หลิงอวี๋ได้ยินว่าหลิงเยี่ยนยังคิดด่าคนได้อยู่ก็รู้สึกว่าเมื่อกี้เหวินหลิงน่าจะพูดเกินความจริงไปหลิงเยี่ยนดูอ่อนแอแต่เช่นนี้ก็ยังมิเหมือนกับคนที่ใกล้ตายเลย!หลิงอวี๋ยังมิรีบร้อนเข้าไป นางอยากจะฟังก่อนว่าหลิงเยี่ยนคิดอย่างไรกันแน่!“คุณหนู อย่าได้คิดเลยเจ้าค่ะ องค์ชายเว่ยไม่มีทางมาหรอก!”นางรับใช้เหวินชิงเอ่ยอย่างหวังดี “คุณหนู พระชายาเว่ยกล้าวางแผนกับคุณหนูจนทำให้ลูกขององค์ชายหลุดออกมาเช่นนี้ องค์ชายเว่ยจะมิรู้จริง ๆ หรือเจ้าคะ?”“อีกอย่าง พวกเรายังทำเรื่องเช่นนั้นกับคุณหนูและองค์ชายจิ้นอีก… บังคับให้องค์ชายจิ้นลงนามยอมรับผิด!”“คุณหนู บ่าวแค่กังวลว่า หลังจากวันที่องค์หญิงชิ่งกับท่านอ๋องหรงอภิเษกสมรสกันแล้วจะเป็นวันตายของพวกเราเจ้าค่ะ!”หลิงเยี่ยนเอ่ยอย่างมิพอใจ “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน! ข้ามิเชื่อว่าพระชายาเว่ยจะกล้าฆ่าข้า ท่านปู่ข้าเป็นอดีตเสนาบดี แม้แต่ท่านพ่อที่ไร้ความสามารถของข้าก็เป็นขุนนางในราชสำนัก นางมิกลัวว่าฆ่าข้าไปแล้วนางเองก็จะไม่มีชีวิตอยู่หรือ?”เหวินชิงจนใจอย่างมาก “คุณหนู ท่านอดีตเสนาบดีรู้เพียงว่าคุณหนูเข้าตำหนักองค์ชายเว่ย ไหนเลยจะรู้ว่าคุณหนูอยู่ที่นี่เล่าเจ
“ตายดีมิสู้อยู่อย่างเกียจคร้าน… เจ้ากลัวว่าคนอื่นจะทำให้ความบริสุทธิ์ของตนเองแปดเปื้อนก็เลยพยายามคิดฆ่าตัวตาย!”“องค์ชายจิ้นผู้นั้นได้รับความอยุติธรรมแล้วยังต้องเอาน้องสาวของตนมาเอี่ยวด้วยอีก เขาต่างหากที่ต้องพยายามฆ่าตัวตาย!”หัวของเหวินชิงกำลังจะวางพาดไปบนสายคาดเอว ก็ได้ยินเสียงพูดอย่างใจเย็นดังมาจากด้านหลังนางตกใจหันไปมองโดยมิรู้ตัว แล้วก็เห็นคนที่แต่งตัวเป็นสตรีที่มิดึงดูดสายตาผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านหลังมิไกลนัก“เจ้า… เจ้าเป็นใคร?”หลิงอวี๋กระตุกมุมปากยิ้ม มิตอบแต่ย้อนถามไป “เจ้ามีพ่อแม่… เช่นนั้นมีน้องสาวหรือไม่?”เหวินชิงมิกล้าพูดสิ่งใด จึงถอยหลังไปหลิงอวี๋บีบเข้าไปพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงข่ม “เปลี่ยนไปคิดอีกมุมสิ หากพ่อแม่ของเจ้าถูกพวกเจ้าใส่ร้ายเช่นนี้แล้วให้เจ้าแต่งงานกับคนเช่นเฮ่อหรง พวกเขาจะทุกข์ใจ หรือว่าจะโกรธแค้น?”“องค์ชายจิ้นเป็นองค์ชายของเยวี่ยใต้ มิแน่ว่าในภายภาคหน้าอาจจะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิของเยวี่ยใต้ก็ได้!”“วันนี้เขาถูกพวกเจ้าบีบให้ยอมรับผิดที่มิได้มีมูลอย่างดูหมิ่น ต้องให้น้องสาวของตนแต่งงานกับศัตรู! เจ้าคิดว่าใจเขาจะไม่มีความเกลียดหรือ?”“เขาไม่มีทางถูกกักใ
เมื่อมองเช่นนี้แล้วก็นับว่านางรับใช้เช่นเหวินชิงนั้นมีความจงรักภักดี แม้ว่าความคิดนี้จะมิได้ดีนัก แต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่นางคิดออกแล้ว!“ข้าจะช่วยเจ้าส่งข่าวนี้ไปให้ถึงหูท่านอดีตเสนาบดีเอง!”หลิงอวี๋เอ่ยรับรอง “เช่นนั้นเจ้าก็ต้องรับปากข้าเช่นกันว่าจะปกป้องหลิงเยี่ยนเป็นอย่างดี! จริงสิ นางแท้งลูกไปแล้ว ร่างกายคงมิได้แข็งแรงกระมัง?”หลิงเยี่ยนตั้งครรภ์ได้สามเดือนกว่าแล้ว หลิงอวี๋กังวลว่า เด็กเติบโตถึงเพียงนี้แล้วหากถูกยาขับออกมาจะส่งผลกระทบต่อร่างกายของหลิงเยี่ยนเหวินชิงเอ่ยด้วยใบหน้าขมขื่น “พระชายาเว่ยกับอ๋องหรงมิอยากให้นางตายเร็วไป ดังนั้นในตอนนั้นจึงเชิญหมอมาช่วยเอาเด็กออกมา!”“แต่ร่างกายของคุณหนูรองยังมิสะอาดและมีเลือดไหลอยู่ตลอด ข้ากลัวว่าหากนางเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเสียเลือดจนตาย!”หลิงอวี๋ครุ่นคิดแล้วหยิบยาเม็ดกล่องหนึ่งส่งให้เหวินชิง “เจ้าให้นางกินวันละสองเม็ดนะ นี่เป็นยาฟื้นฟูร่างกายหลังคลอด มันจะเป็นผลดีกับนาง!”เหวินชิงรับมาอย่างตื่นเต้นหลิงอวี๋นึถึงเป้าหมายอีกอย่างของตนจึงกระซิบถามไป “หลิงเยี่ยนมิได้บอกอะไรกับพระชายาเว่ยเกี่ยวกับพระชายาอ๋องอี้ใช่หรือไม่?”เหวินชิงต
เสียงฝีเท้าวิ่งขององครักษ์ผู้นั้นเข้าไปในเรือนหลักแล้ว กลางดึกเช่นนี้ ยิ่งเป็นคนที่มีทักษะการฟังที่ชัดเจนเช่นหลิงอวี๋ก็ยิ่งชัดเจนมากเป็นพิเศษนับตั้งแต่ที่หลิงอวี๋ฝึกฝนพลังวิญญาณ และหลังจากที่กินยาเม็ดนั้นของหลานฮุ่ยจวน ประสาทสัมผัสก็ยิ่งดีกว่าเมื่อก่อนอีกนางฟังอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินได้ว่า องครักษ์เข้าไปในห้องตำราของอ๋องหรง ในห้องนั้นยังมีคนอีกสองคน ฝีเท้าหนักบ้างเบาบ้างองครักษ์หยุดแล้ว ดูเหมือนว่ากำลังรายงานอยู่ หลิงอวี๋สามารถได้ยินเสียงการพูดคุย แต่ความสามารถของนางยังมิเพียงพอที่จะได้ยินว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกันอยู่ทั้งสามคนคุยกันอยู่มินาน แล้วทั้งสามคนรวมถึงองครักษ์ก็เดินออกมาด้วยกันเสียงฝีเท้ารีบร้อนมาก ราวกับว่ามีเรื่องเร่งด่วนต้องไปจัดการหลิงอวี๋ก็มิได้รีบร้อน นางจึงฟังต่ออย่างอดทนและนับจำนวนคนไปหลังจากคนในห้องตำราออกมา ห้องตำราก็ไม่มีเสียงใดแล้วบริเวณรอบนอกมีเสียงฝีเท้าขององครักษ์สองคน ตามคนในห้องตำราไปที่ในเรือนแล้วพูดคุยกันมิกี่ประโยคจากนั้นคนในห้องตำราก็ออกจากเรือน แล้วองครักษ์ในเรือนสองคนก็แยกทางไปกันซ้ายคนหนึ่งขวาคนหนึ่งหลิงอวี๋เงยหน้ามองไปก็เห็นว่าคนทั้งหมดส
หลิงอวี๋กลับไปในห้องตำราอีกครั้งแล้วพิจารณาพวกเครื่องใช้ในห้องตำราใหม่อีกทีบนชั้นหนังสือนอกจากจะมีหนังสืออยู่แล้วก็ยังมีของตกแต่งบางอย่างที่จักรพรรดิอู่อันประทานมาให้ในช่วงนี้วางอยู่ด้วยชั้นหนังสือนี้ค่อนข้างเก่าแล้ว นี่น่าจะเป็นสิ่งที่เจ้าของเดิมวางไว้ หลิงอวี๋มองแล้วก็ใจเต้นรัวขึ้นมาทันทีเฮ่อหรงทำการปรับปรุงตำหนักอ๋องหรงใหม่แล้ว เหตุใดยังเก็บชั้นหนังสือของเจ้าของเก่าเอาไว้อีกเล่า?เจ้าของเก่าของชั้นหนังสือนี้คือแม่ทัพหลูคนสนิทขององค์ชายเว่ยซึ่งเขาตายไปแล้วต่อให้เฮ่อหรงจะนึกถึงอดีตเพียงใดก็มิน่าจะเก็บของของคนตายเอาไว้ในห้องตำราของตนเอง!หรือว่าห้องตำรานี้จะมีความลับอยู่อีก?หลิงอวี๋สำรวจไปรอบ ๆ ชั้นหนังสือ นางเคลื่อนย้ายของตกแต่งบนชั้นหนังสือดู แต่พอย้ายทั้งหมดไปแล้วก็มิเห็นว่าประตูลับจะเปิดออกเลยหลิงอวี๋แอบขำที่ตนคงจะดูโทรทัศน์มากเกินไปก็เลยคิดว่ากลไกทั้งหมดอยู่บนของตกแต่งนางไม่มีความอดทนที่จะหาแล้ว จึงเอาไฟฉายรังสียูวีออกมาส่องไปตามชั้นหนังสือและตรงกำแพง แล้วก็เห็นว่าบนกำแพงข้างชั้นหนังสือมีบางที่ที่มีสีเข้มกำแพงนี้หากมิได้ใช้ไฟฉายรังสียูวีส่องไป สีก็จะเหมือนกับรอบ
บัญชีเหล่านี้ทำเอาหลิงอวี๋เห็นแล้วตะลึงจนพูดมิออก ในนั้นเป็นบันทึกรายรับรายจ่ายของค่ายกองทหารเสือในช่วงยี่สิบปีนี้มีทั้งเงินที่การคลังจัดสรร และยังมีรายรับจากแหล่งที่มามิชัดเจนด้วยหลิงอวี๋ไม่มีเวลาดูให้ละเอียด ดูไปเพียงมิกี่หน้าแล้วก็พบว่ารายรับเหล่านี้มีจำนวนมากมายนัก ดูผิดปกตินางเก็บสมุดบัญชีเล่นนี้เข้าไปในมิติแล้วตรวจสอบต่อในกล่องหนึ่ง หลิงอวี๋เห็นหนังสือยอมรับผิดของมู่หรงเหยียนซง เดิมทีนางคิดว่าจะเอาหนังสือยอมรับผิดนั้นออกไปด้วยแต่พอคิดอีกที หากเอาหนังสือยอมรับผิดออกไปแล้วถูกเฮ่อหรงพบเข้า เขาก็จะรู้ว่ามีคนเคยเข้ามาในห้องลับนี้ แล้วเขาจะต้องคิดหาวิธีอื่นจัดการแน่นอนขอเพียงทิ้งหนังสือยอมรับผิดไว้ มิให้เขาพบว่ามีคนเข้ามาในห้องลับ แล้วรอให้ถึงตอนที่ตอนงานแต่งงานที่จักรพรรดิอู่อันมาร่วมงานด้วยตนเองก่อนแล้วจึงจะเปิดโปงเฮ่อหรงได้ในตอนที่หลิงอวี๋กำลังคิดจะไป จู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งเกิดขึ้นมา หลิงเยี่ยนเอาตนไปขายให้พระชายาเว่ยฟังแล้ว เช่นนั้นเหตุใดตนมิทำสิ่งใดสักหน่อยให้พระชายาเส้ากับเก๋อเทียนซือไปสงสัยตระกูลเฮ่อหน่อยเล่า!นางเอาตำราการแพทย์เล่มนั้นของซือคงชวิ่นออกมาจากในมิติ แ
เฮ่อเฉียง!หลิงอวี๋เชื่อในหูตนเองว่าไม่มีทางฟังผิดไปแม้ว่าเฮ่อเฉียงจะมิได้พูดคุยกับตนเองมากนัก แต่โทนเสียงของเขานั้นหลิงอวี๋ไม่มีทางลืมเฮ่อเฉียงเป็นทูตขวาของหอเหยี่ยวราตรี เช่นนั้นหัวหน้าหอจะมิใช่เฮ่อหรงหรือ?หลิงอวี๋มิคาดคิดเลยจริง ๆ ว่า เฮ่อหรงจะมีความเกี่ยวข้องกับหอเหยี่ยวราตรี เช่นนั้นที่เซียวหลินเทียนบอกว่าเขาแกล้งป่วยทั้งหมดนั่นก็สมเหตุสมผลแล้วมีเพียงแค่คนป่วยกระเสาะกระแสะมิดึงดูดความสนใจใครเท่านั้น จึงจะมีโอกาสมิพบใครเลยได้ตลอดทั้งปี แล้วแอบไปทำการค้าลับ ๆ เหล่านี้ได้และมีเพียงผู้สูงศักดิ์ที่มีอำนาจเหนือใครเช่นเฮ่อหรงเท่านั้น จึงจะกล้าช่วยมือสังหารเหล่านั้นออกมาจากศาลาว่าการผู้ว่าราชการมณฑลได้หลิงอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งตกใจ แล้วเหงื่อเย็น ๆ ก็ออกมาโดยมิรู้ตัวเฮ่อเฉียงสามารถนั่งตำแหน่งทูตขวาของหอเหยี่ยวราตรีได้ ความสามารถกับวรยุทธล้วนต้องแข็งแกร่งมาก นางจะเดินออกไปเงียบ ๆ โดยมิถูกจับได้ได้หรือ?ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ เฮ่อเฉียงก็เอ่ยขึ้นมา “เจ้าได้รับบาดเจ็บ คืนนี้ก็อยู่ที่ทางลับนี่อย่าออกไปไหน คนของท่านอ๋องอี้ที่อยู่ด้านนอกจะต้องค้นหาไปทั่วทุกที่แน่นอน หลบอยู่สักคื
ขณะที่หลิงอวี๋นอนคว่ำหน้าพักผ่อนอยู่ที่พื้น นางก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของเสียงฝีเท้าจำนวนนับไม่ถ้วนที่พื้นแล้วก็มีเสียงรัวกลองดังมาราง ๆ ด้วยหลิงอวี๋ตกใจลุกขึ้นนั่งเฮ่อเฉียงคิดจะทำอะไรอีก?หรือว่าเขาพบว่ามีคนแอบบุกเข้ามาในห้องลับเลยกำลังเรียกคนมาจับตน?หากตนเป็นเฮ่อเฉียง เวลานี้จะทำสิ่งใดกันนะ?หลิงอวี๋ลองคิดกลับกันพลางเคลื่อนที่ออกไปอย่างเงียบ ๆตอนนี้ในห้องลับยังมีมือสังหารอยู่อีกหนึ่งคน เฮ่อเฉียงใช้งานเขาเช่นนี้ทั้งยังยอมให้เขามาซ่อนตัวที่ห้องลับอีก ก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่า คนผู้นี้ต้องมีความสามารถโดนเด่นหากกลับไปทางเดิมก็อาจจะเป็นการหาเรื่องยุ่งให้ตนเองแล้วไปเจอเข้ากับเฮ่อหรงกับเฮ่อเฉียงเอาได้เช่นนั้นทางที่เหลือที่สามารถหนีออกไปได้ก็มีเพียงเส้นทางที่ตนอยู่นี่แต่เส้นทางห้องลับนี้จะไปสถานที่ใดกัน หากตนออกไปแล้วจะเจอกำลังพลมารอจับตนอยู่หรือไม่หลิงอวี๋กังวลใจเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้นางคุยกับหานอวี้ไว้แล้วว่า ตอนกลางคืนตนจะกลับไปเจอนาง ให้หานอวี้ช่วยปิดบังให้ตนด้วยหากตนมิกลับไป แล้วหากเฮ่อเฉียงตรวจสอบนางรับใช้พบว่าตนหายไปจากนิสัยที่สามารถฆ่าคนโดยมิกะพริบตาได้ขอ