เสียงฝีเท้าวิ่งขององครักษ์ผู้นั้นเข้าไปในเรือนหลักแล้ว กลางดึกเช่นนี้ ยิ่งเป็นคนที่มีทักษะการฟังที่ชัดเจนเช่นหลิงอวี๋ก็ยิ่งชัดเจนมากเป็นพิเศษนับตั้งแต่ที่หลิงอวี๋ฝึกฝนพลังวิญญาณ และหลังจากที่กินยาเม็ดนั้นของหลานฮุ่ยจวน ประสาทสัมผัสก็ยิ่งดีกว่าเมื่อก่อนอีกนางฟังอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินได้ว่า องครักษ์เข้าไปในห้องตำราของอ๋องหรง ในห้องนั้นยังมีคนอีกสองคน ฝีเท้าหนักบ้างเบาบ้างองครักษ์หยุดแล้ว ดูเหมือนว่ากำลังรายงานอยู่ หลิงอวี๋สามารถได้ยินเสียงการพูดคุย แต่ความสามารถของนางยังมิเพียงพอที่จะได้ยินว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกันอยู่ทั้งสามคนคุยกันอยู่มินาน แล้วทั้งสามคนรวมถึงองครักษ์ก็เดินออกมาด้วยกันเสียงฝีเท้ารีบร้อนมาก ราวกับว่ามีเรื่องเร่งด่วนต้องไปจัดการหลิงอวี๋ก็มิได้รีบร้อน นางจึงฟังต่ออย่างอดทนและนับจำนวนคนไปหลังจากคนในห้องตำราออกมา ห้องตำราก็ไม่มีเสียงใดแล้วบริเวณรอบนอกมีเสียงฝีเท้าขององครักษ์สองคน ตามคนในห้องตำราไปที่ในเรือนแล้วพูดคุยกันมิกี่ประโยคจากนั้นคนในห้องตำราก็ออกจากเรือน แล้วองครักษ์ในเรือนสองคนก็แยกทางไปกันซ้ายคนหนึ่งขวาคนหนึ่งหลิงอวี๋เงยหน้ามองไปก็เห็นว่าคนทั้งหมดส
หลิงอวี๋กลับไปในห้องตำราอีกครั้งแล้วพิจารณาพวกเครื่องใช้ในห้องตำราใหม่อีกทีบนชั้นหนังสือนอกจากจะมีหนังสืออยู่แล้วก็ยังมีของตกแต่งบางอย่างที่จักรพรรดิอู่อันประทานมาให้ในช่วงนี้วางอยู่ด้วยชั้นหนังสือนี้ค่อนข้างเก่าแล้ว นี่น่าจะเป็นสิ่งที่เจ้าของเดิมวางไว้ หลิงอวี๋มองแล้วก็ใจเต้นรัวขึ้นมาทันทีเฮ่อหรงทำการปรับปรุงตำหนักอ๋องหรงใหม่แล้ว เหตุใดยังเก็บชั้นหนังสือของเจ้าของเก่าเอาไว้อีกเล่า?เจ้าของเก่าของชั้นหนังสือนี้คือแม่ทัพหลูคนสนิทขององค์ชายเว่ยซึ่งเขาตายไปแล้วต่อให้เฮ่อหรงจะนึกถึงอดีตเพียงใดก็มิน่าจะเก็บของของคนตายเอาไว้ในห้องตำราของตนเอง!หรือว่าห้องตำรานี้จะมีความลับอยู่อีก?หลิงอวี๋สำรวจไปรอบ ๆ ชั้นหนังสือ นางเคลื่อนย้ายของตกแต่งบนชั้นหนังสือดู แต่พอย้ายทั้งหมดไปแล้วก็มิเห็นว่าประตูลับจะเปิดออกเลยหลิงอวี๋แอบขำที่ตนคงจะดูโทรทัศน์มากเกินไปก็เลยคิดว่ากลไกทั้งหมดอยู่บนของตกแต่งนางไม่มีความอดทนที่จะหาแล้ว จึงเอาไฟฉายรังสียูวีออกมาส่องไปตามชั้นหนังสือและตรงกำแพง แล้วก็เห็นว่าบนกำแพงข้างชั้นหนังสือมีบางที่ที่มีสีเข้มกำแพงนี้หากมิได้ใช้ไฟฉายรังสียูวีส่องไป สีก็จะเหมือนกับรอบ
บัญชีเหล่านี้ทำเอาหลิงอวี๋เห็นแล้วตะลึงจนพูดมิออก ในนั้นเป็นบันทึกรายรับรายจ่ายของค่ายกองทหารเสือในช่วงยี่สิบปีนี้มีทั้งเงินที่การคลังจัดสรร และยังมีรายรับจากแหล่งที่มามิชัดเจนด้วยหลิงอวี๋ไม่มีเวลาดูให้ละเอียด ดูไปเพียงมิกี่หน้าแล้วก็พบว่ารายรับเหล่านี้มีจำนวนมากมายนัก ดูผิดปกตินางเก็บสมุดบัญชีเล่นนี้เข้าไปในมิติแล้วตรวจสอบต่อในกล่องหนึ่ง หลิงอวี๋เห็นหนังสือยอมรับผิดของมู่หรงเหยียนซง เดิมทีนางคิดว่าจะเอาหนังสือยอมรับผิดนั้นออกไปด้วยแต่พอคิดอีกที หากเอาหนังสือยอมรับผิดออกไปแล้วถูกเฮ่อหรงพบเข้า เขาก็จะรู้ว่ามีคนเคยเข้ามาในห้องลับนี้ แล้วเขาจะต้องคิดหาวิธีอื่นจัดการแน่นอนขอเพียงทิ้งหนังสือยอมรับผิดไว้ มิให้เขาพบว่ามีคนเข้ามาในห้องลับ แล้วรอให้ถึงตอนที่ตอนงานแต่งงานที่จักรพรรดิอู่อันมาร่วมงานด้วยตนเองก่อนแล้วจึงจะเปิดโปงเฮ่อหรงได้ในตอนที่หลิงอวี๋กำลังคิดจะไป จู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งเกิดขึ้นมา หลิงเยี่ยนเอาตนไปขายให้พระชายาเว่ยฟังแล้ว เช่นนั้นเหตุใดตนมิทำสิ่งใดสักหน่อยให้พระชายาเส้ากับเก๋อเทียนซือไปสงสัยตระกูลเฮ่อหน่อยเล่า!นางเอาตำราการแพทย์เล่มนั้นของซือคงชวิ่นออกมาจากในมิติ แ
เฮ่อเฉียง!หลิงอวี๋เชื่อในหูตนเองว่าไม่มีทางฟังผิดไปแม้ว่าเฮ่อเฉียงจะมิได้พูดคุยกับตนเองมากนัก แต่โทนเสียงของเขานั้นหลิงอวี๋ไม่มีทางลืมเฮ่อเฉียงเป็นทูตขวาของหอเหยี่ยวราตรี เช่นนั้นหัวหน้าหอจะมิใช่เฮ่อหรงหรือ?หลิงอวี๋มิคาดคิดเลยจริง ๆ ว่า เฮ่อหรงจะมีความเกี่ยวข้องกับหอเหยี่ยวราตรี เช่นนั้นที่เซียวหลินเทียนบอกว่าเขาแกล้งป่วยทั้งหมดนั่นก็สมเหตุสมผลแล้วมีเพียงแค่คนป่วยกระเสาะกระแสะมิดึงดูดความสนใจใครเท่านั้น จึงจะมีโอกาสมิพบใครเลยได้ตลอดทั้งปี แล้วแอบไปทำการค้าลับ ๆ เหล่านี้ได้และมีเพียงผู้สูงศักดิ์ที่มีอำนาจเหนือใครเช่นเฮ่อหรงเท่านั้น จึงจะกล้าช่วยมือสังหารเหล่านั้นออกมาจากศาลาว่าการผู้ว่าราชการมณฑลได้หลิงอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งตกใจ แล้วเหงื่อเย็น ๆ ก็ออกมาโดยมิรู้ตัวเฮ่อเฉียงสามารถนั่งตำแหน่งทูตขวาของหอเหยี่ยวราตรีได้ ความสามารถกับวรยุทธล้วนต้องแข็งแกร่งมาก นางจะเดินออกไปเงียบ ๆ โดยมิถูกจับได้ได้หรือ?ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ เฮ่อเฉียงก็เอ่ยขึ้นมา “เจ้าได้รับบาดเจ็บ คืนนี้ก็อยู่ที่ทางลับนี่อย่าออกไปไหน คนของท่านอ๋องอี้ที่อยู่ด้านนอกจะต้องค้นหาไปทั่วทุกที่แน่นอน หลบอยู่สักคื
ขณะที่หลิงอวี๋นอนคว่ำหน้าพักผ่อนอยู่ที่พื้น นางก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของเสียงฝีเท้าจำนวนนับไม่ถ้วนที่พื้นแล้วก็มีเสียงรัวกลองดังมาราง ๆ ด้วยหลิงอวี๋ตกใจลุกขึ้นนั่งเฮ่อเฉียงคิดจะทำอะไรอีก?หรือว่าเขาพบว่ามีคนแอบบุกเข้ามาในห้องลับเลยกำลังเรียกคนมาจับตน?หากตนเป็นเฮ่อเฉียง เวลานี้จะทำสิ่งใดกันนะ?หลิงอวี๋ลองคิดกลับกันพลางเคลื่อนที่ออกไปอย่างเงียบ ๆตอนนี้ในห้องลับยังมีมือสังหารอยู่อีกหนึ่งคน เฮ่อเฉียงใช้งานเขาเช่นนี้ทั้งยังยอมให้เขามาซ่อนตัวที่ห้องลับอีก ก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่า คนผู้นี้ต้องมีความสามารถโดนเด่นหากกลับไปทางเดิมก็อาจจะเป็นการหาเรื่องยุ่งให้ตนเองแล้วไปเจอเข้ากับเฮ่อหรงกับเฮ่อเฉียงเอาได้เช่นนั้นทางที่เหลือที่สามารถหนีออกไปได้ก็มีเพียงเส้นทางที่ตนอยู่นี่แต่เส้นทางห้องลับนี้จะไปสถานที่ใดกัน หากตนออกไปแล้วจะเจอกำลังพลมารอจับตนอยู่หรือไม่หลิงอวี๋กังวลใจเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้นางคุยกับหานอวี้ไว้แล้วว่า ตอนกลางคืนตนจะกลับไปเจอนาง ให้หานอวี้ช่วยปิดบังให้ตนด้วยหากตนมิกลับไป แล้วหากเฮ่อเฉียงตรวจสอบนางรับใช้พบว่าตนหายไปจากนิสัยที่สามารถฆ่าคนโดยมิกะพริบตาได้ขอ
“บอกมา หลิงเอ๋อร์เล่า?”เฮ่อเฉียงพูดประโยคนี้ลอดไรฟันออกมาหานอวี้จึงคุกเข่าลง “พ่อ… พ่อบ้านเฮ่อ… หลิงเอ๋อร์ยังมิกลับมาเจ้าค่ะ มิรู้ว่านางยังอยู่ที่ทางห้องครัวหรือไม่ นาง… นางค่อนข้างมึนงง จำเส้นทางมิค่อยได้เจ้าค่ะ!”แม่นางลั่วได้ยินจึงเอ่ย “บางทีอาจจะหลงทางแล้วกลับไปที่ครัวจริง ๆ ก็ได้เจ้าค่ะ! พ่อบ้านเฮ่อ บ่าวจะไปหาเองเจ้าค่ะ!”เฮ่อเฉียงขยิบตาแล้วองครักษ์ผู้หนึ่งก็เดินออกไปแต่เขาเดินไปมิทันถึงประตูเรือนก็เห็นนางรับใช้ผู้หนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาแล้ว “แม่นางลั่ว ทางห้องครัวมีองครักษ์ผู้หนึ่งมิระวังลืมดับไฟ ไฟก็เลยลุกไหม้ของแห้งบางส่วนแล้วเจ้าค่ะ...”“ว่ากระไรนะ? เหตุใดเขาจึงมิระวังเช่นนั้น!”แม่นางลั่วได้ยินว่าไฟลุกไหม้ก็ร้อนใจลากนางรับใช้รีบวิ่งไปทันทีนางรับใช้ผู้นั้นจึงเอ่ยอย่างกังวล “แม่นางลั่ว โชคดีที่หลิงเอ๋อร์อยู่ด้วย นางกับข้าจึงช่วยกันดับไฟแล้ว นางกำลังเก็บของอยู่ ให้ข้ามาบอกเจ้าว่านางมารวมตัวด้วยมิได้แล้ว!”“เวลานี้ยังจะรวมตัวอะไรอีก พ่อบ้านเฮ่อ คนของข้าอยู่ครบ ข้าต้องรีบกลับไปดูว่าของเสียหายไปเท่าใด! เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องไปถึงงานอภิเษกสมรสด้วยเจ้าค่ะ!”แม่นางลั่
ส่วนพี่เฉินผู้นี้ หลิงอวี๋วิ่งกลับมาที่ครัวแล้วเห็นว่าเขาขโมยของกิน ตอนนั้นหลิงอวี๋มิได้ตะโกนออกมาแต่หลิงอวี๋อาศัยที่เขากำลังจะไปพร้อมถือตะเกียงน้ำมันนั้นหลบอยู่ในความมืดแล้วจงใจแทงเข็มเงินแทงเข้าที่ขาของเขาตอนที่เขาเดินผ่านห้องของแห้ง พี่เฉินจึงล้มลง ตะเกียงน้ำมันก็ตกลงไปบนหญ้าแห้งด้านข้างแล้วติดไฟขึ้นมาทันทีกระทั่งไฟลุกขึ้นมาเยอะแล้ว หลิงอวี๋ถึงได้รีบตะโกนเรียกนางรับใช้ให้มาช่วยกันดับไฟนางรับใช้ได้ยินหลิงอวี๋บอกว่าหลงทางแล้วนอนกับนาง นางเองก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วจึงนอนเร็วจนสะลึมสะลืออยู่เมื่อหลิงอวี๋พูดเช่นนี้นางก็คิดว่าตนหลับลึกไปแล้วหลิงอวี๋เพิ่งเข้ามาทีหลังก็เลยมิได้สงสัยหลิงอวี๋จึงรอดพ้นไปได้เช่นนี้หลังจากยุ่งมานาน แม่นางลั่วเองก็มิได้ลงโทษ เห็นว่าดึกมากแล้วจึงด่าไปเล็กน้อยแล้วให้พวกหลิงอวี๋ไปนอนก่อนพวกคนในครัวเพิ่งได้พักไปมิกี่ชั่วยามก็ถูกแม่นางลั่วเรียกมาทำงานแล้วหลิงอวี๋ถือโอกาสแนะนำหานอวี้ให้แม่นางลั่วรู้จัก แม่นางลั่วจึงมิรีรอและไปพาตัวมาเลยเมื่อหานอวี้เห็นหลิงอวี๋ ใจที่กังวลมาทั้งคืนก็กลับเข้าที่แล้ว“พระชายา ท่านเจอของที่ตามหาหรือไม่เจ้าคะ?” หานอวี้ทำง
มือสังหารเหล่านี้ถูกท่านอ๋องเฉิงส่งตัวไปขังที่ฝ่ายในราชสำนักแล้ว ท่านอ๋องเฉิงยังให้กลุ่มแม่ทัพกว่าร้อยคนที่ประจำการอยู่เมืองหลวงมาประจำการที่ฝ่ายในราชสำนักเป็นการชั่วคราวด้วย เพื่อป้องกันมิให้มือสังหารเหล่านี้ถูกช่วยออกไป มิรู้ว่าท่านอ๋องเฉิงไปพูดอย่างไรกับจักรพรรดิอู่อัน จักรพรรดิอู่อันจึงได้อนุญาตเซียวหลินเทียนอ่านข้อความที่หลิงอวี๋ส่งมาเสร็จแล้วก็เงียบไปสักพัก จากนั้นก็เรียกเผยอวี้ ฉินซาน หลี่ว์จงเจ๋อและอันเจ๋อมา จากนั้นทั้งห้าคนก็วางแผนร่วมกันช่วงก่อนหน้านี้ฉินซานมิได้มาที่ตำหนักอ๋องอี้เลยเนื่องจากเรื่องของฉินรั่วซือ จึงรักษาระยะห่างกับเซียวหลินเทียนไปเขารู้สึกละอายที่จะเจอเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ฉินรั่วซือน้องสาวตนเป็นบ้าไปแล้ว ถึงกับเผยแพร่ข่าวเท็จเรื่องโสมโลหิตออกไปทั่วเพื่อตำแหน่งชายารองของท่านอ๋องอี้ และยุยงให้องค์ชายทั้งสองมิลงรอยกันที่ภัตตาคารจี๋เสียง เรื่องน่าอายที่ฉินรั่วซือทำไว้ไปถึงหูของฉินซาน ฉินซานจึงกลับไปดุด่าฉินรั่วซืออย่างรุนแรงฮูหยินฉินได้ยินแล้วก็ทั้งผิดหวังทั้งปวดใจ นางมิได้ตักเตือนฉินรั่วซือ เพียงแต่เอ่ยเรียบ ๆ “รั่วซือ เจ้าไปอยู่ที่วัดประจำตระกู