เซียวหลินเทียนไปหารายชื่อและข้อมูลของบ่าวเหล่านั้นมาให้หลิงอวี๋ตามแผนของหลิงอวี๋หลิงอวี๋พอจะคุ้นเคยกับประวัติความเป็นมาของพวกเขาบ้างแล้ว ดังนั้นนางกับหานอวี้จึงแฝงตัวกับกลุ่มของจวนอ๋องหรงที่ออกมาจ่ายตลาดเข้าไปในจวนโดยที่มิดึงดูดความสนใจของผู้ใดเลยพ่อบ้านจวนอ๋องหรงตอนนี้คือเฮ่อเฉียงซึ่งเป็นพ่อบ้านที่ไร่นาของเฮ่อหรง เซียวหลินเทียนไปตรวจสอบเขามาแล้วปีนี้เฮ่อเฉียงอายุสี่สิบกว่า เป็นคนรับใช้ของตระกูลเฮ่อ ตอนแรกเป็นบ่าวติดตามพ่อของเฮ่อหรง มีความจงรักภักดีต่อเฮ่อหรงมากเขาแต่งงานมีลูกแล้ว เฮ่อหยางลูกชายของเขาก็เป็นคนรับใช้ของเฮ่อหรงเช่นกัน ส่วนภรรยาก็ช่วยเฮ่อหรงดูแลไร่นาหลิงอวี๋ดูข้อมูลแล้วก็มิเห็นความพิเศษของเฮ่อเฉียง ทว่าแฝงตัวเข้าไปมิถึงครึ่งวัน นางก็พบมุมที่เก่งกาจของเฮ่อเฉียงแล้ว...หลิงอวี๋กับหานอวี้เข้าไปในจวนอ๋องหรงแล้วแยกกันทำงาน นางไปทำงานในครัวกับสตรีอายุสามสิบกว่าสตรีผู้นี้เป็นแม่ครัวที่จักรพรรดิอู่อันประทานเป็นรางวัลมาให้อ๋องหรง นางสกุลลั่ว นางเห็นหลิงอวี๋เข้ามาช่วยตอนยุ่งกับการซื้อของจึงให้หลิงอวี๋อยู่ด้วยหลิงอวี๋ใช้นามแฝงว่าหลิงเอ๋อร์ นี่เป็นชื่อที่มีอยู่ในรายชื่อ
หลิงอวี๋ฝืนทนไว้ มือก็จงใจจับที่ชายเสื้อผ้าของตนเองอย่างดูอึดอัดหลังจากนั้นสักพัก เฮ่อเฉียงจึงหันไปถามแม่นางลั่ว “ก่อนหน้านี้มิได้เห็นนางรับใช้ผู้นี้เลย มาจากที่ใดกัน?”แม่นางลั่วยิ้มทันทีพลางเอ่ย “ก่อนหน้านี้หลิงเอ๋อร์ตามบ่าวไปจ่ายตลาด บ่าวเห็นว่านางคล่องแคล่วดี ทั้งยังรู้หนังสือด้วยจึงให้นางอยู่ช่วยในครัวเลยเจ้าค่ะ!”“พ่อบ้านเฮ่อ ดูสิเจ้าคะ ครัวมีงานมากถึงเพียงนี้ หากไม่มีคนที่คล่องแคล่วมาช่วยบ่าวก็ทำมิเสร็จจริง ๆ เจ้าค่ะ! นางมาช่วยงานบ่าวไปได้มากทีเดียว!”“เช่นนั้นก็ให้นางอยู่เถิด!”เฮ่อเฉียงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินถอยออกไปหลิงอวี๋เห็นว่าเขาไปไกลแล้วจึงกล้าที่จะลอบถอนหายใจสิ่งนี่พิสูจน์แล้วว่าตนปลอมตัวสำเร็จ อีกทั้งการเตรียมตัวก่อนหน้านี้ก็เต็มที่ด้วย ดังนั้นเฮ่อเฉียงจึงมิได้สงสัยตนที่เขาซักไซ้ตนก่อนหน้านี้ก็แค่มิคุ้นหน้าตนเท่านั้นแต่ในช่วงเวลาเล็กน้อยนี้ก็ทำให้หลิงอวี๋มองออกถึงความสามารถของเฮ่อเฉียงที่คนทั่วไปมิสังเกตข้อแรก เฮ่อเฉียงมิดูบันทึก แค่ฟังชื่อของตนแล้วก็มิได้ถามละเอียดนี่แสดงว่าเขามีความทรงจำที่ดีมาก สามารถจดจำข้อมูลของคนรับใช้ทุกคนในจวนได้ข้อสอง เฮ่อ
หลิงอวี๋สำรวจอยู่ในจวนอ๋องหรงทางด้านเซียวหลินเทียนก็มิได้ว่าง กำลังพลต่าง ๆ กำลังไล่ตามไป๋สั่วมิ่งอยู่ สุดท้ายก็เจอแหล่งกบดานของไป๋สั่วมิ่ง ก็คือเรือนที่อยู่บนถนนด้านหลังจวนอ๋องหรง ปี้ไห่เฟิงจึงรีบส่งคนไปแจ้งเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนรีบมาทันทีแล้วก็เห็นว่าเรือนนั้นกับจวนอ๋องหรงอยู่ห่างกันแค่ถนนเส้นเดียวเท่านั้นหัวใจของเซียวหลินเทียนบีบแน่นทันที หรือหัวหน้าหอเหยี่ยวราตรีจะเป็นเฮ่อหรง?เป็นไปได้หรือ?เขานึกย้อนไปถึงการตรวจสอบหอเหยี่ยวราตรีก่อนหน้านี้ นักฆ่าที่เว่ยโจวครั้งที่แล้วบอกพวกเขาว่ามิเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของหัวหน้าเลย ทุกครั้งที่หัวหน้าปรากฏตัวก็จะใส่หน้ากากปิดตลอดแสดงว่าเฮ่อหรงก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นหัวหน้าหอเหยี่ยวราตรีตอนนั้นเฮ่อจิ้นผู้นำตระกูลเฮ่อสามารถควบคุมค่ายกองทหารเสือและมีองครักษ์ที่ฝึกฝนด้วยเฮ่อหรงก็อาจจะใช้วิธีนี้ฝึกนักฆ่าของหอเหยี่ยวราตรีได้!หรือกระทั่ง… นักฆ่าเหล่านี้อาจจะเป็นคนของค่ายกองทหารเสือก็เป็นได้!เพราะว่านอกจากองค์จักรพรรดิกับราชองครักษ์ของค่ายกองทหารเสือแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดรู้แน่ชัดว่าสมาชิกของค่ายกองทหารเสือมีผู้ใดกันบ้าง!หลิงอว
คำพูดที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยของเซียวหลินเทียนทำให้องค์ชายอิงตะลึง นี่อ๋องอี้กำลังบอกอะไรเป็นนัย ๆ อยู่หรืออย่างไร?เซียวหลินเทียนเห็นท่าทีตะลึงขององค์ชายอิงก็หัวเราะออกมา “ก่อนหน้านี้เยวี่ยเยวี่ยของข้าเห็นความสง่าของเหยี่ยวดำตัวนี้ของเจ้าแล้วอิจฉามาก มาอ้อนข้าให้หาให้เขาสักตัว!”“ข้าเองก็มิเคยเห็นเหยี่ยวที่สง่าถึงเพียงนี้เช่นกันจึงได้ถาม!”ทันทีที่องค์ชายอิงได้ยินว่าเป็นเรื่องนี้ ก็แอบหัวเราะเยาะตัวเองที่คิดมากไป“การจะจับเหยี่ยวมาเป็นสัตว์เลี้ยงมิใช่เรื่องที่มีความสามารถแล้วจะทำกันได้ ต้องพึ่งโชคด้วย!”องค์ชายอิงเอ่ยอย่างภาพภูมิใจ “เป็นเพราะโชคชะตาทำให้ข้าได้ช่วยเหลือเหยี่ยวตัวนี้ในตอนที่ข้ายังเด็ก และมันก็ติดตามข้ามาหลายปีแล้ว! มันจงรักภักดีกับข้ายิ่งกว่าคนเสียอีก!”“อ๋องอี้… เชิญ!”องค์ชายอิงยื่นมือออกไปทำท่าเชิญ เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนนั่งลงแล้วก็รินชาให้เซียวหลินเทียนด้วยตัวเอง“อ๋องอี้คิดว่า ที่จู่ ๆ ข้ามาหาเช่นนี้กะทันหันมากใช่หรือไม่? ข้าเป็นคนตรงไปตรงมา และรู้ว่าเวลาของอ๋องอี้มีค่ามาก ข้าจะมิพูดอ้อมค้อมกับเจ้า มีสิ่งใดก็จะพูดเลยตามตรง!”เซียวหลินเทียนรับถ้วยชามาอย่างมีมารย
แม้ว่าองค์ชายอิงจะมิได้พูดออกมาตรง ๆ แต่ข้อความที่แทรกอยู่ในคำพูดนั้นมันแสดงออกมาเช่นนี้เซียวหลินเทียนคิดพลางจงใจพูด “ว่ากันว่า เมืองโม่เหอนั้นมิว่าปลูกสิ่งใดก็ตายหมด แค่คิดว่าข้าต้องไปในที่กันดารย่ำแย่นั้นก็ทนมิไหวแล้ว หากองค์ชายอิงช่วยได้เช่นนี้ก็จะดีที่สุด!”หลิงอวี๋เคยพูดว่า โม่เหออาจจะมีสมบัติอยู่ พวกเขายังมิเคยไปสถานที่จริง แต่องค์ชายอิงเคยไปมาแล้ว หรือว่าโม่เหอจะมีของดีที่พวกเขามิรู้อีก?คำพูดนี้ของเซียวหลินเทียนอยากจะลองหยั่งเชิงองค์ชายอิงดู“จะยากอะไรกัน ก็แค่ใช้กำลังคนมากหน่อย!”องค์ชายหัวเราะ อยากจะเลี่ยงเรื่องโม่เหอไป เขาจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “อ๋องอี้ เช่นนั้นเรื่องขององค์หญิงก็คงต้องขอร้องเจ้าแล้ว”เซียวหลินเทียนสับสนว้าวุ่นใจ องค์ชายหนิงสนใจองค์หญิงหก ตอนนี้องค์ชายอิงก็จะมาแย่งชิงองค์หญิงหกอีก หรือว่าจะเป็นการมุ่งเป้ามากันเพื่อโม่เหอ?ก่อนหน้านี้องค์ชายหนิงใช้เมืองโม่เหอมาเดิมพันจนแพ้ไป อาจจะมิรู้ข้อดีของโม่เหอก็เป็นได้!ส่วนองค์ชายอิงก่อนหน้านี้ก็มิได้หลงใหลโม่เหอ แล้วเหตุใดจึงทำให้ทั้งสองคนมาแย่งชิงโม่เหอกันกะทันหันเช่นนี้?ฉีตะวันตกกับเว่ยเหนือต่างก็อยู่ใ
ทางด้านหลิงอวี๋ กระทั่งทำงานในครัวเสร็จฟ้าก็มืดแล้วบรรดาแม่ครัวและนางรับใช้ในครัวเอาอาหารที่เหลือมารวมกันแล้วอุ่นร้อน จากนั้นก็นั่งล้อมโต๊ะกิน“แม่นางลั่ว คืนนี้ข้าจะกลับไปนอนที่พักเดิมของข้านะ พรุ่งนี้ย้ายข้าวของมาแล้วค่อยมาพักที่นี่!”หลิงอวี๋กินไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยกับแม่นางลั่ว“ได้ พรุ่งนี้เช้าเจ้าก็มาเช้าหน่อย ต้องรีบเตรียมอาหาร! จริงสิ หากทางเจ้ามีนางรับใช้ที่คล่องแคล่วก็เรียกมาด้วยอีกสักหน่อยนะ ข้าจะคุยกับแม่นางที่จัดการให้!”แม่นางลั่วกำชับ“เจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋กำลังจะออกไปก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเอ่ยกับแม่นางลั่ว “แม่นางลั่ว ข้าเป็นคนมึน ๆ เบลอ ๆ ก่อนหน้านี้เดินตามพวกนางเข้ามา แต่ตอนนี้ข้ากลัวว่าข้าจะหาทางกลับมิได้แล้ว!”“เจ้าบอกข้าหน่อยได้หรือไม่? เฮ่อ จวนอ๋องหรงนี่ใหญ่เกินไปแล้ว ข้าเวียนหัว!”แม่นางลั่วยิ้มพลางเอ่ย “อย่าว่าแต่เจ้าเลย ข้ามาก่อนเจ้าก็หลงเช่นกัน! ข้าจะบอกเจ้ารอบหนึ่ง หากเจ้าหามิเจอจริง ๆ ก็ถามองครักษ์ พวกเขามิด่าเจ้าหรอก!”แม่นางบอกเส้นทางให้หลิงอวี๋อย่างใจดีแล้วสุดท้ายก็เอ่ย “ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าไปที่เรือนหลัก หากถูกองครักษ์จับตัวเข้าจะถูกฆ่าเพราะคิ
หลิงอวี๋มองผ่านช่องว่างต้นไม้ไป แล้วก็เห็นนางรับใช้ที่ค่อนข้างคุ้นหน้า เมื่อลองนึกดูก็จำได้ทันทีนั่นมันเหวินหลิงที่ผลักตนจากบันไดจนเจ็บเท้าแล้วโยนเงินให้ตนตอนที่ตนไปขอความช่วยเหลือที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนมิใช่หรือ?เหวินหลิงใบหน้าซีดเซียว ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง นางเอ่ยขอร้อง“พี่เฉิน ท่านอ๋องหรงจะอภิเษกสมรสแล้ว หากคุณหนูของข้ามาตายที่นี่จะมิเป็นโชคร้ายของพระองค์หรือ?”“ท่านช่วยใจดีเชิญหมอมาให้นางเถิด!”คาดว่าพี่เฉินน่าจะดื่มไปหนักแล้ว เมื่อเห็นเหวินหลิงมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าตน ใบหน้ารูปไข่นั้นก็ทำให้เขาเกิดความคิดมิดีขึ้นมาทันทีเขายืนโซเซขึ้นมาแล้วดึงเหวินหลิงขึ้น “ไป… พี่จะไปดูกับเจ้าเอง!”“ขอบคุณพี่เฉิน!” เหวินหลิงยังมิรู้ตัวว่าอันตรายมาเยือนจึงเดินตามเข้าไปข้างใน“เสี่ยวหย่ง เฝ้าประตูไว้ดี ๆ อย่ามารบกวนพวกเรานอกเสียจากว่าพ่อบ้านเฮ่อจะมา!”พี่เฉินสั่งยิ้ม ๆ จากนั้นก็เข้าเรือนไปแล้วปิดประตูและกดเหวินหลิงลงอย่างรอมิไหว“พี่เฉิน เจ้า… เจ้าจะทำสิ่งใด?”เหวินหลิงตกใจจนหน้าถอดสีแล้วปิดหน้าอกตนเองไว้ตามสัญชาตญาณแต่พี่เฉินมิสนใจแล้วดึงสายคาดเอวของเหวินหลิงไปเหวินหลิงดิ้นรนแต่นางมิใช
หลิงอวี๋ได้ยินว่าหลิงเยี่ยนยังคิดด่าคนได้อยู่ก็รู้สึกว่าเมื่อกี้เหวินหลิงน่าจะพูดเกินความจริงไปหลิงเยี่ยนดูอ่อนแอแต่เช่นนี้ก็ยังมิเหมือนกับคนที่ใกล้ตายเลย!หลิงอวี๋ยังมิรีบร้อนเข้าไป นางอยากจะฟังก่อนว่าหลิงเยี่ยนคิดอย่างไรกันแน่!“คุณหนู อย่าได้คิดเลยเจ้าค่ะ องค์ชายเว่ยไม่มีทางมาหรอก!”นางรับใช้เหวินชิงเอ่ยอย่างหวังดี “คุณหนู พระชายาเว่ยกล้าวางแผนกับคุณหนูจนทำให้ลูกขององค์ชายหลุดออกมาเช่นนี้ องค์ชายเว่ยจะมิรู้จริง ๆ หรือเจ้าคะ?”“อีกอย่าง พวกเรายังทำเรื่องเช่นนั้นกับคุณหนูและองค์ชายจิ้นอีก… บังคับให้องค์ชายจิ้นลงนามยอมรับผิด!”“คุณหนู บ่าวแค่กังวลว่า หลังจากวันที่องค์หญิงชิ่งกับท่านอ๋องหรงอภิเษกสมรสกันแล้วจะเป็นวันตายของพวกเราเจ้าค่ะ!”หลิงเยี่ยนเอ่ยอย่างมิพอใจ “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน! ข้ามิเชื่อว่าพระชายาเว่ยจะกล้าฆ่าข้า ท่านปู่ข้าเป็นอดีตเสนาบดี แม้แต่ท่านพ่อที่ไร้ความสามารถของข้าก็เป็นขุนนางในราชสำนัก นางมิกลัวว่าฆ่าข้าไปแล้วนางเองก็จะไม่มีชีวิตอยู่หรือ?”เหวินชิงจนใจอย่างมาก “คุณหนู ท่านอดีตเสนาบดีรู้เพียงว่าคุณหนูเข้าตำหนักองค์ชายเว่ย ไหนเลยจะรู้ว่าคุณหนูอยู่ที่นี่เล่าเจ