แม้ว่าสิ่งที่ฉินซานพูดมาจะสมเหตุสมผล แต่จ้าวซวนก็ยังค่อนข้างสงสัยอยู่บังเอิญถึงเพียงนี้เชียวหรือ?ฉินซานเพิ่งจะมาถึงวัดประจำตระกูล อิงเหนียงพามือสังหารมาแล้ว หรือว่าคิดจะใช้กำลังคนที่มีมากมาควบคุมฉินซาน?ฉินซานคิดว่า พูดไปชัดเจนแล้วจึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง?”“อีกอย่าง พวกเจ้ามาได้อย่างไร? ดีที่พวกเจ้ามา มิเช่นนั้นคืนนี้ข้าก็จะต้องเป็นศพอยู่ที่นี่แล้ว!”“ท่านอ๋องกำลังติดตามอิงเหนียงอยู่ รู้ว่านางออกจากตำหนักองค์ชายเว่ย พวกเราจึงตามมา!”จ้าวซวนเห็นว่าถามแล้วไม่มีอะไรน่าสงสัยจึงเอ่ย “กลับไปก่อนเถิด! เจ้าได้รับบาดเจ็บ อาการของท่านอ๋องก็มิดี หากมือสังหารกลับมากันมากขนาดนั้นอีก พวกเราจะต้องเป็นศพอยู่ที่นี่แน่!”กระทั่งลู่หนานขี่ม้ามาถึงที่ตีนเขาแล้วเอารถม้าไปหนึ่งคัน จากนั้นพวกเขาก็แบกเซียวหลินเทียนขึ้นรถม้า ให้ฉินรั่วซือกับฉินซานที่ได้รับบาดเจ็บหนักนั่งข้างบนเช่นกัน แล้วพวกเขาก็กลับเข้าในเมืองหลิงอวี๋ถูกหานเหมยปลุกขึ้นมาในระหว่างที่กำลังหลับ จึงได้รู้ว่าเซียวหลินเทียนออกไปแล้วถูกงูพิษกัดนางรีบสวมอาภรณ์แล้ววิ่งออกมาที่โถงด้านหน้า เซียวหลินเทียนกับฉินรั่วซื
ฉินรั่วซือลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าไม่มีคนอื่นอยู่ในห้องนอกจากสาวใช้นางจึงเอ่ยถามอย่างมิสบายใจ “อิงเหนียง เจ้าแน่ใจจริง ๆ หรือว่าเซียวหลินเทียนจะฟังที่ข้าพูด?”นางรับใช้ก็คืออิงเหนียงที่ปลอมตัวมานั่นเอง อิงเหนียงผู้นี้ก็คือชิวเหวินอิงที่หนีออกไปจากตำหนักอ๋องอี้ในตอนแรกนางเอ่ยอย่างมั่นใจ “ข้าได้ให้กู่ดูดวิญญาณกับกู่ใจเดียวกันกับเจ้าไปแล้ว ตอนนี้เขากับเจ้ามีใจดวงเดียวกันแล้ว เจ้าอยากให้เขาทำสิ่งใดเขาก็จะมิปฏิเสธ!”ฉินรั่วซือยังคงรู้สึกค่อนข้างมิอยากจะเชื่ออยู่เลย แต่ตนก็ถูกอิงเหนียงวางพิษกู่เช่นกัน นางรู้ถึงความร้ายกาจของอิงเหนียงดี อิงเหนียงพูดอย่างมั่นใจถึงเพียงนี้ นางมิเชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว“รอฟ้าสางแล้วเจ้าไปหยั่งเชิงเซียวหลินเทียนดู ลองดูผลลัพธ์ เจ้าบอกไปว่าเจ้าจะอยู่ดูแลเขา เขาไม่มีทางปฏิเสธแน่!”อิงเหนียงหัวเราะเยาะพลางเอ่ย “จากนั้น ตอนที่ไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ เจ้าก็ให้เขาไปที่ราชสำนักฝ่ายในแล้วช่วยให้มือสังหารเหล่านั้นออกมา!”ฉินรั่วซือตะลึง นิ่งไปสักพักแล้วจึงเอ่ย “เจ้าก็จะไปจากตำหนักองค์ชายเว่ยแล้ว เหตุใดยังต้องช่วยองค์ชายเว่ยเล่า?”“มือสังหารเหล่านั้นท่านอ๋องอี้จับตัวมาอย่างย
เซียวหลินเทียนทำเหมือนมิได้ยินคำพูดของหลิงอวี๋เลย เขายันตัวจะลุกขึ้นอีก แต่เมื่อออกแรงก็รู้สึกว่าพื้นหมุนแล้วก็เป็นลมไปหลิงอวี๋เห็นเซียวหลินเทียนล้มไปอีกครั้งก็รู้สึกประหลาดใจ สมรรถภาพร่างกายเซียวหลินเทียนมิได้แย่ถึงเพียงนั้นมิใช่หรือ?เหตุใดเคลื่อนไหวเล็กน้อยเช่นนี้ก็เป็นลมไปแล้วเล่า!นางรีบจับชีพจรเซียวหลินเทียน ชีพจรเต้นค่อนข้างเร็ว แต่นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรแปลกแล้วหรือว่าพิษมันแรงเกินไป ถึงได้ทำให้อ่อนแอเช่นนี้!หลิงอวี๋ดึงผ้าห่มให้เซียวหลินเทียนดี ๆ แล้วนอนลงข้าง ๆ นางมิได้ใส่ใจฉินรั่วซือเลย ฉินรั่วซือเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ ที่จะว่างดงามก็มิใช่ จะว่ามีสติปัญญาก็มิใช่ เซียวหลินเทียนจะไปชอบนางจริง ๆ ได้เยี่ยงไรแต่มินานหลิงอวี๋ก็จะรู้ว่าตนเองผิดแล้ว!วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ตื่นมาเซียวหลินเทียนก็หายไปแล้ว บุรุษผู้นั้นหายดีแล้วหรือ?เซียวหลินเทียนเคยชินกับการไปออกกำลังกายในวันที่มิต้องเข้าราชสำนักในตอนเช้า หลิงอวี๋จึงคิดว่าเขาไปออกกำลังกายหลังจากนางลุกขึ้นมาอาบน้ำแล้วก็ไปกินอาหารเช้ากับหลิงเยวี่ยช่วงนี้หลิงเยวี่ยได้เจอหลิงอวี๋น้อยมาก เมื่อเห็นหลิงอวี๋ปากเล็ก ๆ นั้นก็บ่น
ว่ากระไรนะ?ใจของหลิงอวี๋กระตุกไปครู่หนึ่ง แล้วเบิกตาโตอย่างมิอยากจะเชื่อเซียวหลินเทียนจะให้ฉินรั่วซืออยู่ที่ตำหนักอ๋องอี้อย่างนั้นหรือ?นี่… นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?“พระชายา ท่านอ๋องอาจจะรู้สึกซาบซึ้งที่คุณหนูฉินช่วยชีวิตเขาเอาไว้กระมังขอรับ ดังนั้นจึงได้ให้คุณหนูฉินอยู่ที่ตำหนักอ๋องอี้สักสองสามวัน!”ลู่หนานเห็นว่าหลิงอวี๋สีหน้ามิดีจึงรีบเอ่ย “ข้ากำลังยุ่งกับการขนของ มิคุยกับท่านมากแล้วนะขอรับ!”ลู่หนานรีบสั่งให้องครักษ์ขนย้ายเครื่องเรือนหลิงอวี๋มองแล้วก็รู้สึกว่าในหัวสับสนไปหมดฉินรั่วซือเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลร่ำรวยที่อยู่ในเรือนรอการแต่งงาน มิทราบว่าเซียวหลินเทียนจะให้นางอยู่ที่ตำหนักอ๋องอี้นี่มีความหมายอะไรหรือ?หรือว่าเซียวหลินเทียนอยากจะแต่งนางเข้ามาเป็นชายารอง?“พระชายา ท่านอ๋องหมายความอย่างไรกันเจ้าคะ?”หานเหมยเองก็รู้สึกว่ามันแปลก จึงเอ่ยถามออกมา“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาหมายความว่าอย่างไร! ไป ไปถามกัน!”หลิงอวี๋หันหลังเดินตรงไปที่เรือนริมวารีระหว่างทางก็ได้เจอกับหมิ่นกูเข้าพอดี ทันทีที่หมิ่นกูเห็นนางก็เอ่ยเสียงต่ำ “พระชายา ข้ากำลังตามหาเลยเจ้าค่ะ!”“ท่านอ๋อง
“เซียวหลินเทียน!”หลิงอวี๋ทนมิไหวอีกต่อไปแล้วจึงตะโกนขึ้นมา “หม่อมฉันมีเรื่องจะคุยกับท่าน!”“พระชายามาแล้วหรือเจ้าคะ!”ฉินรั่วซือรีบลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีมิสบายใจ “ข้า...ข้าขัดขวางเรื่องของพวกท่านหรือไม่? ท่านอ๋อง เช่นนั้นหม่อมฉันขอกลับก่อนเพคะ!”“ซือซือ!”เซียวหลินเทียนดึงแขนฉินรั่วซือเอาไว้ แล้วมองไปทางหลิงอวี๋อย่างมิพอใจ“หลิงอวี๋ มีเรื่องอะไรเจ้าก็พูดมาต่อหน้าซือซือเถอะ ข้ากับนางไม่มีความลับต่อกัน!”ว่ากระไรนะ?ความประหลาดใจของหลิงอวี๋เพิ่มขึ้นจนน่ากลัว นางมองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างมิอยากจะเชื่อนางอยากแน่ใจว่าสิ่งที่เซียวหลินเทียนพูดนั้นเป็นคำพูดจากใจจริงหรือไม่?ทว่าต่อให้ดวงตาของนางจ้องมองเขาและเบิกโตขึ้นแค่ไหน มองอย่างละเอียดเพียงใด ก็มิเห็นคำใบ้ที่เซียวหลินเทียนส่งให้ตนเลยแม้แต่น้อยหลิงอวี๋ลองคิดดูอีกที บางทีอาจจะเพราะมีฉินรั่วซือยู่ด้วย เซียวหลินเทียนจึงมิสะดวกที่จะพูด จึงเอ่ย “หม่อมฉันแค่อยากจะมาบอกท่านอ๋องว่า หม่อมฉันกับพวกเยวี่ยเยวี่ยจะไปเดินถนนกัน ท่านอยากจะไปด้วยกันหรือไม่?”“มิไป ข้ามีเรื่องต้องทำอีกมากมาย จะมีเวลาไปกับพวกเจ้าได้เยี่ยงไร! ต่อไปเรื่องเล็ก ๆ เช
นี่… นี่มันรังแกกันเกินไปแล้วจริง ๆ!เหตุผลของหลิงอวี๋หายไปในทันที ต่อให้เซียวหลินเทียนจะมีแผนการหรือว่ายากลำบากแค่ไหน ก็มิสามารถให้ฉืนรั่วซือหยาบคายไร้เหตุผลได้เช่นนี้กระมัง!“ไป เราไปหาเซียวหลินเทียนกัน!”หลิงอวี๋เรียกหานเหมย เถาจื่อและนางรับใช้อีกหลายคนไปด้วยกันหลิงซวนก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อ ช่วงนี้ท่านอ๋องอี้มีความรู้สึกที่ดีกับหลิงอวี๋มากขึ้นเรื่อย ๆ มิใช่หรอกหรือ?เหตุใดจู่ ๆ จึงเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้?นางตามหลิงอวี๋ไปที่เรือนริมวารีหลิงอวี๋พุ่งเข้าไปก็เห็นว่าเซียวหลินเทียนกับฉินรั่วซือกำลังชมภาพวาดกันอยู่“เซียวหลินเทียน ท่านมีสิทธิ์อะไรย้ายเครื่องใช้ของเรือนบุหงาของหม่อมฉันไป?”หลิงอวี๋ตะคอกด้วยความโกรธอย่างมิสนใจ “ของเหล่านั้นเป็นของที่ใช้เงินของหม่อมฉันซื้อมา มิได้เกี่ยวข้องอะไรกับตำหนักอ๋องอี้เลย ท่านมิถามแต่กลับมาเอาไป ต่างอะไรกับโจรเล่า?”เซียวหลินเทียนถูกรบกวนอารมณ์สุนทรีย์ก็หันไปมองทางหลิงอวี๋อย่ามิพอใจ พลางเอ่ยเสียงเย็นชา “เรือนบุหงาเป็นทรัพย์สินของข้า ข้าแค่เอาของของข้ามานิดหน่อย เจ้ามีสิทธิ์อะไรมามิพอใจ?”“ของของท่านอะไรกัน? หม่อมฉันจะบอกท่านอีกครั้งเพคะ ของเ
“เถาจื่อ ไปหาคนรับใช้สองสามคนมา พวกเราจะไปเรือนมารุตเพื่อขนของกลับ!”หลิงอวี๋ออกมาจากเรือนริมวารี แล้วสั่งด้วยความโกรธเถาจื่อโกรธอย่างที่สุด เมื่อนางและสุ่ยหลิงมาถึง ก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าหลิงอวี๋ได้จัดเรือนบุหงาทีละขั้นอย่างอุตสาหะเพื่อให้รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน!ในเรือนบุหงา พวกเขาเป็นดั่งครอบครัวเดียวกัน แล้วใครให้สิทธิ์คนพวกนั้นมาเอาของไปตามใจชอบกัน!เถาจื่อไปหาหมิ่นกูทันทีเพื่อเรียกกำลังคนเพิ่มหลิงซวนเห็นสถานการณ์และแนะนำว่า “อาจารย์ ข้าคิดว่าเรื่องนี้ มีบางอย่างที่น่าสงสัย อย่าได้ทำสิ่งใดบุ่มบ่ามเลยเจ้าค่ะ หาโอกาสหารือกับท่านอ๋องในภายหลังและหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์แย่ลงดีกว่านะเจ้าคะ!”“เจ้าคิดว่า ท่านอ๋องจะให้โอกาสข้าได้หารือดี ๆ รึ?”หลิงอวี๋เต็มไปด้วยโทสะ นางหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “นาง ฉินรั่วซือยังมิได้เข้าทางประตูด้วยซ้ำ กล้ามาทำให้ข้าอับอายเช่นนี้ หากข้ามิสอนบทเรียนให้นางวันนี้ นางคงได้คิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายของตำหนักอ๋องอี้ไปแล้วจริง ๆ กระมัง”“เถาจื่อ ไปเรียกคนมา”เถือจื่อรีบไปอย่างเชื่อฟังหลิงซวนมองหลิงอวี๋ด้วยความกังวลแล้วพูดเบา ๆ ว่า “อาจารย์ ท่านมิกล
หลิงอวี๋รอจนกระทั่งเถาจื่อและคนอื่น ๆ ย้ายและจัดเครื่องเรือนเครื่องใช้ในเรือนบุหงาเสร็จเรียบร้อย แต่ทั้งเซียวหลินเทียนและฉินรั่วซือก็มิสามารถหยุดยั้งพวกเขาได้ในตอนแรก นางรู้สึกว่ามันแปลกนิดหน่อย ทำให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่เช่นนี้เซียวหลินเทียนจะมิรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรเมื่อหลิงอวี๋เห็นสาวใช้ซ่อนตัวและแอบย่องไปรอบ ๆ และสังเกตเห็นว่าตอนที่นางออกมาไม่มีองครักษ์เลยสักคน นางก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับชิวเหวินซวง ตำหนักอ๋องอี้ตนเป็นคนจัดระเบียบใหม่เอง และบุคคลที่น่าสงสัยทั้งหมดที่มิสามารถไว้วางใจได้ก็ถูกขับออกไปหมิ่นกูที่ตนพาเข้ามาก็จัดการพวกที่ขี้เกียจมากเล่ห์ตั้งแต่เข้ามายิ่งกว่านั้น หลิงอวี๋และหมื่นกูได้เพิ่มเบี้ยหวัดของสาวใช้และคนรับใช้ในตำหนักด้วย ตอนนี้ คนรับใช้ทุกคนในตำหนักก็ฟังพวกเขานางในเมื่อนางยังมิได้ตกต่ำ แล้วคนรับใช้กล้าดีใช้เงินเบี้ยหวัดมาประจบประแจงฉินรั่วซือได้อย่างไร!องครักษ์ที่บาดเจ็บยิ่งกว่านั้นก็ปวดหัวและเป็นไข้จึงขอให้คนจากเรือนบุหงาไปเอายามาให้ ด้วยบุญกุศลที่สั่งสมมา วันธรรมดาพวกเขายังไม่มีโอกาสที่จะ