ทันทีที่เซียวหลินเทียนได้ยิน ความคิดที่ละมุนละไมของเขาก็สลายหายวับไปเขาเงยหน้าไปเห็นว่า หลิงอวี๋ยังมิตื่นก็กระซิบเสียงเบาทันที “ข้าจะออกไปประเดี๋ยวนี้!”เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นมาสวมอาภรณ์ และเดินออกไปทันที“ไปดูหน่อย!”เซียวหลินเทียนคิดว่า วันนี้หงเลี่ยงราชองครักษ์ของค่ายกองทหารเสือจะถูกจับ อีกทั้งเฮ่อจู้กับพระชายาเว่ยจะถูกประหารอีก องค์ชายเว่ยจะทำอะไรแปลก ๆ หรือไม่?หรืออิงเหนียงเห็นว่า องค์ชายเว่ยมิได้มีผลประโยชน์ที่คุ้มค่าแล้วจึงคิดจะหนีไป?เขาพบร่องรอยของอิงเหนียงอย่างยากลำบาก ทั้งยังคิดจะใช้อิงเหนียงมาจับตัวสายลับที่ซ่อนตัวอยู่เหล่านั้นด้วย แล้วจะปล่อยให้อิงเหนียงหนีไปง่าย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไรเล่า!กลุ่มคนมุ่งหน้าไปที่ชานเมือง ไปที่วัดประจำตระกูลของตระกูลฉินวัดประจำตระกูลของตระกูลฉินสร้างอยู่กลางภูเขา หากจะไปที่นั่นจะต้องผ่านเส้นทางเขาไปก่อนพวกของเซียวหลินเทียนเร่งควบม้าไป เห็นว่าผ่านเส้นทางเขาไปก็จะถึงแล้ว แล้วก็เห็นว่ามีเปลวไฟลอยขึ้นมาบนฟ้าจากที่ไกล ๆ แสงไฟลุกโชนนั้นเห็นได้ชัดมากท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด“เกิดเรื่องแล้ว!”ใจของเซียวหลินเทียนบีบแน่น แล้วฟาดแส้ไปเร่งความเร็วข
“พี่ลู่ มียาแก้พิษหรือไม่?”นางรับใช้เอ่ยถามลู่หนานอย่างรีบร้อน มิรู้ว่าจงใจที่จะปิดบังสายตาของลู่หนานหรือไม่“หลู่ชิ่ง เจ้าเอายาแก้พิษมาหรือไม่?”ลู่หนานหันกลับไปตะโกน เขาออกมาอย่างรีบร้อนมิได้เอายาแก้พิษมาด้วย“เหมือนข้าจะเอามานะ ข้าหาก่อน!”หลู่ชิ่งรีบเอาห่อยาของตนออกมาแล้วพลิกหายาแก้พิษที่หลิงอวี๋เตรียมไว้ให้เขาเห็นว่าเซียวหลินเทียนสีหน้าดำคล้ำแล้ว จึงตกใจมือสั่น พลิกหาจนมือพันกันไปหมดเมื่อหายาเจออย่างยากลำบากแล้วก็รีบส่งให้ลู่หนานลู่หนานจ้องเขาเขม็งแล้วรีบคุกเข่าลงไปยัดยาเข้าปากเซียวหลินเทียนฉินรั่วซือยังคงดูดพิษให้เซียวหลินเทียนอยู่จนกระทั่งเลือดของเซียวหลินเทียนกลายเป็นสีแดงแล้วจึงหยุด“ข้าดูดพิษของท่านอ๋องออกมาหมดแล้ว แล้วก็ให้ยาแก้พิษแล้วด้วย น่าจะมิอันตรายแล้ว!”ฉินรั่วซือเอ่ยถาม “พวกเจ้าใครมีน้ำมาบ้าง ข้าจะล้างปาก...”ทว่าฉินรั่วซือยังพูดมิทันจบก็ล้มลงไปบนร่างของเซียวหลินเทียนแล้ว“คุณหนู...”นางรับใช้ตะโกนเรียก นางพยุงฉินรั่วซือไว้พลางเอ่ย “พี่ลู่ ยังมียาแก้พิษอีกหรือไม่? คุณหนูของข้าจะต้องดูดพิษให้ท่านอ๋องจนพิษซึมเข้าร่างของนางแน่ ๆ!”หลู่ชิ่งเห็นสถานการ
พิษของระเบิดควันพิษนี้รุนแรงถึงเพียงนี้เลย!ลู่หนานนิ่งค้างไปเลย“อย่าได้ไล่ล่าตามไป เลี่ยงมิให้เราสูญเสียคนไปมากกว่านี้!”ฉินซานเองเห็นแล้วก็ตกใจ เขาเต็มไปด้วยคำถามทันทีฉินรั่วซือไปมีเรื่องกับคนเหล่านี้ได้อย่างไร? พวกเขาคิดจะทำอะไรกันแน่!ฉินซานยังครุ่นคิดมิทันชัดเจนก็ได้ยินเสียงกีบม้ามุ่งมาทางนี้แล้วมินานนัก จ้าวซวนพาคนตามมาแล้ว“จับอิงเหนียงได้หรือไม่?”จ้าวซวนกวาดสายตามอง แต่นอกจากศพสองศพที่นอนอยู่บนพื้นก็มิเห็นอิงเหนียงเลย“พวกเขาหนีไปแล้ว!”ลู่หนานเอ่ยอย่างมิพอใจ “หากเจ้าตามพวกเราไปที่เส้นทางเล็กก็อาจจะจับพวกเขาได้แล้ว!”“ตอนนี้ดีเลย จับตัวก็มิได้ อีกทั้งท่านอ๋องยังถูกงูพิษกัดบาดเจ็บไปแล้วอีก!”“ว่ากระไรนะ? ท่านอ๋องถูกงูพิษกัดหรือ?”จ้าวซวนตกใจ เมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนมิอยู่ก็ตะคอกใส่ลู่หนานอย่างร้อนใจ “ท่านอ๋องเล่า? เจ้ามิกังวลว่ามือสังหารจะย้อนกลับไปลอบสังหารเขารึ?”ลู่หนานได้ยินจ้าวซวนเอ่ยเช่นนี้ก็ตกใจขึ้นมาทันที จึงรีบหันหลังวิ่งกลับไปในป่าจ้าวซวนเองก็วิ่งตามเข้าไปเช่นกันเดิมทีฉินซานจะตามไป แต่จนใจที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บมากแล้ว วิ่งไปได้สองก้าวก็ขาอ่อนทร
แม้ว่าสิ่งที่ฉินซานพูดมาจะสมเหตุสมผล แต่จ้าวซวนก็ยังค่อนข้างสงสัยอยู่บังเอิญถึงเพียงนี้เชียวหรือ?ฉินซานเพิ่งจะมาถึงวัดประจำตระกูล อิงเหนียงพามือสังหารมาแล้ว หรือว่าคิดจะใช้กำลังคนที่มีมากมาควบคุมฉินซาน?ฉินซานคิดว่า พูดไปชัดเจนแล้วจึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง?”“อีกอย่าง พวกเจ้ามาได้อย่างไร? ดีที่พวกเจ้ามา มิเช่นนั้นคืนนี้ข้าก็จะต้องเป็นศพอยู่ที่นี่แล้ว!”“ท่านอ๋องกำลังติดตามอิงเหนียงอยู่ รู้ว่านางออกจากตำหนักองค์ชายเว่ย พวกเราจึงตามมา!”จ้าวซวนเห็นว่าถามแล้วไม่มีอะไรน่าสงสัยจึงเอ่ย “กลับไปก่อนเถิด! เจ้าได้รับบาดเจ็บ อาการของท่านอ๋องก็มิดี หากมือสังหารกลับมากันมากขนาดนั้นอีก พวกเราจะต้องเป็นศพอยู่ที่นี่แน่!”กระทั่งลู่หนานขี่ม้ามาถึงที่ตีนเขาแล้วเอารถม้าไปหนึ่งคัน จากนั้นพวกเขาก็แบกเซียวหลินเทียนขึ้นรถม้า ให้ฉินรั่วซือกับฉินซานที่ได้รับบาดเจ็บหนักนั่งข้างบนเช่นกัน แล้วพวกเขาก็กลับเข้าในเมืองหลิงอวี๋ถูกหานเหมยปลุกขึ้นมาในระหว่างที่กำลังหลับ จึงได้รู้ว่าเซียวหลินเทียนออกไปแล้วถูกงูพิษกัดนางรีบสวมอาภรณ์แล้ววิ่งออกมาที่โถงด้านหน้า เซียวหลินเทียนกับฉินรั่วซื
ฉินรั่วซือลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าไม่มีคนอื่นอยู่ในห้องนอกจากสาวใช้นางจึงเอ่ยถามอย่างมิสบายใจ “อิงเหนียง เจ้าแน่ใจจริง ๆ หรือว่าเซียวหลินเทียนจะฟังที่ข้าพูด?”นางรับใช้ก็คืออิงเหนียงที่ปลอมตัวมานั่นเอง อิงเหนียงผู้นี้ก็คือชิวเหวินอิงที่หนีออกไปจากตำหนักอ๋องอี้ในตอนแรกนางเอ่ยอย่างมั่นใจ “ข้าได้ให้กู่ดูดวิญญาณกับกู่ใจเดียวกันกับเจ้าไปแล้ว ตอนนี้เขากับเจ้ามีใจดวงเดียวกันแล้ว เจ้าอยากให้เขาทำสิ่งใดเขาก็จะมิปฏิเสธ!”ฉินรั่วซือยังคงรู้สึกค่อนข้างมิอยากจะเชื่ออยู่เลย แต่ตนก็ถูกอิงเหนียงวางพิษกู่เช่นกัน นางรู้ถึงความร้ายกาจของอิงเหนียงดี อิงเหนียงพูดอย่างมั่นใจถึงเพียงนี้ นางมิเชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว“รอฟ้าสางแล้วเจ้าไปหยั่งเชิงเซียวหลินเทียนดู ลองดูผลลัพธ์ เจ้าบอกไปว่าเจ้าจะอยู่ดูแลเขา เขาไม่มีทางปฏิเสธแน่!”อิงเหนียงหัวเราะเยาะพลางเอ่ย “จากนั้น ตอนที่ไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ เจ้าก็ให้เขาไปที่ราชสำนักฝ่ายในแล้วช่วยให้มือสังหารเหล่านั้นออกมา!”ฉินรั่วซือตะลึง นิ่งไปสักพักแล้วจึงเอ่ย “เจ้าก็จะไปจากตำหนักองค์ชายเว่ยแล้ว เหตุใดยังต้องช่วยองค์ชายเว่ยเล่า?”“มือสังหารเหล่านั้นท่านอ๋องอี้จับตัวมาอย่างย
เซียวหลินเทียนทำเหมือนมิได้ยินคำพูดของหลิงอวี๋เลย เขายันตัวจะลุกขึ้นอีก แต่เมื่อออกแรงก็รู้สึกว่าพื้นหมุนแล้วก็เป็นลมไปหลิงอวี๋เห็นเซียวหลินเทียนล้มไปอีกครั้งก็รู้สึกประหลาดใจ สมรรถภาพร่างกายเซียวหลินเทียนมิได้แย่ถึงเพียงนั้นมิใช่หรือ?เหตุใดเคลื่อนไหวเล็กน้อยเช่นนี้ก็เป็นลมไปแล้วเล่า!นางรีบจับชีพจรเซียวหลินเทียน ชีพจรเต้นค่อนข้างเร็ว แต่นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรแปลกแล้วหรือว่าพิษมันแรงเกินไป ถึงได้ทำให้อ่อนแอเช่นนี้!หลิงอวี๋ดึงผ้าห่มให้เซียวหลินเทียนดี ๆ แล้วนอนลงข้าง ๆ นางมิได้ใส่ใจฉินรั่วซือเลย ฉินรั่วซือเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ ที่จะว่างดงามก็มิใช่ จะว่ามีสติปัญญาก็มิใช่ เซียวหลินเทียนจะไปชอบนางจริง ๆ ได้เยี่ยงไรแต่มินานหลิงอวี๋ก็จะรู้ว่าตนเองผิดแล้ว!วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ตื่นมาเซียวหลินเทียนก็หายไปแล้ว บุรุษผู้นั้นหายดีแล้วหรือ?เซียวหลินเทียนเคยชินกับการไปออกกำลังกายในวันที่มิต้องเข้าราชสำนักในตอนเช้า หลิงอวี๋จึงคิดว่าเขาไปออกกำลังกายหลังจากนางลุกขึ้นมาอาบน้ำแล้วก็ไปกินอาหารเช้ากับหลิงเยวี่ยช่วงนี้หลิงเยวี่ยได้เจอหลิงอวี๋น้อยมาก เมื่อเห็นหลิงอวี๋ปากเล็ก ๆ นั้นก็บ่น
ว่ากระไรนะ?ใจของหลิงอวี๋กระตุกไปครู่หนึ่ง แล้วเบิกตาโตอย่างมิอยากจะเชื่อเซียวหลินเทียนจะให้ฉินรั่วซืออยู่ที่ตำหนักอ๋องอี้อย่างนั้นหรือ?นี่… นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?“พระชายา ท่านอ๋องอาจจะรู้สึกซาบซึ้งที่คุณหนูฉินช่วยชีวิตเขาเอาไว้กระมังขอรับ ดังนั้นจึงได้ให้คุณหนูฉินอยู่ที่ตำหนักอ๋องอี้สักสองสามวัน!”ลู่หนานเห็นว่าหลิงอวี๋สีหน้ามิดีจึงรีบเอ่ย “ข้ากำลังยุ่งกับการขนของ มิคุยกับท่านมากแล้วนะขอรับ!”ลู่หนานรีบสั่งให้องครักษ์ขนย้ายเครื่องเรือนหลิงอวี๋มองแล้วก็รู้สึกว่าในหัวสับสนไปหมดฉินรั่วซือเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลร่ำรวยที่อยู่ในเรือนรอการแต่งงาน มิทราบว่าเซียวหลินเทียนจะให้นางอยู่ที่ตำหนักอ๋องอี้นี่มีความหมายอะไรหรือ?หรือว่าเซียวหลินเทียนอยากจะแต่งนางเข้ามาเป็นชายารอง?“พระชายา ท่านอ๋องหมายความอย่างไรกันเจ้าคะ?”หานเหมยเองก็รู้สึกว่ามันแปลก จึงเอ่ยถามออกมา“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาหมายความว่าอย่างไร! ไป ไปถามกัน!”หลิงอวี๋หันหลังเดินตรงไปที่เรือนริมวารีระหว่างทางก็ได้เจอกับหมิ่นกูเข้าพอดี ทันทีที่หมิ่นกูเห็นนางก็เอ่ยเสียงต่ำ “พระชายา ข้ากำลังตามหาเลยเจ้าค่ะ!”“ท่านอ๋อง
“เซียวหลินเทียน!”หลิงอวี๋ทนมิไหวอีกต่อไปแล้วจึงตะโกนขึ้นมา “หม่อมฉันมีเรื่องจะคุยกับท่าน!”“พระชายามาแล้วหรือเจ้าคะ!”ฉินรั่วซือรีบลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีมิสบายใจ “ข้า...ข้าขัดขวางเรื่องของพวกท่านหรือไม่? ท่านอ๋อง เช่นนั้นหม่อมฉันขอกลับก่อนเพคะ!”“ซือซือ!”เซียวหลินเทียนดึงแขนฉินรั่วซือเอาไว้ แล้วมองไปทางหลิงอวี๋อย่างมิพอใจ“หลิงอวี๋ มีเรื่องอะไรเจ้าก็พูดมาต่อหน้าซือซือเถอะ ข้ากับนางไม่มีความลับต่อกัน!”ว่ากระไรนะ?ความประหลาดใจของหลิงอวี๋เพิ่มขึ้นจนน่ากลัว นางมองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างมิอยากจะเชื่อนางอยากแน่ใจว่าสิ่งที่เซียวหลินเทียนพูดนั้นเป็นคำพูดจากใจจริงหรือไม่?ทว่าต่อให้ดวงตาของนางจ้องมองเขาและเบิกโตขึ้นแค่ไหน มองอย่างละเอียดเพียงใด ก็มิเห็นคำใบ้ที่เซียวหลินเทียนส่งให้ตนเลยแม้แต่น้อยหลิงอวี๋ลองคิดดูอีกที บางทีอาจจะเพราะมีฉินรั่วซือยู่ด้วย เซียวหลินเทียนจึงมิสะดวกที่จะพูด จึงเอ่ย “หม่อมฉันแค่อยากจะมาบอกท่านอ๋องว่า หม่อมฉันกับพวกเยวี่ยเยวี่ยจะไปเดินถนนกัน ท่านอยากจะไปด้วยกันหรือไม่?”“มิไป ข้ามีเรื่องต้องทำอีกมากมาย จะมีเวลาไปกับพวกเจ้าได้เยี่ยงไร! ต่อไปเรื่องเล็ก ๆ เช