จ้าวฮุยยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด จึงเอ่ยไปอย่างโมโห“องค์ชายคัง มือสังหารที่กระหม่อมส่งไปสามารถแทงไปตรงหัวใจของเซียวหลินเทียนได้ในการแทงครั้งเดียว อีกทั้งกริชนั้นก็อาบยาพิษไว้ด้วย คนของกระหม่อมทำภารกิจที่นางควรทำสำเร็จได้อย่างยอดเยี่ยมแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“หากมิใช่เพราะพวกท่านไร้ความสามารถ มิอาจถ่วงเวลาหลิงอวี๋เอาไว้ได้ เวลานี้เซียวหลินเทียนก็กลายเป็นศพไปแล้ว!”“ความพลาดพลั้งในตอนนี้ท่านมิมองความผิดพลาดของตนทั้งยังตำหนิว่ากระหม่อมทำงานมิได้เรื่อง เช่นนั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อมิพอใจที่กระหม่อมทำงานได้มิเท่าที่ท่านต้องการ คราวต่อไปท่านก็หามือสังหารที่เชื่อถือได้ด้วยตนเองเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”หลังจากพูดจบ จ้าวฮุยก็สะบัดแขนเสื้อเดินไปอย่างโมโหสีหน้าองค์ชายคังเปลี่ยนไปในทันใดและมิพอใจจ้าวฮุยเป็นอย่างมากเช่นกันแต่ตนยังคงต้องการจ้าวฮุยอยู่ จึงทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้องค์ชายคังรีบก้าวตามติดจ้าวฮุยไป พลางเอ่ยยิ้ม ๆ “อัครเสนาบดีจ้าว ข้าเองก็ร้อนใจเช่นกัน มิได้จะตำหนิท่านเลย!”“เห็นกันอยู่แท้ ๆ ว่าไม่มีทางผิดพลาดแน่ เหตุใดจึงพลาดได้เล่า!”จ้าวฮุยหน้านิ่งมิพูดจา ยังคงโกรธองค์ชายคังอยู่องค์ชายคังเอ่
หลิงอวี๋ได้ทำการผ่าตัดให้เซียวหลินเทียนเสร็จสิ้นไปสองชั่วยามแล้วที่ด้านนอก ไทเฮา จ้าวซวนและพวกของหลี่ว์เซียงล้วนมารอกันอยู่อย่างใจจดใจจ่อหากเซียวหลินเทียนตายไป เช่นนั้นพรรคพวกขององค์ชายคังก็จะต้องยึดครองราชสำนัก แล้วพวกเขาทุกคนก็จะต้องจบสิ้นอันเจ๋อกับเผยอวี้ได้ข่าวก็รีบมาเช่นกัน อันเจ๋อสีหน้ามิสู้ดีนัก เซียวหลินเทียนเพิ่งเป็นจักรพรรดิได้เพียงมิกี่วันก็มีคนลอบสังหารเขาในวังแล้วนี่เป็นการยั่วยุพวกเขาทั้งนั้น!เผยอวี้ก็หงุดหงิดเช่นกัน คราก่อนองค์ชายเว่ยก่อกบฏ เขากับเซียวหลินเทียนได้กำจัดพวกสายสืบในวังไปรอบหนึ่งแล้ว มิคาดคิดเลยว่าจะยังมีเล็ดลอดอยู่ตอนที่เขาเข้ามาก็ไปหาแม่ทัพสือราชองครักษ์แห่งกองทัพหลวงมาแล้ว แม่ทัพสือได้ทำการตรวจสอบแล้วว่ามือสังหารสองคนนั้นปลอมตัวเป็นนางรับใช้แฝงตัวเข้ามาในวังสองวันมานี้ในวังมีภรรยาของเหล่าขุนนางมาเคารพพระบรมศพ และพวกนางทุกคนได้รับอนุญาตให้พานางรับใช้หนึ่งคนตามเข้าวังมาด้วยนางรับใช้ทุกคนจะมีป้ายแขวนเอวแบบพิเศษ หลังจากเฝ้าพระบรมศพเสร็จสิ้นแล้วป้ายแขวนเอวจะใช้การมิได้อีกแต่แม่ทัพสือตรวจสอบอยู่นานก็มิรู้ว่าผู้ใดที่พานางรับใช้สองคนนี้เข้ามาป
แน่นอนว่าพระชายาเส้ารู้ว่าไทเฮาหมายถึงตน แต่ในเมื่อไทเฮามิได้เอ่ยนามออกมาอย่างชัดเจนแล้วนางจะกระโดดออกไปยอมรับเองได้หรือ?“พระชายาองค์รัชทายาทเหนื่อยแย่เลยนะ!”พระชายาเส้าใช้ผ้าเช็ดน้ำตาที่อาจจะมีอยู่ที่หางตา พลางเอ่ยอย่างเอาอกเอาใจ “ไทเฮาเพคะ หม่อมฉันอยู่กับไทเฮานะเพคะ! หม่อมฉันคุ้นเคยเรื่องการจัดการภายในวัง คงจะพอช่วยเหลือไทเฮาได้บ้าง!”ไทเฮามิได้คัดค้าน ให้พระชายาเส้าอยู่ข้างกายตนไว้ก็พลอยหลีกเลี่ยงที่นางจะมีเวลาไปก่อปัญหาได้ด้วยหลิงอวี๋กลับเข้าไปในห้อง นางให้น้ำเกลือเซียวหลินเทียนเพื่อขจัดสารพิษในร่างกายของเขาองครักษ์หลายคนที่มีกลุ่มเลือดเดียวกับเซียวหลินเทียนต่างก็มาให้เลือดกับเซียวหลินเทียนหลังจากที่หลิงอวี๋ให้น้ำเกลือเสร็จก็ลองใช้พลังวิญญาณที่ตนได้ฝึกฝนมาทำการรักษาบาดแผลให้เซียวหลินเทียนหลังจากที่ขันทีโม่แนะนำมา พลังของหลิงอวี๋ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วขันทีโม่บอกว่า พลังวิญญาณแบ่งระดับไปตามสี มีอยู่เจ็ดระดับคือสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีน้ำเงินและสีม่วง สียิ่งเข้มเท่าไรก็หมายความว่ายิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นหลิงอวี๋ได้ฝึกฝนมาจนถึงระดับต้นของสีฟ้าแล้ว นี่เท่
“อาอวี๋!”เซียวหลินเทียนยื่นมือออกไปดึงหลิงอวี๋เบา ๆหลิงอวี๋ตื่นขึ้นมาก็เห็นว่าเซียวหลินเทียนมองตนอยู่ก็โล่งอก “ท่านฟื้นแล้ว!”“อืม เจ้าขึ้นมานอนสักหน่อยสิ!”เซียวหลินเทียนขยับเข้าไปด้านใน แม้ว่าทันทีที่ขยับตัวจะทำให้บาดแผลของตนเจ็บขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็มิได้เกินทน“ทักษะการแพทย์ของเจ้านับวันก็ยิ่งดีขึ้น ข้าบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ เพียงมินานก็รู้สึกว่ามิเจ็บแล้ว!”เซียวหลินเทียนอดมิได้ที่จะเอ่ยชมออกไป“นี่มิใช่เพราะทักษะการแพทย์ยอดเยี่ยมหรอกเพคะ แต่เป็นผลของพลังวิญญาณกับยาอายุวัฒนะเพคะ!”หลิงอวี๋นั่งอยู่จนปวดหลัง แต่ก็มิอยากจะไปนอนกับเซียวหลินเทียนเรื่องฉินรั่วซือทำให้ใจของนางมีกำแพงกับเซียวหลินเทียน การขึ้นไปนอนด้วยกันจะมิได้หมายความว่าให้อภัยเซียวหลินเทียนแล้วหรอกหรือ?นางยังมิได้ใจกว้างเช่นนั้นหรอก!หลายวันมานี้แม้ว่าหลิงอวี๋จะช่วยเซียวหลินเทียนจัดการดูแลวังหลัง แต่นั่นก็เป็นเพราะจำใจต้องทำ มิได้หมายความว่าหลิงอวี๋ให้อภัยเซียวหลินเทียนแล้วหากทั้งสองคนอยู่ด้วยกันก็ต้องเป็นต่างฝ่ายต่างมอบให้กัน แล้วเขาเซียวหลินเทียนได้ทำสิ่งใดเพื่อตนเองและเยวี่ยเยวี่ยบ้างเล่า?เมื่อครู่พ
หลิงอวี๋เล่าให้เซียวหลินเทียนฟังว่า ตอนนั้นจ้าวซวนมาขอความช่วยเหลือ เรื่องที่ซุ่ยเอ๋อร์หลอกตนให้ไปช่วยเซียวเยวี่ยเซียวหลินเทียนได้ฟังดังนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลซึมออกมา เรื่องราวในตอนนั้นอันตรายเช่นนี้ หากหลิงอวี๋จดจ่ออยู่กับเซียวเยวี่ยแล้วไปช่วยเซียวเยวี่ยก่อน เช่นนั้นตนก็ตายไปแล้วดีที่หลิงอวี๋เลือกที่จะไปช่วยเหลือตนก่อน เช่นนี้จึงทำให้แผนการของพวกพระชายาเส้ามิสำเร็จ“เจ้า… เจ้ามิกลัวว่าไปช่วยข้าแล้วเยวี่ยเยวี่ยจะมีอันตรายอยู่จริง ๆ หรือ?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามด้วยความเห็นแก่ตัวเล็ก ๆเขารู้สึกว่าตนมีพื้นที่ในใจของหลิงอวี๋มิเท่ากับเยวี่ยเยวี่ย เขาอยากรู้ว่าเหตุใดหลิงอวี๋จึงเลือกไปช่วยเหลือตนก่อนดูเหมือนว่าหลิงอวี๋จะอ่านความคิดของเซียวหลินเทียนออก นางจึงกระตุกมุมปากพลางเอ่ยเยาะเย้ยต่อเซียวหลินเทียนอย่างมิปิดบัง“หากเยวี่ยเยวี่ยมีอันตรายจริง ๆ หม่อมฉันต้องเลือกไปช่วยเขาก่อนอยู่แล้วเพคะ!”“เซียวหลินเทียน แม้ว่าท่านจะเป็นจักรพรรดิ แต่ก็ยังมิได้สำคัญเท่าเยวี่ยเยวี่ยในใจของหม่อมฉัน เพราะว่าในตอนที่หม่อมฉันต้องการการสนับสนุนมากที่สุด เยวี่ยเยวี่ยอยู่ข้างกายหม่อมฉันมิใช่ท่าน!”ตอนที่หล
หลิงอวี๋คิดกระทั่งทางหนีทีไล่ไว้แล้วด้วยรอให้เซียวหลินเทียนนั่งบัลลังก์มังกรอย่างมั่นคง แล้วนางก็จะสร้างให้เกิดอุบัติเหตุแล้วแกล้งตายหลบหนีไปที่มาพูดกับเซียวหลินเทียนให้ชัดเจนในตอนนี้ก็เพราะจะถือโอกาสที่ตนกับเขายังมีความรักใคร่ต่อกันอยู่ แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะโกรธเคืองที่นางอยากจะไป แต่ก็จะมิสังหารนางให้สิ้นไปในภายภาคหน้า หากเซียวหลินเทียนคุ้นเคยกับการเป็นจักรพรรดิแล้วออกคำสั่งบัญชาการอย่างอยู่เหนือผู้อื่น เช่นนั้นถึงนางอยากจะไปก็ไม่มีโอกาสแล้วความคิดของบุรุษเช่นเซียวหลินเทียนจะไม่มีทางยอมให้ตนมีความคิดอื่นแน่เซียวหลินเทียนคิดมิถึงเรื่องที่หลิงอวี๋ฃมีความคิดแกล้งตาย เมื่อได้ยินหลิงอวี๋เอ่ยถึงเรื่องการหย่าร้างขึ้นมาก็ร้อนใจทันที“อาอวี๋ ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า! เรื่องฉินรั่วซือข้าขอโทษเจ้าด้วย ข้ารับรองว่าต่อไปจะไม่มีความผิดพลาดเช่นนี้เกิดขึ้นอีก!”“และเจ้ามิได้ติดหนี้อะไรข้าเลย เป็นข้าต่างหากที่ติดหนี้พวกเจ้า! หลายปีมานี้ล้วนเป็นข้าที่ติดหนี้พวกเจ้า ทำให้เจ้ากับเยวี่ยเยวี่ยต้องถูกคนติฉินนินทา ข้าจะชดใช้ให้พวกเจ้าเอง!”“อาอวี๋ เจ้าวางใจได้ ข้าเองก็กลายเป็นคนที่มีเงินหนึ่งต
การปรับเปลี่ยนแก้ไขยกชุดทำให้ผู้ดูแลและหัวหน้าภายในวังล้วนมิกล้าทำงานลวก ๆ กันอีก และล้วนแต่ทำงานที่ตนควรทำให้ดีอย่างระมัดระวังสำหรับเหตุเพลิงไหม้ที่ห้องโถงที่ตั้งพระบรมศพ หลิงอวี๋ก็ได้ตัดหัวผู้ดูแลรับผิดชอบห้องโถงที่ตั้งศพไปแล้ว และได้ทำการแต่งตั้งแม่นมที่แก่ประสบการณ์และมีความละเอียดรอบคอบขึ้นมาเป็นผู้ดูแลใหม่ส่วนองครักษ์ทั้งสองและฉีเต๋อที่ได้คุ้มกันเซียวเยวี่ยไปส่งที่ตำหนักเหยียนฝูของไทเฮานั้น ล้วนได้เบี้ยหวัดเพิ่มกันเป็นรางวัลทั้งหมดและเนื่องจากองครักษ์ทั้งสองได้ทำหน้าที่อย่างตั้งใจแล้ว เซียวหลินเทียนจึงตั้งใจให้ทั้งสองคนได้เป็นองครักษ์ส่วนตัวของเซียวเยวี่ยหลังจากเกิดเรื่องแล้วทั้งสามคนถึงได้รู้ว่า ตนเกือบจะเข้าไปพัวพันในคดีลอบสังหารองค์จักรพรรดิแล้ว แต่เพราะว่าการทำหน้าที่อย่างตั้งใจของตน จึงป้องกันนายน้อยจากการถูกคนวางแผนจัดการได้หลังจากเกิดเหตุในครั้งนี้ ทั้งสามคนก็ยิ่งใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของเซียวเยวี่ยมากขึ้นอีก เมื่อรู้สึกว่าที่ใดเป็นสถานที่อันตรายก็จะมิยอมให้เซียวเยวี่ยย่างกรายเข้าไปเป็นอันขาดเซียวเยวี่ยก็ถูกแม่นมลี่อธิบายเรื่องความสัมพันธ์เรื่องส่วนได้ส่วนเสียใ
หลังจากยุ่งกับพระราชพิธีพระบรมศพของจักรพรรดิอู่อันจบเสร็จสิ้นแล้ว ต่อไปก็เป็นพิธีราชาภิเษกของเซียวหลินเทียนตามแผนของกรมพิธีการแล้วจะมีพิธีเฉลิมฉลองมากมายอย่างเช่นดนตรี การเต้นรำ การตีฆ้องตีกลองและงานเลี้ยงแต่เพราะการขึ้นครองบัลลังก์ของเซียวหลินเทียนอยู่หลังจากพระราชพิธีพระบรมศพของจักรพรรดิอู่อัน พิธีเฉลิมฉลองอย่างเช่นการเต้นรำจึงถูกตัดออกไป มีเพียงดนตรี การตีฆ้องตีกลองและงานเลี้ยงสามอย่างนี้เท่านั้นในวันพิธีราชาภิเษก เซียวหลินเทียนได้พาขุนนางน้อยใหญ่ไปที่หอบรรพบุรุษเพื่อทำพิธีบูชาฟ้าดิน และเพื่อเสียสละตนเองว่าได้รับคำสั่งจากสวรรค์และบรรพบุรุษแล้ว ภายใต้การดูแลของท่านอ๋องเฉิงและเจ้ากรมพิธีการกระทั่งพิธีบูชาฟ้าเสร็จสิ้น เซียวหลินเทียนก็เปลี่ยนเป็นชุดเฉลิมฉลองสีเหลืองทอง บนเสื้อคลุมมังกรมีลายปักมังกรสีทองห้ากรงเล็บอยู่เก้าตัว ซึ่งช่วยเสริมรูปร่างที่สูงใหญ่ของเขาให้ดูสูงส่งและสง่างามอย่างเห็นได้ชัดเลยย่างก้าวของเขาที่เดินเข้าไปหาเก้าอี้มังกรที่อยู่แท่นสูงตรงกลางนั้นสม่ำเสมอและมั่นคงในทุกฝีก้าวสายตาของเหล่าขุนนางน้อยใหญ่และพวกองค์ชายคังดูเหมือนจะมิได้มีอิทธิพลต่อเขาเลยแม้แต่น้อย