หลิงอวี๋ได้ทำการผ่าตัดให้เซียวหลินเทียนเสร็จสิ้นไปสองชั่วยามแล้วที่ด้านนอก ไทเฮา จ้าวซวนและพวกของหลี่ว์เซียงล้วนมารอกันอยู่อย่างใจจดใจจ่อหากเซียวหลินเทียนตายไป เช่นนั้นพรรคพวกขององค์ชายคังก็จะต้องยึดครองราชสำนัก แล้วพวกเขาทุกคนก็จะต้องจบสิ้นอันเจ๋อกับเผยอวี้ได้ข่าวก็รีบมาเช่นกัน อันเจ๋อสีหน้ามิสู้ดีนัก เซียวหลินเทียนเพิ่งเป็นจักรพรรดิได้เพียงมิกี่วันก็มีคนลอบสังหารเขาในวังแล้วนี่เป็นการยั่วยุพวกเขาทั้งนั้น!เผยอวี้ก็หงุดหงิดเช่นกัน คราก่อนองค์ชายเว่ยก่อกบฏ เขากับเซียวหลินเทียนได้กำจัดพวกสายสืบในวังไปรอบหนึ่งแล้ว มิคาดคิดเลยว่าจะยังมีเล็ดลอดอยู่ตอนที่เขาเข้ามาก็ไปหาแม่ทัพสือราชองครักษ์แห่งกองทัพหลวงมาแล้ว แม่ทัพสือได้ทำการตรวจสอบแล้วว่ามือสังหารสองคนนั้นปลอมตัวเป็นนางรับใช้แฝงตัวเข้ามาในวังสองวันมานี้ในวังมีภรรยาของเหล่าขุนนางมาเคารพพระบรมศพ และพวกนางทุกคนได้รับอนุญาตให้พานางรับใช้หนึ่งคนตามเข้าวังมาด้วยนางรับใช้ทุกคนจะมีป้ายแขวนเอวแบบพิเศษ หลังจากเฝ้าพระบรมศพเสร็จสิ้นแล้วป้ายแขวนเอวจะใช้การมิได้อีกแต่แม่ทัพสือตรวจสอบอยู่นานก็มิรู้ว่าผู้ใดที่พานางรับใช้สองคนนี้เข้ามาป
แน่นอนว่าพระชายาเส้ารู้ว่าไทเฮาหมายถึงตน แต่ในเมื่อไทเฮามิได้เอ่ยนามออกมาอย่างชัดเจนแล้วนางจะกระโดดออกไปยอมรับเองได้หรือ?“พระชายาองค์รัชทายาทเหนื่อยแย่เลยนะ!”พระชายาเส้าใช้ผ้าเช็ดน้ำตาที่อาจจะมีอยู่ที่หางตา พลางเอ่ยอย่างเอาอกเอาใจ “ไทเฮาเพคะ หม่อมฉันอยู่กับไทเฮานะเพคะ! หม่อมฉันคุ้นเคยเรื่องการจัดการภายในวัง คงจะพอช่วยเหลือไทเฮาได้บ้าง!”ไทเฮามิได้คัดค้าน ให้พระชายาเส้าอยู่ข้างกายตนไว้ก็พลอยหลีกเลี่ยงที่นางจะมีเวลาไปก่อปัญหาได้ด้วยหลิงอวี๋กลับเข้าไปในห้อง นางให้น้ำเกลือเซียวหลินเทียนเพื่อขจัดสารพิษในร่างกายของเขาองครักษ์หลายคนที่มีกลุ่มเลือดเดียวกับเซียวหลินเทียนต่างก็มาให้เลือดกับเซียวหลินเทียนหลังจากที่หลิงอวี๋ให้น้ำเกลือเสร็จก็ลองใช้พลังวิญญาณที่ตนได้ฝึกฝนมาทำการรักษาบาดแผลให้เซียวหลินเทียนหลังจากที่ขันทีโม่แนะนำมา พลังของหลิงอวี๋ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วขันทีโม่บอกว่า พลังวิญญาณแบ่งระดับไปตามสี มีอยู่เจ็ดระดับคือสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีน้ำเงินและสีม่วง สียิ่งเข้มเท่าไรก็หมายความว่ายิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นหลิงอวี๋ได้ฝึกฝนมาจนถึงระดับต้นของสีฟ้าแล้ว นี่เท่
“อาอวี๋!”เซียวหลินเทียนยื่นมือออกไปดึงหลิงอวี๋เบา ๆหลิงอวี๋ตื่นขึ้นมาก็เห็นว่าเซียวหลินเทียนมองตนอยู่ก็โล่งอก “ท่านฟื้นแล้ว!”“อืม เจ้าขึ้นมานอนสักหน่อยสิ!”เซียวหลินเทียนขยับเข้าไปด้านใน แม้ว่าทันทีที่ขยับตัวจะทำให้บาดแผลของตนเจ็บขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็มิได้เกินทน“ทักษะการแพทย์ของเจ้านับวันก็ยิ่งดีขึ้น ข้าบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ เพียงมินานก็รู้สึกว่ามิเจ็บแล้ว!”เซียวหลินเทียนอดมิได้ที่จะเอ่ยชมออกไป“นี่มิใช่เพราะทักษะการแพทย์ยอดเยี่ยมหรอกเพคะ แต่เป็นผลของพลังวิญญาณกับยาอายุวัฒนะเพคะ!”หลิงอวี๋นั่งอยู่จนปวดหลัง แต่ก็มิอยากจะไปนอนกับเซียวหลินเทียนเรื่องฉินรั่วซือทำให้ใจของนางมีกำแพงกับเซียวหลินเทียน การขึ้นไปนอนด้วยกันจะมิได้หมายความว่าให้อภัยเซียวหลินเทียนแล้วหรอกหรือ?นางยังมิได้ใจกว้างเช่นนั้นหรอก!หลายวันมานี้แม้ว่าหลิงอวี๋จะช่วยเซียวหลินเทียนจัดการดูแลวังหลัง แต่นั่นก็เป็นเพราะจำใจต้องทำ มิได้หมายความว่าหลิงอวี๋ให้อภัยเซียวหลินเทียนแล้วหากทั้งสองคนอยู่ด้วยกันก็ต้องเป็นต่างฝ่ายต่างมอบให้กัน แล้วเขาเซียวหลินเทียนได้ทำสิ่งใดเพื่อตนเองและเยวี่ยเยวี่ยบ้างเล่า?เมื่อครู่พ
หลิงอวี๋เล่าให้เซียวหลินเทียนฟังว่า ตอนนั้นจ้าวซวนมาขอความช่วยเหลือ เรื่องที่ซุ่ยเอ๋อร์หลอกตนให้ไปช่วยเซียวเยวี่ยเซียวหลินเทียนได้ฟังดังนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลซึมออกมา เรื่องราวในตอนนั้นอันตรายเช่นนี้ หากหลิงอวี๋จดจ่ออยู่กับเซียวเยวี่ยแล้วไปช่วยเซียวเยวี่ยก่อน เช่นนั้นตนก็ตายไปแล้วดีที่หลิงอวี๋เลือกที่จะไปช่วยเหลือตนก่อน เช่นนี้จึงทำให้แผนการของพวกพระชายาเส้ามิสำเร็จ“เจ้า… เจ้ามิกลัวว่าไปช่วยข้าแล้วเยวี่ยเยวี่ยจะมีอันตรายอยู่จริง ๆ หรือ?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามด้วยความเห็นแก่ตัวเล็ก ๆเขารู้สึกว่าตนมีพื้นที่ในใจของหลิงอวี๋มิเท่ากับเยวี่ยเยวี่ย เขาอยากรู้ว่าเหตุใดหลิงอวี๋จึงเลือกไปช่วยเหลือตนก่อนดูเหมือนว่าหลิงอวี๋จะอ่านความคิดของเซียวหลินเทียนออก นางจึงกระตุกมุมปากพลางเอ่ยเยาะเย้ยต่อเซียวหลินเทียนอย่างมิปิดบัง“หากเยวี่ยเยวี่ยมีอันตรายจริง ๆ หม่อมฉันต้องเลือกไปช่วยเขาก่อนอยู่แล้วเพคะ!”“เซียวหลินเทียน แม้ว่าท่านจะเป็นจักรพรรดิ แต่ก็ยังมิได้สำคัญเท่าเยวี่ยเยวี่ยในใจของหม่อมฉัน เพราะว่าในตอนที่หม่อมฉันต้องการการสนับสนุนมากที่สุด เยวี่ยเยวี่ยอยู่ข้างกายหม่อมฉันมิใช่ท่าน!”ตอนที่หล
หลิงอวี๋คิดกระทั่งทางหนีทีไล่ไว้แล้วด้วยรอให้เซียวหลินเทียนนั่งบัลลังก์มังกรอย่างมั่นคง แล้วนางก็จะสร้างให้เกิดอุบัติเหตุแล้วแกล้งตายหลบหนีไปที่มาพูดกับเซียวหลินเทียนให้ชัดเจนในตอนนี้ก็เพราะจะถือโอกาสที่ตนกับเขายังมีความรักใคร่ต่อกันอยู่ แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะโกรธเคืองที่นางอยากจะไป แต่ก็จะมิสังหารนางให้สิ้นไปในภายภาคหน้า หากเซียวหลินเทียนคุ้นเคยกับการเป็นจักรพรรดิแล้วออกคำสั่งบัญชาการอย่างอยู่เหนือผู้อื่น เช่นนั้นถึงนางอยากจะไปก็ไม่มีโอกาสแล้วความคิดของบุรุษเช่นเซียวหลินเทียนจะไม่มีทางยอมให้ตนมีความคิดอื่นแน่เซียวหลินเทียนคิดมิถึงเรื่องที่หลิงอวี๋ฃมีความคิดแกล้งตาย เมื่อได้ยินหลิงอวี๋เอ่ยถึงเรื่องการหย่าร้างขึ้นมาก็ร้อนใจทันที“อาอวี๋ ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า! เรื่องฉินรั่วซือข้าขอโทษเจ้าด้วย ข้ารับรองว่าต่อไปจะไม่มีความผิดพลาดเช่นนี้เกิดขึ้นอีก!”“และเจ้ามิได้ติดหนี้อะไรข้าเลย เป็นข้าต่างหากที่ติดหนี้พวกเจ้า! หลายปีมานี้ล้วนเป็นข้าที่ติดหนี้พวกเจ้า ทำให้เจ้ากับเยวี่ยเยวี่ยต้องถูกคนติฉินนินทา ข้าจะชดใช้ให้พวกเจ้าเอง!”“อาอวี๋ เจ้าวางใจได้ ข้าเองก็กลายเป็นคนที่มีเงินหนึ่งต
การปรับเปลี่ยนแก้ไขยกชุดทำให้ผู้ดูแลและหัวหน้าภายในวังล้วนมิกล้าทำงานลวก ๆ กันอีก และล้วนแต่ทำงานที่ตนควรทำให้ดีอย่างระมัดระวังสำหรับเหตุเพลิงไหม้ที่ห้องโถงที่ตั้งพระบรมศพ หลิงอวี๋ก็ได้ตัดหัวผู้ดูแลรับผิดชอบห้องโถงที่ตั้งศพไปแล้ว และได้ทำการแต่งตั้งแม่นมที่แก่ประสบการณ์และมีความละเอียดรอบคอบขึ้นมาเป็นผู้ดูแลใหม่ส่วนองครักษ์ทั้งสองและฉีเต๋อที่ได้คุ้มกันเซียวเยวี่ยไปส่งที่ตำหนักเหยียนฝูของไทเฮานั้น ล้วนได้เบี้ยหวัดเพิ่มกันเป็นรางวัลทั้งหมดและเนื่องจากองครักษ์ทั้งสองได้ทำหน้าที่อย่างตั้งใจแล้ว เซียวหลินเทียนจึงตั้งใจให้ทั้งสองคนได้เป็นองครักษ์ส่วนตัวของเซียวเยวี่ยหลังจากเกิดเรื่องแล้วทั้งสามคนถึงได้รู้ว่า ตนเกือบจะเข้าไปพัวพันในคดีลอบสังหารองค์จักรพรรดิแล้ว แต่เพราะว่าการทำหน้าที่อย่างตั้งใจของตน จึงป้องกันนายน้อยจากการถูกคนวางแผนจัดการได้หลังจากเกิดเหตุในครั้งนี้ ทั้งสามคนก็ยิ่งใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของเซียวเยวี่ยมากขึ้นอีก เมื่อรู้สึกว่าที่ใดเป็นสถานที่อันตรายก็จะมิยอมให้เซียวเยวี่ยย่างกรายเข้าไปเป็นอันขาดเซียวเยวี่ยก็ถูกแม่นมลี่อธิบายเรื่องความสัมพันธ์เรื่องส่วนได้ส่วนเสียใ
หลังจากยุ่งกับพระราชพิธีพระบรมศพของจักรพรรดิอู่อันจบเสร็จสิ้นแล้ว ต่อไปก็เป็นพิธีราชาภิเษกของเซียวหลินเทียนตามแผนของกรมพิธีการแล้วจะมีพิธีเฉลิมฉลองมากมายอย่างเช่นดนตรี การเต้นรำ การตีฆ้องตีกลองและงานเลี้ยงแต่เพราะการขึ้นครองบัลลังก์ของเซียวหลินเทียนอยู่หลังจากพระราชพิธีพระบรมศพของจักรพรรดิอู่อัน พิธีเฉลิมฉลองอย่างเช่นการเต้นรำจึงถูกตัดออกไป มีเพียงดนตรี การตีฆ้องตีกลองและงานเลี้ยงสามอย่างนี้เท่านั้นในวันพิธีราชาภิเษก เซียวหลินเทียนได้พาขุนนางน้อยใหญ่ไปที่หอบรรพบุรุษเพื่อทำพิธีบูชาฟ้าดิน และเพื่อเสียสละตนเองว่าได้รับคำสั่งจากสวรรค์และบรรพบุรุษแล้ว ภายใต้การดูแลของท่านอ๋องเฉิงและเจ้ากรมพิธีการกระทั่งพิธีบูชาฟ้าเสร็จสิ้น เซียวหลินเทียนก็เปลี่ยนเป็นชุดเฉลิมฉลองสีเหลืองทอง บนเสื้อคลุมมังกรมีลายปักมังกรสีทองห้ากรงเล็บอยู่เก้าตัว ซึ่งช่วยเสริมรูปร่างที่สูงใหญ่ของเขาให้ดูสูงส่งและสง่างามอย่างเห็นได้ชัดเลยย่างก้าวของเขาที่เดินเข้าไปหาเก้าอี้มังกรที่อยู่แท่นสูงตรงกลางนั้นสม่ำเสมอและมั่นคงในทุกฝีก้าวสายตาของเหล่าขุนนางน้อยใหญ่และพวกองค์ชายคังดูเหมือนจะมิได้มีอิทธิพลต่อเขาเลยแม้แต่น้อย
‘เจ้าไปบอกเลยสิ!’พระชายาเส้าเยาะเย้ยเซียวทงอย่างไร้ความปรานี “ฉินรั่วซือเป็นสหายคนสนิทของเจ้า เป็นเจ้าเองที่มาถึงตำหนักข้าแล้วขอร้องให้ข้าจับคู่ให้เจ้ากับแม่ทัพเผย!”“เรื่องเหล่านี้แค่องค์จักรพรรดิตรวจสอบก็รู้แล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถทำให้องค์จักรพรรดิเชื่อเจ้าได้รึ?”“ยิ่งไปกว่านั้น… เซียวทงเจ้าเองก็ทำเรื่องที่มิอาจให้ใครเห็นได้อีก… เถาลี่ตายอย่างไรเล่า?”คำพูดของพระชายาเส้าทำให้เซียวทงตกใจในทันทีวันนั้นจู่ ๆ นางก็เป็นใบ้จึงบ้าคลั่งบีบคอเถาลี่จนตาย นางคิดว่าในเหตุการณ์วุ่นวายนั้นจะไม่มีผู้ใดเห็นว่าตนทำเรื่องเช่นนี้ แล้วเหตุใดพระชายาเส้าจึงรู้ได้เล่า!“หึ! เจ้าคิดว่าเจ้าทำได้อย่างแนบเนียนมากจนข้ามิรู้ว่าเจ้าเรื่องเช่นนี้กระนั้นรึ?”พระชายาเส้ายิ้มเยาะพลางเอ่ย “ตอนที่ตระกูลเถามารับตัวเถาลี่ไปนั้น เถากังพี่ชายของเถาลี่พบความผิดปกติ เหตุใดมือสังหารจึงมิใช้มือแต่กลับใช้มือบีบคอสังหารเถาลี่กันเล่า?”“เถากังจึงแอบไปหาเจ้าหน้าที่ชันสูตรมาแล้วก็ได้รับการยืนยันว่า นางถูกสตรีบีบคอจนตาย! เขาจึงแอบตรวจสอบอย่างเงียบ ๆ อีกจนไปพบนางรับใช้ผู้หนึ่งที่เห็นว่าเจ้าบีบคอเถาลี่จนตายที่ตำหนักอ๋องอ
เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ทั้งโกรธทั้งโมโห ก่อนหน้านี้ที่หานเหมยบอกมิได้ละเอียดถึงเพียงนี้ และหานเหมยก็มิเคยบอกด้วยว่าใบหน้าของหลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกรีดจนเป็นแผลความทรงจำของหานเหมยสูญหายไปบางส่วน ซึ่งนี่ก็คือผลกระทบที่ได้มาจากการถูกผนึก ดังนั้นจะโทษหานเหมยก็มิได้เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี๋สูญเสียวรยุทธ์ไป ทั้งยังถูกเสวี่ยเหมยกลั่นแกล้งอีก เซียวหลินเทียนก็คิดเพียงอยากจะแทงเสวี่ยเหมยและลิ่งหูหลินผู้นั้นให้ตายไปเสียส่วนเรื่องที่หวงฝู่หลินรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมนั้น เซียวหลินเทียนมิได้คิดเป็นจริงเป็นจังอะไร เขาหรือจะมิรู้ว่าหวงฝู่หลินไม่มีทางรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมจริง ๆ หรอก“ท่านเจ้าวังของเราให้ป้าวเฉิงไปตามหาหลิงอวี๋ เพราะต้องการจะขอตำรับยาที่นางมีอยู่ในมือ มิใช่เพราะต้องการจะทำให้นางลำบาก!”ปี้ซงอธิบายทุกสิ่งออกมาอย่างชัดเจนแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้สึกว่าเขาไม่มีทางพูดความจริงออกมาทั้งหมด แต่ก็ยังเชื่อไปกว่าครึ่งอยู่ดีหลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่า ในเมื่อหวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยจับตัวไป และเสวี่ยเหมยก็เป็นผู้ร้ายที่ลักพาตัวหลิงอวี๋ไปด้วย เช่นนั้นก
ใบหน้าหล่อเหลาของเซียวหลินเทียนมีความเศร้าอยู่จาง ๆ เขายืนอยู่บนบันได ซากปรักหักพังด้านหลังเหล่านั้น เมื่ออยู่ภายใต้แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ยามเย็นก็ทำให้เห็นความหดหู่และโดดเดี่ยวอย่างชัดเจนแต่แสงของดวงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องลงมาบนตัวของเซียวหลินเทียนนั้น ทำให้เขาดูเหมือนมีแสงสีทองระยิบระยับอยู่ทั้งที่เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาก็ยังเป็นคนเดิม แต่กลับดูราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำให้มิอาจมองเขาตรง ๆ ได้!ทันใดนั้นหวงฝู่หลินก็รู้สึกถึงความรู้สึกกดดันที่มิเคยมีมาก่อนจู่ ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ว่า ในภายภาคหน้าพลังของเซียวหลินเทียนจะประสบความสำเร็จ จะต้องอยู่เหนือไปกว่าของตนมาก และอยู่เหนือกว่าบรรดายอดฝีมือในแดนเทพอย่างแน่นอน!เหนือกว่าแม้กระทั่งหลงอี้ด้วย...เซียวหลินเทียนมองไปไกล ๆ แล้วนึกฉากเมื่อครู่เหวินเหรินจิ้นพาเขาเข้าไป และมิเพียงแต่มอบรายชื่อบรรดาศิษย์ของตำหนักปีกเงินให้ตนเท่านั้น แต่ยังมอบเงินทั้งหมดที่ตำหนักปีกเงินเก็บไว้หลายปีให้ตนด้วยนอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มหาปราชญ์ต้องการอย่างหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยสุดท้ายเหวินเหรินจิ้นก็ยังพยายามถ่ายพ
หวงฝู่หลินมองเหวินเหรินจิ้นด้วยความสงสาร จากนั้นก็ประคองเขานั่งขึ้นมา แล้วเอ่ยไปอย่างเรียบ ๆ “เจ้าคงมิอยากจากไปโดยที่มิได้ทิ้งคำพูดอะไรไว้แน่!”“ต่อให้ยานั้นจะล้ำค่ามากเพียงใด ก็มิล้ำค่าเท่ากับเจ้า...พูดมาเถิด ยังมีความปรารถนาใดอีกที่เจ้ายังมิสมหวัง ขอเพียงข้าสามารถทำได้ ข้าก็จะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน!”หวงฝู่หลินคิดเช่นนั้นจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงป้อนโอสถช่วยชีวิตอันล้ำค่าที่ตนสกัดอย่างพิถีพิถันให้กับเหวินเหรินจิ้น เขามิอยากให้สหายผู้นี้ตายตามิหลับเหวินเหรินจิ้นมองหลานชายที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ แล้วหวงฝู่หลินก็เข้าใจทันที “ข้าจะให้คนดูแลเขาเอง!”เหวินเหรินจิ้นจึงฝืนยิ้มออกมา “ให้เขาเติบโตอย่างเรียบง่าย ลืมตระกูลนี้ไปเสีย และลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ประสบไปให้หมด!”“ได้!”หวงฝู่หลินมิได้พูดอะไรมาก แต่เหวินเหรินจิ้นรู้ว่า เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น จึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ“ข้าขอฝากตำหนักปีกเงินไว้กับเจ้า...ข้าได้คำนวณชะตาไว้แล้วว่าจะมีภัยพิบัติเช่นนี้ ข้าจึงแสร้งป่วยแล้วให้ลูกศิษย์ของตำหนักทั้งหมดกระจายกันออกไป...”“แต่ข้ามิวางใจ ข้ากังวลว่า หากมหาปราชญ์หาหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์มิเจอ แล้วจะ
เผยอวี้เห็นว่าหวงฝู่หลินหน้าซีดเซียว ดูท่าทางเหมือนจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจึงมิรีรอแล้วคุกเข่าลงไป จากนั้นก็ยัดลำไส้ของเสือดาวหิมะกลับตามคำชี้แนะของหวงฝู่หลินแล้วหวงฝู่หลินก็นำเครื่องยาสมุนไพรและเข็มกับด้ายออกมาจากแหวนพระสุเมรุ จากนั้นเขาก็ส่งเข็มกับด้ายให้เผยอวี้ “ช่วยเย็บแผลให้มันที!”เผยอวี้ตะลึงไปทันที เขาจับมีดจับกระบี่ได้ แต่เขาใช้เข็มกับด้ายมิเป็น!เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนที่ตนพิชิตกระบี่คุนอู๋ ก็เคยบาดมือมาก่อน แต่เมื่อฝ่ามือของเขาจับที่กระบี่คุนอู๋ ก็รักษาตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะใช้กระบี่คุนอู๋รักษาเสือดาวหิมะหรือไม่!เขาเข้าใจหลักการที่ว่า ทรัพย์สมบัติมิควรเปิดเผยออกมา หากว่าในวันนี้มิใช่สถานการณ์วิกฤต เขาก็ไม่มีทางนำกระบี่คุนอู๋ออกมาแน่แต่ตอนนี้มหาปราชญ์รู้แล้วว่า กระบี่คุนอู๋อยู่ในมือของตน มันจะต้องนำความยุ่งยากมาหาตนมิจบสิ้น เช่นเดียวกับหยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋อย่างแน่นอน!หากเปิดเผยเรื่องที่กระบี่คุนอู๋สามารถรักษาบาดแผลได้ไปอีก เช่นนั้นจะมิยิ่งทำให้คนสนใจมากขึ้นหรือ?แต่เมื่อเซียวหลินเที
“ท่านเจ้าวัง!”ปี้ซงเห็นว่าหวงฝู่หลินไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะสู้กลับแล้ว เขาจึงร้องเรียกออกมาอย่างเจ็บปวดจากนั้นเขาก็เหาะเข้าไปหาโดยมิสนใจภัยคุกคามของมือสังหาร แต่เซียวหลินเทียนที่อยู่ข้างกายเขาเร็วกว่า เหาะพุ่งเข้าไปแล้วในช่วงเวลานี้ เซียวหลินเทียนก็มิกลัวที่จะเปิดเผยสมบัติของตนอีกต่อไปแล้ว เขานำกระบี่คุนอู๋ออกมาจากแหวนพระสุเมรุแล้วฟาดไปในอากาศเป็นวงโค้ง...แสงสีขาวลงมาจากท้องฟ้า มหาปราชญ์หันหลังให้เซียวหลินเทียนอยู่จึงมิเห็นแสงนั้น ทว่าหวงฝู่หลินกลับมองเห็นเห็นแสงสีขาวนั้นพุ่งลงมาใส่แขนของมหาปราชญ์ราวกับสายฟ้า ด้วยพลังที่มิอาจต้านทานได้ในตอนที่มหาปราชญ์รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นนั้น เขาก็ได้เห็นแขนครึ่งหนึ่งของตนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างน่าตกใจ หลังจากนั้นเลือดจากบาดแผลที่แขนขาดไปก็ไหลออกมา“กระบี่คุนอู๋… เจ้าเป็นใคร?”มหาปราชญ์เซถอยหลังไป และในแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและยากที่จะเชื่อ“คนที่จะเอาชีวิตเจ้า!”นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนใช้กระบี่คุนอู๋ เขามิคาดคิดเลยว่า กระบี่คุนอู๋จะทรงพลังเช่นนี้ ปราณแห่งกระบี่ที่ฟาดออกมาสามารถตัดแขนของมหาปราชญ์ได้ความมั่
ครั้งนี้แม้หวงฝู่หลินอยากจะฝืนก็ฝืนมิอยู่ เลือดสด ๆ พุ่งออกมาจากปากของเขา“หวงฝู่หลิน สวรรค์มีเส้นทางให้เจ้าไปแต่เจ้ามิไป นรกไม่มีประตูแต่เจ้าก็ยังจะบุกเข้ามา!”“ข้ากำลังคิดจะไปยึดวังเทพของเจ้าด้วยตัวข้าเองอยู่แล้วเชียว แต่เจ้าก็มาหาถึงที่ พอดีเสียจริง ข้าก็มิต้องลำบากไปที่นั่น เอาชีวิตเข้ามาเสีย!”มหาปราชญ์เหาะลงมา และยกมือขึ้นโจมตีไปที่หน้าอกของหวงฝู่หลินทางด้านเซียวหลินเทียนก็กำลังต่อสู้กับพวกมือสังหารอยู่ เมื่อเห็นภาพนี้ก็มิอาจแยกตัวออกไปได้ จึงมิสามารถช่วยเหลือได้ทันเวลาส่วนปี้ซงที่ได้รับบาดเจ็บไปแล้วก็ถูกพวกมือสังหารขวางทางอยู่เช่นกันเสือดาวหิมะและหวงฝู่หลินสื่อสารกันด้วยพลังจิต เมื่อมันรู้สึกได้ว่าเจ้านายกำลังเดือดร้อน มันก็คำรามออกมา จากนั้นก็บินเข้าไป และพุ่งเข้าใส่มหาปราชญ์ทันทีเสือดำที่ตามมาติด ๆ ก็ใช้โอกาสนี้กระโจนเข้าใส่หลังของเสือดาวหิมะ แล้วกัดเนื้อของเสือดาวหิมะเข้าไปคำใหญ่เสือดาวหิมะมิสนใจความเจ็บปวดแล้วกระโจมเข้าไป มหาปราชญ์จึงมิทันได้จัดการกับหวงฝู่หลิน แล้วต้องหันไปจัดการกับเสือดาวหิมะแทนแต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว เสือดาวหิมะกระชากเสื้อคลุมของมหาปราชญ์ออก
เซียวหลินเทียน ปี้ซงและเผยอวี้กำลังต่อสู้อยู่กับพวกบุรุษชุดดำ ก็พลันรู้สึกว่ารอบ ๆ ตัวมีลมพัดอย่างแรง และใบไม้เหล่านั้นก็พัดมาทางหัวพวกเขาสนามแม่เหล็กที่มีพลังมหาศาลนั้นสั่นสะเทือนไปจนทั่วบริเวณเซียวหลินเทียนรีบมองไปทันที แล้วก็เห็นว่าพลังลมแห่งการปะทะกันของหวงฝู่หลินกับฝูหยางกลางอากาศนั้น เป็นแสงสีเขียวและสีน้ำเงินเกี่ยวพันกันไปมา แยกมิออกว่าใครเป็นใครเมื่อครู่ฝูหยางเรียกชื่อของหวงฝู่หลินออกมา เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินดังนั้น เขาก็เข้าใจขึ้นมาในทันที ที่แท้บุรุษชุดขาวที่ดูราวกับเซียนผู้นี้ก็คือ เจ้าวังหวงฝู่แห่งวังเทพบนภูเขาหิมะนี่เองก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยถูกเขาขังอยู่ที่วังเทพเซียวหลินเทียนไม่มีเวลาที่จะตำหนิหวงฝู่หลินแล้ว การโจมตีรุนแรงของพวกบุรุษชุดดำทำให้เขามิสามารถรับมือได้เซียวหลินเทียนยังต้องดูแลเผยอวี้ที่มีพลังมิสูงด้วย เขาจึงเหลือบมองไปแล้วพยายามจัดการกับพวกมือสังหารอย่างเต็มที่นับตั้งแต่ที่เซียวหลินเทียนได้กระบี่คุนอู๋มา และได้เรียนรู้วิชากระบี่จากลวดลายบนกระบี่มาระยะหนึ่งแล้ว วรยุทธ์ของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างมากเขายกกระบี่ขึ้นมาพร้อมใช้วิชากระบี่คุนอู๋ เขาได้เปร
เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นว่า เด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเซียวเยวี่ยผู้นั้นร้องไห้ออกมาปานจะขาดใจในชั่วขณะนี้เซียวหลินเทียนก็คิดถึงเซียวเยวี่ยมาก เขาออกมานานมากจนแทบจะจำมิได้แล้วว่าเซียวเยวี่ยหน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อเขาเห็นเด็กผู้นั้น เซียวหลินเทียนก็เกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาทันที“ท่าน พวกเราเข้าไปช่วยเขาเถิด!”เซียวหลินเทียนพูดยังมิทันขาดคำ ก็ได้ยินเสียงตะโกนขึ้นมา “ใคร?”จากนั้นก็มีบุรุษชุดดำหลายคนวิ่งกรูกันออกมา พร้อมกับเล็งดาบมาที่เซียวหลินเทียนกับหวงฝู่หลิน“พวกเจ้าเป็นใคร?”บุรุษชุดดำที่เป็นผู้นำตะโกนออกมาด้วยความโกรธหวงฝู่หลินจึงยิ้มเยาะ “พวกเจ้าหรือที่ทำลายตำหนักปีกเงินของสหายข้า? ใครเป็นคนวางเพลิง?”“ฮ่าฮ่าฮ่า!”บุรุษชุดดำที่เป็นผู้นำคนนั้นตะลึงไปทันที จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับรู้สึกว่า คำถามของหวงฝู่หลินนั้นแปลกมากความตายจะมาเยือนอยู่แล้ว ยังจะเป็นห่วงอีกว่าใครเป็นคนวางเพลิง คนผู้นี้สมองมีปัญหาหรือไร!“อย่าไปคุยกับเขาให้มากความ สังหารไปเสีย!”ฝูหยางที่อยู่ข้างในตะคอกออกมาอย่างรำคาญ “ตาเฒ่าน่ารังเกียจ เจ้าจะนำออกมาให้หรือไม่ หนึ่ง… สอง…”พวกบุร
หวงฝู่หลินก็มิได้ใส่ใจ เขาค่อนข้างมิพอใจที่เซียวหลินเทียนตามติดตนมาราวกับกอเอี๊ยะที่เหนียวแน่นเช่นนี้ เขาจึงเร่งฝีเท้าขึ้นอีก แต่พลังของปี้ซงมิเท่าพลังของเขา ดังนั้นในเวลามินานเซียวหลินเทียนก็ตามมาทันแล้วใบหน้าของหวงฝู่หลินดูหม่นหมองลง และกำลังคิดว่าจะสังหารเซียวหลินเทียนดีหรือไม่ แต่แล้วเขาได้ยินเสียงแปลก ๆ… มันคือเสียงการต่อสู้ด้วยอาวุธนั่นเองดวงตาของหวงฝู่หลินดุร้ายขึ้นมาทันที และรีบขึ้นไปบนภูเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาขึ้นไปถึงครึ่งทางภูเขา เขาก็เห็นควันหนา ๆ พวยพุ่งออกมาจากตำหนักปีกเงินที่อยู่บนยอดเขานั้นเกิดเรื่องขึ้นแล้ว!หวงฝู่หลินก็ยิ่งร้อนใจ เหตุผลหลักที่เขาเลือกที่จะมาขอความช่วยเหลือจากตำหนักปีกเงินนั้น ก็เพราะว่าเหวินเหรินจิ้นเจ้าตำหนักปีกเงิน คือหนึ่งในสหายสนิทที่มีเพียงมิกี่คนของเขาและเช่นเดียวกับหวงฝู่หลิน ตำหนักปีกเงินแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ตระกูลเหวินเหรินอาศัยอยู่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว หวงฝู่หลินมิอนุญาตให้ผู้ใดทำลายวังเทพของตน แล้วเหวินเหรินจิ้นจะยอมให้ใครมาทำลายตำหนักปีกเงินของเขาได้อย่างไรกัน!หรือว่าเหวินเหรินจิ้นจะตกอยู่ในอันตราย?หวงฝู่หลินเร่งฝีเท้า แล้วเดิ