหารกับจ้าวเจินเจินที่อยู่ตรงหน้า เขามิแน่ใจว่าจ้าวเจ
ในขณะที่นางกำลังตามซุ่ยเอ๋อร์ไปก็ได้ยินเสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวราวกับฟ้าผ่าของจ้าวซวนดังมา “ตามพระชายาองค์รัชทายาทมาช่วยเร็วเข้า… องค์จักรพรรดิถูกลอบสังหาร...”ว่ากระไรนะ?หลิงอวี๋ตกใจ เซียวหลินเทียนถูกลอบสังหารหรือ?จ้าวซวนตะโกนอย่างสุดกำลังเช่นนี้ หรือว่าจะอยู่ในจุดที่อันตรายมาก?“พระชายา รีบไปช่วยนายน้อยเถิดเพคะ! นายน้อยสำลักน้ำไปมาก มิรู้ว่าจะยังช่วยได้หรือไม่!”ดูเหมือนว่าซุ่ยเอ๋อร์จะร้อนใจมาก นางร้องไห้พลางดึงแขนเสื้อของหลิงอวี๋ไว้แล้วจะลากนางไปทางหนึ่งก็เซียวหลินเทียน ทางหนึ่งก็เซียวเยวี่ย หลิงอวี๋ลำบากใจในทุกทางในขณะที่หลิงอวี๋เตรียมจะไปดูเซียวเยวี่ยก่อนก็มิรู้ว่าพระชายาเส้าโผล่มาตอนไหนแล้วก็เอ่ยเตือนนาง“พระชายาองค์รัชทายาท เจ้ารีบไปช่วยเซียวเยวี่ยเถิด! ทางด้านองค์จักรพรรดิมีองครักษ์อยู่มิน้อย ในวังก็ยังมีกองทัพหลวงอยู่อีกมาก พวกเขาสามารถปกป้ององค์จักรพรรดิได้!”“เซียวเยวี่ยยังเด็ก เด็กน้อยจมน้ำหากไปช่วยเหลือมิทันการหากมิรุนแรงก็จะกลายเป็นซื่อบื้อเอาได้ แต่หากรุนแรงก็อาจถึงตาย! หากเจ้ามิอยากเสียใจไปตลอดชีวิตก็รีบไปช่วยเยวี่ยเยวี่ยเถิด!”หลิงอวี๋ได้ยินดังนั้นก็รีบ
จ้าวเจินเจินรู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันที มิอาจเชื่อคำพูดของมือสังหารได้เลย“การตายของข้าเป็นสิ่งที่มิอาจทำตามใจของตนเองได้ แต่น่าสงสารที่เจ้ากลับถูกพ่อของเจ้าเองเป็นคนสั่งให้สังหาร!”มือสังหารหัวเราะอย่างเย็นชา พลางเอ่ยอย่างใจร้าย “หลังจากที่เจ้ากลายเป็นผีแล้ว หากจะแค้นก็แค้นที่เจ้ามิควรเกิดมาในตระกูลจ้าวแล้วกัน!”หลังจากพูดจบ มือสังหารก็เอาดาบปาดคอจ้าวเจินเจินอย่างโหดร้ายเลือดจำนวนมากพุ่งกระฉูดออกมาในทันที จ้าวเจินเจินเห็นเลือดสด ๆ พุ่งกระจายไปในอากาศ จากนั้นก็สาดกระเซ็นมาบนใบหน้าของตนมีเลือดบางส่วนกระเซ๋นเข้ามาในตาจนทำให้ตาของนางเป็นสีแดงฉานตอนนี้นางเชื่อคำพูดของมือสังหารแล้ว!หากไม่มีคำสั่งของท่านพ่อ มือสังหารที่ตระกูลของตนส่งมาจะอาจหาญสังหารตนถึงเพียงนี้ได้เช่นไรกัน!แม้แต่ในความฝันจ้าวเจินเจินก็คิดมิถึงเลยว่า ตนจะมีจุดจบเช่นนี้ได้!นางมิได้ตายด้วยน้ำมือของหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียน แต่ตายด้วยน้ำมือของพ่อตัวเอง!หึ!ช่างน่าขันที่ตนยังคงมาช่วยท่านพ่อกับองค์ชายคังถ่วงเวลาเซียวหลินเทียนไว้อย่างยินดีเช่นนี้ที่แท้แล้วเรื่องนี้ล้วนเป็นข้ออ้างทั้งสิ้น!เป้าหมายของพวกเขามิใช่เพ
“ถ่ายทอดคำพูดของข้าออกไปให้ผู้ดูแลงานในแต่ละฝ่ายดูแลงานของตนให้ดี หากมีเรื่องอะไรก็จัดการเองเลย หากไม่มีความสามารถที่จะจัดการได้ก็ให้เปลี่ยนเป็นคนที่ทำได้จัดการแทนเสีย!”หลิงอวี๋ออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดทันทีชีวิตของเซียวหลินเทียนอยู่ในความเสี่ยง แต่ละคนกลับคิดจะมาขัดขวางตนมิให้ช่วยเซียวหลินเทียน เช่นนั้นก็มาดูกันว่าผู้ใดที่รั้นจะทำเช่นนั้น!แม้ว่านางหลิงอวี๋จะต้องเข่นฆ่าสังหารก็จะไม่มีทางยอมอ่อนข้อเช่นกัน!คืนนี้ ต่อให้ฟ้าถล่มแผ่นดินทลายก็มิอาจขัดขวางตนมิให้ช่วยเหลือเซียวหลินเทียนได้เทพเจ้าขวางก็จะสังหารเทพเจ้า! พระขัดขวางก็จะสังหารพระ!จักรพรรดิองค์ใหม่ถูกลอบสังหารภายในวังข่าวนี้แพร่กระจายไปในวังหลวงทันที และก็ไปถึงหูไทเฮาด้วยเช่นกันไทเฮาโกรธจนตัวสั่นพลางเอ่ยออกมา “ดี ดีจริง ๆ… ลูกของข้าเพิ่งตายไปมิทันไรก็มีคนคิดจะสังหารเทียนเอ๋อร์เสียแล้ว!”“เพื่อตำแหน่งมังกรนี้ พวกเขามิต้องการกระทั่งแผ่นดินของตระกูลเซียวเลยหรือ?”“ไปตรวจสอบ ตรวจให้เข้มงวด หาให้เจอว่าผู้ใดเป็นคนบ่งการ ข้าต้องการหัวทั้งตระกูลของมันผู้นั้น!”ยังมิทันที่หลิงอวี๋จะส่งคนมาเชิญ ไทเฮาก็มาจัดการสถานการณ์โดยรวมด้ว
องค์ชายคังแอบหงุดหงิด เขามิได้เสียใจกับการตายของจ้าวเจินเจินเสียหน่อย!ในตอนที่วางการจะลอบสังหารเซียวหลินเทียน พระชายาเส้าบอกกับเขาแล้วว่าจะสังหารจ้าวเจินเจินไปด้วย ตอนนั้นองค์ชายคังฟังแล้วก็ตะลึงไปแต่หลังจากนั้นก็ได้ยินพระชายาเส้าบอกว่า จ้าวเจินเจินเป็นคนที่ดึงชีวิตสามีให้ตกต่ำ เมื่อนึกเชื่อมโยงดูตั้งแต่ตนเองแต่งงานให้นางเข้ามาเป็นพระชายาก็มิเคยราบรื่นเลยความรู้สึกเพียงเล็กน้อยที่เดิมทีองค์ชายคังมีต่อจ้าวเจินเจินจึงหายวับไปในทันทีคนผู้หนึ่งที่มิสามารถช่วยเหลือเรื่องอนาคตของตนได้เลยแม้แต่น้อย ตายไปจะมีอะไรต้องเสียดายเล่า!ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวฮุยก็สัญญาแล้วว่าจะให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่งดงามราวเทพธิดาแห่งตระกูลจ้าวมาหมั้นหมายกับตนองค์ชายคังเห็นว่า จ้าวฮุยเองก็ทอดทิ้งจ้าวเจินเจินแล้วเช่นนั้นตนยังจะมีอะไรต้องทำใจมิได้อีกเล่า“ไทเฮา ให้องค์ชายคังอยู่ช่วยในวังเถิดพ่ะย่ะค่ะ! ตอนนี้องค์จักรพรรดิสูงสุดเพิ่งจะเสด็จสวรรคตไป ทางด้านชายแดนในแคว้นอื่น ๆ ต่างกำลังจับจ้องอยู่พ่ะย่ะค่ะ”“นี่หากว่ามีเรื่องด่วนอันใดขึ้นมา องค์จักรพรรดิเองก็… มิสะดวกเช่นนี้ องค์ชายคังก็สามารถช่วยจัดการได้พ่ะย่ะค่ะ!
จ้าวฮุยยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด จึงเอ่ยไปอย่างโมโห“องค์ชายคัง มือสังหารที่กระหม่อมส่งไปสามารถแทงไปตรงหัวใจของเซียวหลินเทียนได้ในการแทงครั้งเดียว อีกทั้งกริชนั้นก็อาบยาพิษไว้ด้วย คนของกระหม่อมทำภารกิจที่นางควรทำสำเร็จได้อย่างยอดเยี่ยมแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“หากมิใช่เพราะพวกท่านไร้ความสามารถ มิอาจถ่วงเวลาหลิงอวี๋เอาไว้ได้ เวลานี้เซียวหลินเทียนก็กลายเป็นศพไปแล้ว!”“ความพลาดพลั้งในตอนนี้ท่านมิมองความผิดพลาดของตนทั้งยังตำหนิว่ากระหม่อมทำงานมิได้เรื่อง เช่นนั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อมิพอใจที่กระหม่อมทำงานได้มิเท่าที่ท่านต้องการ คราวต่อไปท่านก็หามือสังหารที่เชื่อถือได้ด้วยตนเองเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”หลังจากพูดจบ จ้าวฮุยก็สะบัดแขนเสื้อเดินไปอย่างโมโหสีหน้าองค์ชายคังเปลี่ยนไปในทันใดและมิพอใจจ้าวฮุยเป็นอย่างมากเช่นกันแต่ตนยังคงต้องการจ้าวฮุยอยู่ จึงทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้องค์ชายคังรีบก้าวตามติดจ้าวฮุยไป พลางเอ่ยยิ้ม ๆ “อัครเสนาบดีจ้าว ข้าเองก็ร้อนใจเช่นกัน มิได้จะตำหนิท่านเลย!”“เห็นกันอยู่แท้ ๆ ว่าไม่มีทางผิดพลาดแน่ เหตุใดจึงพลาดได้เล่า!”จ้าวฮุยหน้านิ่งมิพูดจา ยังคงโกรธองค์ชายคังอยู่องค์ชายคังเอ่
หลิงอวี๋ได้ทำการผ่าตัดให้เซียวหลินเทียนเสร็จสิ้นไปสองชั่วยามแล้วที่ด้านนอก ไทเฮา จ้าวซวนและพวกของหลี่ว์เซียงล้วนมารอกันอยู่อย่างใจจดใจจ่อหากเซียวหลินเทียนตายไป เช่นนั้นพรรคพวกขององค์ชายคังก็จะต้องยึดครองราชสำนัก แล้วพวกเขาทุกคนก็จะต้องจบสิ้นอันเจ๋อกับเผยอวี้ได้ข่าวก็รีบมาเช่นกัน อันเจ๋อสีหน้ามิสู้ดีนัก เซียวหลินเทียนเพิ่งเป็นจักรพรรดิได้เพียงมิกี่วันก็มีคนลอบสังหารเขาในวังแล้วนี่เป็นการยั่วยุพวกเขาทั้งนั้น!เผยอวี้ก็หงุดหงิดเช่นกัน คราก่อนองค์ชายเว่ยก่อกบฏ เขากับเซียวหลินเทียนได้กำจัดพวกสายสืบในวังไปรอบหนึ่งแล้ว มิคาดคิดเลยว่าจะยังมีเล็ดลอดอยู่ตอนที่เขาเข้ามาก็ไปหาแม่ทัพสือราชองครักษ์แห่งกองทัพหลวงมาแล้ว แม่ทัพสือได้ทำการตรวจสอบแล้วว่ามือสังหารสองคนนั้นปลอมตัวเป็นนางรับใช้แฝงตัวเข้ามาในวังสองวันมานี้ในวังมีภรรยาของเหล่าขุนนางมาเคารพพระบรมศพ และพวกนางทุกคนได้รับอนุญาตให้พานางรับใช้หนึ่งคนตามเข้าวังมาด้วยนางรับใช้ทุกคนจะมีป้ายแขวนเอวแบบพิเศษ หลังจากเฝ้าพระบรมศพเสร็จสิ้นแล้วป้ายแขวนเอวจะใช้การมิได้อีกแต่แม่ทัพสือตรวจสอบอยู่นานก็มิรู้ว่าผู้ใดที่พานางรับใช้สองคนนี้เข้ามาป
แน่นอนว่าพระชายาเส้ารู้ว่าไทเฮาหมายถึงตน แต่ในเมื่อไทเฮามิได้เอ่ยนามออกมาอย่างชัดเจนแล้วนางจะกระโดดออกไปยอมรับเองได้หรือ?“พระชายาองค์รัชทายาทเหนื่อยแย่เลยนะ!”พระชายาเส้าใช้ผ้าเช็ดน้ำตาที่อาจจะมีอยู่ที่หางตา พลางเอ่ยอย่างเอาอกเอาใจ “ไทเฮาเพคะ หม่อมฉันอยู่กับไทเฮานะเพคะ! หม่อมฉันคุ้นเคยเรื่องการจัดการภายในวัง คงจะพอช่วยเหลือไทเฮาได้บ้าง!”ไทเฮามิได้คัดค้าน ให้พระชายาเส้าอยู่ข้างกายตนไว้ก็พลอยหลีกเลี่ยงที่นางจะมีเวลาไปก่อปัญหาได้ด้วยหลิงอวี๋กลับเข้าไปในห้อง นางให้น้ำเกลือเซียวหลินเทียนเพื่อขจัดสารพิษในร่างกายของเขาองครักษ์หลายคนที่มีกลุ่มเลือดเดียวกับเซียวหลินเทียนต่างก็มาให้เลือดกับเซียวหลินเทียนหลังจากที่หลิงอวี๋ให้น้ำเกลือเสร็จก็ลองใช้พลังวิญญาณที่ตนได้ฝึกฝนมาทำการรักษาบาดแผลให้เซียวหลินเทียนหลังจากที่ขันทีโม่แนะนำมา พลังของหลิงอวี๋ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วขันทีโม่บอกว่า พลังวิญญาณแบ่งระดับไปตามสี มีอยู่เจ็ดระดับคือสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีน้ำเงินและสีม่วง สียิ่งเข้มเท่าไรก็หมายความว่ายิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นหลิงอวี๋ได้ฝึกฝนมาจนถึงระดับต้นของสีฟ้าแล้ว นี่เท่
เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ทั้งโกรธทั้งโมโห ก่อนหน้านี้ที่หานเหมยบอกมิได้ละเอียดถึงเพียงนี้ และหานเหมยก็มิเคยบอกด้วยว่าใบหน้าของหลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกรีดจนเป็นแผลความทรงจำของหานเหมยสูญหายไปบางส่วน ซึ่งนี่ก็คือผลกระทบที่ได้มาจากการถูกผนึก ดังนั้นจะโทษหานเหมยก็มิได้เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี๋สูญเสียวรยุทธ์ไป ทั้งยังถูกเสวี่ยเหมยกลั่นแกล้งอีก เซียวหลินเทียนก็คิดเพียงอยากจะแทงเสวี่ยเหมยและลิ่งหูหลินผู้นั้นให้ตายไปเสียส่วนเรื่องที่หวงฝู่หลินรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมนั้น เซียวหลินเทียนมิได้คิดเป็นจริงเป็นจังอะไร เขาหรือจะมิรู้ว่าหวงฝู่หลินไม่มีทางรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมจริง ๆ หรอก“ท่านเจ้าวังของเราให้ป้าวเฉิงไปตามหาหลิงอวี๋ เพราะต้องการจะขอตำรับยาที่นางมีอยู่ในมือ มิใช่เพราะต้องการจะทำให้นางลำบาก!”ปี้ซงอธิบายทุกสิ่งออกมาอย่างชัดเจนแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้สึกว่าเขาไม่มีทางพูดความจริงออกมาทั้งหมด แต่ก็ยังเชื่อไปกว่าครึ่งอยู่ดีหลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่า ในเมื่อหวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยจับตัวไป และเสวี่ยเหมยก็เป็นผู้ร้ายที่ลักพาตัวหลิงอวี๋ไปด้วย เช่นนั้นก
ใบหน้าหล่อเหลาของเซียวหลินเทียนมีความเศร้าอยู่จาง ๆ เขายืนอยู่บนบันได ซากปรักหักพังด้านหลังเหล่านั้น เมื่ออยู่ภายใต้แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ยามเย็นก็ทำให้เห็นความหดหู่และโดดเดี่ยวอย่างชัดเจนแต่แสงของดวงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องลงมาบนตัวของเซียวหลินเทียนนั้น ทำให้เขาดูเหมือนมีแสงสีทองระยิบระยับอยู่ทั้งที่เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาก็ยังเป็นคนเดิม แต่กลับดูราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำให้มิอาจมองเขาตรง ๆ ได้!ทันใดนั้นหวงฝู่หลินก็รู้สึกถึงความรู้สึกกดดันที่มิเคยมีมาก่อนจู่ ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ว่า ในภายภาคหน้าพลังของเซียวหลินเทียนจะประสบความสำเร็จ จะต้องอยู่เหนือไปกว่าของตนมาก และอยู่เหนือกว่าบรรดายอดฝีมือในแดนเทพอย่างแน่นอน!เหนือกว่าแม้กระทั่งหลงอี้ด้วย...เซียวหลินเทียนมองไปไกล ๆ แล้วนึกฉากเมื่อครู่เหวินเหรินจิ้นพาเขาเข้าไป และมิเพียงแต่มอบรายชื่อบรรดาศิษย์ของตำหนักปีกเงินให้ตนเท่านั้น แต่ยังมอบเงินทั้งหมดที่ตำหนักปีกเงินเก็บไว้หลายปีให้ตนด้วยนอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มหาปราชญ์ต้องการอย่างหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยสุดท้ายเหวินเหรินจิ้นก็ยังพยายามถ่ายพ
หวงฝู่หลินมองเหวินเหรินจิ้นด้วยความสงสาร จากนั้นก็ประคองเขานั่งขึ้นมา แล้วเอ่ยไปอย่างเรียบ ๆ “เจ้าคงมิอยากจากไปโดยที่มิได้ทิ้งคำพูดอะไรไว้แน่!”“ต่อให้ยานั้นจะล้ำค่ามากเพียงใด ก็มิล้ำค่าเท่ากับเจ้า...พูดมาเถิด ยังมีความปรารถนาใดอีกที่เจ้ายังมิสมหวัง ขอเพียงข้าสามารถทำได้ ข้าก็จะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน!”หวงฝู่หลินคิดเช่นนั้นจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงป้อนโอสถช่วยชีวิตอันล้ำค่าที่ตนสกัดอย่างพิถีพิถันให้กับเหวินเหรินจิ้น เขามิอยากให้สหายผู้นี้ตายตามิหลับเหวินเหรินจิ้นมองหลานชายที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ แล้วหวงฝู่หลินก็เข้าใจทันที “ข้าจะให้คนดูแลเขาเอง!”เหวินเหรินจิ้นจึงฝืนยิ้มออกมา “ให้เขาเติบโตอย่างเรียบง่าย ลืมตระกูลนี้ไปเสีย และลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ประสบไปให้หมด!”“ได้!”หวงฝู่หลินมิได้พูดอะไรมาก แต่เหวินเหรินจิ้นรู้ว่า เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น จึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ“ข้าขอฝากตำหนักปีกเงินไว้กับเจ้า...ข้าได้คำนวณชะตาไว้แล้วว่าจะมีภัยพิบัติเช่นนี้ ข้าจึงแสร้งป่วยแล้วให้ลูกศิษย์ของตำหนักทั้งหมดกระจายกันออกไป...”“แต่ข้ามิวางใจ ข้ากังวลว่า หากมหาปราชญ์หาหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์มิเจอ แล้วจะ
เผยอวี้เห็นว่าหวงฝู่หลินหน้าซีดเซียว ดูท่าทางเหมือนจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจึงมิรีรอแล้วคุกเข่าลงไป จากนั้นก็ยัดลำไส้ของเสือดาวหิมะกลับตามคำชี้แนะของหวงฝู่หลินแล้วหวงฝู่หลินก็นำเครื่องยาสมุนไพรและเข็มกับด้ายออกมาจากแหวนพระสุเมรุ จากนั้นเขาก็ส่งเข็มกับด้ายให้เผยอวี้ “ช่วยเย็บแผลให้มันที!”เผยอวี้ตะลึงไปทันที เขาจับมีดจับกระบี่ได้ แต่เขาใช้เข็มกับด้ายมิเป็น!เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนที่ตนพิชิตกระบี่คุนอู๋ ก็เคยบาดมือมาก่อน แต่เมื่อฝ่ามือของเขาจับที่กระบี่คุนอู๋ ก็รักษาตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะใช้กระบี่คุนอู๋รักษาเสือดาวหิมะหรือไม่!เขาเข้าใจหลักการที่ว่า ทรัพย์สมบัติมิควรเปิดเผยออกมา หากว่าในวันนี้มิใช่สถานการณ์วิกฤต เขาก็ไม่มีทางนำกระบี่คุนอู๋ออกมาแน่แต่ตอนนี้มหาปราชญ์รู้แล้วว่า กระบี่คุนอู๋อยู่ในมือของตน มันจะต้องนำความยุ่งยากมาหาตนมิจบสิ้น เช่นเดียวกับหยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋อย่างแน่นอน!หากเปิดเผยเรื่องที่กระบี่คุนอู๋สามารถรักษาบาดแผลได้ไปอีก เช่นนั้นจะมิยิ่งทำให้คนสนใจมากขึ้นหรือ?แต่เมื่อเซียวหลินเที
“ท่านเจ้าวัง!”ปี้ซงเห็นว่าหวงฝู่หลินไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะสู้กลับแล้ว เขาจึงร้องเรียกออกมาอย่างเจ็บปวดจากนั้นเขาก็เหาะเข้าไปหาโดยมิสนใจภัยคุกคามของมือสังหาร แต่เซียวหลินเทียนที่อยู่ข้างกายเขาเร็วกว่า เหาะพุ่งเข้าไปแล้วในช่วงเวลานี้ เซียวหลินเทียนก็มิกลัวที่จะเปิดเผยสมบัติของตนอีกต่อไปแล้ว เขานำกระบี่คุนอู๋ออกมาจากแหวนพระสุเมรุแล้วฟาดไปในอากาศเป็นวงโค้ง...แสงสีขาวลงมาจากท้องฟ้า มหาปราชญ์หันหลังให้เซียวหลินเทียนอยู่จึงมิเห็นแสงนั้น ทว่าหวงฝู่หลินกลับมองเห็นเห็นแสงสีขาวนั้นพุ่งลงมาใส่แขนของมหาปราชญ์ราวกับสายฟ้า ด้วยพลังที่มิอาจต้านทานได้ในตอนที่มหาปราชญ์รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นนั้น เขาก็ได้เห็นแขนครึ่งหนึ่งของตนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างน่าตกใจ หลังจากนั้นเลือดจากบาดแผลที่แขนขาดไปก็ไหลออกมา“กระบี่คุนอู๋… เจ้าเป็นใคร?”มหาปราชญ์เซถอยหลังไป และในแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและยากที่จะเชื่อ“คนที่จะเอาชีวิตเจ้า!”นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนใช้กระบี่คุนอู๋ เขามิคาดคิดเลยว่า กระบี่คุนอู๋จะทรงพลังเช่นนี้ ปราณแห่งกระบี่ที่ฟาดออกมาสามารถตัดแขนของมหาปราชญ์ได้ความมั่
ครั้งนี้แม้หวงฝู่หลินอยากจะฝืนก็ฝืนมิอยู่ เลือดสด ๆ พุ่งออกมาจากปากของเขา“หวงฝู่หลิน สวรรค์มีเส้นทางให้เจ้าไปแต่เจ้ามิไป นรกไม่มีประตูแต่เจ้าก็ยังจะบุกเข้ามา!”“ข้ากำลังคิดจะไปยึดวังเทพของเจ้าด้วยตัวข้าเองอยู่แล้วเชียว แต่เจ้าก็มาหาถึงที่ พอดีเสียจริง ข้าก็มิต้องลำบากไปที่นั่น เอาชีวิตเข้ามาเสีย!”มหาปราชญ์เหาะลงมา และยกมือขึ้นโจมตีไปที่หน้าอกของหวงฝู่หลินทางด้านเซียวหลินเทียนก็กำลังต่อสู้กับพวกมือสังหารอยู่ เมื่อเห็นภาพนี้ก็มิอาจแยกตัวออกไปได้ จึงมิสามารถช่วยเหลือได้ทันเวลาส่วนปี้ซงที่ได้รับบาดเจ็บไปแล้วก็ถูกพวกมือสังหารขวางทางอยู่เช่นกันเสือดาวหิมะและหวงฝู่หลินสื่อสารกันด้วยพลังจิต เมื่อมันรู้สึกได้ว่าเจ้านายกำลังเดือดร้อน มันก็คำรามออกมา จากนั้นก็บินเข้าไป และพุ่งเข้าใส่มหาปราชญ์ทันทีเสือดำที่ตามมาติด ๆ ก็ใช้โอกาสนี้กระโจนเข้าใส่หลังของเสือดาวหิมะ แล้วกัดเนื้อของเสือดาวหิมะเข้าไปคำใหญ่เสือดาวหิมะมิสนใจความเจ็บปวดแล้วกระโจมเข้าไป มหาปราชญ์จึงมิทันได้จัดการกับหวงฝู่หลิน แล้วต้องหันไปจัดการกับเสือดาวหิมะแทนแต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว เสือดาวหิมะกระชากเสื้อคลุมของมหาปราชญ์ออก
เซียวหลินเทียน ปี้ซงและเผยอวี้กำลังต่อสู้อยู่กับพวกบุรุษชุดดำ ก็พลันรู้สึกว่ารอบ ๆ ตัวมีลมพัดอย่างแรง และใบไม้เหล่านั้นก็พัดมาทางหัวพวกเขาสนามแม่เหล็กที่มีพลังมหาศาลนั้นสั่นสะเทือนไปจนทั่วบริเวณเซียวหลินเทียนรีบมองไปทันที แล้วก็เห็นว่าพลังลมแห่งการปะทะกันของหวงฝู่หลินกับฝูหยางกลางอากาศนั้น เป็นแสงสีเขียวและสีน้ำเงินเกี่ยวพันกันไปมา แยกมิออกว่าใครเป็นใครเมื่อครู่ฝูหยางเรียกชื่อของหวงฝู่หลินออกมา เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินดังนั้น เขาก็เข้าใจขึ้นมาในทันที ที่แท้บุรุษชุดขาวที่ดูราวกับเซียนผู้นี้ก็คือ เจ้าวังหวงฝู่แห่งวังเทพบนภูเขาหิมะนี่เองก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยถูกเขาขังอยู่ที่วังเทพเซียวหลินเทียนไม่มีเวลาที่จะตำหนิหวงฝู่หลินแล้ว การโจมตีรุนแรงของพวกบุรุษชุดดำทำให้เขามิสามารถรับมือได้เซียวหลินเทียนยังต้องดูแลเผยอวี้ที่มีพลังมิสูงด้วย เขาจึงเหลือบมองไปแล้วพยายามจัดการกับพวกมือสังหารอย่างเต็มที่นับตั้งแต่ที่เซียวหลินเทียนได้กระบี่คุนอู๋มา และได้เรียนรู้วิชากระบี่จากลวดลายบนกระบี่มาระยะหนึ่งแล้ว วรยุทธ์ของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างมากเขายกกระบี่ขึ้นมาพร้อมใช้วิชากระบี่คุนอู๋ เขาได้เปร
เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นว่า เด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเซียวเยวี่ยผู้นั้นร้องไห้ออกมาปานจะขาดใจในชั่วขณะนี้เซียวหลินเทียนก็คิดถึงเซียวเยวี่ยมาก เขาออกมานานมากจนแทบจะจำมิได้แล้วว่าเซียวเยวี่ยหน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อเขาเห็นเด็กผู้นั้น เซียวหลินเทียนก็เกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาทันที“ท่าน พวกเราเข้าไปช่วยเขาเถิด!”เซียวหลินเทียนพูดยังมิทันขาดคำ ก็ได้ยินเสียงตะโกนขึ้นมา “ใคร?”จากนั้นก็มีบุรุษชุดดำหลายคนวิ่งกรูกันออกมา พร้อมกับเล็งดาบมาที่เซียวหลินเทียนกับหวงฝู่หลิน“พวกเจ้าเป็นใคร?”บุรุษชุดดำที่เป็นผู้นำตะโกนออกมาด้วยความโกรธหวงฝู่หลินจึงยิ้มเยาะ “พวกเจ้าหรือที่ทำลายตำหนักปีกเงินของสหายข้า? ใครเป็นคนวางเพลิง?”“ฮ่าฮ่าฮ่า!”บุรุษชุดดำที่เป็นผู้นำคนนั้นตะลึงไปทันที จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับรู้สึกว่า คำถามของหวงฝู่หลินนั้นแปลกมากความตายจะมาเยือนอยู่แล้ว ยังจะเป็นห่วงอีกว่าใครเป็นคนวางเพลิง คนผู้นี้สมองมีปัญหาหรือไร!“อย่าไปคุยกับเขาให้มากความ สังหารไปเสีย!”ฝูหยางที่อยู่ข้างในตะคอกออกมาอย่างรำคาญ “ตาเฒ่าน่ารังเกียจ เจ้าจะนำออกมาให้หรือไม่ หนึ่ง… สอง…”พวกบุร
หวงฝู่หลินก็มิได้ใส่ใจ เขาค่อนข้างมิพอใจที่เซียวหลินเทียนตามติดตนมาราวกับกอเอี๊ยะที่เหนียวแน่นเช่นนี้ เขาจึงเร่งฝีเท้าขึ้นอีก แต่พลังของปี้ซงมิเท่าพลังของเขา ดังนั้นในเวลามินานเซียวหลินเทียนก็ตามมาทันแล้วใบหน้าของหวงฝู่หลินดูหม่นหมองลง และกำลังคิดว่าจะสังหารเซียวหลินเทียนดีหรือไม่ แต่แล้วเขาได้ยินเสียงแปลก ๆ… มันคือเสียงการต่อสู้ด้วยอาวุธนั่นเองดวงตาของหวงฝู่หลินดุร้ายขึ้นมาทันที และรีบขึ้นไปบนภูเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาขึ้นไปถึงครึ่งทางภูเขา เขาก็เห็นควันหนา ๆ พวยพุ่งออกมาจากตำหนักปีกเงินที่อยู่บนยอดเขานั้นเกิดเรื่องขึ้นแล้ว!หวงฝู่หลินก็ยิ่งร้อนใจ เหตุผลหลักที่เขาเลือกที่จะมาขอความช่วยเหลือจากตำหนักปีกเงินนั้น ก็เพราะว่าเหวินเหรินจิ้นเจ้าตำหนักปีกเงิน คือหนึ่งในสหายสนิทที่มีเพียงมิกี่คนของเขาและเช่นเดียวกับหวงฝู่หลิน ตำหนักปีกเงินแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ตระกูลเหวินเหรินอาศัยอยู่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว หวงฝู่หลินมิอนุญาตให้ผู้ใดทำลายวังเทพของตน แล้วเหวินเหรินจิ้นจะยอมให้ใครมาทำลายตำหนักปีกเงินของเขาได้อย่างไรกัน!หรือว่าเหวินเหรินจิ้นจะตกอยู่ในอันตราย?หวงฝู่หลินเร่งฝีเท้า แล้วเดิ