“พี่ลู่ มียาแก้พิษหรือไม่?”นางรับใช้เอ่ยถามลู่หนานอย่างรีบร้อน มิรู้ว่าจงใจที่จะปิดบังสายตาของลู่หนานหรือไม่“หลู่ชิ่ง เจ้าเอายาแก้พิษมาหรือไม่?”ลู่หนานหันกลับไปตะโกน เขาออกมาอย่างรีบร้อนมิได้เอายาแก้พิษมาด้วย“เหมือนข้าจะเอามานะ ข้าหาก่อน!”หลู่ชิ่งรีบเอาห่อยาของตนออกมาแล้วพลิกหายาแก้พิษที่หลิงอวี๋เตรียมไว้ให้เขาเห็นว่าเซียวหลินเทียนสีหน้าดำคล้ำแล้ว จึงตกใจมือสั่น พลิกหาจนมือพันกันไปหมดเมื่อหายาเจออย่างยากลำบากแล้วก็รีบส่งให้ลู่หนานลู่หนานจ้องเขาเขม็งแล้วรีบคุกเข่าลงไปยัดยาเข้าปากเซียวหลินเทียนฉินรั่วซือยังคงดูดพิษให้เซียวหลินเทียนอยู่จนกระทั่งเลือดของเซียวหลินเทียนกลายเป็นสีแดงแล้วจึงหยุด“ข้าดูดพิษของท่านอ๋องออกมาหมดแล้ว แล้วก็ให้ยาแก้พิษแล้วด้วย น่าจะมิอันตรายแล้ว!”ฉินรั่วซือเอ่ยถาม “พวกเจ้าใครมีน้ำมาบ้าง ข้าจะล้างปาก...”ทว่าฉินรั่วซือยังพูดมิทันจบก็ล้มลงไปบนร่างของเซียวหลินเทียนแล้ว“คุณหนู...”นางรับใช้ตะโกนเรียก นางพยุงฉินรั่วซือไว้พลางเอ่ย “พี่ลู่ ยังมียาแก้พิษอีกหรือไม่? คุณหนูของข้าจะต้องดูดพิษให้ท่านอ๋องจนพิษซึมเข้าร่างของนางแน่ ๆ!”หลู่ชิ่งเห็นสถานการ
พิษของระเบิดควันพิษนี้รุนแรงถึงเพียงนี้เลย!ลู่หนานนิ่งค้างไปเลย“อย่าได้ไล่ล่าตามไป เลี่ยงมิให้เราสูญเสียคนไปมากกว่านี้!”ฉินซานเองเห็นแล้วก็ตกใจ เขาเต็มไปด้วยคำถามทันทีฉินรั่วซือไปมีเรื่องกับคนเหล่านี้ได้อย่างไร? พวกเขาคิดจะทำอะไรกันแน่!ฉินซานยังครุ่นคิดมิทันชัดเจนก็ได้ยินเสียงกีบม้ามุ่งมาทางนี้แล้วมินานนัก จ้าวซวนพาคนตามมาแล้ว“จับอิงเหนียงได้หรือไม่?”จ้าวซวนกวาดสายตามอง แต่นอกจากศพสองศพที่นอนอยู่บนพื้นก็มิเห็นอิงเหนียงเลย“พวกเขาหนีไปแล้ว!”ลู่หนานเอ่ยอย่างมิพอใจ “หากเจ้าตามพวกเราไปที่เส้นทางเล็กก็อาจจะจับพวกเขาได้แล้ว!”“ตอนนี้ดีเลย จับตัวก็มิได้ อีกทั้งท่านอ๋องยังถูกงูพิษกัดบาดเจ็บไปแล้วอีก!”“ว่ากระไรนะ? ท่านอ๋องถูกงูพิษกัดหรือ?”จ้าวซวนตกใจ เมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนมิอยู่ก็ตะคอกใส่ลู่หนานอย่างร้อนใจ “ท่านอ๋องเล่า? เจ้ามิกังวลว่ามือสังหารจะย้อนกลับไปลอบสังหารเขารึ?”ลู่หนานได้ยินจ้าวซวนเอ่ยเช่นนี้ก็ตกใจขึ้นมาทันที จึงรีบหันหลังวิ่งกลับไปในป่าจ้าวซวนเองก็วิ่งตามเข้าไปเช่นกันเดิมทีฉินซานจะตามไป แต่จนใจที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บมากแล้ว วิ่งไปได้สองก้าวก็ขาอ่อนทร
แม้ว่าสิ่งที่ฉินซานพูดมาจะสมเหตุสมผล แต่จ้าวซวนก็ยังค่อนข้างสงสัยอยู่บังเอิญถึงเพียงนี้เชียวหรือ?ฉินซานเพิ่งจะมาถึงวัดประจำตระกูล อิงเหนียงพามือสังหารมาแล้ว หรือว่าคิดจะใช้กำลังคนที่มีมากมาควบคุมฉินซาน?ฉินซานคิดว่า พูดไปชัดเจนแล้วจึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง?”“อีกอย่าง พวกเจ้ามาได้อย่างไร? ดีที่พวกเจ้ามา มิเช่นนั้นคืนนี้ข้าก็จะต้องเป็นศพอยู่ที่นี่แล้ว!”“ท่านอ๋องกำลังติดตามอิงเหนียงอยู่ รู้ว่านางออกจากตำหนักองค์ชายเว่ย พวกเราจึงตามมา!”จ้าวซวนเห็นว่าถามแล้วไม่มีอะไรน่าสงสัยจึงเอ่ย “กลับไปก่อนเถิด! เจ้าได้รับบาดเจ็บ อาการของท่านอ๋องก็มิดี หากมือสังหารกลับมากันมากขนาดนั้นอีก พวกเราจะต้องเป็นศพอยู่ที่นี่แน่!”กระทั่งลู่หนานขี่ม้ามาถึงที่ตีนเขาแล้วเอารถม้าไปหนึ่งคัน จากนั้นพวกเขาก็แบกเซียวหลินเทียนขึ้นรถม้า ให้ฉินรั่วซือกับฉินซานที่ได้รับบาดเจ็บหนักนั่งข้างบนเช่นกัน แล้วพวกเขาก็กลับเข้าในเมืองหลิงอวี๋ถูกหานเหมยปลุกขึ้นมาในระหว่างที่กำลังหลับ จึงได้รู้ว่าเซียวหลินเทียนออกไปแล้วถูกงูพิษกัดนางรีบสวมอาภรณ์แล้ววิ่งออกมาที่โถงด้านหน้า เซียวหลินเทียนกับฉินรั่วซื
ฉินรั่วซือลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าไม่มีคนอื่นอยู่ในห้องนอกจากสาวใช้นางจึงเอ่ยถามอย่างมิสบายใจ “อิงเหนียง เจ้าแน่ใจจริง ๆ หรือว่าเซียวหลินเทียนจะฟังที่ข้าพูด?”นางรับใช้ก็คืออิงเหนียงที่ปลอมตัวมานั่นเอง อิงเหนียงผู้นี้ก็คือชิวเหวินอิงที่หนีออกไปจากตำหนักอ๋องอี้ในตอนแรกนางเอ่ยอย่างมั่นใจ “ข้าได้ให้กู่ดูดวิญญาณกับกู่ใจเดียวกันกับเจ้าไปแล้ว ตอนนี้เขากับเจ้ามีใจดวงเดียวกันแล้ว เจ้าอยากให้เขาทำสิ่งใดเขาก็จะมิปฏิเสธ!”ฉินรั่วซือยังคงรู้สึกค่อนข้างมิอยากจะเชื่ออยู่เลย แต่ตนก็ถูกอิงเหนียงวางพิษกู่เช่นกัน นางรู้ถึงความร้ายกาจของอิงเหนียงดี อิงเหนียงพูดอย่างมั่นใจถึงเพียงนี้ นางมิเชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว“รอฟ้าสางแล้วเจ้าไปหยั่งเชิงเซียวหลินเทียนดู ลองดูผลลัพธ์ เจ้าบอกไปว่าเจ้าจะอยู่ดูแลเขา เขาไม่มีทางปฏิเสธแน่!”อิงเหนียงหัวเราะเยาะพลางเอ่ย “จากนั้น ตอนที่ไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ เจ้าก็ให้เขาไปที่ราชสำนักฝ่ายในแล้วช่วยให้มือสังหารเหล่านั้นออกมา!”ฉินรั่วซือตะลึง นิ่งไปสักพักแล้วจึงเอ่ย “เจ้าก็จะไปจากตำหนักองค์ชายเว่ยแล้ว เหตุใดยังต้องช่วยองค์ชายเว่ยเล่า?”“มือสังหารเหล่านั้นท่านอ๋องอี้จับตัวมาอย่างย
เซียวหลินเทียนทำเหมือนมิได้ยินคำพูดของหลิงอวี๋เลย เขายันตัวจะลุกขึ้นอีก แต่เมื่อออกแรงก็รู้สึกว่าพื้นหมุนแล้วก็เป็นลมไปหลิงอวี๋เห็นเซียวหลินเทียนล้มไปอีกครั้งก็รู้สึกประหลาดใจ สมรรถภาพร่างกายเซียวหลินเทียนมิได้แย่ถึงเพียงนั้นมิใช่หรือ?เหตุใดเคลื่อนไหวเล็กน้อยเช่นนี้ก็เป็นลมไปแล้วเล่า!นางรีบจับชีพจรเซียวหลินเทียน ชีพจรเต้นค่อนข้างเร็ว แต่นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรแปลกแล้วหรือว่าพิษมันแรงเกินไป ถึงได้ทำให้อ่อนแอเช่นนี้!หลิงอวี๋ดึงผ้าห่มให้เซียวหลินเทียนดี ๆ แล้วนอนลงข้าง ๆ นางมิได้ใส่ใจฉินรั่วซือเลย ฉินรั่วซือเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ ที่จะว่างดงามก็มิใช่ จะว่ามีสติปัญญาก็มิใช่ เซียวหลินเทียนจะไปชอบนางจริง ๆ ได้เยี่ยงไรแต่มินานหลิงอวี๋ก็จะรู้ว่าตนเองผิดแล้ว!วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ตื่นมาเซียวหลินเทียนก็หายไปแล้ว บุรุษผู้นั้นหายดีแล้วหรือ?เซียวหลินเทียนเคยชินกับการไปออกกำลังกายในวันที่มิต้องเข้าราชสำนักในตอนเช้า หลิงอวี๋จึงคิดว่าเขาไปออกกำลังกายหลังจากนางลุกขึ้นมาอาบน้ำแล้วก็ไปกินอาหารเช้ากับหลิงเยวี่ยช่วงนี้หลิงเยวี่ยได้เจอหลิงอวี๋น้อยมาก เมื่อเห็นหลิงอวี๋ปากเล็ก ๆ นั้นก็บ่น
ว่ากระไรนะ?ใจของหลิงอวี๋กระตุกไปครู่หนึ่ง แล้วเบิกตาโตอย่างมิอยากจะเชื่อเซียวหลินเทียนจะให้ฉินรั่วซืออยู่ที่ตำหนักอ๋องอี้อย่างนั้นหรือ?นี่… นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?“พระชายา ท่านอ๋องอาจจะรู้สึกซาบซึ้งที่คุณหนูฉินช่วยชีวิตเขาเอาไว้กระมังขอรับ ดังนั้นจึงได้ให้คุณหนูฉินอยู่ที่ตำหนักอ๋องอี้สักสองสามวัน!”ลู่หนานเห็นว่าหลิงอวี๋สีหน้ามิดีจึงรีบเอ่ย “ข้ากำลังยุ่งกับการขนของ มิคุยกับท่านมากแล้วนะขอรับ!”ลู่หนานรีบสั่งให้องครักษ์ขนย้ายเครื่องเรือนหลิงอวี๋มองแล้วก็รู้สึกว่าในหัวสับสนไปหมดฉินรั่วซือเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลร่ำรวยที่อยู่ในเรือนรอการแต่งงาน มิทราบว่าเซียวหลินเทียนจะให้นางอยู่ที่ตำหนักอ๋องอี้นี่มีความหมายอะไรหรือ?หรือว่าเซียวหลินเทียนอยากจะแต่งนางเข้ามาเป็นชายารอง?“พระชายา ท่านอ๋องหมายความอย่างไรกันเจ้าคะ?”หานเหมยเองก็รู้สึกว่ามันแปลก จึงเอ่ยถามออกมา“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาหมายความว่าอย่างไร! ไป ไปถามกัน!”หลิงอวี๋หันหลังเดินตรงไปที่เรือนริมวารีระหว่างทางก็ได้เจอกับหมิ่นกูเข้าพอดี ทันทีที่หมิ่นกูเห็นนางก็เอ่ยเสียงต่ำ “พระชายา ข้ากำลังตามหาเลยเจ้าค่ะ!”“ท่านอ๋อง
“เซียวหลินเทียน!”หลิงอวี๋ทนมิไหวอีกต่อไปแล้วจึงตะโกนขึ้นมา “หม่อมฉันมีเรื่องจะคุยกับท่าน!”“พระชายามาแล้วหรือเจ้าคะ!”ฉินรั่วซือรีบลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีมิสบายใจ “ข้า...ข้าขัดขวางเรื่องของพวกท่านหรือไม่? ท่านอ๋อง เช่นนั้นหม่อมฉันขอกลับก่อนเพคะ!”“ซือซือ!”เซียวหลินเทียนดึงแขนฉินรั่วซือเอาไว้ แล้วมองไปทางหลิงอวี๋อย่างมิพอใจ“หลิงอวี๋ มีเรื่องอะไรเจ้าก็พูดมาต่อหน้าซือซือเถอะ ข้ากับนางไม่มีความลับต่อกัน!”ว่ากระไรนะ?ความประหลาดใจของหลิงอวี๋เพิ่มขึ้นจนน่ากลัว นางมองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างมิอยากจะเชื่อนางอยากแน่ใจว่าสิ่งที่เซียวหลินเทียนพูดนั้นเป็นคำพูดจากใจจริงหรือไม่?ทว่าต่อให้ดวงตาของนางจ้องมองเขาและเบิกโตขึ้นแค่ไหน มองอย่างละเอียดเพียงใด ก็มิเห็นคำใบ้ที่เซียวหลินเทียนส่งให้ตนเลยแม้แต่น้อยหลิงอวี๋ลองคิดดูอีกที บางทีอาจจะเพราะมีฉินรั่วซือยู่ด้วย เซียวหลินเทียนจึงมิสะดวกที่จะพูด จึงเอ่ย “หม่อมฉันแค่อยากจะมาบอกท่านอ๋องว่า หม่อมฉันกับพวกเยวี่ยเยวี่ยจะไปเดินถนนกัน ท่านอยากจะไปด้วยกันหรือไม่?”“มิไป ข้ามีเรื่องต้องทำอีกมากมาย จะมีเวลาไปกับพวกเจ้าได้เยี่ยงไร! ต่อไปเรื่องเล็ก ๆ เช
นี่… นี่มันรังแกกันเกินไปแล้วจริง ๆ!เหตุผลของหลิงอวี๋หายไปในทันที ต่อให้เซียวหลินเทียนจะมีแผนการหรือว่ายากลำบากแค่ไหน ก็มิสามารถให้ฉืนรั่วซือหยาบคายไร้เหตุผลได้เช่นนี้กระมัง!“ไป เราไปหาเซียวหลินเทียนกัน!”หลิงอวี๋เรียกหานเหมย เถาจื่อและนางรับใช้อีกหลายคนไปด้วยกันหลิงซวนก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อ ช่วงนี้ท่านอ๋องอี้มีความรู้สึกที่ดีกับหลิงอวี๋มากขึ้นเรื่อย ๆ มิใช่หรอกหรือ?เหตุใดจู่ ๆ จึงเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้?นางตามหลิงอวี๋ไปที่เรือนริมวารีหลิงอวี๋พุ่งเข้าไปก็เห็นว่าเซียวหลินเทียนกับฉินรั่วซือกำลังชมภาพวาดกันอยู่“เซียวหลินเทียน ท่านมีสิทธิ์อะไรย้ายเครื่องใช้ของเรือนบุหงาของหม่อมฉันไป?”หลิงอวี๋ตะคอกด้วยความโกรธอย่างมิสนใจ “ของเหล่านั้นเป็นของที่ใช้เงินของหม่อมฉันซื้อมา มิได้เกี่ยวข้องอะไรกับตำหนักอ๋องอี้เลย ท่านมิถามแต่กลับมาเอาไป ต่างอะไรกับโจรเล่า?”เซียวหลินเทียนถูกรบกวนอารมณ์สุนทรีย์ก็หันไปมองทางหลิงอวี๋อย่ามิพอใจ พลางเอ่ยเสียงเย็นชา “เรือนบุหงาเป็นทรัพย์สินของข้า ข้าแค่เอาของของข้ามานิดหน่อย เจ้ามีสิทธิ์อะไรมามิพอใจ?”“ของของท่านอะไรกัน? หม่อมฉันจะบอกท่านอีกครั้งเพคะ ของเ
ในขณะที่เซียวหลินเทียนกำลังยุ่งอยู่กับการตามหาหลิงอวี๋ และฟื้นฟูตำหนักปีกเงินขึ้นมาอีกครั้งนั้น ทางด้านหลิงอวี๋ก็เตรียมตัวจะออกเดินทางไปเมืองหลวงแดนเทพพร้อมกับครอบครัวของข้าหลวงเก๋อแล้วเพื่อเป็นการลดความเหนื่อยล้าของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อจากการเดินทางทั้งทางเรือและทางรถม้า ข้าหลวงเก๋อจึงเลือกที่จะเดินทางไปยังเมืองหลวงแดนเทพทางน้ำแทนตระกูลเก๋อเช่าเรือขนาดใหญ่สองลำ ลำหนึ่งสำหรับบรรทุกสัมภาระ และอีกลำหนึ่งสำหรับโดยสารคนข้าหลวงเก๋อได้รับการเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้ คงจะมิกลับไปที่เมืองจงกวนอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงนำข้าวของเครื่องใช้ที่มีค่าและคนรับใช้ทั้งหมดที่เต็มใจจะติดตามเขาไปที่เมืองหลวงแดนเทพไปด้วยเรือใหญ่มีอยู่สามชั้น ชั้นล่างสุดเป็นที่พักอาศัยของคนรับใช้ ข้าหลวงเก๋อกับบุรุษในตระกูลเก๋อพักกันที่ชั้นสาม ส่วนเหล่าญาติฝ่ายสตรีก็พักอยู่ที่ชั้นสองสองพี่น้องหลิงอวี๋กับป้าวซวนก็ได้พักในห้องเดียวกัน แม้ว่าจะเล็กไปสักหน่อย แต่พวกนางทั้งสองก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วเส้นทางน้ำนี้ถือว่าเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในแดนเทพ แบ่งออกเป็นแม่น้ำในและแม่น้ำนอกเส้นทางที่พวกนางเดินทางกันอยู่นี้คือแม่น้ำนอก ซึ่ง
“เหยี่ยวผู้กล้าควรกางปีกบินให้สูง และลอยตัวให้อยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า!”เซียวหลินเทียนพูดสิ่งที่เหวินเหรินจิ้นบอกตนออกไปอย่างใจเย็นนี่คือคำพูดที่เหวินเหรินจิ้นพูดกับสือหรงตอนที่ให้เขาออกมาจริง ๆ ตอนนั้นนอกจากเขากับเหวินเหรินจิ้นก็ไม่มีใครอยู่อีกเมื่อสือหรงเห็นว่าคำตอบของเซียวหลินเทียนถูกต้อง ใบหน้าของเขาก็กลับซีดลงทันที ราวกับว่าเขาถูกโจมตีอย่างหนัก“ท่านเจ้าตำหนัก… ท่านเจ้าตำหนักสิ้นแล้วหรือ?”หากมิได้เป็นเช่นนั้น เซียวหลินเทียนจะมีป้ายผู้นำของตำหนักปีกเงินได้อย่างไร และจะรู้ได้อย่างไรว่าเหวินเหรินจิ้นพูดอะไรกับเขา!“อืม ร่างของเขาจะถูกเก็บไว้ในสุสานใต้ดินของตำหนักปีกเงินเป็นการชั่วคราว แล้วในภายหน้าเมื่อข้าสามารถฟื้นคืนตำหนักปีกเงินมาได้ ก็ค่อยนำไปฝังให้ดี ๆ!”แล้วเซียวหลินเทียนก็เอ่ยออกมาอย่างเศร้าใจ“พรึ่บ…”สือหรงคุกเข่าลง แล้วน้ำตาของเขาก็ไหลลงมาอย่างควบคุมมิได้เดิมทีเขาคิดว่าจะหลบไปสักประมาณปีครึ่ง แล้วเจ้าตำหนักก็คงจะเรียกพวกเขากลับไป เมื่อถึงเวลานั้นตำหนักปีกเงินก็จะรุ่งโรจน์เหมือนในอดีตอีกครั้ง ไหนเลยจะคาดคิดว่า การลาจากของเจ้าตำหนักในครั้งนี้จะเป็นการจากลากันไปตลอด
กระทั่งลงมาจากภูเขาแล้ว เซียวหลินเทียนก็ให้เหยี่ยวดำจิ่วเทียนไปส่งจดหมายให้กับฉินซาน แล้วตนกับเผยอวี้ก็มุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านตงหยวน ซึ่งอยู่ห่างจากตำหนักปีกเงินหลายสิบลี้ เพื่อตามหาสือหรงลูกศิษย์คนสำคัญของเหวินเหรินจิ้น อีกทั้งยังเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของตำหนักปีกเงินด้วยเซียวหลินเทียนไม่มีทางจะไปตามหาคนในรายชื่อของเหวินเหรินจิ้นทีละคนได้ หากเขาคิดที่จะรวบรวมลูกศิษย์ทั้งหมดของตำหนักปีกเงินที่เหวินเหรินจิ้นสั่งให้ออกจากตำหนักโดยเร็ว สือหรงผู้นี้ก็คือบุคคลที่เป็นกุญแจสำคัญเหวินเหรินจิ้นเคยบอกไว้ว่า หากตามหาสือหรงพบ พวกเขาก็จะสามารถตามลูกศิษย์ทั้งหมดกลับมาได้ เพราะว่าสือหรงมีช่องทางติดต่อของพวกเขาทุกคนแต่กระทั่งเซียวหลินเทียนกับเผยอวี้มาถึงหมู่บ้านตงหยวน ก็สายเกินไปเสียแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านตงหยวนถูกสังหารหมู่ และทางการก็กำลังนำคนมาเคลื่อนย้ายศพแต่ละศพออกไปเซียวหลินเทียนและเผยอวี้สวมหน้ากากผิวหนังมนุษย์แล้ว เผยอวี้จึงแสร้งทำเป็นเข้าไปตามหาญาติเพื่อสอบถามข้อมูลเมื่อถามไปจึงได้รู้ว่าเมื่อคืนหมู่บ้านตงหยวนถูกโจรกลุ่มหนึ่งมาปล้นทรัพย์ ตระกูลที่มีฐานะดีในหมู่บ้านส่วนใหญ่จึงถูก
หวงฝู่หลินก็เหมือนกับเซียวหลินเทียน ในตอนนี้มีคนที่จะต้องเร่งตามหาให้พบ ดังนั้นแม้ว่าจะมีความขัดแย้งต่อกัน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง พวกเขาก็ทำได้เพียงต้องร่วมมือกันจึงจะต่อต้านศัตรูได้หวงฝู่หลินมองตำหนักปีกเงินที่ค่อนข้างหดหู่นี้ แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “เซียวหลินเทียน วันนี้เจ้าเปิดเผยเรื่องที่เจ้ามีกระบี่คุนอู๋อยู่ในมือไปแล้ว มหาปราชญ์ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่!”“พวกเราต้องรีบรวบรวมกลุ่มที่สามารถต่อสู้กับมหาปราชญ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่มหาปราชญ์จะรวมกำลังคนมาจัดการกับเจ้า!”“เจ้าลงจากภูเขาไปรวบรวมบรรดาลูกศิษย์ของตำหนักปีกเงินมา ส่วนข้าจะช่วยหาคนมาสร้างตำหนักปีกเงินขึ้นใหม่เอง!”“หากเจ้าหาลูกสาวของข้าพบก่อน ก็ให้ส่งข้อความมาหาข้า! และหากข้าพบหลิงอวี๋ ข้าก็จะแจ้งเจ้าทันทีเช่นกัน!”เซียวหลินเทียนพยักหน้าโดยมิต้องคิด “ตกลง! เช่นนั้นพวกเราก็แยกกันเป็นสองกลุ่มไปดำเนินการ!”“เผยอวี้ เราลงจากภูเขากันก่อนเถอะ!”หวงฝู่หลินมองเผยอวี้แล้วเอ่ยออกมา “ประเดี๋ยวก่อน…”เขาหยิบยาหนึ่งขวดออกมาจากแหวนพระสุเมรุของตน แล้วโยนไปที่เผยอวี้ “พลังของเจ้าต่ำเกินไป หากเจ้าติดตามเขาก็จ
เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ทั้งโกรธทั้งโมโห ก่อนหน้านี้ที่หานเหมยบอกมิได้ละเอียดถึงเพียงนี้ และหานเหมยก็มิเคยบอกด้วยว่าใบหน้าของหลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกรีดจนเป็นแผลความทรงจำของหานเหมยสูญหายไปบางส่วน ซึ่งนี่ก็คือผลกระทบที่ได้มาจากการถูกผนึก ดังนั้นจะโทษหานเหมยก็มิได้เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี๋สูญเสียวรยุทธ์ไป ทั้งยังถูกเสวี่ยเหมยกลั่นแกล้งอีก เซียวหลินเทียนก็คิดเพียงอยากจะแทงเสวี่ยเหมยและลิ่งหูหลินผู้นั้นให้ตายไปเสียส่วนเรื่องที่หวงฝู่หลินรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมนั้น เซียวหลินเทียนมิได้คิดเป็นจริงเป็นจังอะไร เขาหรือจะมิรู้ว่าหวงฝู่หลินไม่มีทางรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมจริง ๆ หรอก“ท่านเจ้าวังของเราให้ป้าวเฉิงไปตามหาหลิงอวี๋ เพราะต้องการจะขอตำรับยาที่นางมีอยู่ในมือ มิใช่เพราะต้องการจะทำให้นางลำบาก!”ปี้ซงอธิบายทุกสิ่งออกมาอย่างชัดเจนแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้สึกว่าเขาไม่มีทางพูดความจริงออกมาทั้งหมด แต่ก็ยังเชื่อไปกว่าครึ่งอยู่ดีหลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่า ในเมื่อหวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยจับตัวไป และเสวี่ยเหมยก็เป็นผู้ร้ายที่ลักพาตัวหลิงอวี๋ไปด้วย เช่นนั้นก
ใบหน้าหล่อเหลาของเซียวหลินเทียนมีความเศร้าอยู่จาง ๆ เขายืนอยู่บนบันได ซากปรักหักพังด้านหลังเหล่านั้น เมื่ออยู่ภายใต้แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ยามเย็นก็ทำให้เห็นความหดหู่และโดดเดี่ยวอย่างชัดเจนแต่แสงของดวงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องลงมาบนตัวของเซียวหลินเทียนนั้น ทำให้เขาดูเหมือนมีแสงสีทองระยิบระยับอยู่ทั้งที่เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาก็ยังเป็นคนเดิม แต่กลับดูราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำให้มิอาจมองเขาตรง ๆ ได้!ทันใดนั้นหวงฝู่หลินก็รู้สึกถึงความรู้สึกกดดันที่มิเคยมีมาก่อนจู่ ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ว่า ในภายภาคหน้าพลังของเซียวหลินเทียนจะประสบความสำเร็จ จะต้องอยู่เหนือไปกว่าของตนมาก และอยู่เหนือกว่าบรรดายอดฝีมือในแดนเทพอย่างแน่นอน!เหนือกว่าแม้กระทั่งหลงอี้ด้วย...เซียวหลินเทียนมองไปไกล ๆ แล้วนึกฉากเมื่อครู่เหวินเหรินจิ้นพาเขาเข้าไป และมิเพียงแต่มอบรายชื่อบรรดาศิษย์ของตำหนักปีกเงินให้ตนเท่านั้น แต่ยังมอบเงินทั้งหมดที่ตำหนักปีกเงินเก็บไว้หลายปีให้ตนด้วยนอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มหาปราชญ์ต้องการอย่างหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยสุดท้ายเหวินเหรินจิ้นก็ยังพยายามถ่ายพ
หวงฝู่หลินมองเหวินเหรินจิ้นด้วยความสงสาร จากนั้นก็ประคองเขานั่งขึ้นมา แล้วเอ่ยไปอย่างเรียบ ๆ “เจ้าคงมิอยากจากไปโดยที่มิได้ทิ้งคำพูดอะไรไว้แน่!”“ต่อให้ยานั้นจะล้ำค่ามากเพียงใด ก็มิล้ำค่าเท่ากับเจ้า...พูดมาเถิด ยังมีความปรารถนาใดอีกที่เจ้ายังมิสมหวัง ขอเพียงข้าสามารถทำได้ ข้าก็จะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน!”หวงฝู่หลินคิดเช่นนั้นจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงป้อนโอสถช่วยชีวิตอันล้ำค่าที่ตนสกัดอย่างพิถีพิถันให้กับเหวินเหรินจิ้น เขามิอยากให้สหายผู้นี้ตายตามิหลับเหวินเหรินจิ้นมองหลานชายที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ แล้วหวงฝู่หลินก็เข้าใจทันที “ข้าจะให้คนดูแลเขาเอง!”เหวินเหรินจิ้นจึงฝืนยิ้มออกมา “ให้เขาเติบโตอย่างเรียบง่าย ลืมตระกูลนี้ไปเสีย และลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ประสบไปให้หมด!”“ได้!”หวงฝู่หลินมิได้พูดอะไรมาก แต่เหวินเหรินจิ้นรู้ว่า เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น จึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ“ข้าขอฝากตำหนักปีกเงินไว้กับเจ้า...ข้าได้คำนวณชะตาไว้แล้วว่าจะมีภัยพิบัติเช่นนี้ ข้าจึงแสร้งป่วยแล้วให้ลูกศิษย์ของตำหนักทั้งหมดกระจายกันออกไป...”“แต่ข้ามิวางใจ ข้ากังวลว่า หากมหาปราชญ์หาหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์มิเจอ แล้วจะ
เผยอวี้เห็นว่าหวงฝู่หลินหน้าซีดเซียว ดูท่าทางเหมือนจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจึงมิรีรอแล้วคุกเข่าลงไป จากนั้นก็ยัดลำไส้ของเสือดาวหิมะกลับตามคำชี้แนะของหวงฝู่หลินแล้วหวงฝู่หลินก็นำเครื่องยาสมุนไพรและเข็มกับด้ายออกมาจากแหวนพระสุเมรุ จากนั้นเขาก็ส่งเข็มกับด้ายให้เผยอวี้ “ช่วยเย็บแผลให้มันที!”เผยอวี้ตะลึงไปทันที เขาจับมีดจับกระบี่ได้ แต่เขาใช้เข็มกับด้ายมิเป็น!เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนที่ตนพิชิตกระบี่คุนอู๋ ก็เคยบาดมือมาก่อน แต่เมื่อฝ่ามือของเขาจับที่กระบี่คุนอู๋ ก็รักษาตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะใช้กระบี่คุนอู๋รักษาเสือดาวหิมะหรือไม่!เขาเข้าใจหลักการที่ว่า ทรัพย์สมบัติมิควรเปิดเผยออกมา หากว่าในวันนี้มิใช่สถานการณ์วิกฤต เขาก็ไม่มีทางนำกระบี่คุนอู๋ออกมาแน่แต่ตอนนี้มหาปราชญ์รู้แล้วว่า กระบี่คุนอู๋อยู่ในมือของตน มันจะต้องนำความยุ่งยากมาหาตนมิจบสิ้น เช่นเดียวกับหยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋อย่างแน่นอน!หากเปิดเผยเรื่องที่กระบี่คุนอู๋สามารถรักษาบาดแผลได้ไปอีก เช่นนั้นจะมิยิ่งทำให้คนสนใจมากขึ้นหรือ?แต่เมื่อเซียวหลินเที
“ท่านเจ้าวัง!”ปี้ซงเห็นว่าหวงฝู่หลินไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะสู้กลับแล้ว เขาจึงร้องเรียกออกมาอย่างเจ็บปวดจากนั้นเขาก็เหาะเข้าไปหาโดยมิสนใจภัยคุกคามของมือสังหาร แต่เซียวหลินเทียนที่อยู่ข้างกายเขาเร็วกว่า เหาะพุ่งเข้าไปแล้วในช่วงเวลานี้ เซียวหลินเทียนก็มิกลัวที่จะเปิดเผยสมบัติของตนอีกต่อไปแล้ว เขานำกระบี่คุนอู๋ออกมาจากแหวนพระสุเมรุแล้วฟาดไปในอากาศเป็นวงโค้ง...แสงสีขาวลงมาจากท้องฟ้า มหาปราชญ์หันหลังให้เซียวหลินเทียนอยู่จึงมิเห็นแสงนั้น ทว่าหวงฝู่หลินกลับมองเห็นเห็นแสงสีขาวนั้นพุ่งลงมาใส่แขนของมหาปราชญ์ราวกับสายฟ้า ด้วยพลังที่มิอาจต้านทานได้ในตอนที่มหาปราชญ์รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นนั้น เขาก็ได้เห็นแขนครึ่งหนึ่งของตนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างน่าตกใจ หลังจากนั้นเลือดจากบาดแผลที่แขนขาดไปก็ไหลออกมา“กระบี่คุนอู๋… เจ้าเป็นใคร?”มหาปราชญ์เซถอยหลังไป และในแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและยากที่จะเชื่อ“คนที่จะเอาชีวิตเจ้า!”นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนใช้กระบี่คุนอู๋ เขามิคาดคิดเลยว่า กระบี่คุนอู๋จะทรงพลังเช่นนี้ ปราณแห่งกระบี่ที่ฟาดออกมาสามารถตัดแขนของมหาปราชญ์ได้ความมั่