หลิงอวี๋เก็บภาพวาดของตนเอง แล้วกลับเรือนบุหงาพาหลิงเยวี่ยกับหลิงซินออกไปด้วยกันทั้งสามคนเดินไปตามถนน เห็นร้านยาก็เข้าไปถาม ถามติด ๆ กันไปหลายร้านก็ไม่มีตัวยาสามตัวนี้เลยกระทั่งมาถึงโรงหุยชุน หลิงอวี๋เห็นว่าเป็นโรงยาเดียวกับที่ปฏิเสธยาของตนเองครั้งที่แล้ว จึงไม่อยากเข้าไปแต่มาคิดดูโรงยานี้เป็นโรงยาที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ไม่แน่ว่าอาจจะมียาที่ตนเองต้องการนางจึงพาหลิงเยวี่ยกับหลิงซินเข้าไป“ฮูหยินท่านนี้ มาซื้อยาหรือว่าหาหมอขอรับ?”คนทำงานที่โรงยาเห็นก็เข้ามาต้อนรับ“ข้าอยากซื้อยา โกฐหัวบัว ชวนชวี่ต้วน และกุกบุยโป้ว ที่นี่มีหรือไม่?” หลิงอวี๋ถามคนงานเกาหัว หันไปตะโกน “หมอหลี่ มีโกฐหัวบัว ชวนชวี่ต้วน และกุกบุยโป้ว เครื่องยาสมุนไพรสามชนิดนี้หรือไม่?”หมอหลี่ที่อยู่ด้านในเป็นชายชรามีเคราแพะ พอได้ยินคนงานพูด ก็เอ่ยขึ้นโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา“ไม่เคยได้ยิน! ตัวยาเหลวไหลอะไรกัน เป็นยาที่มีแต่หมอชนบทถึงจะใช้กระมัง! เจ้าให้พวกนางไปหาที่อื่น!”หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว กำลังจะพากันออกไป ก็เห็นชายหน้าเหลี่ยมอายุประมาณสามสิบกว่าแบกหญิงชราขึ้นหลังเข้ามาในนี้“หมอหลี่… เร็วเข้า… รีบช่วยแม่ของข้าที! แ
“พ่อข้าล้มป่วยมาสิบกว่าวันแล้ว เขาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ต้องพูดถึงช่วยชีวิตคนอื่นเลย!”“พี่ต้าหนิว ที่นี่ยังมีเงินอยู่สองสามตำลึง เจ้าเอาไปหาหมอที่อื่นให้ช่วยแม่เจ้าเถิด!”“น้องเลี่ยว… ข้ารับเงินเจ้าไม่ได้หรอก! เจ้าเก็บไว้ให้พ่อเจ้าหาหมอเถิด!”น้ำเสียงหลี่ต้าหนิวสะอื้นเล็กน้อย “คนดีไม่ได้รับสิ่งดี ๆ ตอบแทนเลย! หมอเลี่ยวเป็นคนดีถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงจบลงเช่นนี้ได้!”“โรงหุยชุนรังแกคนมากเกินไปแล้ว… น้องเลี่ยว เจ้าขายร้านโอสถแล้วพาพ่อเจ้ากลับบ้านเถิด! อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง โรงหุยชุนก็ไม่สามารถทำให้พวกเจ้าลำบากได้อีก!”“อืม พี่ต้าหนิว เจ้ารีบไปหาหมอเถิด! อย่าให้เสียเวลาเรื่องอาการป่วยของแม่เจ้าเลย!”“เงินนี่เจ้าเอาไป อย่าปฏิเสธเลย ข้าขายร้านโอสถแล้วก็จะมีเงินแล้ว!”“น้องเลี่ยวเป็นบุญคุณใหญ่หลวงยิ่งนัก! แต่ข้ากลับเคารพไม่ได้!”หลี่ต้าหนิวเช็ดน้ำตา เอาเงินยัดใส่ในอ้อมแขน แล้วแบกแม่กำลังจะไป แต่หมุนตัวไปเจอหลิงอวี๋เข้า“ฮูหยินท่านนี้? มีเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”หลิงอวี๋เห็นน้องเลี่ยวคนนั้น ท่าทางอายุแค่สิบเจ็ดสิบแปดเอง สวมชุดยาวที่ซักจนขาวเขาหน้าตาหล่อเหลา แต่ใบหน้ากลับเต็มไป
หลิงอวี๋แย้มยิ้มพลางชี้ที่ท้องของป้าหลี่ “ถุงน้ำดีของนางมีเศษหินกรวดเต็มไปหมด ถ้าผ่าตัดถุงน้ำดีทิ้งอาการจะไม่กำเริบอีกในภายหน้า!”“พอผ่าตัดถุงน้ำดีออกแล้ว คนจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่? แม่นาง เจ้าอย่าหลอกข้านะ!”หลี่ต้าหนิวเผยสีหน้าเหลือจะเชื่อหลิงอวี๋ยังไม่ทันกล่าวคำ น้องเลี่ยวพลันขบคิดขณะเอ่ยว่า“ข้าได้ยินมาว่า ในสมัยโบราณมีหมอนามว่า อวี๋ฟู การรักษาไม่พึ่งยาต้ม เพียงใช้มีดกรีดรักษาส่วนเจ็บปวดต่าง ๆ ระบายหนองกับเลือดออก!”“เหนือการผ่าตัดกรีดผิวนอกกายแล้ว อวี๋ฟูยังผ่าตัดส่วนท้องได้ด้วย หรือว่าแม่นางจะเข้าใจเคล็ดของอวี๋ฟู?”หลิงอวี๋มองเขาอย่างแปลกใจ คิดไม่ถึงเลยว่า เด็กคนนี้จะรู้เรื่องอวี๋ฟูจากคัมภีร์หวงตี้เน่ยจิง(1) สมกับที่เกิดมาในตระกูลเก่าแก่มากวิชาแพทย์ยิ่งนักนางพยักหน้าเล็กน้อยพลางยิ้มตอบว่า “อวี๋ฟูคือบรรพบุรุษแห่งการผ่าตัดศัลยกรรม! การผ่าตัดถุงน้ำดีของอาอึ้มท่านนี้นอกจากขจัดโรคเรื้อรังแล้ว ภายภาคหน้าก็จะไม่ต่างจากคนทั่วไปด้วย!”หลี่ต้าหนิวมองดูน้องเลี่ยวและหลิงอวี๋ ก่อนจะลูบจมูกอย่างประหม่าพลางกล่าวว่า “แม่นาง การผ่าตัดเอาออกต้องใช้เงินเท่าไรหรือขอรับ?”หลิงอวี๋มองหลี่ต
“ท่านพ่อข้า… คือหมอเลี่ยวจากโรงเหยียนหลิง(1)!” เลี่ยวเซียนเอ่ยแนะนำ“ข้านามหลิงอวี๋ คารวะหมอเลี่ยว!” หลิงอวี๋แสดงความเคารพเลี่ยวเซียนช่วยประคองหมอเลี่ยวเข้ามาหลิงอวี๋รับรู้ได้ว่า สุขภาพของหมอเลี่ยวไม่ได้มีปัญหาอะไร ทว่าคือความกลัดกลุ้มอัดแน่นในใจต่างหากและไข้หวัดที่ยังเป็นไม่หายเฉย ๆ“หมอเลี่ยว ท่านอยากขายโรงเหยียนหลิงหรือไม่?” หลิงอวี๋เอ่ยถามโดยไม่คิด“ขาย!”“ไม่ขาย!”หมอเลี่ยวกับเลี่ยวเซียวตอบพร้อมกันพอหมอเลี่ยวกล่าวจบก็มองลูกชายพลางถอนหายใจยาวเหยียด ก่อนจะผงกศีรษะเคร่งเครียดหลิงอวี๋ลอบมองทั้งสองพลางเอ่ยถาม “เหตุใดต้องการขายโรงเหยียนหลิงล่ะ? บริหารไม่สันทัดหรือมีเหตุผลอื่นหรือ?”เลี่ยวเซียนรินน้ำให้บิดาพลางตอบว่า “โรงเหยียนหลิงสืบทอดจากท่านปู่ข้า ถือเป็นร้านเก่าแก่นับร้อยปี!”“วิชาแพทย์ของท่านพ่อข้าก็เป็นท่านปู่ชี้แนะเช่นกัน ในเมื่องหลวงข้าไม่กล้าบอกว่าติดสามอันดับแรก แค่ติดสิบอันดับแรกก็สมชื่อแล้ว!”เลี่ยวเซียนรินน้ำให้หลิงอวี๋เช่นกัน ก่อนจะลอบมองหมอเลี่ยวส่ายศีรษะพลางกล่าวคำ“ท่านพ่อข้าเหมือนคนใจบุญท่านนั้นที่เจ้าเล่า ยึดมั่นในคำสอนบรรพบุรุษ ช่วยเหลือคนจนอย่างไม่เห
หลิงอวี๋สิ้นคำกล่าว เหตุใดโรงหุยชุนเผด็จการขนาดนี้!นางเอ่ยถาม “หากเจ้าเผาโรงหุยชุนแล้วพี่เจ้าจะเป็นอย่างไรเล่า?”เลี่ยวซวนก้มหน้างุดหมองหม่นหยาดน้ำตาหมอเลี่ยวร่วงโรยพลางกล่าวคำสิ้นหวัง“แขนไม่อาจบิดต้นขาได้ฉันใดผู้อ่อนแอไม่อาจต่อกรผู้เรืองอำนาจได้ฉันนั้น… ข้าเตือนเจ้าเด็กนี้แล้ว แต่ยังรั้นไม่ยอมประนีประนอม!”“อา เซียนเอ๋อร์ ยอมรับชะตากรรมเสีย! มอบโฉนดที่ดินเถิด! พาพี่ใหญ่เจ้ากลับมา ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ ครอบครัวเราจะได้ออกไปจากเมืองหลวง!”เลี่ยวเซียนบ่ายศีรษะเช็ดหยาดน้ำตาที่หางตาพลางกล่าวประชดประชัน“แต่ข้าก็ไม่อยากให้โรงหุยชุนในราคาถูก ๆ ข้าไม่เชื่อว่าบนใต้หล้าแห่งนี้จะไม่มีความยุติธรรม! หากบีบคั้นข้า ข้าจะไปตีกลองร้องทุกข์(1)ที่พระราชวัง!”“เจ้าเด็กนี่ ไยไม่เชื่อฟังบ้าง!”หมอเลี่ยวตีไหล่เขาหนึ่งฝ่ามือพลางกล่าวตำหนิ“พี่ใหญ่เจ้าโดนขังคุกไปแล้ว หรือว่าเจ้าก็อยากเข้าคุกเหมือนกันเล่า?”“เช่นนั้นเจ้าไม่สู้เอามีดมาแทงข้าให้ตายเลยเล่า! พ่อไม่อยากเห็นพวกเจ้าต้องมาตายก่อนข้านะ!”หมอเลี่ยวนึกถึงเรื่องน่าเศร้า หยาดน้ำตาก็พลันไหลพรากเลี่ยวเซียนทั้งปวดใจและร้อนรน กระทืบเท้ากล
หลี่ต้าหนิวเก็บกวาดห้องเสร็จแล้ว กวาดถูจนสะอาดสะอ้านหลิงอวี๋สั่งหลี่ต้าหนิวแบกหญิงชรามา สบโอกาสเมื่อเขาออกไปรีบเข้ามิติหยิบเครื่องมือผ่าตัดหมอเลี่ยวเดินตามหลี่ต้าหนิวมา เขาขจัดความเศร้าก่อนหน้าจนบัดนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะมากพลางกล่าวอย่างเบิกบาน“ฮูหยิน ข้าช่วยเป็นลูกมือเจ้าได้ไหม?”“ข้าเป็นหมอมาหลายปี ยังไม่เคยพบวิธีรักษาแบบนี้มาก่อน หากฮูหยินรู้สึกว่าไม่สะดวก งั้นก็ช่างมันเถิด!”หลิงอวี๋ยิ้มจาง ๆ พลางกล่าวคำ “วิชาแพทย์ข้ามิใช่ความลับส่วนตัว ไม่มีอะไรไม่สะดวก!”“หมอเลี่ยว จากนี้ไปเรียกข้าว่าแม่นางหลิงเถิด! ข้าไม่สะดวกเผยตัวในวงสังคม ภายหลังเป็นหมอก็ขานชื่อนี้เช่นกัน!”“ได้ ๆ เรียกแม่นางหลิง!”หมอเลี่ยวมองท่าทีผิดแผกของหลิงอวี๋ แต่ก็คิดว่าไม่เห็นแปลกอะไรที่หลิงอวี๋จะพะวงถึงตัวตนจึงคิดอำพรางไว้ พลันผงกศีรษะทันที“นี่คือเข็มยาชา เจ้าดูนะว่าฉีดแบบนี้!”หลิงอวี๋หยิบหลอดเข็มมาฉีดหญิงชราพลางอธิบายผลและปริมาณที่ใช้ยาชาไปด้วย ครั้นรอยาชาออกฤทธิ์ หลิงอวี๋ส่งถุงมือปลอดเชื้อคู่หนึ่งและหน้ากากอนามัยพลางแสดงเจตนาให้เขาสวมตามตนนางหยิบมีดผ่าตัดออกมากรีดท้องส่วนใต้ชายโครงขวาของหญิงชรา
“ต้าหนิวเป็นเด็กกตัญญูรู้คุณ!”หมอเลี่ยวรินน้ำมาให้หลิงอวี๋พลางเอ่ยโดยไม่ต้องคิด“สองปีที่ผ่านมาเงินเขาเก็บใช้จ่ายค่ารักษาของมารดาจนหมด จนทำให้บ้านเหลือแต่ผนังสี่ด้านยากแค้นแสนเข็ญ”“ลูกสะใภ้ทนความลำบากไม่ไหว จึงทิ้งลูกไว้สองคนแล้วหนีไปกับชายอื่น!”“ก่อนหน้าพี่ใหญ่ของเขาได้รับบาดเจ็บที่ขาขณะทำงานไม้ ครอบครัวฝั่งลูกสะใภ้พานางกลับและบังคับให้นางออกเรือนใหม่ แถมที่บ้านยังมีลูกสามคนไม่มีใครดูแล!”“ครอบครัวแปดคนนี้ต่างมุ่งหวังต้าหนิว! แม้จะยากจน แต่สองครอบครัวก็เข้ากันได้ เด็ก ๆ ก็สามัคคีกัน เงินที่เก็บได้จากการล่าสัตว์ขายฟืนล้วนใช้รักษาอาอึ้มหลี่จนหมดแล้ว!”“อาอึ้มหลี่รู้สึกเสียใจนัก มีคราหนึ่งนางคิดพยายามปลิดชีพตนเนื่องจะได้ไม่เป็นภาระพวกเขา”“สุดท้ายก็ถูกต้าหนิวพบเข้า ต้าหนิวพาเด็ก ๆ มาคุกเข่าต่ออาอึ้มหลี่กล่าวว่า พวกเขาอกตัญญู ปล่อยให้อาอึ้มหลี่พยายามปลิดชีพตน ถ้าอาอึ้มคิดอยากตายจริง งั้นทั้งครอบครัวก็ตายไปด้วยกันเถอะ!”หลิงอวี๋ฟังแล้วปวดใจ ตอนทุกคนคุกเข่าต่อหน้าอาอึ้มหลี่ แม้แต่คนไร้หัวใจก็คงไม่คิดฆ่าตัวตายอีกหรอก!“แม้ทั้งชีวิตอาอึ้มหลี่จะยากไร้นัก แต่ทว่าเด็ก ๆ พวกนี้ที่นางส
“เจ้าค่ะ ข้ารู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมาย”“ท่านย่าล้มป่วย ครอบครัวใช้เงินจำนวนมากเพื่อรักษานาง ข้าคิดว่า หากได้วิชาแพทย์ก็จะช่วยรักษาท่านย่าได้เจ้าค่ะ!”ต้ายาก้มหน้าเศร้าหมอง “แต่ไม่มีคนสอนข้า! ร้านโอสถต่างไม่รับผู้ช่วยหญิงเลย!”หลิงอวี๋ลอบมองหมอเลี่ยว ส่วนหมอเลี่ยวก็ยิ้มขมขื่น “ไม่มีคนเชื่อใจหมอหญิง ฉะนั้นน้อยนักที่สตรีจะเรียนหมอ!”หลิงอวี๋มองทางต้ายาพลางกล่าวว่า “เรียนหมอลำบากยิ่ง! เจ้ามุ่งมั่นได้หรือ?”ต้ายาเอ่ยหนักแน่น “ข้ามุ่งมั่นได้! ลำบากแค่ไหนข้าก็มิหวั่นเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋มองทางหลี่ต้าหนิว เอ่ยถาม “ต้าหนิว เจ้ายอมให้ต้ายาเรียนหมอหรือไม่?”หลี่ต้าหนิวมองต้ายา ต้ายาก็กำลังมองเขาด้วยดวงหน้าเฝ้าหวังหลี่ต้าหนิวขบฟันกล่าวคำ “มีทักษะในมือ ภายหลังออกเรือนมีชีวิตลำบากก็ยังสามารถหาเลี้ยงตนได้! แม่นางหลิง ข้ายอมให้นางเรียนหมอขอรับ!”ต้ายาพลันหน้าเปื้อนยิ้มทันทีพลางมองทางหมอเลี่ยวอย่างเฝ้าหวังหลิงอวี๋คลี่ยิ้ม กล่าวว่า “ต้ายา หากเจ้าอยากเรียนหมอสามารถติดตามข้าได้ ข้าจักเป็นอาจารย์เจ้าเอง!”หมอเลี่ยวซึ่งมั่นใจในทักษะการแพทย์ที่หลิงอวี๋รักษาป้าหลี่แล้ว พลันรีบกล่าวคำ“ต้ายา แม่น