คำพูดที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยของเซียวหลินเทียนทำให้องค์ชายอิงตะลึง นี่อ๋องอี้กำลังบอกอะไรเป็นนัย ๆ อยู่หรืออย่างไร?เซียวหลินเทียนเห็นท่าทีตะลึงขององค์ชายอิงก็หัวเราะออกมา “ก่อนหน้านี้เยวี่ยเยวี่ยของข้าเห็นความสง่าของเหยี่ยวดำตัวนี้ของเจ้าแล้วอิจฉามาก มาอ้อนข้าให้หาให้เขาสักตัว!”“ข้าเองก็มิเคยเห็นเหยี่ยวที่สง่าถึงเพียงนี้เช่นกันจึงได้ถาม!”ทันทีที่องค์ชายอิงได้ยินว่าเป็นเรื่องนี้ ก็แอบหัวเราะเยาะตัวเองที่คิดมากไป“การจะจับเหยี่ยวมาเป็นสัตว์เลี้ยงมิใช่เรื่องที่มีความสามารถแล้วจะทำกันได้ ต้องพึ่งโชคด้วย!”องค์ชายอิงเอ่ยอย่างภาพภูมิใจ “เป็นเพราะโชคชะตาทำให้ข้าได้ช่วยเหลือเหยี่ยวตัวนี้ในตอนที่ข้ายังเด็ก และมันก็ติดตามข้ามาหลายปีแล้ว! มันจงรักภักดีกับข้ายิ่งกว่าคนเสียอีก!”“อ๋องอี้… เชิญ!”องค์ชายอิงยื่นมือออกไปทำท่าเชิญ เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนนั่งลงแล้วก็รินชาให้เซียวหลินเทียนด้วยตัวเอง“อ๋องอี้คิดว่า ที่จู่ ๆ ข้ามาหาเช่นนี้กะทันหันมากใช่หรือไม่? ข้าเป็นคนตรงไปตรงมา และรู้ว่าเวลาของอ๋องอี้มีค่ามาก ข้าจะมิพูดอ้อมค้อมกับเจ้า มีสิ่งใดก็จะพูดเลยตามตรง!”เซียวหลินเทียนรับถ้วยชามาอย่างมีมารย
แม้ว่าองค์ชายอิงจะมิได้พูดออกมาตรง ๆ แต่ข้อความที่แทรกอยู่ในคำพูดนั้นมันแสดงออกมาเช่นนี้เซียวหลินเทียนคิดพลางจงใจพูด “ว่ากันว่า เมืองโม่เหอนั้นมิว่าปลูกสิ่งใดก็ตายหมด แค่คิดว่าข้าต้องไปในที่กันดารย่ำแย่นั้นก็ทนมิไหวแล้ว หากองค์ชายอิงช่วยได้เช่นนี้ก็จะดีที่สุด!”หลิงอวี๋เคยพูดว่า โม่เหออาจจะมีสมบัติอยู่ พวกเขายังมิเคยไปสถานที่จริง แต่องค์ชายอิงเคยไปมาแล้ว หรือว่าโม่เหอจะมีของดีที่พวกเขามิรู้อีก?คำพูดนี้ของเซียวหลินเทียนอยากจะลองหยั่งเชิงองค์ชายอิงดู“จะยากอะไรกัน ก็แค่ใช้กำลังคนมากหน่อย!”องค์ชายหัวเราะ อยากจะเลี่ยงเรื่องโม่เหอไป เขาจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “อ๋องอี้ เช่นนั้นเรื่องขององค์หญิงก็คงต้องขอร้องเจ้าแล้ว”เซียวหลินเทียนสับสนว้าวุ่นใจ องค์ชายหนิงสนใจองค์หญิงหก ตอนนี้องค์ชายอิงก็จะมาแย่งชิงองค์หญิงหกอีก หรือว่าจะเป็นการมุ่งเป้ามากันเพื่อโม่เหอ?ก่อนหน้านี้องค์ชายหนิงใช้เมืองโม่เหอมาเดิมพันจนแพ้ไป อาจจะมิรู้ข้อดีของโม่เหอก็เป็นได้!ส่วนองค์ชายอิงก่อนหน้านี้ก็มิได้หลงใหลโม่เหอ แล้วเหตุใดจึงทำให้ทั้งสองคนมาแย่งชิงโม่เหอกันกะทันหันเช่นนี้?ฉีตะวันตกกับเว่ยเหนือต่างก็อยู่ใ
ทางด้านหลิงอวี๋ กระทั่งทำงานในครัวเสร็จฟ้าก็มืดแล้วบรรดาแม่ครัวและนางรับใช้ในครัวเอาอาหารที่เหลือมารวมกันแล้วอุ่นร้อน จากนั้นก็นั่งล้อมโต๊ะกิน“แม่นางลั่ว คืนนี้ข้าจะกลับไปนอนที่พักเดิมของข้านะ พรุ่งนี้ย้ายข้าวของมาแล้วค่อยมาพักที่นี่!”หลิงอวี๋กินไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยกับแม่นางลั่ว“ได้ พรุ่งนี้เช้าเจ้าก็มาเช้าหน่อย ต้องรีบเตรียมอาหาร! จริงสิ หากทางเจ้ามีนางรับใช้ที่คล่องแคล่วก็เรียกมาด้วยอีกสักหน่อยนะ ข้าจะคุยกับแม่นางที่จัดการให้!”แม่นางลั่วกำชับ“เจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋กำลังจะออกไปก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเอ่ยกับแม่นางลั่ว “แม่นางลั่ว ข้าเป็นคนมึน ๆ เบลอ ๆ ก่อนหน้านี้เดินตามพวกนางเข้ามา แต่ตอนนี้ข้ากลัวว่าข้าจะหาทางกลับมิได้แล้ว!”“เจ้าบอกข้าหน่อยได้หรือไม่? เฮ่อ จวนอ๋องหรงนี่ใหญ่เกินไปแล้ว ข้าเวียนหัว!”แม่นางลั่วยิ้มพลางเอ่ย “อย่าว่าแต่เจ้าเลย ข้ามาก่อนเจ้าก็หลงเช่นกัน! ข้าจะบอกเจ้ารอบหนึ่ง หากเจ้าหามิเจอจริง ๆ ก็ถามองครักษ์ พวกเขามิด่าเจ้าหรอก!”แม่นางบอกเส้นทางให้หลิงอวี๋อย่างใจดีแล้วสุดท้ายก็เอ่ย “ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าไปที่เรือนหลัก หากถูกองครักษ์จับตัวเข้าจะถูกฆ่าเพราะคิ
หลิงอวี๋มองผ่านช่องว่างต้นไม้ไป แล้วก็เห็นนางรับใช้ที่ค่อนข้างคุ้นหน้า เมื่อลองนึกดูก็จำได้ทันทีนั่นมันเหวินหลิงที่ผลักตนจากบันไดจนเจ็บเท้าแล้วโยนเงินให้ตนตอนที่ตนไปขอความช่วยเหลือที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนมิใช่หรือ?เหวินหลิงใบหน้าซีดเซียว ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง นางเอ่ยขอร้อง“พี่เฉิน ท่านอ๋องหรงจะอภิเษกสมรสแล้ว หากคุณหนูของข้ามาตายที่นี่จะมิเป็นโชคร้ายของพระองค์หรือ?”“ท่านช่วยใจดีเชิญหมอมาให้นางเถิด!”คาดว่าพี่เฉินน่าจะดื่มไปหนักแล้ว เมื่อเห็นเหวินหลิงมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าตน ใบหน้ารูปไข่นั้นก็ทำให้เขาเกิดความคิดมิดีขึ้นมาทันทีเขายืนโซเซขึ้นมาแล้วดึงเหวินหลิงขึ้น “ไป… พี่จะไปดูกับเจ้าเอง!”“ขอบคุณพี่เฉิน!” เหวินหลิงยังมิรู้ตัวว่าอันตรายมาเยือนจึงเดินตามเข้าไปข้างใน“เสี่ยวหย่ง เฝ้าประตูไว้ดี ๆ อย่ามารบกวนพวกเรานอกเสียจากว่าพ่อบ้านเฮ่อจะมา!”พี่เฉินสั่งยิ้ม ๆ จากนั้นก็เข้าเรือนไปแล้วปิดประตูและกดเหวินหลิงลงอย่างรอมิไหว“พี่เฉิน เจ้า… เจ้าจะทำสิ่งใด?”เหวินหลิงตกใจจนหน้าถอดสีแล้วปิดหน้าอกตนเองไว้ตามสัญชาตญาณแต่พี่เฉินมิสนใจแล้วดึงสายคาดเอวของเหวินหลิงไปเหวินหลิงดิ้นรนแต่นางมิใช
หลิงอวี๋ได้ยินว่าหลิงเยี่ยนยังคิดด่าคนได้อยู่ก็รู้สึกว่าเมื่อกี้เหวินหลิงน่าจะพูดเกินความจริงไปหลิงเยี่ยนดูอ่อนแอแต่เช่นนี้ก็ยังมิเหมือนกับคนที่ใกล้ตายเลย!หลิงอวี๋ยังมิรีบร้อนเข้าไป นางอยากจะฟังก่อนว่าหลิงเยี่ยนคิดอย่างไรกันแน่!“คุณหนู อย่าได้คิดเลยเจ้าค่ะ องค์ชายเว่ยไม่มีทางมาหรอก!”นางรับใช้เหวินชิงเอ่ยอย่างหวังดี “คุณหนู พระชายาเว่ยกล้าวางแผนกับคุณหนูจนทำให้ลูกขององค์ชายหลุดออกมาเช่นนี้ องค์ชายเว่ยจะมิรู้จริง ๆ หรือเจ้าคะ?”“อีกอย่าง พวกเรายังทำเรื่องเช่นนั้นกับคุณหนูและองค์ชายจิ้นอีก… บังคับให้องค์ชายจิ้นลงนามยอมรับผิด!”“คุณหนู บ่าวแค่กังวลว่า หลังจากวันที่องค์หญิงชิ่งกับท่านอ๋องหรงอภิเษกสมรสกันแล้วจะเป็นวันตายของพวกเราเจ้าค่ะ!”หลิงเยี่ยนเอ่ยอย่างมิพอใจ “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน! ข้ามิเชื่อว่าพระชายาเว่ยจะกล้าฆ่าข้า ท่านปู่ข้าเป็นอดีตเสนาบดี แม้แต่ท่านพ่อที่ไร้ความสามารถของข้าก็เป็นขุนนางในราชสำนัก นางมิกลัวว่าฆ่าข้าไปแล้วนางเองก็จะไม่มีชีวิตอยู่หรือ?”เหวินชิงจนใจอย่างมาก “คุณหนู ท่านอดีตเสนาบดีรู้เพียงว่าคุณหนูเข้าตำหนักองค์ชายเว่ย ไหนเลยจะรู้ว่าคุณหนูอยู่ที่นี่เล่าเจ
“ตายดีมิสู้อยู่อย่างเกียจคร้าน… เจ้ากลัวว่าคนอื่นจะทำให้ความบริสุทธิ์ของตนเองแปดเปื้อนก็เลยพยายามคิดฆ่าตัวตาย!”“องค์ชายจิ้นผู้นั้นได้รับความอยุติธรรมแล้วยังต้องเอาน้องสาวของตนมาเอี่ยวด้วยอีก เขาต่างหากที่ต้องพยายามฆ่าตัวตาย!”หัวของเหวินชิงกำลังจะวางพาดไปบนสายคาดเอว ก็ได้ยินเสียงพูดอย่างใจเย็นดังมาจากด้านหลังนางตกใจหันไปมองโดยมิรู้ตัว แล้วก็เห็นคนที่แต่งตัวเป็นสตรีที่มิดึงดูดสายตาผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านหลังมิไกลนัก“เจ้า… เจ้าเป็นใคร?”หลิงอวี๋กระตุกมุมปากยิ้ม มิตอบแต่ย้อนถามไป “เจ้ามีพ่อแม่… เช่นนั้นมีน้องสาวหรือไม่?”เหวินชิงมิกล้าพูดสิ่งใด จึงถอยหลังไปหลิงอวี๋บีบเข้าไปพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงข่ม “เปลี่ยนไปคิดอีกมุมสิ หากพ่อแม่ของเจ้าถูกพวกเจ้าใส่ร้ายเช่นนี้แล้วให้เจ้าแต่งงานกับคนเช่นเฮ่อหรง พวกเขาจะทุกข์ใจ หรือว่าจะโกรธแค้น?”“องค์ชายจิ้นเป็นองค์ชายของเยวี่ยใต้ มิแน่ว่าในภายภาคหน้าอาจจะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิของเยวี่ยใต้ก็ได้!”“วันนี้เขาถูกพวกเจ้าบีบให้ยอมรับผิดที่มิได้มีมูลอย่างดูหมิ่น ต้องให้น้องสาวของตนแต่งงานกับศัตรู! เจ้าคิดว่าใจเขาจะไม่มีความเกลียดหรือ?”“เขาไม่มีทางถูกกักใ
เมื่อมองเช่นนี้แล้วก็นับว่านางรับใช้เช่นเหวินชิงนั้นมีความจงรักภักดี แม้ว่าความคิดนี้จะมิได้ดีนัก แต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่นางคิดออกแล้ว!“ข้าจะช่วยเจ้าส่งข่าวนี้ไปให้ถึงหูท่านอดีตเสนาบดีเอง!”หลิงอวี๋เอ่ยรับรอง “เช่นนั้นเจ้าก็ต้องรับปากข้าเช่นกันว่าจะปกป้องหลิงเยี่ยนเป็นอย่างดี! จริงสิ นางแท้งลูกไปแล้ว ร่างกายคงมิได้แข็งแรงกระมัง?”หลิงเยี่ยนตั้งครรภ์ได้สามเดือนกว่าแล้ว หลิงอวี๋กังวลว่า เด็กเติบโตถึงเพียงนี้แล้วหากถูกยาขับออกมาจะส่งผลกระทบต่อร่างกายของหลิงเยี่ยนเหวินชิงเอ่ยด้วยใบหน้าขมขื่น “พระชายาเว่ยกับอ๋องหรงมิอยากให้นางตายเร็วไป ดังนั้นในตอนนั้นจึงเชิญหมอมาช่วยเอาเด็กออกมา!”“แต่ร่างกายของคุณหนูรองยังมิสะอาดและมีเลือดไหลอยู่ตลอด ข้ากลัวว่าหากนางเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเสียเลือดจนตาย!”หลิงอวี๋ครุ่นคิดแล้วหยิบยาเม็ดกล่องหนึ่งส่งให้เหวินชิง “เจ้าให้นางกินวันละสองเม็ดนะ นี่เป็นยาฟื้นฟูร่างกายหลังคลอด มันจะเป็นผลดีกับนาง!”เหวินชิงรับมาอย่างตื่นเต้นหลิงอวี๋นึถึงเป้าหมายอีกอย่างของตนจึงกระซิบถามไป “หลิงเยี่ยนมิได้บอกอะไรกับพระชายาเว่ยเกี่ยวกับพระชายาอ๋องอี้ใช่หรือไม่?”เหวินชิงต
เสียงฝีเท้าวิ่งขององครักษ์ผู้นั้นเข้าไปในเรือนหลักแล้ว กลางดึกเช่นนี้ ยิ่งเป็นคนที่มีทักษะการฟังที่ชัดเจนเช่นหลิงอวี๋ก็ยิ่งชัดเจนมากเป็นพิเศษนับตั้งแต่ที่หลิงอวี๋ฝึกฝนพลังวิญญาณ และหลังจากที่กินยาเม็ดนั้นของหลานฮุ่ยจวน ประสาทสัมผัสก็ยิ่งดีกว่าเมื่อก่อนอีกนางฟังอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินได้ว่า องครักษ์เข้าไปในห้องตำราของอ๋องหรง ในห้องนั้นยังมีคนอีกสองคน ฝีเท้าหนักบ้างเบาบ้างองครักษ์หยุดแล้ว ดูเหมือนว่ากำลังรายงานอยู่ หลิงอวี๋สามารถได้ยินเสียงการพูดคุย แต่ความสามารถของนางยังมิเพียงพอที่จะได้ยินว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกันอยู่ทั้งสามคนคุยกันอยู่มินาน แล้วทั้งสามคนรวมถึงองครักษ์ก็เดินออกมาด้วยกันเสียงฝีเท้ารีบร้อนมาก ราวกับว่ามีเรื่องเร่งด่วนต้องไปจัดการหลิงอวี๋ก็มิได้รีบร้อน นางจึงฟังต่ออย่างอดทนและนับจำนวนคนไปหลังจากคนในห้องตำราออกมา ห้องตำราก็ไม่มีเสียงใดแล้วบริเวณรอบนอกมีเสียงฝีเท้าขององครักษ์สองคน ตามคนในห้องตำราไปที่ในเรือนแล้วพูดคุยกันมิกี่ประโยคจากนั้นคนในห้องตำราก็ออกจากเรือน แล้วองครักษ์ในเรือนสองคนก็แยกทางไปกันซ้ายคนหนึ่งขวาคนหนึ่งหลิงอวี๋เงยหน้ามองไปก็เห็นว่าคนทั้งหมดส
เถี่ยซู่พยักหน้า คำที่หลงจิ้งดุด่าเขาเมื่อครู่นั้นมิอาจทนฟังได้เลย เขาฟังอยู่สองสามครั้งก็อยากจะพุ่งเข้าไปบีบคอหลงจิ้งให้ตายเสียแล้วแต่บัดนี้เมื่อได้ยินหลงเพ่ยเพ่ยบอกว่า หลงจิ้งถูกคนวางแผนร้ายใส่ เถี่ยซู่ก็รู้สึกคลายกังวลไปเล็กน้อย หากมิใช่เจตนาของหลงจิ้งก็ดี“พี่สาม!”หลงเพ่ยเพ่ยเดินไปถึงกรงเหล็กแล้วเรียกออกไปด้วยความเป็นห่วง “ท่านมิเป็นกระไรใช่หรือไม่?”หลงจิ้งมิได้เคลื่อนไหวใด ๆ และมิได้พูดอะไรทั้งนั้น“พี่สาม!”หลงเพ่ยเพ่ยมองเย่หรงอย่างทำอะไรมิถูก ดวงตาของนางเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม หลงจิ้งจะมิตายไปเช่นนี้ใช่หรือไม่?เย่หรงเดินเข้ามาแล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “หลงจิ้ง ข้ามิได้ขายเจ้าจริง ๆ เป็นเพราะพูดถึงสำนักซิงหลัว จึงได้เอ่ยถึงพวกเจ้าด้วย!”“เมื่อครู่เจ้าเองก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากการติดขี้ผึ้งหอมแล้ว เจ้าน่าจะรู้นะว่าขี้ผึ้งหอมนั้นมิใช่สิ่งที่ปลอดภัย!”“หลงจิ้ง ในสายตาของข้า เจ้าเป็นคนสุขุม ปราดเปรื่อง ควบคุมตนเองได้ดีและมีความรู้กว้างขวาง มิเหมือนกับพวกคนที่คลุกคลีอยู่กับบ่อนการพนันเลยแม้แต่น้อย แต่ท่าทีของเจ้าเมื่อครู่นี้กลับมิได้ต่างอะไรจากพวกเขาเลยสักนิด!”“เจ้า
“มิได้ มิได้ มันเสี่ยงเกินไป!”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหัว “พี่สามของเจ้าเป็นเช่นนี้ไปคนหนึ่งแล้ว พ่อปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าอีกคนมิได้!”หลงเพ่ยเพ่ยรู้สึกร้อนใจขึ้นมา “ท่านพ่อ พวกเราไม่มีเวลาแล้วเพคะ แม้ว่าคนของท่านจะไปสืบสวนก็รู้ได้เพียงผิวเผินเท่านั้น!”“หากปล่อยเวลายืดเยื้อไปก็จะยิ่งมีอุปสรรคมาก แล้วหากสำนักซิงหลัวชิงลงมือล่วงหน้าเล่าเพคะ?”“ก่อนหน้านี้ท่านเคยตรัสไว้ว่า รังที่พลิกคว่ำไม่มีไข่ที่ไม่แตก หากตระกูลอื่นถูกสำนักซิงหลัวใช้ประโยชน์แล้วเช่นนั้นจะมิเป็นภัยต่อจวนเจ้าแห่งทิศใต้ของเราหรือเพคะ?”ใบหน้าของเจ้าแห่งทิศใต้ดูเคร่งเครียดขึ้นมา “นั่นมิใช่เรื่องที่เจ้าผู้เป็นสตรีควรจะทำ! หากต้องไปจริง ๆ ข้าจะหาคนที่ส่วนสูงและรูปร่างคล้ายกับพี่สามของเจ้าไป!”“กระหม่อมจะไปเองพ่ะย่ะค่ะ!”เย่หรงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมา “ส่วนสูงและรูปร่างของกระหม่อมคล้ายกับหลงจิ้งมาก อีกทั้งกระหม่อมก็มีสหายอยู่ในสำนักซิงหลัวด้วย หากเผชิญกับอันตรายก็จะหลบหนีได้ง่าย!”ทุกคนต่างมองไปทางเย่หรงส่วนสูงและรูปร่างของเย่หรงนั้นคล้ายกับหลงจิ้งมาก ส่วนใบหน้าหากแปลงโฉมสักหน่อยก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมจริง ๆ“เย่หรง น
“เจ้าแห่งทิศใต้ อย่าได้ร้อนพระทัยไปเพคะ/พ่ะย่ะค่ะ!”น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาโดยพร้อมเพรียงกันนั้นคือหลิงอวี๋และเย่ซงเฉิง“ท่านอาจารย์ปู่ ท่านพูดก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ให้เขาพูดก่อนเย่ซงเฉิงจึงพยักหน้า “เจ้าแห่งทิศใต้ หากท่านรีบร้อนเสด็จไปเข้าเฝ้ามหาเทพให้ส่งทหารไปโจมตีสำนักซิงหลัวเช่นนี้ จะมิเป็นการเหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ!”“ยามนี้พวกเรามิรู้ความแข็งแกร่งของสำนักซิงหลัว หากทำอะไรบุ่มบ่ามไปเช่นนี้ จะเสียเปรียบเอาได้ง่าย ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”“อีกทั้งยังมิรู้ด้วยว่า พวกเขาแอบใช้วิธีเช่นนี้ควบคุมคนอยู่เท่าไร หากจัดการเรื่องนี้มิดี ก็จะเป็นหายนะของเมืองหลวงแดนเทพพ่ะย่ะค่ะ!”เจ้าแห่งทิศใต้เอ่ยออกมาอย่างโกรธเคือง “ข้ามิเชื่อว่าหากผู้นำตระกูลอื่นรู้ว่าบุตรหลานของตนถูกผู้อื่นใช้งานเช่นนี้แล้วจะมิสะทกสะท้านเลย!”“หากทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน แม้ว่าสำนักซิงหลัวจะมีคนจำนวนมาก ก็ไม่มีโอกาสตอบโต้เช่นกัน!”หลิงอวี๋อมยิ้มบาง ๆ “เจ้าแห่งทิศใต้ มิใช่ทุกคนจะเด็ดขาดเช่นท่านเพคะ! บางทีพวกเขาอาจจะคิดว่าท่านร่วมมือกับทุกคนเพื่อจะแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ก็เป็นได้เพคะ!”“อาจารย์ปู่ของหม่อมฉันพูดถูกแล้ว เรื่องนี้จะบุ่
“หากต้องการเลิกยา ช่วงเจ็ดวันแรกจะเป็นช่วงที่ยากที่สุด ท่านขังเขาไว้ในกรงเหล็กนี้ นอกจากอาหารและเครื่องดื่มแล้ว อย่าให้สิ่งของใดกับเขาเป็นอันขาด!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างใจแข็ง “มิว่าเขาจะอ้อนวอนและมีท่าทีเจ็บปวดมากเพียงใด ท่านก็อย่าได้ใจอ่อนปล่อยเขาออกมานะเพคะ!”“หม่อมฉันจะจัดตำรับยาให้อีก เป็นการช่วยขับสารพิษในร่างกาย และยับยั้งการติดยา!”“เจ้าแห่งทิศใต้ หากท่านปล่อยเขาออกมากลางคัน ทำเช่นนั้นมิใช่เป็นการรักเขาเพคะ แต่เป็นการทำร้ายเขา และจะทำให้เขายิ่งติดขี้ผึ้งหอมเพคะ!”“หลังจากผ่านเจ็ดวันไปได้แล้ว ขอเพียงระมัดระวังอย่าให้เขาสัมผัสกับขี้ผึ้งหอม และอย่าให้ติดต่อกับคนที่เคยสูดดมขี้ผึ้งหอมด้วยกันอีก นานวันไปเขาจะฟื้นตัวเองเพคะ!”เจ้าแห่งทิศใต้มองหลงจิ้งที่อยู่ในกรงเหล็ก จากนั้นก็พยักหน้า “ข้าจะทำตามวิธีการที่คุณหนูสิงบอกอย่างแน่นอน!”“ท่านพ่อ ท่านอย่าไปฟังนาง! ลูกรับรองว่าขี้ผึ้งหอมไม่มีอันตรายจริง ๆ! ปล่อยลูกออกไปเถิด!”เมื่อหลงจิ้งได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น เขาก็โกรธจนพุ่งไปที่หน้ากรงเหล็กแล้วเขย่าอย่างแรงแต่กรงเหล็กที่หนักอึ้งนั้นมิขยับแม้แต่น้อย“ท่านพ่อ ปล่อยข้าออกไป!”หลงจิ้
หลงจิ้งหุบยิ้มทันใด มองหลิงอวี๋อย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า “จะเป็นบุรุษหรือสตรีก็มิเกี่ยวกับเจ้า! เจ้าอย่าหวังว่าจะล้วงความลับของพวกเขาจากปากข้าเลย!”หลิงอวี๋ยิ้ม ดูเหมือนว่าหลงจิ้งจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเจ้าสำนักซิงหลัวเสียด้วย!หลิงอวี๋ส่ายหน้า ยามนี้มิว่าจะพูดอะไรกับหลงจิ้ง เขาก็จะมีท่าทีต่อต้านเสมอ รอให้เขาเกิดอาการคลั่งยาขึ้นมาก่อนเถอะ ค่อยพิสูจน์ว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นเป็นความจริง!หลงเพ่ยเพ่ยให้บ่าวรับใช้ยกเก้าอี้มาให้ทุกคน เจ้าแห่งทิศใต้ยังสั่งให้นางชงชามาต้อนรับท่านเจ้าสำนักจินและเย่ซงเฉิงอย่างดีทุกคนดื่มชาพลางพูดคุยกันไประหว่างรอหลิงอวี๋จับตาดูการเปลี่ยนแปลงของหลงจิ้ง และเห็นว่าเขาอ้าปากหาวถี่ขึ้นเรื่อย ๆตอนแรกหลงจิ้งยังคงใส่ใจภาพลักษณ์ของตน แต่ต่อมาหลงจิ้งก็มิสนใจอีกต่อไป มิปิดบังอาการน้ำตาของหลงจิ้งค่อย ๆ ไหลออกมา เดินวนเวียนไปมาในกรงเหล็กอย่างควบคุมตนเองมิได้ ราวกับพยายามควบคุมความมิสบายกายภายในเอาไว้สุดท้าย มิเพียงแต่หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและทุกคนก็เห็นว่าหลงจิ้งเกาตามเนื้อตัวผ่านอาภรณ์อาภรณ์ที่เรียบร้อยในตอนแรก มินานก็ถูกเขาดึงทึ้งจนยุ่งเหยิงหลงเพ่ยเพ่ยทั้งเจ็บปวดใจ
สีหน้าของหลงจิ้งเคร่งขรึมลงทันที มองไปที่เย่หรงก่อนโดยสัญชาตญาณ แล้วก่นด่าว่า “เย่หรง เจ้ามาพูดจาเหลวไหลอะไรกับท่านพ่อของข้า?”“ข้ากับเจ้ามิเคยยุ่งเกี่ยวกัน เจ้าถึงกับต้องนำความมาฟ้องท่านพ่อข้าเชียวรึ?”เย่หรงพูดมิออก เขามิได้มีความคิดที่จะฟ้องเลย แต่เป็นเพราะเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง จึงได้มาที่นี่พร้อมกับหลิงอวี๋“ท่านอย่าใส่ร้ายเย่หรง เขามิได้ฟ้องเรื่องท่าน!”หลงเพ่ยเพ่ยรีบกล่าว “พี่สาม ท่านบอกความจริงกับพวกเรามา ท่านสูดดมขี้ผึ้งหอมมานานเท่าไรแล้ว? เป็นหนี้สำนักซิงหลัวเท่าไร?”“ท่านพ่อมิได้คิดจะตำหนิท่าน พวกเราแค่มิอยากเห็นท่านถูกหลอกลวง ถูกสำนักซิงหลัวหลอกใช้ ทำร้ายตนเองและทำร้ายคนในตระกูล!”หลงจิ้งกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ “ข้ามิได้เป็นหนี้สำนักซิงหลัวมากมายเพียงนั้น พวกท่านอย่าไปฟังเย่หรงพูดเหลวไหล! ขี้ผึ้งหอมก็มิใช่ยาพิษ ข้าก็แค่สูดดมเล่นเพื่อความสุนทรีย์เท่านั้น!”สูดดมเล่น?เจ้าแห่งทิศใต้และทุกคนต่างก็รู้สึกหนักใจ มีบุตรหลานจำนวนเท่าไรที่ถูกสำนักซิงหลัวหลอกลวง ปากกล่าวว่าสูดดมเล่น ๆ สุดท้ายก็เลิกมิได้ ถูกสำนักซิงหลัวควบคุมในที่สุด!“จิ้งเอ๋อร์ พ่อคิดว่าเจ้าโตเป็นผู้ใหญ
หลิงอวี๋มิตื่นตระหนก บอกเล่าถึงอันตรายของการสูดดมขี้ผึ้งหอมให้ทุกคนฟังครั้งนี้เจ้าแห่งทิศใต้มิสงบนิ่งอีกต่อไป ถามอย่างตกตะลึง “เจ้าบอกว่าขี้ผึ้งหอมมีพิษ? ทำให้เสพติดได้งั้นรึ?”หลงจิ้งเป็นบุตรชายที่เจ้าแห่งทิศใต้ภาคภูมิใจที่สุด เขามีทั้งพรสวรรค์และสติปัญญา เจ้าแห่งทิศใต้เลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดีเพื่อให้เป็นผู้สืบทอดในภายภาคหน้า“ท่านเจ้าแห่งทิศใต้ หม่อมฉันพูดความจริง ขี้ผึ้งหอมชนิดนี้สูดดมหนึ่งถึงสองครั้งจะมิเป็นไร ทว่าหากนานวันเข้า มันจะทำลายอวัยวะภายในร่างกาย! ทำให้ร่างกายซูบผอม!”“เมื่อมิได้สูดดมจะปวดเมื่อยตามตัว คันตามกระดูก! ขอท่านโปรดทรงเชื่อหม่อมฉันเถิด ความเจ็บปวดเช่นนั้น แม้แต่ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ก็มิอาจทนได้!”“ขอท่านโปรดลองไตร่ตรองดู ความเจ็บปวดเช่นนี้เทียบได้กับการทรมานทั้งเป็น หากผู้เสพทนความเจ็บปวดมิไหว ท่านให้เขาทำอะไรก็ตามเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด เขาจะมิยินดีทำหรือ?”เจ้าแห่งทิศใต้เป็นผู้มีอำนาจ เข้าใจวิธีการควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อให้ทำตามคำสั่งของตน เมื่อได้ฟังคำพูดของหลิงอวี๋ เขาก็เข้าใจในทันที เหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นตามแผ่นหลังสำนักซิงหลัวควบคุมบุตรชายของตนเช่นนี
เย่หรงก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีความสำคัญ เมื่อได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่า “ได้ เช่นนั้นวันพรุ่งข้าจะเชิญท่านปู่ของข้าไปรอเจ้าที่สำนักศึกษาชิงหลง!”“อืม!”หลิงอวี๋พยักหน้าเมื่อเย่หรงกลับไป หลิงอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลแม้ว่านางจะมิใช่คนของเมืองหลวงแดนเทพ แต่เย่ซื่อฝาน เจ้าสำนักจิน และศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนักศึกษาชิงหลงหลายคนก็ดีต่อนาง นางมิอาจทนเห็นพวกเขาต้องเข้าไปพัวพันกับภัยพิบัติครั้งนี้ได้ยังมีหลงเพ่ยเพ่ย บิดาของนางคือเจ้าแห่งทิศใต้ หากสำนักซิงหลัวควบคุมพี่ชายคนที่สามของนางได้ เจ้าแห่งทิศใต้จะมิตกที่นั่งลำบากหรอกหรือ?ครั้งนี้ที่สามารถตามสิงจั๋วกลับมาได้อย่างราบรื่นก็เป็นเพราะความช่วยเหลือของหลงเพ่ยเพ่ย หลิงอวี๋ถือว่าติดหนี้นางหลิงอวี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจว่าวันพรุ่งจะพาเจ้าสำนักจินและเย่ซื่อฝานไปที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้ และหารือกับเจ้าแห่งทิศใต้ร่วมกันเช้าวันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ให้เถาจื่อไปที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้เพื่อแจ้งหลงเพ่ยเพ่ย ให้นางรั้งตัวเจ้าแห่งทิศใต้ไว้ที่จวนให้ได้ส่วนตนก็พาหานเหมยไปที่สำนักศึกษาชิงหลงเย่ซงเฉิงและเย่หรงมาถึงแล้ว เจ้าสำนักจินได้ยินข่าวก็ออกมาต้อน
“พี่หญิง หรือว่าขี้ผึ้งหอมชนิดนี้มีพิษ?”เย่หรงเห็นสีหน้าของหลิงอวี๋มิสู้ดี จึงถามด้วยความสงสัย“หากมีพิษ พวกเขาจะกล้าขายให้ทุกคนได้อย่างไร?”หลิงอวี๋ตอบอย่างขมขื่น “หากเจ้าไปตรวจสอบขี้ผึ้งหอมดู แน่นอนว่ามิพบพิษในนั้น แม้จะมีก็มีเพียงเล็กน้อย มิถึงแก่ความตาย!”“แต่... หากสูดดมเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะในร่างกาย ร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย อายุขัยสั้นลง!”“เย่หรง หากใครสูดดมขี้ผึ้งหอมเป็นประจำ เมื่อมิได้สูดดมจะอาการมีน้ำมูกไหล คันตามตัว หรือปวดเมื่อยตามร่างกายอย่างทรมาน”“เจ้าเชื่อหรือไม่ว่า เพื่อให้ได้ขี้ผึ้งหอมมาใช้งาน แม้คนผู้นั้นต้องสังหารผู้อื่น เขาก็จะทำโดยมิลังเล! แม้แต่บิดามารดาของตนเอง!”เย่หรงสูดหายใจเข้าลึก “ร้ายแรงถึงเพียงนี้เชียว!”“ใช่ ข้ามิได้พูดเกินจริง! เจ้ายังจำโลกที่มีตึกสูงระฟ้าที่เจ้าฝันถึงได้หรือไม่? การแพทย์ของพวกเขาก้าวหน้ากว่าแดนเทพมากนัก ทว่าการช่วยให้ผู้ติดยาเสพติดเลิกยาได้ก็ต้องใช้เวลานานเช่นกัน!”หลิงอวี๋กล่าวอย่างกังวล “ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าจะเลิกได้แล้ว ทว่าหากมีสิ่งล่อใจ เหมือนคนที่เคยลิ้มรสความหวาน หากไม่มีความยับยั้งชั่งใจที่แข็