พิษของระเบิดควันพิษนี้รุนแรงถึงเพียงนี้เลย!ลู่หนานนิ่งค้างไปเลย“อย่าได้ไล่ล่าตามไป เลี่ยงมิให้เราสูญเสียคนไปมากกว่านี้!”ฉินซานเองเห็นแล้วก็ตกใจ เขาเต็มไปด้วยคำถามทันทีฉินรั่วซือไปมีเรื่องกับคนเหล่านี้ได้อย่างไร? พวกเขาคิดจะทำอะไรกันแน่!ฉินซานยังครุ่นคิดมิทันชัดเจนก็ได้ยินเสียงกีบม้ามุ่งมาทางนี้แล้วมินานนัก จ้าวซวนพาคนตามมาแล้ว“จับอิงเหนียงได้หรือไม่?”จ้าวซวนกวาดสายตามอง แต่นอกจากศพสองศพที่นอนอยู่บนพื้นก็มิเห็นอิงเหนียงเลย“พวกเขาหนีไปแล้ว!”ลู่หนานเอ่ยอย่างมิพอใจ “หากเจ้าตามพวกเราไปที่เส้นทางเล็กก็อาจจะจับพวกเขาได้แล้ว!”“ตอนนี้ดีเลย จับตัวก็มิได้ อีกทั้งท่านอ๋องยังถูกงูพิษกัดบาดเจ็บไปแล้วอีก!”“ว่ากระไรนะ? ท่านอ๋องถูกงูพิษกัดหรือ?”จ้าวซวนตกใจ เมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนมิอยู่ก็ตะคอกใส่ลู่หนานอย่างร้อนใจ “ท่านอ๋องเล่า? เจ้ามิกังวลว่ามือสังหารจะย้อนกลับไปลอบสังหารเขารึ?”ลู่หนานได้ยินจ้าวซวนเอ่ยเช่นนี้ก็ตกใจขึ้นมาทันที จึงรีบหันหลังวิ่งกลับไปในป่าจ้าวซวนเองก็วิ่งตามเข้าไปเช่นกันเดิมทีฉินซานจะตามไป แต่จนใจที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บมากแล้ว วิ่งไปได้สองก้าวก็ขาอ่อนทร
แม้ว่าสิ่งที่ฉินซานพูดมาจะสมเหตุสมผล แต่จ้าวซวนก็ยังค่อนข้างสงสัยอยู่บังเอิญถึงเพียงนี้เชียวหรือ?ฉินซานเพิ่งจะมาถึงวัดประจำตระกูล อิงเหนียงพามือสังหารมาแล้ว หรือว่าคิดจะใช้กำลังคนที่มีมากมาควบคุมฉินซาน?ฉินซานคิดว่า พูดไปชัดเจนแล้วจึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง?”“อีกอย่าง พวกเจ้ามาได้อย่างไร? ดีที่พวกเจ้ามา มิเช่นนั้นคืนนี้ข้าก็จะต้องเป็นศพอยู่ที่นี่แล้ว!”“ท่านอ๋องกำลังติดตามอิงเหนียงอยู่ รู้ว่านางออกจากตำหนักองค์ชายเว่ย พวกเราจึงตามมา!”จ้าวซวนเห็นว่าถามแล้วไม่มีอะไรน่าสงสัยจึงเอ่ย “กลับไปก่อนเถิด! เจ้าได้รับบาดเจ็บ อาการของท่านอ๋องก็มิดี หากมือสังหารกลับมากันมากขนาดนั้นอีก พวกเราจะต้องเป็นศพอยู่ที่นี่แน่!”กระทั่งลู่หนานขี่ม้ามาถึงที่ตีนเขาแล้วเอารถม้าไปหนึ่งคัน จากนั้นพวกเขาก็แบกเซียวหลินเทียนขึ้นรถม้า ให้ฉินรั่วซือกับฉินซานที่ได้รับบาดเจ็บหนักนั่งข้างบนเช่นกัน แล้วพวกเขาก็กลับเข้าในเมืองหลิงอวี๋ถูกหานเหมยปลุกขึ้นมาในระหว่างที่กำลังหลับ จึงได้รู้ว่าเซียวหลินเทียนออกไปแล้วถูกงูพิษกัดนางรีบสวมอาภรณ์แล้ววิ่งออกมาที่โถงด้านหน้า เซียวหลินเทียนกับฉินรั่วซื
ฉินรั่วซือลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าไม่มีคนอื่นอยู่ในห้องนอกจากสาวใช้นางจึงเอ่ยถามอย่างมิสบายใจ “อิงเหนียง เจ้าแน่ใจจริง ๆ หรือว่าเซียวหลินเทียนจะฟังที่ข้าพูด?”นางรับใช้ก็คืออิงเหนียงที่ปลอมตัวมานั่นเอง อิงเหนียงผู้นี้ก็คือชิวเหวินอิงที่หนีออกไปจากตำหนักอ๋องอี้ในตอนแรกนางเอ่ยอย่างมั่นใจ “ข้าได้ให้กู่ดูดวิญญาณกับกู่ใจเดียวกันกับเจ้าไปแล้ว ตอนนี้เขากับเจ้ามีใจดวงเดียวกันแล้ว เจ้าอยากให้เขาทำสิ่งใดเขาก็จะมิปฏิเสธ!”ฉินรั่วซือยังคงรู้สึกค่อนข้างมิอยากจะเชื่ออยู่เลย แต่ตนก็ถูกอิงเหนียงวางพิษกู่เช่นกัน นางรู้ถึงความร้ายกาจของอิงเหนียงดี อิงเหนียงพูดอย่างมั่นใจถึงเพียงนี้ นางมิเชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว“รอฟ้าสางแล้วเจ้าไปหยั่งเชิงเซียวหลินเทียนดู ลองดูผลลัพธ์ เจ้าบอกไปว่าเจ้าจะอยู่ดูแลเขา เขาไม่มีทางปฏิเสธแน่!”อิงเหนียงหัวเราะเยาะพลางเอ่ย “จากนั้น ตอนที่ไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ เจ้าก็ให้เขาไปที่ราชสำนักฝ่ายในแล้วช่วยให้มือสังหารเหล่านั้นออกมา!”ฉินรั่วซือตะลึง นิ่งไปสักพักแล้วจึงเอ่ย “เจ้าก็จะไปจากตำหนักองค์ชายเว่ยแล้ว เหตุใดยังต้องช่วยองค์ชายเว่ยเล่า?”“มือสังหารเหล่านั้นท่านอ๋องอี้จับตัวมาอย่างย
เซียวหลินเทียนทำเหมือนมิได้ยินคำพูดของหลิงอวี๋เลย เขายันตัวจะลุกขึ้นอีก แต่เมื่อออกแรงก็รู้สึกว่าพื้นหมุนแล้วก็เป็นลมไปหลิงอวี๋เห็นเซียวหลินเทียนล้มไปอีกครั้งก็รู้สึกประหลาดใจ สมรรถภาพร่างกายเซียวหลินเทียนมิได้แย่ถึงเพียงนั้นมิใช่หรือ?เหตุใดเคลื่อนไหวเล็กน้อยเช่นนี้ก็เป็นลมไปแล้วเล่า!นางรีบจับชีพจรเซียวหลินเทียน ชีพจรเต้นค่อนข้างเร็ว แต่นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรแปลกแล้วหรือว่าพิษมันแรงเกินไป ถึงได้ทำให้อ่อนแอเช่นนี้!หลิงอวี๋ดึงผ้าห่มให้เซียวหลินเทียนดี ๆ แล้วนอนลงข้าง ๆ นางมิได้ใส่ใจฉินรั่วซือเลย ฉินรั่วซือเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ ที่จะว่างดงามก็มิใช่ จะว่ามีสติปัญญาก็มิใช่ เซียวหลินเทียนจะไปชอบนางจริง ๆ ได้เยี่ยงไรแต่มินานหลิงอวี๋ก็จะรู้ว่าตนเองผิดแล้ว!วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ตื่นมาเซียวหลินเทียนก็หายไปแล้ว บุรุษผู้นั้นหายดีแล้วหรือ?เซียวหลินเทียนเคยชินกับการไปออกกำลังกายในวันที่มิต้องเข้าราชสำนักในตอนเช้า หลิงอวี๋จึงคิดว่าเขาไปออกกำลังกายหลังจากนางลุกขึ้นมาอาบน้ำแล้วก็ไปกินอาหารเช้ากับหลิงเยวี่ยช่วงนี้หลิงเยวี่ยได้เจอหลิงอวี๋น้อยมาก เมื่อเห็นหลิงอวี๋ปากเล็ก ๆ นั้นก็บ่น
ว่ากระไรนะ?ใจของหลิงอวี๋กระตุกไปครู่หนึ่ง แล้วเบิกตาโตอย่างมิอยากจะเชื่อเซียวหลินเทียนจะให้ฉินรั่วซืออยู่ที่ตำหนักอ๋องอี้อย่างนั้นหรือ?นี่… นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?“พระชายา ท่านอ๋องอาจจะรู้สึกซาบซึ้งที่คุณหนูฉินช่วยชีวิตเขาเอาไว้กระมังขอรับ ดังนั้นจึงได้ให้คุณหนูฉินอยู่ที่ตำหนักอ๋องอี้สักสองสามวัน!”ลู่หนานเห็นว่าหลิงอวี๋สีหน้ามิดีจึงรีบเอ่ย “ข้ากำลังยุ่งกับการขนของ มิคุยกับท่านมากแล้วนะขอรับ!”ลู่หนานรีบสั่งให้องครักษ์ขนย้ายเครื่องเรือนหลิงอวี๋มองแล้วก็รู้สึกว่าในหัวสับสนไปหมดฉินรั่วซือเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลร่ำรวยที่อยู่ในเรือนรอการแต่งงาน มิทราบว่าเซียวหลินเทียนจะให้นางอยู่ที่ตำหนักอ๋องอี้นี่มีความหมายอะไรหรือ?หรือว่าเซียวหลินเทียนอยากจะแต่งนางเข้ามาเป็นชายารอง?“พระชายา ท่านอ๋องหมายความอย่างไรกันเจ้าคะ?”หานเหมยเองก็รู้สึกว่ามันแปลก จึงเอ่ยถามออกมา“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาหมายความว่าอย่างไร! ไป ไปถามกัน!”หลิงอวี๋หันหลังเดินตรงไปที่เรือนริมวารีระหว่างทางก็ได้เจอกับหมิ่นกูเข้าพอดี ทันทีที่หมิ่นกูเห็นนางก็เอ่ยเสียงต่ำ “พระชายา ข้ากำลังตามหาเลยเจ้าค่ะ!”“ท่านอ๋อง
“เซียวหลินเทียน!”หลิงอวี๋ทนมิไหวอีกต่อไปแล้วจึงตะโกนขึ้นมา “หม่อมฉันมีเรื่องจะคุยกับท่าน!”“พระชายามาแล้วหรือเจ้าคะ!”ฉินรั่วซือรีบลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีมิสบายใจ “ข้า...ข้าขัดขวางเรื่องของพวกท่านหรือไม่? ท่านอ๋อง เช่นนั้นหม่อมฉันขอกลับก่อนเพคะ!”“ซือซือ!”เซียวหลินเทียนดึงแขนฉินรั่วซือเอาไว้ แล้วมองไปทางหลิงอวี๋อย่างมิพอใจ“หลิงอวี๋ มีเรื่องอะไรเจ้าก็พูดมาต่อหน้าซือซือเถอะ ข้ากับนางไม่มีความลับต่อกัน!”ว่ากระไรนะ?ความประหลาดใจของหลิงอวี๋เพิ่มขึ้นจนน่ากลัว นางมองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างมิอยากจะเชื่อนางอยากแน่ใจว่าสิ่งที่เซียวหลินเทียนพูดนั้นเป็นคำพูดจากใจจริงหรือไม่?ทว่าต่อให้ดวงตาของนางจ้องมองเขาและเบิกโตขึ้นแค่ไหน มองอย่างละเอียดเพียงใด ก็มิเห็นคำใบ้ที่เซียวหลินเทียนส่งให้ตนเลยแม้แต่น้อยหลิงอวี๋ลองคิดดูอีกที บางทีอาจจะเพราะมีฉินรั่วซือยู่ด้วย เซียวหลินเทียนจึงมิสะดวกที่จะพูด จึงเอ่ย “หม่อมฉันแค่อยากจะมาบอกท่านอ๋องว่า หม่อมฉันกับพวกเยวี่ยเยวี่ยจะไปเดินถนนกัน ท่านอยากจะไปด้วยกันหรือไม่?”“มิไป ข้ามีเรื่องต้องทำอีกมากมาย จะมีเวลาไปกับพวกเจ้าได้เยี่ยงไร! ต่อไปเรื่องเล็ก ๆ เช
นี่… นี่มันรังแกกันเกินไปแล้วจริง ๆ!เหตุผลของหลิงอวี๋หายไปในทันที ต่อให้เซียวหลินเทียนจะมีแผนการหรือว่ายากลำบากแค่ไหน ก็มิสามารถให้ฉืนรั่วซือหยาบคายไร้เหตุผลได้เช่นนี้กระมัง!“ไป เราไปหาเซียวหลินเทียนกัน!”หลิงอวี๋เรียกหานเหมย เถาจื่อและนางรับใช้อีกหลายคนไปด้วยกันหลิงซวนก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อ ช่วงนี้ท่านอ๋องอี้มีความรู้สึกที่ดีกับหลิงอวี๋มากขึ้นเรื่อย ๆ มิใช่หรอกหรือ?เหตุใดจู่ ๆ จึงเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้?นางตามหลิงอวี๋ไปที่เรือนริมวารีหลิงอวี๋พุ่งเข้าไปก็เห็นว่าเซียวหลินเทียนกับฉินรั่วซือกำลังชมภาพวาดกันอยู่“เซียวหลินเทียน ท่านมีสิทธิ์อะไรย้ายเครื่องใช้ของเรือนบุหงาของหม่อมฉันไป?”หลิงอวี๋ตะคอกด้วยความโกรธอย่างมิสนใจ “ของเหล่านั้นเป็นของที่ใช้เงินของหม่อมฉันซื้อมา มิได้เกี่ยวข้องอะไรกับตำหนักอ๋องอี้เลย ท่านมิถามแต่กลับมาเอาไป ต่างอะไรกับโจรเล่า?”เซียวหลินเทียนถูกรบกวนอารมณ์สุนทรีย์ก็หันไปมองทางหลิงอวี๋อย่ามิพอใจ พลางเอ่ยเสียงเย็นชา “เรือนบุหงาเป็นทรัพย์สินของข้า ข้าแค่เอาของของข้ามานิดหน่อย เจ้ามีสิทธิ์อะไรมามิพอใจ?”“ของของท่านอะไรกัน? หม่อมฉันจะบอกท่านอีกครั้งเพคะ ของเ
“เถาจื่อ ไปหาคนรับใช้สองสามคนมา พวกเราจะไปเรือนมารุตเพื่อขนของกลับ!”หลิงอวี๋ออกมาจากเรือนริมวารี แล้วสั่งด้วยความโกรธเถาจื่อโกรธอย่างที่สุด เมื่อนางและสุ่ยหลิงมาถึง ก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าหลิงอวี๋ได้จัดเรือนบุหงาทีละขั้นอย่างอุตสาหะเพื่อให้รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน!ในเรือนบุหงา พวกเขาเป็นดั่งครอบครัวเดียวกัน แล้วใครให้สิทธิ์คนพวกนั้นมาเอาของไปตามใจชอบกัน!เถาจื่อไปหาหมิ่นกูทันทีเพื่อเรียกกำลังคนเพิ่มหลิงซวนเห็นสถานการณ์และแนะนำว่า “อาจารย์ ข้าคิดว่าเรื่องนี้ มีบางอย่างที่น่าสงสัย อย่าได้ทำสิ่งใดบุ่มบ่ามเลยเจ้าค่ะ หาโอกาสหารือกับท่านอ๋องในภายหลังและหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์แย่ลงดีกว่านะเจ้าคะ!”“เจ้าคิดว่า ท่านอ๋องจะให้โอกาสข้าได้หารือดี ๆ รึ?”หลิงอวี๋เต็มไปด้วยโทสะ นางหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “นาง ฉินรั่วซือยังมิได้เข้าทางประตูด้วยซ้ำ กล้ามาทำให้ข้าอับอายเช่นนี้ หากข้ามิสอนบทเรียนให้นางวันนี้ นางคงได้คิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายของตำหนักอ๋องอี้ไปแล้วจริง ๆ กระมัง”“เถาจื่อ ไปเรียกคนมา”เถือจื่อรีบไปอย่างเชื่อฟังหลิงซวนมองหลิงอวี๋ด้วยความกังวลแล้วพูดเบา ๆ ว่า “อาจารย์ ท่านมิกล
เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวอย่างเจ็บปวดใจนัก “เจ้าสิบเอ็ด พวกเราพี่น้องล้วนเป็นคนตระกูลหลง แม้ปกติจะมิลงรอยกันบ้าง แต่ก็ล้วนเป็นเรื่องหยุมหยิม สามารถหัวเราะแล้วปล่อยผ่านไปได้!”“ทว่าหากมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวลงมือ นั่นก็คือวันล่มสลายของตระกูลหลง เจ้าสิบเอ็ด เจ้าต้องการให้ลูกหลานตระกูลหลงถูกมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวกำจัดจนสิ้นซากจริง ๆ หรือ?”เมื่อเช้าเจ้าแห่งทะเลไปเข้าร่วมประชุมราชสำนัก เห็นตระกูลเหล่านั้นร่วมกันฟ้องร้องมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัว จึงได้รู้ว่ามหาปราชญ์แอบทำอะไรลับหลังตนบ้างเขาแอบนึกเสียใจที่ตนวู่วามไป ฟังคำพูดฝ่ายเดียวของมหาปราชญ์ก็ให้รองแม่ทัพของตนนำทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เสียแล้วแต่เสียใจก็ส่วนเสียใจ เจ้าแห่งทะเลคิดว่า มหาปราชญ์บอกว่าเซียวหลินเทียนมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นคือกระบี่คุนอู๋และเสือปีกกาฬ จึงมิได้รู้สึกเสียใจมากนักที่ส่งทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เรื่องที่มหาปราชญ์หลอกใช้ตน บัญชีนี้ค่อยไปสะสางกับเขาทีหลัง เรื่องเร่งด่วนที่สุดในยามนี้คือ การยืนยันว่าเสี่ยวอู่ผู้นี้คือเซียวหลินเทียน และต้องยึดเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองชิ้นในมือเขามาให้ได้ส่วนเรื่องขี้ผึ้งหอมเส
หลิงอวี๋กดความรู้สึกมิสบายใจของตนไว้ รีบแต่งหน้าให้เซียวหลินเทียนดูป่วยซีดเซียวอย่างรวดเร็วทุกคนในจวนเตี๊ยมกันเรียบร้อยแล้วว่า เซียวหลินเทียนป่วยเป็นโรคประหลาด คนของคฤหาสน์อู่มาที่เมืองหลวงแดนเทพก็เพื่อตามหาหมอและเสาะหายาให้เซียวหลินเทียนช่วงนี้หลิงอวี๋มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวงแดนเทพ คฤหาสน์อู่จึงเชิญหลิงอวี๋มาก็เพื่อรักษาอาการป่วยของเซียวหลินเทียนส่วนเก๋อเฟิ่งฉิงที่อยู่ในคฤหาสน์อู่ เพราะเป็นห่วงอาการป่วยของคู่หมั้นของตนจึงตั้งใจมาเยี่ยมเป็นพิเศษและการที่หลงเพ่ยเพ่ยและหลงจิ้งมาเยี่ยมเซียวหลินเทียน ก็เพราะความสัมพันธ์ที่เซียวหลินเทียนเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าแห่งทิศใต้เช่นนี้ทุกคนก็มีข้ออ้างที่ดีพอที่จะใช้กลบเกลื่อนได้แล้วทุกคนเพิ่งจะตกลงแผนรับมือกันเสร็จ เจ้าแห่งทิศใต้และเจ้าแห่งทะเลก็มาถึงหน้าประตูแล้วเผยอวี้และฉินซานในฐานะน้องชายร่วมตระกูลของเซียวหลินเทียนก็ออกไปต้อนรับพร้อมกันหลงจิ้งก็ติดตามออกมาด้วย เขาแสร้งแสดงละครตลอดทาง ครั้นเห็นเจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์มาด้วยกันก็ทำท่าประหลาดใจ“ท่านอาเจ้าแห่งทะเล เหตุใดจึงมาพร้อมกับท่านพ่อของกระหม่อมได้พ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทะเลยิ้
หลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของหลงจิ้งก็ขมวดคิ้ว นางและเย่หรงเคยคาดเดากันไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเหตุใดเลี่ยวหงเสียถึงถูกขังในคุกน้ำโดยมิผ่านการไต่สวนหรือว่าจะเป็นเพราะนางพัวพันกับเรื่องของหลงอี้ มหาเทพหลงถึงได้ปฏิบัติต่อเลี่ยวหงเสียเช่นนี้“ท่านพ่อของข้าตั้งใจจะไปสอบถามเรื่องราวกับเลี่ยวหงเสีย ทว่าแม้แต่ท่านพ่อของข้าก็ยังมิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เลย!”หลงจิ้งหัวเราะอย่างขมขื่น “นี่ก็ยิ่งพิสูจน์ถึงความสำคัญของเลี่ยวหงเสีย ดังนั้น รอให้ผ่านพ้นอุปสรรคครั้งนี้ไปก่อน พวกเราค่อยคิดหาทางดูว่าจะช่วยเลี่ยวหงเสียออกมาได้หรือไม่!”“ข้าเชื่อว่าเย่หรงก็คงอยากช่วยนางออกมาเช่นกัน!”อย่างไรเสียหลิงอวี๋ก็เพิ่งจะรู้จักกับสองพ่อลูกเจ้าแห่งทิศใต้ มิได้ล่วงรู้พื้นเพพวกเขามากนัก มิสะดวกที่จะบอกว่าตนกับเย่หรงได้วางแผนช่วยเลี่ยวหงเสียไว้ก่อนหน้านี้แล้วขณะที่หลายคนกำลังพูดคุยกันอยู่ หัวหน้าองครักษ์ของหลงจิ้งก็เข้ามาแจ้งว่า “คุณชายสาม ท่านอ๋องออกจากท้องพระโรงแล้ว กำลังมุ่งหน้ามายังคฤหาสน์อู่ ผู้ที่ติดตามมาด้วยยังมีเจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ ท่านอ๋องให้พวกท่านเตรียมรับมือ”“เจ้าแห่งทิศใต้ให้ข้าน้อยมารายงานท่านก่อน ต
“พี่หญิง ท่านคงมิได้คิดว่าเพราะเป็นพ่อลูกกัน เจ้าแห่งทะเลจะออมมือให้หรอกใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นสีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนไปมา ก็กล่าวอย่างไร้ความปรานี “ต่อให้เขาจะเห็นแก่ความผูกพันทางสายเลือดนี้ ชายาเจ้าแห่งทะเลก็ไม่มีทางออมมือให้ท่านแน่!”“ชายาเจ้าแห่งทะเลมิได้ขาดแคลนบุตรธิดา ชายาเจ้าแห่งทะเลปฏิบัติต่อบุตรที่เกิดจากอนุภรรยาเหล่านั้นอย่างใจเหี้ยมอำมหิต นางไม่มีทางมองท่านเป็นพิเศษหรอก!”หลิงอวี๋ส่ายหน้า “ข้ามิได้คิดจะยอมรับเขา!”สำหรับบุรุษที่สามารถกำจัดสตรีที่รักของตนให้สิ้นซากได้ หลิงอวี๋ย่อมมิอาจคาดหวังอะไรเป็นพิเศษจากเขาได้เมื่อได้ฟังชีวิตอันน่าเวทนาของหลานฮุ่ยจวน หลิงอวี๋จึงไม่มีความรู้สึกผูกพันฉันพ่อลูกต่อเจ้าแห่งทะเลแม้แต่น้อย แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะยอมรับเขาเป็นบิดา?หลงจิ้งมองไปยังหลิงอวี๋ “น้องหญิง ที่พวกเราเปิดอกพูดคุยกับเจ้า ก็เพียงต้องการให้เจ้าเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของท่านอาเจ้าแห่งทะเล ให้เจ้าอย่าได้โง่เขลาไปแก้แค้นด้วยตนเอง!”“หากเจ้าอยากแก้แค้น พวกเราค่อย ๆ วางแผนกันในระยะยาว!”หลิงอวี๋จำหลานฮุ่ยจวนมิได้ด้วยซ้ำ ยิ่งมิรู้อะไรเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตนเองเลย
หลงจิ้งกำลังจะกล่าวต่อ หลงเพ่ยเพ่ยเห็นว่าเก๋อเฟิ่งฉิงก็อยู่ที่นี่ด้วย จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า“คุณหนูใหญ่เก๋อ เจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนสักครู่เถิด พวกเรามีเรื่องต้องปรึกษาหารือกับท่านเซียวตามลำพัง!”เก๋อเฟิ่งฉิงหน้าแดง รู้ว่าหลงเพ่ยเพ่ยกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนและมหาปราชญ์ จึงกล่าวขึ้นทันที “เช่นนั้นข้าขอกลับไปพักผ่อนก่อน พี่ใหญ่ หากมีเรื่องอันใดต้องการให้ข้าช่วยก็เรียกข้าได้นะเจ้าคะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงเดินออกไป แต่ซูจู๋กลับกล่าวอย่างมิพอใจว่า“ท่านหญิง พวกท่านระแวงคุณหนูของข้ามากเกินไปแล้ว การกระทำของคุณหนูของข้าเมื่อคืนก็เพียงพอที่จะพิสูจน์จุดยืนของนางแล้ว หากนางคิดจะหักหลังพวกท่าน เหตุใดยังต้องรอจนถึงยามนี้เล่า!”“ท่านเซียว พวกเขามิเข้าใจคุณหนูของข้าก็ช่าง แต่ท่านยังมิเข้าใจคุณหนูของข้าอีกหรือเจ้าคะ?”“ทำกับคุณหนูของข้าเช่นนี้ ช่างเกินไปแล้วจริง ๆ!”เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างขมขื่น และโค้งคำนับเล็กน้อย “น้องเก๋อ ทำให้เจ้าต้องลำบากใจเสียแล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะไปขอโทษเจ้า!”เก๋อเฟิ่งฉิงคลี่ยิ้มเล็กน้อยอย่างใจกว้าง “พี่ใหญ่เกรงใจเกินไปแล้ว ข้าหาได้เสียใจไม่ เ
เซียวหลินเทียนเห็นท่าทางแน่วแน่ของเก๋อเฟิ่งฉิง ในใจกลับรู้สึกผิดขึ้นมาเก๋อเฟิ่งฉิงเสี่ยงตายช่วยตนไว้ ยามนี้ร่างกายยังคงอ่อนแออยู่เมื่อครู่ตนคิดเพียงแค่ให้นางออกไปขอความช่วยเหลือ แต่กลับมิได้คิดว่า การทำเช่นนี้อาจทำให้ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังนางต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยเซียวหลินเทียนลังเล มิได้ยื่นแผ่นป้ายไม้ออกไป กล่าวว่า “ซูจู๋พูดถูก เจ้าออกไปเช่นนี้จะทำให้ตระกูลของเจ้าต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ข้าขอลองคิดหาวิธีอื่นดูก่อน!”เก๋อเฟิ่งฉิงร้อนใจ ยื่นมือออกไปคว้าแผ่นป้ายไม้ในมือของเซียวหลินเทียนมาทันที“พี่ใหญ่ ยามนี้พวกเราตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน หากมิร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าฟันอุปสรรคครั้งนี้ไปให้ได้ ก็คงไม่มีผู้ใดหนีรอดไปได้ทั้งนั้น!”“ท่านอย่าคิดมากเลย ต่อให้ไม่มีพวกท่าน มิช้าก็เร็วเราก็ต้องเผชิญหน้ากับมหาปราชญ์อยู่ดี ยามนี้แค่ก้าวล้ำหน้าไปหนึ่งก้าวเท่านั้น มินับว่าถูกพวกท่านทำให้เดือดร้อนหรอก!”“ข้าไปก่อน! พวกท่านรอข่าวดีจากข้าเถิด”เก๋อเฟิ่งฉิงถือแผ่นป้ายไม้ ตั้งท่าจะหันหลังเดินออกไปในใจของหลิงอวี๋รู้สึกหลากหลายปนเป การขอความช่วยเหลือจากภายนอกอาจจะเป็นทางรอดทางหนึ่ง แต่การกระทำขอ
ยาฉีดกระตุ้นหัวใจเพิ่งฉีดเข้าไปได้เพียงมิกี่นาที เซียวหลินเทียนก็ลืมตาขึ้นเมื่อเห็นหลิงอวี๋นั่งอยู่ข้างเตียง ในใจของเซียวหลินเทียนก็พลันยินดี อาอวี๋อยู่เฝ้าเขาทั้งคืนเลยหรือ?“เซียวหลินเทียน คนของเจ้าแห่งทะเลล้อมคฤหาสน์อู๋ไว้หมดทุกด้านแล้ว เผยอวี้ได้ให้คนของหลงเพ่ยเพ่ยไปรายงานเจ้าแห่งทิศใต้แล้ว!”หลิงอวี๋กล่าวอย่างเยือกเย็น “แม้ว่าตอนนี้จะยังมิใช่เวลาฝ่าวงล้อม แต่พวกเราก็มิอาจนิ่งเฉยมิเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด!”“เส้นชีพจรหัวใจของท่านขาดสะบั้น ข้าให้ยาท่านแล้ว ท่านหมุนเวียนลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บก่อน เตรียมความพร้อมที่จะหลบหนีไปพร้อมพวกเรา!”เก๋อเฟิ่งฉิงกล่าวอย่างร้อนรน “คุณหนูสิง พี่ใหญ่ของข้ายังเคลื่อนไหวหนัก ๆ มิได้ การออกไปจากที่นี่อาจจะคร่าชีวิตเขา! ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ?”หลิงอวี๋ลุกขึ้นยืน กล่าวเสียงเย็นชา “ข้าเป็นหมอ จะมิรู้สถานการณ์ของเขาได้อย่างไร?”“ข้าก็มิต้องการให้คนไข้ตายเช่นกัน แต่มหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลจะยอมให้เขานอนพักรักษาตัวอยู่เงียบ ๆ หรือไร?”“คุณหนูใหญ่เก๋อ ข้าไม่มีเส้นสายในเมืองหลวงแดนเทพเช่นเจ้า หากเจ้าแห่งทิศใต้ช่วยมิได้ บางทีเจ้าอาจจะคิ
คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้หานอวี้ตกใจจนมิกล้าพูดอะไรอีก รับยามาอย่างว่าง่ายแล้วมองหลิงอวี๋เดินจากไปอย่างมิแยแสแย่แล้ว คุณหนูโกรธ ๆ จริงแล้ว!คราวนี้องค์จักรพรรดิยิ่งอธิบายความสัมพันธ์กับเก๋อเฟิ่งฉิงได้ยากขึ้นไปอีก!หานอวี้เริ่มเป็นห่วงเซียวหลินเทียนอย่างสุดซึ้งแต่หลิงอวี๋ยังมิทันเดินพ้นลานเรือนของเซียวหลินเทียน ก็เห็นเผยอวี้และจ้าวซวนรีบร้อนวิ่งเข้ามา“พี่หญิงหลิงหลิง เกิดเรื่องแล้ว กองทหารกลุ่มหนึ่งล้อมคฤหาสน์อู๋ไว้หมดทุกด้านแล้ว เป็นคนของจวนเจ้าแห่งทะเล!”“ว่ากระไรนะ?”หลิงอวี๋สีหน้าเปลี่ยนไป รีบถามทันที “แจ้งคนของหลงเพ่ยเพ่ยแล้วหรือยัง?”“ข้าบอกพวกเขาแล้ว มู่ตงบอกว่าเขาได้ส่งคนไปรายงานท่านหญิง และบอกให้พวกเราอย่าตื่นตระหนก!”“มู่ตงและองครักษ์ของจวนเจ้าแห่งทิศใต้หลายคนไปเจรจากับแม่ทัพที่นำกองกำลังมาแล้ว!”เผยอวี้รายงานหลิงอวี๋รู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที สภาพของเซียวหลินเทียนยามนี้มิสามารถเคลื่อนย้ายได้เลย นับประสาอะไรกับการหนีเอาชีวิตรอด นั่นจะทำให้เขาตายได้ทันที!ส่วนเผยอวี้และหวงฝู่หลินต่างก็บาดเจ็บสาหัส หากต้องบุกฝ่าออกไป ย่อมมิสามารถหนีพ้นจากเมืองหลวงแดนเทพไปได้แน่นอนยามน
หานอวี้ก็จนปัญญาไปชั่วขณะ นางคงมิสามารถใช้กำลังยื้อแย่งตรง ๆ ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ตอนอยู่ภูเขาหิมะ เก๋อเฟิ่งฉิงก็มิเคยมีท่าทีเป็นศัตรูกับพวกเขา ทั้งยังช่วยชีวิตเซียวหลินเทียนไว้ที่ภูเขาหิมะ เมื่อกลับมาก็มิได้ทรยศหักหลังพวกเขาแต่อย่างใดครั้งนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เพื่อช่วยเซียวหลินเทียน นางเกือบจะต้องทิ้งชีวิตตัวเอง!หากตนใช้กำลังยื้อแย่ง นั่นมิเท่ากับเป็นการเนรคุณหรอกหรือ?หากฝ่าบาทฟื้นขึ้นมาก็จะตำหนิตนเอาได้!ขณะที่หานอวี้กำลังทำอะไรมิถูก ก็ได้ยินเสียงเถาจื่อดังมาจากข้างนอก “คุณหนู ทางฝั่งท่านเจ้าวังหวงฝู่กินมื้อเช้าแล้ว หากท่านเป็นห่วงเจ้าวังน้อยก็ไปดูนางก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”“มาถึงนี่แล้ว แวะดูอาการเซียวหลินเทียนก่อนแล้วค่อยไปก็ได้!”หลิงอวี๋รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อคืนเถาจื่อและคนอื่น ๆ ยังพยายามทุกวิถีทางให้ตนมาเฝ้าเซียวหลินเทียน แต่เหตุใดเช้าวันนี้กลับบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา ดูเหมือนมิอยากให้ตนไปเยี่ยมเซียวหลินเทียนนางพูดพลางก้าวเข้าไปในห้อง เห็นเก๋อเฟิ่งฉิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงของเซียวหลินเทียนกำลังเช็ดมือให้เขาอย่างอ่อนโยนหลิงอวี๋ชะงักไปเล็กน้อย นางเข้าใจทุกอย่างแล้วที่เถาจ