“ท่านอ๋อง… พระชายาบอกว่ามีเรื่องมาขอพบพ่ะย่ะค่ะ!”ลู่หนานลังเลอยู่นาน แล้วสุดท้ายก็เข้าไปรายงาน“ไม่พบ!” เซียวหลินเทียนตอบอย่างเย็นชา“ไม่พบ? แต่หม่อมฉันเข้ามาแล้ว! ท่านไม่พบก็ทำได้แค่ต้องพบแล้วล่ะ!”เสียงของหลิงอวี๋ดังเข้ามา เซียวหลินเทียนหันไปมองอย่างรังเกียจ แล้วก็พบว่าหลิงอวี๋เดินเข้ามาแล้ว“เรือนนี้ไม่เลวเลย! ดอกไม้ต้นไม้ก็ได้รับการดูแลอย่างดี!”หลิงอวี๋เดินไปก็มองรอบ ๆ ไปด้วยเรือนหลักที่เซียวหลินเทียนอาศัยอยู่มีขนาดประมาณสิบหว่าห้อง มีการทำความสะอาดอย่างดี ทางเดินแกะสลักได้มีการทาสีใหม่มาแล้ว“สมกับที่เป็นเรือนหลัก ดูสะอาดและมีราศี ดูแล้วเจริญหูเจริญตา! หลิงซิน เจ้าว่าเราย้ายมาอยู่ที่นี่เลยเป็นเยี่ยงไร?”หลิงซินยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ไม่กล้าพูดท่านอ๋องไม่ปรารถนาจะพบคุณหนู คุณหนูไม่รู้หรือ?เรื่องที่จะมาอยู่เรือนหลัก ไหนเลยนางจะกล้าคิด!“เซียวหลินเทียน เรือนบุหงาทรุดโทรมเกินไปแล้ว! หม่อมฉันอยากจะย้ายเรือนอาศัย ได้หรือไม่?”หลิงอวี๋เอ่ยถามยิ้ม ๆเซียวหลินเทียนมองนางอย่างเฉยเมย พลางเอ่ยลอดไรฟันออกมา “ไม่ได้!”“อ๋อ เช่นนั้นหม่อมฉันอยากจะซ่อมแซมเรือนบุหงาใหม่เสียหน่อย
“หลิงอวี๋ เจ้าหุบปากไปซะ!”เซียวหลินเทียนโกรธจนหน้าแดง ไม่รอให้นางพูดจบก็ตะคอกออกมาด้วยความโกรธหลิงอวี๋พูดอย่างใจเย็น “หม่อมฉันพูดเช่นนี้ไม่ได้เยาะเย้ยท่าน แต่เป็นการที่หมอคนหนึ่งวินิจฉัยให้ท่าน!”“เซียวหลินเทียน อาการป่วยนี้ของท่านเป็นผลมาจากขาทั้งสองข้างได้รับบาดเจ็บ! ขาของท่านรักษาได้ เพียงแต่ค่อนข้างใช้เวลา!”“หม่อมฉันช่วยรักษาเรื่องทางด้านการสืบทอดทายาทของท่านก่อนได้ โอสถสามอย่างนี้รักษาโรคได้!”“การเลี่ยงการรักษาถือเป็นข้อห้ามใหญ่! ท่านลองผลของโอสถหม่อมฉันก่อนได้แล้วค่อยว่ากัน!”“ถึงอย่างไรในช่วงระยะนี้หม่อมฉันก็ไปจากตำหนักอ๋องอี้ไม่ได้อยู่แล้ว หากโอสถไม่ได้ผล ท่านสามารถไปคิดบัญชีหม่อมฉันได้ตลอดเวลา!”เซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว ใบหน้าอึมครึมหมองคล้ำมือของเขากำแน่น เพราะสิ่งที่หลิงอวี๋พูดเป็นเรื่องจริง...สิ่งที่เขาคิดไม่ออกก็คือ หลิงอวี๋รู้ได้เยี่ยงไร?ท่านหมอว่านก็ไม่สามารถรักษาโรคนี้ของเขาได้!นี่คือสาเหตุที่เซียวหลินเทียนสิ้นหวังอย่างแท้จริง!เขาทนรับที่ขาทั้งสองข้างของตนเองไม่สามารถเดินได้ แต่การไร้ความสามารถสืบทอดทายาทนั้น ผู้ชายที่ไหนก็ไม่สา
“ได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! หลักการรักษาโรคของตำรับโอสถนี้คือการใช้ตัวยาฤทธิ์อุ่นร่วมกับตัวยาที่ขับเคลื่อนโลหิตและโลหิตอุดกั้น ในเส้นลมปราณอุ่นมาขับไล่ความเย็นและขจัดการอุดกั้น ช่วยคลายเส้นลมปราณขับเคลื่อนโลหิตและสลายโลหิตอุดกั้น เอาเย็นไปใส่ร้อน หากเลือดอุ่นก็จะทำงานได้ดี”ท่านหมอว่านพูดถึงทักษะทางการแพทย์อย่างชัดเจน“ในตำรับโอสถนี้มีตังกุย ดอกคำฝอย กำยาน อู่หลิงจือ กระทุง เทียนบ้าน เป็นต้น ล้วนเป็นตัวยาที่มีประสิทธิภาพในการผ่อนคลายเส้นลมปราณของขาท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”“แต่โกฐหัวบัว ชวนชวี่ต้วน และกุกบุยโป้วไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!”“ตำรับโอสถนี้ใครจัดหรือ? กระหม่อมอยากจะถามว่านี่คือเครื่องยาสมุนไพรอะไร มีชื่ออื่นหรือไม่!”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว เครื่องยาสมุนไพรที่ท่านหมอว่านก็ไม่รู้ คิดไม่ถึงว่าหลิงอวี๋จะรู้?หรือว่าตำรับยานี้จะช่วยรักษาปัญหาการสืบทอดทายาทได้จริง ๆ ?“ลู่หนาน เจ้าไปที่เรือนบุหงาแล้วเชิญพระชายามา!” เซียวหลินเทียนสั่งลู่หนานรับคำสั่ง แล้วรีบไปเชิญหลิงอวี๋ที่เรือนบุหงาผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลิงอวี๋ถึงได้เดินตามลู่หนานมาทันทีที่ท่านหมอว่านเห็นก็เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “แม่นาง
หลิงอวี๋เก็บภาพวาดของตนเอง แล้วกลับเรือนบุหงาพาหลิงเยวี่ยกับหลิงซินออกไปด้วยกันทั้งสามคนเดินไปตามถนน เห็นร้านยาก็เข้าไปถาม ถามติด ๆ กันไปหลายร้านก็ไม่มีตัวยาสามตัวนี้เลยกระทั่งมาถึงโรงหุยชุน หลิงอวี๋เห็นว่าเป็นโรงยาเดียวกับที่ปฏิเสธยาของตนเองครั้งที่แล้ว จึงไม่อยากเข้าไปแต่มาคิดดูโรงยานี้เป็นโรงยาที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ไม่แน่ว่าอาจจะมียาที่ตนเองต้องการนางจึงพาหลิงเยวี่ยกับหลิงซินเข้าไป“ฮูหยินท่านนี้ มาซื้อยาหรือว่าหาหมอขอรับ?”คนทำงานที่โรงยาเห็นก็เข้ามาต้อนรับ“ข้าอยากซื้อยา โกฐหัวบัว ชวนชวี่ต้วน และกุกบุยโป้ว ที่นี่มีหรือไม่?” หลิงอวี๋ถามคนงานเกาหัว หันไปตะโกน “หมอหลี่ มีโกฐหัวบัว ชวนชวี่ต้วน และกุกบุยโป้ว เครื่องยาสมุนไพรสามชนิดนี้หรือไม่?”หมอหลี่ที่อยู่ด้านในเป็นชายชรามีเคราแพะ พอได้ยินคนงานพูด ก็เอ่ยขึ้นโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา“ไม่เคยได้ยิน! ตัวยาเหลวไหลอะไรกัน เป็นยาที่มีแต่หมอชนบทถึงจะใช้กระมัง! เจ้าให้พวกนางไปหาที่อื่น!”หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว กำลังจะพากันออกไป ก็เห็นชายหน้าเหลี่ยมอายุประมาณสามสิบกว่าแบกหญิงชราขึ้นหลังเข้ามาในนี้“หมอหลี่… เร็วเข้า… รีบช่วยแม่ของข้าที! แ
“พ่อข้าล้มป่วยมาสิบกว่าวันแล้ว เขาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ต้องพูดถึงช่วยชีวิตคนอื่นเลย!”“พี่ต้าหนิว ที่นี่ยังมีเงินอยู่สองสามตำลึง เจ้าเอาไปหาหมอที่อื่นให้ช่วยแม่เจ้าเถิด!”“น้องเลี่ยว… ข้ารับเงินเจ้าไม่ได้หรอก! เจ้าเก็บไว้ให้พ่อเจ้าหาหมอเถิด!”น้ำเสียงหลี่ต้าหนิวสะอื้นเล็กน้อย “คนดีไม่ได้รับสิ่งดี ๆ ตอบแทนเลย! หมอเลี่ยวเป็นคนดีถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงจบลงเช่นนี้ได้!”“โรงหุยชุนรังแกคนมากเกินไปแล้ว… น้องเลี่ยว เจ้าขายร้านโอสถแล้วพาพ่อเจ้ากลับบ้านเถิด! อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง โรงหุยชุนก็ไม่สามารถทำให้พวกเจ้าลำบากได้อีก!”“อืม พี่ต้าหนิว เจ้ารีบไปหาหมอเถิด! อย่าให้เสียเวลาเรื่องอาการป่วยของแม่เจ้าเลย!”“เงินนี่เจ้าเอาไป อย่าปฏิเสธเลย ข้าขายร้านโอสถแล้วก็จะมีเงินแล้ว!”“น้องเลี่ยวเป็นบุญคุณใหญ่หลวงยิ่งนัก! แต่ข้ากลับเคารพไม่ได้!”หลี่ต้าหนิวเช็ดน้ำตา เอาเงินยัดใส่ในอ้อมแขน แล้วแบกแม่กำลังจะไป แต่หมุนตัวไปเจอหลิงอวี๋เข้า“ฮูหยินท่านนี้? มีเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”หลิงอวี๋เห็นน้องเลี่ยวคนนั้น ท่าทางอายุแค่สิบเจ็ดสิบแปดเอง สวมชุดยาวที่ซักจนขาวเขาหน้าตาหล่อเหลา แต่ใบหน้ากลับเต็มไป
หลิงอวี๋แย้มยิ้มพลางชี้ที่ท้องของป้าหลี่ “ถุงน้ำดีของนางมีเศษหินกรวดเต็มไปหมด ถ้าผ่าตัดถุงน้ำดีทิ้งอาการจะไม่กำเริบอีกในภายหน้า!”“พอผ่าตัดถุงน้ำดีออกแล้ว คนจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่? แม่นาง เจ้าอย่าหลอกข้านะ!”หลี่ต้าหนิวเผยสีหน้าเหลือจะเชื่อหลิงอวี๋ยังไม่ทันกล่าวคำ น้องเลี่ยวพลันขบคิดขณะเอ่ยว่า“ข้าได้ยินมาว่า ในสมัยโบราณมีหมอนามว่า อวี๋ฟู การรักษาไม่พึ่งยาต้ม เพียงใช้มีดกรีดรักษาส่วนเจ็บปวดต่าง ๆ ระบายหนองกับเลือดออก!”“เหนือการผ่าตัดกรีดผิวนอกกายแล้ว อวี๋ฟูยังผ่าตัดส่วนท้องได้ด้วย หรือว่าแม่นางจะเข้าใจเคล็ดของอวี๋ฟู?”หลิงอวี๋มองเขาอย่างแปลกใจ คิดไม่ถึงเลยว่า เด็กคนนี้จะรู้เรื่องอวี๋ฟูจากคัมภีร์หวงตี้เน่ยจิง(1) สมกับที่เกิดมาในตระกูลเก่าแก่มากวิชาแพทย์ยิ่งนักนางพยักหน้าเล็กน้อยพลางยิ้มตอบว่า “อวี๋ฟูคือบรรพบุรุษแห่งการผ่าตัดศัลยกรรม! การผ่าตัดถุงน้ำดีของอาอึ้มท่านนี้นอกจากขจัดโรคเรื้อรังแล้ว ภายภาคหน้าก็จะไม่ต่างจากคนทั่วไปด้วย!”หลี่ต้าหนิวมองดูน้องเลี่ยวและหลิงอวี๋ ก่อนจะลูบจมูกอย่างประหม่าพลางกล่าวว่า “แม่นาง การผ่าตัดเอาออกต้องใช้เงินเท่าไรหรือขอรับ?”หลิงอวี๋มองหลี่ต
“ท่านพ่อข้า… คือหมอเลี่ยวจากโรงเหยียนหลิง(1)!” เลี่ยวเซียนเอ่ยแนะนำ“ข้านามหลิงอวี๋ คารวะหมอเลี่ยว!” หลิงอวี๋แสดงความเคารพเลี่ยวเซียนช่วยประคองหมอเลี่ยวเข้ามาหลิงอวี๋รับรู้ได้ว่า สุขภาพของหมอเลี่ยวไม่ได้มีปัญหาอะไร ทว่าคือความกลัดกลุ้มอัดแน่นในใจต่างหากและไข้หวัดที่ยังเป็นไม่หายเฉย ๆ“หมอเลี่ยว ท่านอยากขายโรงเหยียนหลิงหรือไม่?” หลิงอวี๋เอ่ยถามโดยไม่คิด“ขาย!”“ไม่ขาย!”หมอเลี่ยวกับเลี่ยวเซียวตอบพร้อมกันพอหมอเลี่ยวกล่าวจบก็มองลูกชายพลางถอนหายใจยาวเหยียด ก่อนจะผงกศีรษะเคร่งเครียดหลิงอวี๋ลอบมองทั้งสองพลางเอ่ยถาม “เหตุใดต้องการขายโรงเหยียนหลิงล่ะ? บริหารไม่สันทัดหรือมีเหตุผลอื่นหรือ?”เลี่ยวเซียนรินน้ำให้บิดาพลางตอบว่า “โรงเหยียนหลิงสืบทอดจากท่านปู่ข้า ถือเป็นร้านเก่าแก่นับร้อยปี!”“วิชาแพทย์ของท่านพ่อข้าก็เป็นท่านปู่ชี้แนะเช่นกัน ในเมื่องหลวงข้าไม่กล้าบอกว่าติดสามอันดับแรก แค่ติดสิบอันดับแรกก็สมชื่อแล้ว!”เลี่ยวเซียนรินน้ำให้หลิงอวี๋เช่นกัน ก่อนจะลอบมองหมอเลี่ยวส่ายศีรษะพลางกล่าวคำ“ท่านพ่อข้าเหมือนคนใจบุญท่านนั้นที่เจ้าเล่า ยึดมั่นในคำสอนบรรพบุรุษ ช่วยเหลือคนจนอย่างไม่เห
หลิงอวี๋สิ้นคำกล่าว เหตุใดโรงหุยชุนเผด็จการขนาดนี้!นางเอ่ยถาม “หากเจ้าเผาโรงหุยชุนแล้วพี่เจ้าจะเป็นอย่างไรเล่า?”เลี่ยวซวนก้มหน้างุดหมองหม่นหยาดน้ำตาหมอเลี่ยวร่วงโรยพลางกล่าวคำสิ้นหวัง“แขนไม่อาจบิดต้นขาได้ฉันใดผู้อ่อนแอไม่อาจต่อกรผู้เรืองอำนาจได้ฉันนั้น… ข้าเตือนเจ้าเด็กนี้แล้ว แต่ยังรั้นไม่ยอมประนีประนอม!”“อา เซียนเอ๋อร์ ยอมรับชะตากรรมเสีย! มอบโฉนดที่ดินเถิด! พาพี่ใหญ่เจ้ากลับมา ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ ครอบครัวเราจะได้ออกไปจากเมืองหลวง!”เลี่ยวเซียนบ่ายศีรษะเช็ดหยาดน้ำตาที่หางตาพลางกล่าวประชดประชัน“แต่ข้าก็ไม่อยากให้โรงหุยชุนในราคาถูก ๆ ข้าไม่เชื่อว่าบนใต้หล้าแห่งนี้จะไม่มีความยุติธรรม! หากบีบคั้นข้า ข้าจะไปตีกลองร้องทุกข์(1)ที่พระราชวัง!”“เจ้าเด็กนี่ ไยไม่เชื่อฟังบ้าง!”หมอเลี่ยวตีไหล่เขาหนึ่งฝ่ามือพลางกล่าวตำหนิ“พี่ใหญ่เจ้าโดนขังคุกไปแล้ว หรือว่าเจ้าก็อยากเข้าคุกเหมือนกันเล่า?”“เช่นนั้นเจ้าไม่สู้เอามีดมาแทงข้าให้ตายเลยเล่า! พ่อไม่อยากเห็นพวกเจ้าต้องมาตายก่อนข้านะ!”หมอเลี่ยวนึกถึงเรื่องน่าเศร้า หยาดน้ำตาก็พลันไหลพรากเลี่ยวเซียนทั้งปวดใจและร้อนรน กระทืบเท้ากล
“องค์หญิงใหญ่ ท่านกับไท่เฟยเส้ามิใช่พี่น้องร่วมสาบานกันหรอกหรือ?”หานอวี้พูดเสียงเย็นชาว่า “ไท่เฟยเส้าตายแล้ว หากท่านมิตามพระนางไปยมโลก พระนางคงจะเหงาแย่...”ก่อนที่องค์หญิงใหญ่จะรู้ว่าหานอวี้ทำอะไร หานอวี้ก็ดึงปกเสื้อของนางออก แล้วเอาผิวหนังที่เน่าเปื่อยของไท่เฟยเส้ายัดเข้าไปในปกเสื้อขององค์หญิงใหญ่หลิงซวนเห็นเหตุการณ์นี้ มิได้พูดอะไร และหันหลังเดินจากไปนางเข้าใจความรู้สึกของหานอวี้ หานเหมยเป็นญาติเพียงคนเดียวของนางในใต้หล้าแห่งนี้หานเหมยและฮองเฮาถูกวังวนลึกลับนั้นดูดหายไป มิรู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร หานอวี้จึงใช้โอกาสนี้ระบายความกลัวและความกังวลใจองค์หญิงใหญ่รู้สึกว่า ผิวหนังของนางซึ่งสัมผัสกับผิวหนังที่เน่าเปื่อยของไท่เฟยเส้าเริ่มคันและเจ็บปวด นางร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวแต่เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างก็กำลังตามหาหลิงอวี๋และหานเหมย ใครกันจะสนใจนาง!องค์หญิงใหญ่ขอความช่วยเหลือมิได้ หัวเราะมิออกอีกต่อไปหลิงอวี๋ที่เป็นคนเดียวที่จะช่วยนางได้ ก็มาหายตัวไปแล้ว นางจะไปหาใครมาช่วยได้อีก!กรรมใดใครก่อ ผลนั้นย่อมตกแก่ผู้นั้น!องค์หญิงใหญ่นึกถึงคำพูดของหลิงอวี๋ที่เคยกล่าวกับไท่เฟย
”ฉึก”เสียงธนูที่ฝังลงไปในเนื้อหนังอย่างทื่อ ๆ นั้น หลิงอวี๋ได้ยินชัดเจนนางยิงถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ย!ตามมาด้วยเสียงดังโครม...นั่นคือเสียงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยตกลงสู่พื้น!“อย่าเพิ่งรีบเข้าไป!”หลิงอวี๋ที่กำลังเร่งรีบนั้นมองมิเห็นว่าธนูไปถูกส่วนไหนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย กลัวว่าจะยิงพลาด จึงเตือนทุกคนให้รอสักครู่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยตกลงไปในพุ่มหญ้าใต้ต้นไม้ เห็นเสื้อผ้าของนางได้อย่างเลือนราง แต่มิเห็นตำแหน่งที่ถูกธนูหลิงอวี๋รออยู่พักหนึ่ง มิเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยขยับตัว จึงค่อย ๆ เดินไปข้างหน้าแต่ในขณะนั้น จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ส่งเสียงคำรามดุจสัตว์ร้ายขึ้นมาว่า “หลิงอวี๋ เจ้าตายซะ...”พร้อมกับเสียงคำราม วัตถุสีดำก็พุ่งออกมาจากพุ่มไม้เสียงดังปัง หลิงอวี๋เห็นแสงสีรุ้งมากมายระเบิดขึ้นตรงหน้า และในพริบตาก็ก่อตัวเป็นวังวนขนาดมหึมาร่างกายของนางลอยขึ้นไปอย่างมิสามารถควบคุมได้ และถูกดูดเข้าไปยังวังวนนางพยายามทรงตัว แต่วังวนนั้นก็เหมือนกับแม่เหล็กขนาดใหญ่ ดูดร่างกายของนางไว้แน่น มิสามารถดิ้นรนได้เลยเสียงหวีดดังขึ้น วังวนขนาดมหึมาปิดลง หลิงอวี๋และหานเหมยที่อยู่ใกล้ที่สุดหายไปพร้อมกับวังวนในพริบตาเผยอวี้
ไท่เฟยเส้าหายใจเฮือกสุดท้าย จากนั้นก็สิ้นใจไปพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวหลิงอวี๋เห็นนางมิขยับแล้ว กำลังจะเข้าไปดูว่านางตายแล้วหรือยัง แต่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนแปลก ๆ“หลบ!”หลิงอวี๋มีเวลาทันเพียงแค่พุ่งตัวเข้าไปบังหานเหมยที่ตามมาข้างหลัง มิทันได้ช่วยหานอวี้และหลิงซวน พลังมหาศาลก็พุ่งเข้ามา ในพริบตาก็ทำให้หานอวี้และหลิงซวนถูกกระแทกจนกระเด็นลอยออกไปจ้าวหรุ่ยหรุ่ย!หลิงอวี๋ยังมิทันจะลุกขึ้นก็กลิ้งไปกับพื้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็เหวี่ยงฝ่ามือโจมตีออกไป กระแสพลังฝ่ามือทำให้พุ่มไม้หักโค่นทับเรียงตามกันไป แต่ข้างหลังพุ่มไม้กลับไม่มีใคร“ฮองเฮา บนต้นไม้!”เผยอวี้ตะโกน แล้วตบไปที่ต้นไม้ข้าง ๆหลิงอวี๋เข้าใจทันที นางกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้! แต่พอขึ้นไปบนต้นไม้ก็เห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกระโดดไปที่ต้นไม้ต้นอื่นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยหันหลังมา โจมตีกลับมาหนึ่งฝ่ามือ ในนั้นมีเข็มเงินแช่พิษลอยปะปนมาหลิงอวี๋มิกล้าต้านทานจึงลดตัวลงเหยียบกิ่งไม้หักดังเป๊าะ ร่างร่วงลงไปจึงหลบเลี่ยงเข็มเงินเหล่านั้นไปได้“ยิงธนู!”เผยอวี้ตะโกน มือธนูก็ยิงธนูออกมา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยหัวเราะ “หลิงอ
ไท่เฟยเส้ามิพูดถึงหวางซือก็ยังดี แต่เมื่อเอ่ยถึงหวางซือ ความเกลียดชังในดวงตาของหลิงอวี๋ก็พลุ่งพล่านออกมา“เป็นเจ้านั่นเองที่สั่งหวางซือให้วางยาท่านแม่ของข้า!”“เจ้าต้องการตำราแพทย์ซือคงชวิ่น จึงค่อย ๆ หยั่งเชิงท่านแม่ สุดท้ายก็สั่งหวางซือให้วางยาท่านแม่อย่างโหดเหี้ยม!”ตอนที่หวางซือตาย แม้จะมิได้กล่าวหาไท่เฟยเส้า แต่หลิงอวี๋รู้ดีว่า ไท่เฟยเส้าคือฆาตกรตัวจริงที่ทำให้หลานฮุ่ยจวนตาย!“ข้านี่แหละสั่ง แล้วอย่างไร? ข้ายอมรับ!”ไท่เฟยเส้าจ้องหลิงอวี๋ด้วยความแค้น “เจ้าเป็นเพียงบุตรนอกสมรส คนชั่วไร้หัวนอนปลายเท้า มิคู่ควรที่จะเป็นฮองเฮา!”“เจ้ากับแม่ของเจ้าต่างก็เป็นคนชั่ว!”“นางสารเลว อยากให้ข้ายอมจำนนงั้นรึ เลิกฝันเสียเถอะ! แม้ตัวตายข้าก็จะลากเจ้าไปด้วย!”พูดจบ ไท่เฟยเส้าก็กระโจนเข้าใส่หลิงอวี๋ นางหยิบผงยาที่ซ่อนไว้ออกมา ผงยานี้เป็นของที่เจ้าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยให้มาเพียงแค่สัมผัสถูกผิวหนังเล็กน้อย ผิวหนังก็จะเน่าเปื่อย พิษจะเข้าสู่หัวใจอย่างรวดเร็ว มิถึงห้านาทีคนก็จะตาย“ไปลงนรกซะ!”ไท่เฟยเส้าหัวเราะเยาะเย้ย แล้วโยนถุงยาใส่หลิงอวี๋ ระยะใกล้เพียงนี้หลิงอวี๋ต้องหนีมิพ้นแน่!หลิงอวี๋เห็น
“องค์หญิงใหญ่ เคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า ตั๊กแตนจับจิ้งหรีด นกเหยี่ยวรอจับตั๊กแตนหรือไม่?”หลิงอวี๋หัวเราะแล้วกล่าวว่า “ท่านคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะโง่ ไม่มีการเตรียมตัวอะไรเลย แล้วขึ้นเขามาตาย?”“ลองหันไปดูข้างหลังสิ ข้างหลังท่านมีอะไรบ้าง?”องค์หญิงใหญ่หันหลังไปโดยสัญชาตญาณ ก็เห็นกองทัพหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ พวกเขาสวมเครื่องแต่งกายแปลก ๆ แต่ธนูที่ถืออยู่ล้วนเล็งมาที่พวกนาง“วางอาวุธลง มิเช่นนั้นจะฆ่ามิเลี้ยง”เผยอวี้นำหน้า ทหารตะโกนพร้อมกัน เสียงดังกังวานมาจากทุกทิศทุกทาง ดูเหมือนว่ามิใช่เสียงของคนหลายสิบคน แต่เป็นเสียงของคนหลายร้อยคน“พวกเจ้าถูกล้อมแล้ว! วางอาวุธลง ฮองเฮาของเราทรงเห็นว่าพวกเจ้าถูกผู้อื่นหลอกใช้ จึงจะเมตตามิลงโทษ หากยังดื้อดึงก็มีแต่รนหาที่ตาย!” อิ้งเฉิงตะโกนเสียงดังเหล่ามือสังหารมองหน้ากันและต่างพากันลังเล เพื่อเงินมิกี่ร้อยตำลึงแลกกับชีวิต คุ้มค่าหรือ? แม้ว่าองค์หญิงใหญ่จะสัญญาว่า หากสำเร็จจะให้พวกเขาเลื่อนตำแหน่ง ทว่าหากตายไปแล้วสัญญาเหล่านั้นก็ไร้ค่า!“เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว องค์ชายคังทำให้ทหารหลายพันนายตายโดยไร้ซึ่งความผิด คนโหดร้ายเช่นนี้ พวกเจ้ายังอย
เรือนจำราชสำนักฝ่ายในที่ทั้งมืดมนและชื้นแฉะ ห้องขังมืดมิดมิเคยมีแสงแดดเล็ดลอดเข้ามาองค์ชายคังนอนมิหลับมาหลายคืน ผ่ายผอมลงไปสิบกว่าจินทุกครั้งที่หลับตาลง เขาจะได้ยินเสียงคนตะโกนขอชีวิตอยู่ข้างหูเดิมทีเขาคิดว่ามีคนแกล้งหลอกให้หวาดกลัว แต่รอบ ๆ กลับไม่มีใครเลยบางครั้งเขายังเห็นแม้กระทั่งเงาผีล่องลอยไปมา เมื่อเรียกทหารยาม ทหารยามก็บอกว่ามิเห็นอะไรทั้งยังเยาะเย้ยว่าเขาน่าจะเห็นผีเข้าแล้ว!หลังจากหลายคืนที่ถูกหลอกหลอนเช่นนี้ นานเข้าจิตใจขององค์ชายคังก็รับมิไหว บางครั้งก็สติฟั่นเฟือน บางครั้งก็ปกติยามสติฟั่นเฟือนก็เอาหัวโขกกำแพง เวลาปกติก็ด่ากราดกระทบหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนในคุกที่จริงแล้วมีคนแกล้งหลอกหลอนองค์ชายคังจริง ๆและคนที่แกล้งหลอกหลอนนั้นก็คือทหารที่แม่ทัพสือส่งมา พวกเขาคือผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ขนส่งเบี้ยหวัดทหารในเวลานั้นแม่ทัพสือเองก็เกลียดชังองค์ชายคังที่ฆ่าน้องชายของตนเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ทำให้แม่ทัพสือฝันร้ายถึงน้องชายที่ตายอย่างน่าอนาถมาตลอดหลายปีส่วนผู้รอดชีวิตเหล่านั้นแม้จะยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็หมดอนาคตเพราะเรื่องเบี้ยหวัดทหารหาย และยังต้องแบกรับภาระทาง
เผยอวี้ได้ประโยชน์จากกองพยัคฆ์เหินหาวได้ชุดลายพรางมาด้วย เขาใส่แล้วรู้สึกว่าตนมีพลังขึ้นมา แล้วก็รู้สึกอิจฉาอิ้งเฉิงขึ้นมาทันทีที่ได้เป็นผู้นำกองกำลังชั้นยอดเช่นนี้อิ้งเฉิงมองออกถึงความมิพอใจของเขาจึงยิ้มพลางเอ่ย “ฮองเฮาได้บอกไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า ข้าเป็นผู้นำค่ายกองทหารเสือก็เพียงพอแล้ว กองพยัคฆ์เหินหาวนี้ข้าแค่มาดูแลเพียงชั่วคราวเท่านั้น!”“แม่ทัพเผย หากเจ้าอยากเป็นผู้นำกองพยัคฆ์เหินหาว เช่นนั้นต่อไปก็มาเข้าร่วมการฝึกเถิด ขอเพียงเจ้าเป็นที่หนึ่งในการแข่งขัน เช่นนั้นตำแหน่งผู้บัญชาการก็จะเป็นของเจ้า!”เผยอวี้สนใจขึ้นมาทันที จึงซักถามอิ้งเฉิงว่ามีรายการอะไรบ้างกระทั่งรู้ว่ากองพยัคฆ์เหินหาวต้องเรียนรู้มากมาย เผยอวี้ก็มิได้ตกใจจนล่าถอย แต่กลับยิ่งสนใจมากขึ้นอีกเป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ว่า กองกำลังชั้นยอดจำเป็นต้องเรียนรู้มากมายถึงเพียงนี้ นี่มิใช่สิ่งที่หลิงอวี๋พูดมาเปล่า ๆ แต่ล้วนเป็นทักษะที่แท้จริงทั้งนั้นหากเชี่ยวชาญทักษะเหล่านี้ กองกำลังนี้ก็จะเป็นกองกำลังชั้นยอดในสี่แคว้นแผ่นดินใหญ่ผู้ที่สามารถเป็นผู้บัญชาการของกองกำลังชั้นยอดนี้ได้จึงจะคู่ควรกับการเป็นแม่ทัพใหญ่อย่างแท้จ
เดิมทีจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้หาแพะรับบาปไว้แล้ว และมิกังวลว่าเรื่องนี้จะโยงมาถึงตนแต่จ้าวฮุยถูกเซียวหลินเทียนพาตัวกลับเมืองหลวง เช่นนั้นแม้ว่าตนจะสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ชัดเจน แต่สุดท้ายแล้วก็หลีกเลี่ยงมิได้ที่จะถูกจ้าวฮุยทำให้เดือดร้อนหรืออาจเป็นเรื่องดีกับตนที่หลิงอวี๋มาถึงประตูเองเช่นนี้!จ้าวเฉียงฮั๋วให้ตนบุกเข้าวังมิใช่หรือ? สังหารหลิงอวี๋ตอนนี้และรีบบุกเข้าวังก็มีผลเช่นเดียวกัน!“จ้าวเฉียงฮั๋ว ได้ยินหรือไม่ หลิงอวี๋มาถึงหน้าประตูเองแล้ว!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเอ่ยทันที “รีบพาคนของเจ้าตามข้าไป วันนี้เราจะสังหารหลิงอวี๋กัน!”“หนานฮุ่ย เจ้าไปเรียกเฉียวเค่อมาประเดี๋ยวนี้ แล้วให้เขาร่วมมือกับข้าจัดการหลิงอวี๋!”จ้าวเฉียงฮั๋วตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้นดินด้วยความยากลำบาก เขามองออกว่าตนมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การจะเอาป้ายตระกูลจ้าวทำได้เพียงเอาไว้ค่อยว่ากันทีหลัง สิ่งสำคัญที่สุดคือการร่วมมือกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงอวี๋ เช่นนี้จึงจะปกป้องตระกูลจ้าวได้“สุ่ยเหอ เจ้าพาคนไปเฝ้าห้องกลั่นโอสถไว้ อย่าให้ใครบุกรุกเข้าไปเป็นอันขาด!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสั่งนางรับใช้อีกคนกระทั่งจัดการเสร็จส
“เจ้าอยากเป็นจักรพรรดิหรือ?”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมองปราดเดียวก็เห็นความคิดของจ้าวเฉียงฮั๋วได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว นางจึงยิ้มเยาะเย้ยจ้าวเฉียงฮั๋วคิดว่าการเป็นจักรพรรดิง่ายเหมือนกับที่เขาทำการค้าหรืออย่างไร?หากเป็นเช่นนั้น ทุกคนก็สามารถเป็นจักรพรรดิได้หมดแล้ว!“มีอะไรมิได้!”จ้าวเฉียงฮั๋วเอ่ยอย่างแข็งกร้าว “ข้าแข็งแกร่งกว่าองค์ชายคังผู้ขี้ขลาดของเจ้าเป็นร้อยเท่า เขาเป็นจักรพรรดิได้ เหตุใดข้าจะเป็นมิได้!”“จ้าวหรุ่ยหรุ่ย คนที่มีไหวพริบก็จะส่งมอบป้ายกับรายชื่อมาให้เอง เห็นแก่ที่เราคือคนตระกูลเดียวกัน ข้าเป็นจักรพรรดิแล้ว เจ้าก็ยังคงเป็นพระชายาคัง!”เขากวาดสายตามองคนที่ตนพามาด้วยเพื่อเป็นการเตือนจ้าวหรุ่ยหรุ่ยว่าอย่าบังคับให้ตนลงมือจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเหลือบมองผู้ติดตามรูปร่างกำยำเหล่านั้นอย่างดูถูกจ้าวเฉียงฮั๋วคิดว่าจะอาศัยคนเหล่านี้มาจัดการตนได้หรือ เขาประเมินตนต่ำไปหรือไม่?จ้าวหรุ่ยหรุ่ยระงับอารมณ์ของตนไว้ พลางเอ่ยอย่างอดทน “จ้าวเฉียงฮั๋ว การเป็นจักรพรรดิมิง่ายอย่างที่เจ้าคิด แม้ว่าข้าจะให้รายชื่อกับเจ้าไป แต่ก็เป็นไปมิได้ที่เจ้าจะให้พวกเขาเชื่อฟังเจ้า!”“เจ้าให้เวลาข้าอีกคืนเดียว!