“ได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! หลักการรักษาโรคของตำรับโอสถนี้คือการใช้ตัวยาฤทธิ์อุ่นร่วมกับตัวยาที่ขับเคลื่อนโลหิตและโลหิตอุดกั้น ในเส้นลมปราณอุ่นมาขับไล่ความเย็นและขจัดการอุดกั้น ช่วยคลายเส้นลมปราณขับเคลื่อนโลหิตและสลายโลหิตอุดกั้น เอาเย็นไปใส่ร้อน หากเลือดอุ่นก็จะทำงานได้ดี”ท่านหมอว่านพูดถึงทักษะทางการแพทย์อย่างชัดเจน“ในตำรับโอสถนี้มีตังกุย ดอกคำฝอย กำยาน อู่หลิงจือ กระทุง เทียนบ้าน เป็นต้น ล้วนเป็นตัวยาที่มีประสิทธิภาพในการผ่อนคลายเส้นลมปราณของขาท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”“แต่โกฐหัวบัว ชวนชวี่ต้วน และกุกบุยโป้วไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!”“ตำรับโอสถนี้ใครจัดหรือ? กระหม่อมอยากจะถามว่านี่คือเครื่องยาสมุนไพรอะไร มีชื่ออื่นหรือไม่!”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว เครื่องยาสมุนไพรที่ท่านหมอว่านก็ไม่รู้ คิดไม่ถึงว่าหลิงอวี๋จะรู้?หรือว่าตำรับยานี้จะช่วยรักษาปัญหาการสืบทอดทายาทได้จริง ๆ ?“ลู่หนาน เจ้าไปที่เรือนบุหงาแล้วเชิญพระชายามา!” เซียวหลินเทียนสั่งลู่หนานรับคำสั่ง แล้วรีบไปเชิญหลิงอวี๋ที่เรือนบุหงาผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลิงอวี๋ถึงได้เดินตามลู่หนานมาทันทีที่ท่านหมอว่านเห็นก็เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “แม่นาง
หลิงอวี๋เก็บภาพวาดของตนเอง แล้วกลับเรือนบุหงาพาหลิงเยวี่ยกับหลิงซินออกไปด้วยกันทั้งสามคนเดินไปตามถนน เห็นร้านยาก็เข้าไปถาม ถามติด ๆ กันไปหลายร้านก็ไม่มีตัวยาสามตัวนี้เลยกระทั่งมาถึงโรงหุยชุน หลิงอวี๋เห็นว่าเป็นโรงยาเดียวกับที่ปฏิเสธยาของตนเองครั้งที่แล้ว จึงไม่อยากเข้าไปแต่มาคิดดูโรงยานี้เป็นโรงยาที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ไม่แน่ว่าอาจจะมียาที่ตนเองต้องการนางจึงพาหลิงเยวี่ยกับหลิงซินเข้าไป“ฮูหยินท่านนี้ มาซื้อยาหรือว่าหาหมอขอรับ?”คนทำงานที่โรงยาเห็นก็เข้ามาต้อนรับ“ข้าอยากซื้อยา โกฐหัวบัว ชวนชวี่ต้วน และกุกบุยโป้ว ที่นี่มีหรือไม่?” หลิงอวี๋ถามคนงานเกาหัว หันไปตะโกน “หมอหลี่ มีโกฐหัวบัว ชวนชวี่ต้วน และกุกบุยโป้ว เครื่องยาสมุนไพรสามชนิดนี้หรือไม่?”หมอหลี่ที่อยู่ด้านในเป็นชายชรามีเคราแพะ พอได้ยินคนงานพูด ก็เอ่ยขึ้นโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา“ไม่เคยได้ยิน! ตัวยาเหลวไหลอะไรกัน เป็นยาที่มีแต่หมอชนบทถึงจะใช้กระมัง! เจ้าให้พวกนางไปหาที่อื่น!”หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว กำลังจะพากันออกไป ก็เห็นชายหน้าเหลี่ยมอายุประมาณสามสิบกว่าแบกหญิงชราขึ้นหลังเข้ามาในนี้“หมอหลี่… เร็วเข้า… รีบช่วยแม่ของข้าที! แ
“พ่อข้าล้มป่วยมาสิบกว่าวันแล้ว เขาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ต้องพูดถึงช่วยชีวิตคนอื่นเลย!”“พี่ต้าหนิว ที่นี่ยังมีเงินอยู่สองสามตำลึง เจ้าเอาไปหาหมอที่อื่นให้ช่วยแม่เจ้าเถิด!”“น้องเลี่ยว… ข้ารับเงินเจ้าไม่ได้หรอก! เจ้าเก็บไว้ให้พ่อเจ้าหาหมอเถิด!”น้ำเสียงหลี่ต้าหนิวสะอื้นเล็กน้อย “คนดีไม่ได้รับสิ่งดี ๆ ตอบแทนเลย! หมอเลี่ยวเป็นคนดีถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงจบลงเช่นนี้ได้!”“โรงหุยชุนรังแกคนมากเกินไปแล้ว… น้องเลี่ยว เจ้าขายร้านโอสถแล้วพาพ่อเจ้ากลับบ้านเถิด! อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง โรงหุยชุนก็ไม่สามารถทำให้พวกเจ้าลำบากได้อีก!”“อืม พี่ต้าหนิว เจ้ารีบไปหาหมอเถิด! อย่าให้เสียเวลาเรื่องอาการป่วยของแม่เจ้าเลย!”“เงินนี่เจ้าเอาไป อย่าปฏิเสธเลย ข้าขายร้านโอสถแล้วก็จะมีเงินแล้ว!”“น้องเลี่ยวเป็นบุญคุณใหญ่หลวงยิ่งนัก! แต่ข้ากลับเคารพไม่ได้!”หลี่ต้าหนิวเช็ดน้ำตา เอาเงินยัดใส่ในอ้อมแขน แล้วแบกแม่กำลังจะไป แต่หมุนตัวไปเจอหลิงอวี๋เข้า“ฮูหยินท่านนี้? มีเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”หลิงอวี๋เห็นน้องเลี่ยวคนนั้น ท่าทางอายุแค่สิบเจ็ดสิบแปดเอง สวมชุดยาวที่ซักจนขาวเขาหน้าตาหล่อเหลา แต่ใบหน้ากลับเต็มไป
หลิงอวี๋แย้มยิ้มพลางชี้ที่ท้องของป้าหลี่ “ถุงน้ำดีของนางมีเศษหินกรวดเต็มไปหมด ถ้าผ่าตัดถุงน้ำดีทิ้งอาการจะไม่กำเริบอีกในภายหน้า!”“พอผ่าตัดถุงน้ำดีออกแล้ว คนจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่? แม่นาง เจ้าอย่าหลอกข้านะ!”หลี่ต้าหนิวเผยสีหน้าเหลือจะเชื่อหลิงอวี๋ยังไม่ทันกล่าวคำ น้องเลี่ยวพลันขบคิดขณะเอ่ยว่า“ข้าได้ยินมาว่า ในสมัยโบราณมีหมอนามว่า อวี๋ฟู การรักษาไม่พึ่งยาต้ม เพียงใช้มีดกรีดรักษาส่วนเจ็บปวดต่าง ๆ ระบายหนองกับเลือดออก!”“เหนือการผ่าตัดกรีดผิวนอกกายแล้ว อวี๋ฟูยังผ่าตัดส่วนท้องได้ด้วย หรือว่าแม่นางจะเข้าใจเคล็ดของอวี๋ฟู?”หลิงอวี๋มองเขาอย่างแปลกใจ คิดไม่ถึงเลยว่า เด็กคนนี้จะรู้เรื่องอวี๋ฟูจากคัมภีร์หวงตี้เน่ยจิง(1) สมกับที่เกิดมาในตระกูลเก่าแก่มากวิชาแพทย์ยิ่งนักนางพยักหน้าเล็กน้อยพลางยิ้มตอบว่า “อวี๋ฟูคือบรรพบุรุษแห่งการผ่าตัดศัลยกรรม! การผ่าตัดถุงน้ำดีของอาอึ้มท่านนี้นอกจากขจัดโรคเรื้อรังแล้ว ภายภาคหน้าก็จะไม่ต่างจากคนทั่วไปด้วย!”หลี่ต้าหนิวมองดูน้องเลี่ยวและหลิงอวี๋ ก่อนจะลูบจมูกอย่างประหม่าพลางกล่าวว่า “แม่นาง การผ่าตัดเอาออกต้องใช้เงินเท่าไรหรือขอรับ?”หลิงอวี๋มองหลี่ต
“ท่านพ่อข้า… คือหมอเลี่ยวจากโรงเหยียนหลิง(1)!” เลี่ยวเซียนเอ่ยแนะนำ“ข้านามหลิงอวี๋ คารวะหมอเลี่ยว!” หลิงอวี๋แสดงความเคารพเลี่ยวเซียนช่วยประคองหมอเลี่ยวเข้ามาหลิงอวี๋รับรู้ได้ว่า สุขภาพของหมอเลี่ยวไม่ได้มีปัญหาอะไร ทว่าคือความกลัดกลุ้มอัดแน่นในใจต่างหากและไข้หวัดที่ยังเป็นไม่หายเฉย ๆ“หมอเลี่ยว ท่านอยากขายโรงเหยียนหลิงหรือไม่?” หลิงอวี๋เอ่ยถามโดยไม่คิด“ขาย!”“ไม่ขาย!”หมอเลี่ยวกับเลี่ยวเซียวตอบพร้อมกันพอหมอเลี่ยวกล่าวจบก็มองลูกชายพลางถอนหายใจยาวเหยียด ก่อนจะผงกศีรษะเคร่งเครียดหลิงอวี๋ลอบมองทั้งสองพลางเอ่ยถาม “เหตุใดต้องการขายโรงเหยียนหลิงล่ะ? บริหารไม่สันทัดหรือมีเหตุผลอื่นหรือ?”เลี่ยวเซียนรินน้ำให้บิดาพลางตอบว่า “โรงเหยียนหลิงสืบทอดจากท่านปู่ข้า ถือเป็นร้านเก่าแก่นับร้อยปี!”“วิชาแพทย์ของท่านพ่อข้าก็เป็นท่านปู่ชี้แนะเช่นกัน ในเมื่องหลวงข้าไม่กล้าบอกว่าติดสามอันดับแรก แค่ติดสิบอันดับแรกก็สมชื่อแล้ว!”เลี่ยวเซียนรินน้ำให้หลิงอวี๋เช่นกัน ก่อนจะลอบมองหมอเลี่ยวส่ายศีรษะพลางกล่าวคำ“ท่านพ่อข้าเหมือนคนใจบุญท่านนั้นที่เจ้าเล่า ยึดมั่นในคำสอนบรรพบุรุษ ช่วยเหลือคนจนอย่างไม่เห
หลิงอวี๋สิ้นคำกล่าว เหตุใดโรงหุยชุนเผด็จการขนาดนี้!นางเอ่ยถาม “หากเจ้าเผาโรงหุยชุนแล้วพี่เจ้าจะเป็นอย่างไรเล่า?”เลี่ยวซวนก้มหน้างุดหมองหม่นหยาดน้ำตาหมอเลี่ยวร่วงโรยพลางกล่าวคำสิ้นหวัง“แขนไม่อาจบิดต้นขาได้ฉันใดผู้อ่อนแอไม่อาจต่อกรผู้เรืองอำนาจได้ฉันนั้น… ข้าเตือนเจ้าเด็กนี้แล้ว แต่ยังรั้นไม่ยอมประนีประนอม!”“อา เซียนเอ๋อร์ ยอมรับชะตากรรมเสีย! มอบโฉนดที่ดินเถิด! พาพี่ใหญ่เจ้ากลับมา ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ ครอบครัวเราจะได้ออกไปจากเมืองหลวง!”เลี่ยวเซียนบ่ายศีรษะเช็ดหยาดน้ำตาที่หางตาพลางกล่าวประชดประชัน“แต่ข้าก็ไม่อยากให้โรงหุยชุนในราคาถูก ๆ ข้าไม่เชื่อว่าบนใต้หล้าแห่งนี้จะไม่มีความยุติธรรม! หากบีบคั้นข้า ข้าจะไปตีกลองร้องทุกข์(1)ที่พระราชวัง!”“เจ้าเด็กนี่ ไยไม่เชื่อฟังบ้าง!”หมอเลี่ยวตีไหล่เขาหนึ่งฝ่ามือพลางกล่าวตำหนิ“พี่ใหญ่เจ้าโดนขังคุกไปแล้ว หรือว่าเจ้าก็อยากเข้าคุกเหมือนกันเล่า?”“เช่นนั้นเจ้าไม่สู้เอามีดมาแทงข้าให้ตายเลยเล่า! พ่อไม่อยากเห็นพวกเจ้าต้องมาตายก่อนข้านะ!”หมอเลี่ยวนึกถึงเรื่องน่าเศร้า หยาดน้ำตาก็พลันไหลพรากเลี่ยวเซียนทั้งปวดใจและร้อนรน กระทืบเท้ากล
หลี่ต้าหนิวเก็บกวาดห้องเสร็จแล้ว กวาดถูจนสะอาดสะอ้านหลิงอวี๋สั่งหลี่ต้าหนิวแบกหญิงชรามา สบโอกาสเมื่อเขาออกไปรีบเข้ามิติหยิบเครื่องมือผ่าตัดหมอเลี่ยวเดินตามหลี่ต้าหนิวมา เขาขจัดความเศร้าก่อนหน้าจนบัดนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะมากพลางกล่าวอย่างเบิกบาน“ฮูหยิน ข้าช่วยเป็นลูกมือเจ้าได้ไหม?”“ข้าเป็นหมอมาหลายปี ยังไม่เคยพบวิธีรักษาแบบนี้มาก่อน หากฮูหยินรู้สึกว่าไม่สะดวก งั้นก็ช่างมันเถิด!”หลิงอวี๋ยิ้มจาง ๆ พลางกล่าวคำ “วิชาแพทย์ข้ามิใช่ความลับส่วนตัว ไม่มีอะไรไม่สะดวก!”“หมอเลี่ยว จากนี้ไปเรียกข้าว่าแม่นางหลิงเถิด! ข้าไม่สะดวกเผยตัวในวงสังคม ภายหลังเป็นหมอก็ขานชื่อนี้เช่นกัน!”“ได้ ๆ เรียกแม่นางหลิง!”หมอเลี่ยวมองท่าทีผิดแผกของหลิงอวี๋ แต่ก็คิดว่าไม่เห็นแปลกอะไรที่หลิงอวี๋จะพะวงถึงตัวตนจึงคิดอำพรางไว้ พลันผงกศีรษะทันที“นี่คือเข็มยาชา เจ้าดูนะว่าฉีดแบบนี้!”หลิงอวี๋หยิบหลอดเข็มมาฉีดหญิงชราพลางอธิบายผลและปริมาณที่ใช้ยาชาไปด้วย ครั้นรอยาชาออกฤทธิ์ หลิงอวี๋ส่งถุงมือปลอดเชื้อคู่หนึ่งและหน้ากากอนามัยพลางแสดงเจตนาให้เขาสวมตามตนนางหยิบมีดผ่าตัดออกมากรีดท้องส่วนใต้ชายโครงขวาของหญิงชรา
“ต้าหนิวเป็นเด็กกตัญญูรู้คุณ!”หมอเลี่ยวรินน้ำมาให้หลิงอวี๋พลางเอ่ยโดยไม่ต้องคิด“สองปีที่ผ่านมาเงินเขาเก็บใช้จ่ายค่ารักษาของมารดาจนหมด จนทำให้บ้านเหลือแต่ผนังสี่ด้านยากแค้นแสนเข็ญ”“ลูกสะใภ้ทนความลำบากไม่ไหว จึงทิ้งลูกไว้สองคนแล้วหนีไปกับชายอื่น!”“ก่อนหน้าพี่ใหญ่ของเขาได้รับบาดเจ็บที่ขาขณะทำงานไม้ ครอบครัวฝั่งลูกสะใภ้พานางกลับและบังคับให้นางออกเรือนใหม่ แถมที่บ้านยังมีลูกสามคนไม่มีใครดูแล!”“ครอบครัวแปดคนนี้ต่างมุ่งหวังต้าหนิว! แม้จะยากจน แต่สองครอบครัวก็เข้ากันได้ เด็ก ๆ ก็สามัคคีกัน เงินที่เก็บได้จากการล่าสัตว์ขายฟืนล้วนใช้รักษาอาอึ้มหลี่จนหมดแล้ว!”“อาอึ้มหลี่รู้สึกเสียใจนัก มีคราหนึ่งนางคิดพยายามปลิดชีพตนเนื่องจะได้ไม่เป็นภาระพวกเขา”“สุดท้ายก็ถูกต้าหนิวพบเข้า ต้าหนิวพาเด็ก ๆ มาคุกเข่าต่ออาอึ้มหลี่กล่าวว่า พวกเขาอกตัญญู ปล่อยให้อาอึ้มหลี่พยายามปลิดชีพตน ถ้าอาอึ้มคิดอยากตายจริง งั้นทั้งครอบครัวก็ตายไปด้วยกันเถอะ!”หลิงอวี๋ฟังแล้วปวดใจ ตอนทุกคนคุกเข่าต่อหน้าอาอึ้มหลี่ แม้แต่คนไร้หัวใจก็คงไม่คิดฆ่าตัวตายอีกหรอก!“แม้ทั้งชีวิตอาอึ้มหลี่จะยากไร้นัก แต่ทว่าเด็ก ๆ พวกนี้ที่นางส
“บริเวณโดยรอบมีต้นไม้สูงใหญ่อยู่มาก ท่านขึ้นไปบนต้นไม้สักต้น พวกเราต้องดูก่อนว่านี่มันคือสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่”หลิงอวี๋ชี้แนะเซียวหลินเทียนก็มิพูดพร่ำทำเพลง เขาเชื่อมั่นหลิงอวี๋โดยไม่มีเงื่อนไข แล้วหยิบตะบันไฟออกมาส่งให้หลิงอวี๋ จากนั้นก็อุ้มหลิงอวี๋กระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนต้นไม้สูงหลิงอวี๋จึงรีบจุดไฟแล้วมองลงไป สัตว์ประหลาดตัวนั้นไล่ตามมาที่ใต้ต้นไม้แล้ว และมันก็กำลังเงยหน้ามองขึ้นมาด้วยมันเหลือตาเพียงข้างเดียว และกำลังจ้องมองขึ้นมาด้วยสายตาเย็นเยือกแสงสว่างจากตะบันไฟมีอยู่จำกัด หลิงอวี๋มองเห็นเพียงดวงตาที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ขนที่ยุ่งเหยิงของมันเท่านั้น“ฮึ่ม…”สัตว์ประหลาดส่งเสียงออกมา แล้วก็ถอยหลังไปหลิงอวี๋มองเจตนาของมันออกในทันทีที่สัตว์ประหลาดถอยหลังไปมิได้วางแผนที่จะยอมแพ้ แต่เพื่อรวบรวมพลังจะมาพุ่งชนต้นไม้ให้หักต่างหาก“ที่นี่มิปลอดภัย หนีเร็ว!”ทันทีที่หลิงอวี๋พูดจบ สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็พุ่งกลับมา มิรู้ว่ามันเกิดมาพร้อมพลังเหนือธรรมชาติหรืออย่างไร ได้ยินเพียงเสียงไม้หัก...ต้นไม้ต้นหนาถูกสัตว์ประหลาดโจมตีจนหักไปแล้วเมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินเสียงร้องของหลิงอวี๋
หลิงอวี๋หลบมิทัน จึงถูกสัตว์ประหลาดกระโจนใส่จนหงายหลังไป แล้วสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็อ้าปากจะพุ่งไปกัดคอของหลิงอวี๋หลิงอวี๋มองมิชัดในความมืด จึงเห็นเพียงดวงตาสีเขียวที่มีขนาดใหญ่เท่ากับระฆังทองแดงของสัตว์ประหลาดอยู่ใกล้แค่เอื้อม ลมหายใจร้อน ๆ ที่มันพ่นออกมาทั้งคาวทั้งเหม็น จนทำให้หลิงอวี๋รู้สึกอยากจะอาเจียนออกมาก่อนหน้านี้หลิงอวี๋คว้าหินก้อนหนึ่งไว้ในมือ เมื่อรู้สึกถึงลมหายใจร้อนใกล้เข้ามา นางก็ยัดก้อนหินเข้าไปโดยมิคิดทันทีจากนั้นมืออีกข้างที่ถือกริชมาตลอดก็แทงไปที่ดวงตาสีเขียวนั้นอย่างโหดร้าย“โฮก…”สัตว์ประหลาดมีหรือจะคาดคิดว่าหลิงอวี๋จะกล้าต่อต้านมันในเวลานี้ ในระยะที่ใกล้เช่นนี้ ดวงตาของมันจึงถูกหลิงอวี๋แทงเข้าไปเต็ม ๆในปากของมันก็มีหินที่หลิงอวี๋ยัดเข้าไปอุดไว้ และดวงตาของมันก็ถูกแทงจนบาดเจ็บ ขาหน้าที่มันกระโจนเข้ามาจึงเด้งตัวลุกขึ้นยืนในทันทีสัตว์ประหลาดตัวนั้นส่ายหัว แล้วคายก้อนหินออกมา จากนั้นก็ไปไล่กัดหลิงอวี๋อย่างบ้าคลั่งหลิงอวี๋อาศัยตอนที่มันเด้งตัวลุกขึ้นแล้วกลิ้งหนีไปด้านข้าง หลบเลี่ยงมันออกไปนางสั่นไปทั้งตัว การโจมตีเมื่อครู่มิใช่ว่านางมิกลัว เพียงแต่มันเกี่ย
“จริงหรือ?”ผู้รอบรู้มีหรือจะคาดคิดว่าหญ้าที่มีดอกสีขาวธรรมดานี้จะมีมูลค่าถึงเพียงนี้ เขาจึงรีบพุ่งเข้าไปเก็บทันที“ยังมีอีกหรือไม่? หากหาเจอได้มาก ๆ ก็มิต้องกังวลว่าจะไม่มีเงินซื้อยาให้เจ้าแล้ว!”ผู้รอบรู้มองไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้นหลิงอวี๋มองผู้รอบรู้ แล้วจู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาพี่ชายบุญธรรมที่เพิ่งรู้จักกันมินานมานี้ ในตอนที่เสือกระโจนใส่ตนก็พุ่งเข้ามาช่วยตนไว้โดยมิหลีกเลี่ยงในตอนนี้เมื่อพบสมุนไพรที่มีมูลค่า สิ่งแรกที่เขานึกถึงก็คือการซื้อยาให้ตน เขามิเคยคิดว่าเมื่อมีเงินแล้วจะนำไปใช้ชีวิตดี ๆ เลยการได้รู้จักพี่ชายผู้นี้ช่างคุ้มค่าจริง ๆ!หลิงอวี๋แอบสาบานว่า ในภายภาคหน้านางจะต้องใช้สิ่งที่ตนได้เรียนรู้มา ทำให้ผู้รอบรู้ได้ใช้ชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน“พี่ใหญ่ หากเครื่องยาสมุนไพรล้ำค่าเช่นนี้มีอยู่เต็มภูเขา เช่นนั้นก็คงจะไร้ค่าไปแล้ว!”“สิ่งนี้สามารถเก็บได้! ถึงแม้มูลค่าจะมิได้เท่าช่อสัตตะดารา แต่ก็สามารถขายได้หลายหมื่นทีเดียว!”หลิงอวี๋ให้คำแนะนำ ทำให้ผู้รอบรู้มีความสุขขึ้นมาผู้รอบรู้ตามหลิงอวี๋ไปอย่างมีความสุข หลิงอวี๋ให้เก็บอะไรเขาก็เก็บสิ่งนั้นหลิงอวี๋ให้เข
“อย่างไร?”เผยอวี้และเถาจื่อต่างมองไปทางฉินซานฉินซานจึงเอ่ยออกมา “กระหม่อมสังเกตเห็นว่าพลังของฮองเฮานั้นต่ำมาก ทั้งยังลืมพวกเราไปแล้วด้วย นี่คือเหตุจากการถูกปิดผนึกพ่ะย่ะค่ะ! หากพวกเราสามารถหาคนมาช่วยพระนางปลดผนึกไปได้ ฮองเฮาก็จะจำพวกเราได้แล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ก็เหมือนกับเสวี่ยเหมยก่อนหน้านี้ ตอนนั้นนางก็จำพวกเรามิได้ แต่เพราะขันทีโม่ช่วยปลดผนึกให้นาง นางจึงจำอดีตขึ้นมาได้!”เซียวหลินเทียนยิ้มขมขื่น “หากพวกเราบอกนางไปตามตรงว่านางถูกปิดผนึก เจ้าคิดว่านางจะยอมให้เราปลดให้กับนางแต่โดยดีหรือ?”“มิแน่ว่า นางอาจจะคิดว่าพวกเราปิดผนึกนาง แล้วหนีไปเร็วยิ่งกว่าเดิมก็ได้!”เถาจื่อพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “นับตั้งแต่ที่ฮองเฮาถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยพาตัวไป ทุกคนที่พระนางพบล้วนเป็นคนที่ต้องการจะทำร้ายพระนาง”“เก๋อฮุ่ยหนิงตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น เหมียวหยางก็อาศัยอำนาจมารังแก ส่วนหยางหงหนิงก็มิได้มีเจตนาที่ดีต่อพระนางอีก เมื่อได้เผชิญหน้ากับคนเหล่านี้แล้ว พระนางไม่มีทางไว้ใจพวกเราง่าย ๆ แน่!”เซียวหลินเทียนสนใจกับคำพูดของเถาจื่อ แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “มีหนึ่งคนที่เป็นข้อยกเว้น!”เขามองลงไปในเหว
พวกเซียวหลินเทียนรีบดึงเถาวัลย์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกเขาเห็นข้อความของหลิงอวี๋ ก็รู้สึกโล่งใจแต่เซียวหลินเทียนสังเกตเห็นจากหางตาว่ามีคำสองคำเขียนด้วยอักษรแบบย่อนี่คือความเคยชินเล็ก ๆ ของหลิงอวี๋ ตอนนั้นเซียวหลินเทียนเคยล้อเลียนหลิงอวี๋ว่าขี้เกียจ มิเขียนตัวอักษรให้สมบูรณ์แต่หลิงอวี๋กลับเอ่ยออกมาอย่างมิเห็นด้วย ‘ท่านมิคิดหรือเพคะว่าการเขียนเช่นนี้สะดวกกว่า? ราษฎรจำนวนมากมิรู้หนังสือ ก็เพราะอักษรหลายตัวมีขีดเยอะและเรียนรู้ได้ยากเพคะ!’‘หากทำให้กระชับลงเช่นนี้ เด็ก ๆ ก็จะเรียนรู้ได้ง่าย และราษฎรที่มิรู้หนังสือก็จะจำได้ง่ายด้วยเพคะ!’‘เซียวหลินเทียน เมื่อสถานการณ์ราชสำนักมั่นคงแล้ว ท่านควรส่งเสริมให้บรรดาครูปฏิวัติการเขียนตัวอักษรเพคะ เขียนตัวอักษรให้กระชับ ทำให้ราษฎรอ่านออกเขียนได้มากขึ้นด้วย!’เหอะ ๆ!เซียวหลินเทียนมองอักษรที่กระชับสองตัวนั้น พลางคิดถึงคำพูดของหลิงอวี๋ แล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา“นายท่านอู่ ท่านหัวเราะอะไรหรือ?”เผยอวี้เอ่ยถามอย่างแปลกใจ“พวกเจ้าดูเถิด นี่คือหลักฐานที่ดีที่สุด! สิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋!”เซียวหลินเทียนยื่นข้อความให้กับเผยอวี้ พร้อมก
เมื่อทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน เวลาหนึ่งชั่วยามก็ผูกบันไดให้ยาวเพียงพอได้แล้ว เซียวหลินเทียนจึงช่วยหลิงอวี๋วางบันไดลงไปบันไดเหล่านั้นจมเข้าไปในหมอกหนา และมิรู้ด้วยว่าเพียงพอไปถึงด้านล่างหน้าผาหรือไม่“ข้าจะลงไปดู!”เซียวหลินเทียนจับบันไดให้มั่นคงแล้วเอ่ยออกมา“ไม่ ข้าจะลงไป!”หลิงอวี๋หยุดเขาไว้แล้วเอ่ยออกมา “ข้าน้ำหนักเบากว่าท่าน บันไดสามารถรับน้ำหนักข้าได้!”“อีกอย่าง ในหมอกหนาทึบเหล่านั้นมิรู้ว่ามีพิษอยู่หรือไม่ ข้ามีความรู้เรื่องทักษะการแพทย์ ข้าสามารถปรับตามสถานการณ์ได้!”เมื่อหลิงอวี๋เอ่ยเช่นนี้ พวกเผยอวี้ก็คิดว่าสมเหตุสมผลดี“ศิษย์พี่หญิง เช่นนั้นเจ้าระวังตัวด้วย พวกเราจะรออยู่ข้างบน หากเจ้าเจอพี่ชายของเจ้า ก็ส่งสัญญาณมา พวกเราจะดึงพวกเจ้าขึ้นมาเอง!”เถาจื่อกำชับ“อืม เช่นนั้นข้าลงไปแล้ว!”แล้วหลิงอวี๋ก็ไต่บันไดลงไปทีละขั้น ๆเซียวหลินเทียนมองอยู่ด้านข้างอย่างกังวล มิรู้ว่าบันไดนี้ปลอดภัยหรือไม่ คงจะมิพังลงกลางคันกระมัง!“พวกเจ้านำเถาวัลย์เหล่านั้นมาต่อเข้าด้วยกันเสีย หากบันไดยาวมิพอ จะได้สามารถใช้ได้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยออกมา แล้วเผยอวี้กับเถาจื่อก็รีบต่อเถาวัลย์แรก
ในบรรดาคนเหล่านี้ นอกจากหลิงอวี๋ที่มีพลังต่ำแล้ว คนอื่น ๆ ล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น บางคนก็ใช้กระบี่ บางคนก็ใช้มีด ในเวลามินานที่ขอบหน้าผาก็มีกองเถาวัลย์อยู่กองหนึ่ง“พวกเจ้าตัดไป ข้าจะทำบันไดเอง!”หลิงอวี๋ถอดเสื้อคลุมออก จากนั้นก็ฉีกจนเป็นผ้าเส้น ๆ แล้วนำมามัดกับเถาวัลย์ไว้เมื่อเถาจื่อเห็นว่าเถาวัลย์กองอยู่มาก จึงมาผูกเถาวัลย์กับหลิงอวี๋ด้วย“ศิษย์พี่หญิง เจ้าต้องการเท่าใดก็บอกมาได้ พวกพี่ชายของข้ามีกำลังเหลือเฟือ! จัดการให้เจ้าได้สบาย!”เถาจื่อเริ่มต้นพูดคุยกับหลิงอวี๋“ขอบคุณ!”ในใจของหลิงอวี๋มีความระแวงคนพวกนี้อยู่แล้ว จึงมิได้พูดอะไรมากแล้วก้มหน้ามัดต่อไปแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะกังวลมาก เพราะเขาต้องการลงจากภูเขาไปตามหาหลิงอวี๋ที่จัตุรัสเมืองหลวงแดนเทพแต่เส้นทางลงจากภูเขาล้วนถูกตระกูลเฉียวหรือแม้แต่คนของมหาปราชญ์ปิดกั้นไว้หมดแล้ว หากเขาลงจากภูเขาไปในเวลานี้ จะต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดแน่นอน เขาจึงทำได้เพียงเลื่อนออกไปก่อนก่อนหน้านี้ตอนที่ฉินซานมาที่เมืองหลวงแดนเทพ เขาได้ทำแขนเทียมครึ่งหนึ่งมาใส่แขนข้างที่ขาดไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดเผยตัวตน หลังจากที่สับเถาวัลย์ด้วยแขน
“ศิษย์พี่หญิง ทางลงเขาถูกปิดกั้นไปแล้ว ตอนนี้พวกเราออกไปมิได้ แกล้งทำเป็นช่วยพวกเขาจับตัวคนกันไปก่อนเถิด!”เมื่อเถาจื่อเห็นพวกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเดินไปข้างหน้า นางจึงดึงหลิงอวี๋เดินไปส่วนหลิงอวี๋ที่ล้มเลิกการแก้แค้น เพราะกังวลเรื่องความเป็นความตายของเถาจื่อและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย จึงสะบัดมือของเถาจื่อออกแล้วเอ่ยออกไปอย่างเย็นชา“เรื่องที่เจ้าให้ข้าทำข้าก็ทำให้แล้ว ข้าจะไปตามหาพี่ชายของข้า! เจ้าอย่าได้ตามข้ามา และอย่าได้คิดที่จะขู่ข้าอีก มิเช่นนั้นก็อย่ามาโทษว่าข้าไร้ความปรานี!”หลังจากพูดจบแล้ว หลิงอวี๋ก็เดินตรงไปอีกทางหนึ่ง“ศิษย์พี่หญิง!”เถาจื่อรู้สึกกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก นางรู้ว่าคำพูดที่ตนขู่สิงอวี๋ไปเมื่อครู่นั้นทำให้นางโกรธเสียแล้วที่สิงอวี๋ช่วยก็เพียงเพราะนางมิอาจทนเห็นคนมากมายต้องตายไปก็เท่านั้น“ข้าจะไปตามหาด้วยกันกับเจ้า! ข้าสาบานว่าข้าจะไม่มีทางทำร้ายเจ้าเด็ดขาด!”เถาจื่อพูดแล้วก็รีบหยิบตั๋วเงินออกมายัดให้หลิงอวี๋อย่างรวดเร็ว “ศิษย์พี่หญิง ข้าขอโทษ เมื่อครู่ข้าร้อนใจจึงขู่เจ้าไป แต่ข้ามิได้คิดจะสังหารเจ้าจริง ๆ นะ!”“นายหญิงของข้าเป็นคนจิตใจดี นางสอนพว
หลิงอวี๋ตะลึงกับคำพูดของเถาจื่อไปครู่หนึ่ง ตอนนี้นางจึงได้รู้ว่าเรื่องที่เถาจื่อขอให้ตนทำนั้นสำคัญมากเพียงใดนางสามารถวางยาพิษสังหารเซียวหลินเทียนได้ แต่ในขณะเดียวกัน ตัวตนของเซียวหลินเทียนก็มิอาจปกปิดได้เช่นกันเช่นนั้นเถาจื่อและคนที่อยู่ในคฤหาสน์อู่ทุกคนก็จะหนีมิทัน และจะต้องถูกมหาปราชญ์สังหารจนหมดสิ้นอย่างแน่นอน!เซียวหลินเทียนสังหารลูกชายของตน แต่ชีวิตของคนจำนวนมากมายเหล่านั้นล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ หากนางวางยาพิษสังหารเซียวหลินเทียน ก็จะเป็นการสังหารคนเหล่านั้นทางอ้อมไม่มีเวลาให้หลิงอวี๋ได้คิดแล้ว เซียวหลินเทียนพี่ใหญ่ของเถาจื่อมุดตัวออกมาจากพุ่มไม้แล้วเซียวหลินเทียนพบว่าตนตกหลุมพรางแผนการร้ายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยและเช่นเดียวกับที่เถาจื่อพูดไปเมื่อครู่ เขาสามารถอาศัยวรยุทธ์ของตนหนีไปจากภูเขาหมางหลิ่งเพียงลำพังได้แต่เผยอวี้ ฉินซานและผู้คุ้มกันของคฤหาสน์อู่ที่พามาด้วย ก็จะถูกเปิดเผยตัวตนเพราะเหตุนี้ และจะต้องถูกมหาปราชญ์ล้อมโจมตีเป็นแน่เซียวหลินเทียนจะปล่อยให้เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต้องลำบากเพราะตนเพียงผู้เดียวได้อย่างไร ดังนั้นในความเร่งรีบเขาจึงนึกถึงสิงอวี๋ขึ้นมาสิงอวี๋มีความ