“ต้าหนิวเป็นเด็กกตัญญูรู้คุณ!”หมอเลี่ยวรินน้ำมาให้หลิงอวี๋พลางเอ่ยโดยไม่ต้องคิด“สองปีที่ผ่านมาเงินเขาเก็บใช้จ่ายค่ารักษาของมารดาจนหมด จนทำให้บ้านเหลือแต่ผนังสี่ด้านยากแค้นแสนเข็ญ”“ลูกสะใภ้ทนความลำบากไม่ไหว จึงทิ้งลูกไว้สองคนแล้วหนีไปกับชายอื่น!”“ก่อนหน้าพี่ใหญ่ของเขาได้รับบาดเจ็บที่ขาขณะทำงานไม้ ครอบครัวฝั่งลูกสะใภ้พานางกลับและบังคับให้นางออกเรือนใหม่ แถมที่บ้านยังมีลูกสามคนไม่มีใครดูแล!”“ครอบครัวแปดคนนี้ต่างมุ่งหวังต้าหนิว! แม้จะยากจน แต่สองครอบครัวก็เข้ากันได้ เด็ก ๆ ก็สามัคคีกัน เงินที่เก็บได้จากการล่าสัตว์ขายฟืนล้วนใช้รักษาอาอึ้มหลี่จนหมดแล้ว!”“อาอึ้มหลี่รู้สึกเสียใจนัก มีคราหนึ่งนางคิดพยายามปลิดชีพตนเนื่องจะได้ไม่เป็นภาระพวกเขา”“สุดท้ายก็ถูกต้าหนิวพบเข้า ต้าหนิวพาเด็ก ๆ มาคุกเข่าต่ออาอึ้มหลี่กล่าวว่า พวกเขาอกตัญญู ปล่อยให้อาอึ้มหลี่พยายามปลิดชีพตน ถ้าอาอึ้มคิดอยากตายจริง งั้นทั้งครอบครัวก็ตายไปด้วยกันเถอะ!”หลิงอวี๋ฟังแล้วปวดใจ ตอนทุกคนคุกเข่าต่อหน้าอาอึ้มหลี่ แม้แต่คนไร้หัวใจก็คงไม่คิดฆ่าตัวตายอีกหรอก!“แม้ทั้งชีวิตอาอึ้มหลี่จะยากไร้นัก แต่ทว่าเด็ก ๆ พวกนี้ที่นางส
“เจ้าค่ะ ข้ารู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมาย”“ท่านย่าล้มป่วย ครอบครัวใช้เงินจำนวนมากเพื่อรักษานาง ข้าคิดว่า หากได้วิชาแพทย์ก็จะช่วยรักษาท่านย่าได้เจ้าค่ะ!”ต้ายาก้มหน้าเศร้าหมอง “แต่ไม่มีคนสอนข้า! ร้านโอสถต่างไม่รับผู้ช่วยหญิงเลย!”หลิงอวี๋ลอบมองหมอเลี่ยว ส่วนหมอเลี่ยวก็ยิ้มขมขื่น “ไม่มีคนเชื่อใจหมอหญิง ฉะนั้นน้อยนักที่สตรีจะเรียนหมอ!”หลิงอวี๋มองทางต้ายาพลางกล่าวว่า “เรียนหมอลำบากยิ่ง! เจ้ามุ่งมั่นได้หรือ?”ต้ายาเอ่ยหนักแน่น “ข้ามุ่งมั่นได้! ลำบากแค่ไหนข้าก็มิหวั่นเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋มองทางหลี่ต้าหนิว เอ่ยถาม “ต้าหนิว เจ้ายอมให้ต้ายาเรียนหมอหรือไม่?”หลี่ต้าหนิวมองต้ายา ต้ายาก็กำลังมองเขาด้วยดวงหน้าเฝ้าหวังหลี่ต้าหนิวขบฟันกล่าวคำ “มีทักษะในมือ ภายหลังออกเรือนมีชีวิตลำบากก็ยังสามารถหาเลี้ยงตนได้! แม่นางหลิง ข้ายอมให้นางเรียนหมอขอรับ!”ต้ายาพลันหน้าเปื้อนยิ้มทันทีพลางมองทางหมอเลี่ยวอย่างเฝ้าหวังหลิงอวี๋คลี่ยิ้ม กล่าวว่า “ต้ายา หากเจ้าอยากเรียนหมอสามารถติดตามข้าได้ ข้าจักเป็นอาจารย์เจ้าเอง!”หมอเลี่ยวซึ่งมั่นใจในทักษะการแพทย์ที่หลิงอวี๋รักษาป้าหลี่แล้ว พลันรีบกล่าวคำ“ต้ายา แม่น
หลิงอวี๋เดินออกจากเรือนของเซียวหลินเทียน และยังรู้สึกแน่นหน้าอกเล็กน้อย นางไม่รู้ว่าตัวเองกำลังโมโหเรื่องอันใดนางรีบรุดกลับเรือนบุหงา เนื่องรู้สึกว่าความโกรธของตัวเองช่างแปลกประหลาดนัก“ท่านแม่ ผู้ใดแหย่ท่านโกรธขอรับ? หรือว่าเจ้าคนหลายใจนั่นตำหนิท่านอีกแล้ว?”หลิงเยวี่ยมองมารดาเดินเข้ามาหน้าบึ้ง พลันเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเจ้าคนหลายใจ?จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็รู้สึกขบขันทันที คำนี้นางด่าเซียวหลินเทียนแล้วหลิงเยวี่ยได้ยินก็เรียนรู้แล้วเอามาพูด เมื่อได้เอ่ยแล้วก็รู้สึกดีอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อหลิงอวี๋เห็นดวงตากลมโตของหลิงเยวี่ยกะพริบ ความโกรธก็มลายหายนางบีบหน้าเล็ก ๆ ของหลิงเยวี่ยพลางยิ้มตอบว่า “เขามิได้ตำหนิแม่! และแม่ก็มิได้โกรธด้วย!”“แต่ปากของท่านแม่เมื่อตะกี้เบะจนแขวนตะเกียงได้แล้วนะขอรับ!”หลิงเยวี่ยกล่าวเสียงหวานไร้เดียงสา “มิใช่ว่าท่านแม่สอนเยวี่ยเยวี่ยห้ามพูดปดหรือ? ไม่เช่นนั้ยจมูกจะยาว!”หลิงอวี๋หัวเราะฮ่าฮ่า นี่เป็นนิทานพินอคคิโอที่นางเล่าให้หลิงเยวี่ยฟังในคืนหนึ่ง คิดไม่ถึงเลยว่า หลิงเยวี่ยจะความจำดีขนาดนี้!“ท่านแม่ไม่ได้โกหก! ดูสิ จมูกท่านไม่ได้ยาว! พิสูจน์ว่าท่านแม่พูดค
หลิงอวี๋รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยหลังได้ฟังคำพูดของแม่นมลี่ ทว่าแม่นมลี่ก็โพล่งข่าวอีกเรื่องหนึ่งต่อ“ผู้พี่ของพระชายาผิงหยาง รองเจ้ากรมวังผู้นั้นโดนจองจำเข้าคุกเมื่อเช้านี้พร้อมถูกค้นและยึดทรัพย์ไปแล้วเจ้าค่ะ!”“เล่าลือว่า ริบเงินสองล้านกว่าตำลึงและอาภรณ์มากมายในจวนเขา! ผู้นำยึดทรัพย์คือราชองครักษ์ผาง!”หลิงอวี๋พลันนึกถึงเรื่องในงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพที่ชายาผิงหยางใส่ไคล้ราชองครักษ์ผาง ขันทีเซี่ยและแม่นมเว่ยว่ารับสินบนตน นางก็พลันไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีสมองกลวง ๆ ของชายาผิงหยางไม่เข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้นเลย ก็โยงถึงพวกขันทีทั้งสามตามอำเภอใจ อีกยังยกตนข่มท่านต่อว่าขันทีเซี่ยซ้ำแล้วซ้ำเล่าวันแรกล่วงเกินคน วันต่อมาก็พัวพันถึงผู้พี่ตัวเองจนโดนยึดทรัพย์ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าคือผลงานของผู้ใด!นอกจากขันทีเซี่ยกับราชองครักษ์ผางที่พูดคุยต่อหน้าจักรพรรดิได้ จะเป็นใครได้อีก!ความรู้สึกผิดของหลิงอวี๋หายวับทันทีขันทีเซี่ย ราชองครักษ์ผางกับแม่นมเว่ยคือคนโปรดใกล้ชิดของจักรพรรดิและไทเฮาชายาผิงหยางล่วงเกินทั้งสามคราวเดียว ถ้าไม่ผูกคอตัวเองตายจะมีทางรอดหรือไรเล่า?บางทีความตายอาจคือเบื้องปลายที
คำพูดของอันเจ๋อทำให้สีหน้าเซียวหลินเทียนผันแปร พลางก้มศีรษะมองสองขาไร้ความรู้สึกของตน นัยน์ตาพลันมืดครึ้มทันใด“ในเมืองหลวงแห่งนี้มิได้มีเพียงข้าแซ่เซียว!”อันเจ๋อกล่าวอย่างนิ่งสงบ “บางทีเราไม่อาจยุติสงครามให้ใต้หล้าสงบสุขได้!”“แต่เราสามารถลดจำนวนประชาชนล้มตายบาดเจ็บได้ ปกป้องบ้านเมืองเราพ้นจากผลกระทบของเพลิงสงคราม ทำให้พวกเขามีชีวิตได้อย่างไม่หิวโหย...”“เราอาจช่วยคนทั้งใต้หล้ามิได้ แต่เราจะช่วยมากเท่าที่ทำได้! นี่แหละคือความหมายของชีวิต!”“คำพูดเหล่านี้ช่างคุ้นหูนัก?”เซียวหลินเทียนหลับตาทุกข์ใจ คำพูดเหล่านี้ต้องคุ้นหูแน่นอน เพราะนี่คือคำพูดของเขากล่าวปลุกเร้าสามเหล่าทัพให้สู้สุดชีวิตขณะอยู่สนามรบอันเจ๋อลุกขึ้นเดินนั่งยอง ๆ ตรงหน้าเก้าอี้ล้อ เขาเอื้อมมือไปกุมมือของเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนขัดขืนสักพัก ทว่าถูกอันเจ๋อจับไว้อย่างแน่น“อาเทียน ข้าอยากพูดคำเหล่านี้ต่อเจ้ามานานแล้ว! แต่ข้ารู้สึกว่าเจ้าต้องพักผ่อนเสียบ้าง!”“เพียงแค่ท่านยืนไม่ได้ มันไม่ได้หมายความว่าเจ้ากลายเป็นคนไร้ค่าตามขี้ปากสามัญชนพวกนั้น!”“เจ้ายังมีสมองนะ! ตราบใดที่เจ้าปรารนา แม้จะนั่งเก้าอี้ล้อเจ้าก็
แม่นมลี่หาช่างฝีมือได้แล้วก็เริ่มซื้อวัสดุตระเตรียมขยายเรือนหลิงอวี๋กำลังพะวงเรื่องการหาเครื่องยาสมุนไพรให้เซียวหลินเทียน วันรุ่งขึ้นครั้นทานมื้อเที่ยงเสร็จก็พาหลิงซินกับหลิงเยวี่ยไปโรงเหยียนหลิงเมื่อเข้าประตูก็พลันเห็นหลี่ฉินช่วยหมอเลี่ยวชะล้างลานร้านและทำความสะอาดอย่างมือไม้พัลวันหลิงอวี๋หัวเราะแผ่วเบา หลี่ต้าหนิวสั่งสอนเด็กสองคนนี้ไม่เลวจริง ๆ!“หลี่ฉิน พี่สาวเจ้ามาถึงรึยัง?” หลิงอวี๋ร้องเรียก“อาจารย์ ท่านมาแล้ว! ท่านพี่ข้ายังไม่มาเจ้าค่ะ!”หลี่ฉินรั้งศีรษะมองเขา ยิ้มตาหยีกล่าวคำ “วันนี้ท่านย่าข้าดูมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะมาก ตอนเช้ายังกินโจ๊กหมดชามหนึ่งด้วยเจ้าค่ะ!”“หมอเลี่ยวตรวจนางแล้ว บาดแผลของนางไม่มีอาการร้ายแรงอันใด!”“แม่นางหลิงมาแล้ว!”หมอเลี่ยวได้ยินความปั่นป่วนพลันรีบเดินมา เขาดูหมดอาลัยตายอยากพลางมองหลิงอวี๋กล่าวอึก ๆ อัก ๆ“เป็นอะไรไป? เลี่ยวเซียนแลกตัวเลี่ยวหมิงออกมามิได้หรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างห่วงใย“เข้าเรือนก่อนค่อยกล่าวเถิด!” หมอเลี่ยวทอดถอนใจพลางพาหลิงอวี๋เข้าเรือน“เมื่อวานเซียนเอ๋อร์นำตั๋วเงินไปแลกคนแล้ว แต่ไม่ได้ออกน่ะสิ ทั้งยังโดนคนในหน่วยงานรา
เมื่อหลิงอวี๋ได้ฟังก็พูดไม่ออก อย่างไรเสียสายสัมพันธ์ซับซ้อนนี่ก็มิใช่ว่านางจะลงมือได้ถ้ามีโอกาสในภายหน้านางจะทูลไทเฮาให้ใส่ใจสักหน่อย“เลี่ยวเซียน ที่พูดว่าแม่ทัพนครหลวงน่ะ! เขาเป็นคนเช่นไรรึ?”ในเมื่อเกาเฉิงมีความเกี่ยวข้องกับโรงหุยชุนจึงไม่อาจมุ่งหวังเกาเฉิงได้ หลิงอวี๋เพียงต้องขอพบเจ้าหน้าที่บริหารสูงสุดองพวกเขาเท่านั้น“แม่ทัพนครหลวงคือแม่ทัพเฉิน เขาค่อนข้างเที่ยงตรงไม่เสื่อมเสีย เขาคือหลานขององค์ชายเฉิงและได้รับสนับสนุนให้เลื่อนตำแหน่งจากองค์ชายเฉิงด้วย”“ทว่าช่วงระยะนี้ แม่ทัพเฉินลางานดูแลมารดาที่ป่วยอยู่เรือน มิได้บริหารกิจงานรัฐ!”เลี่ยวเซียนกล่าวท่าทางขุ่นเคืองว่า “ข้าก็อยากไปร้องเรียนกับเขาเหมือนกัน แต่ไปหลายครั้งแล้วล้วนไม่เห็นคน! เล่าลือว่าเขาพักอยู่ชนบทเป็นเพื่อนมารดา ข้าสอบถามหลายแห่งต่างก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพเฉินพักอยู่ที่ใด!”หลิงอวี๋ได้ยินแล้วใจสั่นสะท้านพลางเอ่ยถาม “มารดาของเขาป่วยเป็นอันใด? โรงหุยชุนมิได้ส่งหมอไปรักษามารดาเขาหรือ?”เลี่ยวเซียนหัวเราะเยาะหยัน “มีเรื่องให้ประจบเจ้านายเช่นนี้ ไยเกาเฉิงจะไม่ทำ!”“แน่นนอนว่าเขาส่งไป หมอของโรงหุยชุนผลัดกันไปไม่หยุดหย่
เกิ่งเสี่ยวหาวกลับมา หลิงอวี๋กำลังดื่มชาดีที่เปียวจื่อยกมาเปียวจื่อเอ่ยเอาใจว่า “พระชายาอ๋องอี้ ยาทาที่ท่านส่งมาให้ข้าคราก่อนได้ผลดีมากขอรับ ท่านดูเถิด บ่าวทาหลอดเดียวก็หายขาดดังคาดแล้ว!”เขาชี้ที่ลำคอตัวเองอวด พลางส่งยิ้มกล่าวคำ“ท่านลุงข้าก็ป่วยเป็นโรคเดียวกันกับข้า ข้าเหลือยาทาให้เขาแล้ว เขาทาก็ได้ผลดีเหมือนกันขอรับ!”“พระชายาอ๋องอี้ ท่านทำยาทาอีกสองหลอดให้บ่าวได้หรือไม่ขอรับ...”เกิ่งเสี่ยวหาวเพิ่งเข้ามาก็พลันได้ยินวาจานี้ โมโหจนตบกบาลเปียวจื่อหนึ่งฝ่ามือพลางตำหนิ“เจ้าเด็กนรก เจ้าคิดว่ายาของท่านพี่พัดมาตามลมเราะ! คราวก่อนส่งให้เจ้าสองหลอด เจ้ายังไม่รู้จักพออีก!”เปียวจื่อลูบศีรษะพลางเอ่ยน้อยใจ “ท่าน บ่าวยังพูดไม่จบขอรับ! บ่าวไม่ได้ขอเปล่า ท่านลุงข้าบอกว่าจ่ายเงินเท่าใดย่อมได้ทั้งนั้น!”“นั่นเพราะหาซื้อยาทาเช่นนี้มิได้ตามร้านโอสถทุกร้านในเมืองหลวง บ่าวขอร้องพระชายาไม่ได้หรือ?”หลิงอวี๋ยิ้มกล่าวว่า “ท่านลุงเจ้าทายาหนึ่งหลอดก็หายขาดแล้ว เหตุใดยังต้องซื้อเพิ่ม!”เปียวจื่อตอบว่า “เขารู้จักพ่อค้าต่างถิ่นผู้หนึ่งก็ป่วยเป็นโรคเช่นนี้ ได้ยินเรื่องยาทามหัศจรรย์ที่ท่านลุงข้าพูดเลย
“บริเวณโดยรอบมีต้นไม้สูงใหญ่อยู่มาก ท่านขึ้นไปบนต้นไม้สักต้น พวกเราต้องดูก่อนว่านี่มันคือสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่”หลิงอวี๋ชี้แนะเซียวหลินเทียนก็มิพูดพร่ำทำเพลง เขาเชื่อมั่นหลิงอวี๋โดยไม่มีเงื่อนไข แล้วหยิบตะบันไฟออกมาส่งให้หลิงอวี๋ จากนั้นก็อุ้มหลิงอวี๋กระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนต้นไม้สูงหลิงอวี๋จึงรีบจุดไฟแล้วมองลงไป สัตว์ประหลาดตัวนั้นไล่ตามมาที่ใต้ต้นไม้แล้ว และมันก็กำลังเงยหน้ามองขึ้นมาด้วยมันเหลือตาเพียงข้างเดียว และกำลังจ้องมองขึ้นมาด้วยสายตาเย็นเยือกแสงสว่างจากตะบันไฟมีอยู่จำกัด หลิงอวี๋มองเห็นเพียงดวงตาที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ขนที่ยุ่งเหยิงของมันเท่านั้น“ฮึ่ม…”สัตว์ประหลาดส่งเสียงออกมา แล้วก็ถอยหลังไปหลิงอวี๋มองเจตนาของมันออกในทันทีที่สัตว์ประหลาดถอยหลังไปมิได้วางแผนที่จะยอมแพ้ แต่เพื่อรวบรวมพลังจะมาพุ่งชนต้นไม้ให้หักต่างหาก“ที่นี่มิปลอดภัย หนีเร็ว!”ทันทีที่หลิงอวี๋พูดจบ สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็พุ่งกลับมา มิรู้ว่ามันเกิดมาพร้อมพลังเหนือธรรมชาติหรืออย่างไร ได้ยินเพียงเสียงไม้หัก...ต้นไม้ต้นหนาถูกสัตว์ประหลาดโจมตีจนหักไปแล้วเมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินเสียงร้องของหลิงอวี๋
หลิงอวี๋หลบมิทัน จึงถูกสัตว์ประหลาดกระโจนใส่จนหงายหลังไป แล้วสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็อ้าปากจะพุ่งไปกัดคอของหลิงอวี๋หลิงอวี๋มองมิชัดในความมืด จึงเห็นเพียงดวงตาสีเขียวที่มีขนาดใหญ่เท่ากับระฆังทองแดงของสัตว์ประหลาดอยู่ใกล้แค่เอื้อม ลมหายใจร้อน ๆ ที่มันพ่นออกมาทั้งคาวทั้งเหม็น จนทำให้หลิงอวี๋รู้สึกอยากจะอาเจียนออกมาก่อนหน้านี้หลิงอวี๋คว้าหินก้อนหนึ่งไว้ในมือ เมื่อรู้สึกถึงลมหายใจร้อนใกล้เข้ามา นางก็ยัดก้อนหินเข้าไปโดยมิคิดทันทีจากนั้นมืออีกข้างที่ถือกริชมาตลอดก็แทงไปที่ดวงตาสีเขียวนั้นอย่างโหดร้าย“โฮก…”สัตว์ประหลาดมีหรือจะคาดคิดว่าหลิงอวี๋จะกล้าต่อต้านมันในเวลานี้ ในระยะที่ใกล้เช่นนี้ ดวงตาของมันจึงถูกหลิงอวี๋แทงเข้าไปเต็ม ๆในปากของมันก็มีหินที่หลิงอวี๋ยัดเข้าไปอุดไว้ และดวงตาของมันก็ถูกแทงจนบาดเจ็บ ขาหน้าที่มันกระโจนเข้ามาจึงเด้งตัวลุกขึ้นยืนในทันทีสัตว์ประหลาดตัวนั้นส่ายหัว แล้วคายก้อนหินออกมา จากนั้นก็ไปไล่กัดหลิงอวี๋อย่างบ้าคลั่งหลิงอวี๋อาศัยตอนที่มันเด้งตัวลุกขึ้นแล้วกลิ้งหนีไปด้านข้าง หลบเลี่ยงมันออกไปนางสั่นไปทั้งตัว การโจมตีเมื่อครู่มิใช่ว่านางมิกลัว เพียงแต่มันเกี่ย
“จริงหรือ?”ผู้รอบรู้มีหรือจะคาดคิดว่าหญ้าที่มีดอกสีขาวธรรมดานี้จะมีมูลค่าถึงเพียงนี้ เขาจึงรีบพุ่งเข้าไปเก็บทันที“ยังมีอีกหรือไม่? หากหาเจอได้มาก ๆ ก็มิต้องกังวลว่าจะไม่มีเงินซื้อยาให้เจ้าแล้ว!”ผู้รอบรู้มองไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้นหลิงอวี๋มองผู้รอบรู้ แล้วจู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาพี่ชายบุญธรรมที่เพิ่งรู้จักกันมินานมานี้ ในตอนที่เสือกระโจนใส่ตนก็พุ่งเข้ามาช่วยตนไว้โดยมิหลีกเลี่ยงในตอนนี้เมื่อพบสมุนไพรที่มีมูลค่า สิ่งแรกที่เขานึกถึงก็คือการซื้อยาให้ตน เขามิเคยคิดว่าเมื่อมีเงินแล้วจะนำไปใช้ชีวิตดี ๆ เลยการได้รู้จักพี่ชายผู้นี้ช่างคุ้มค่าจริง ๆ!หลิงอวี๋แอบสาบานว่า ในภายภาคหน้านางจะต้องใช้สิ่งที่ตนได้เรียนรู้มา ทำให้ผู้รอบรู้ได้ใช้ชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน“พี่ใหญ่ หากเครื่องยาสมุนไพรล้ำค่าเช่นนี้มีอยู่เต็มภูเขา เช่นนั้นก็คงจะไร้ค่าไปแล้ว!”“สิ่งนี้สามารถเก็บได้! ถึงแม้มูลค่าจะมิได้เท่าช่อสัตตะดารา แต่ก็สามารถขายได้หลายหมื่นทีเดียว!”หลิงอวี๋ให้คำแนะนำ ทำให้ผู้รอบรู้มีความสุขขึ้นมาผู้รอบรู้ตามหลิงอวี๋ไปอย่างมีความสุข หลิงอวี๋ให้เก็บอะไรเขาก็เก็บสิ่งนั้นหลิงอวี๋ให้เข
“อย่างไร?”เผยอวี้และเถาจื่อต่างมองไปทางฉินซานฉินซานจึงเอ่ยออกมา “กระหม่อมสังเกตเห็นว่าพลังของฮองเฮานั้นต่ำมาก ทั้งยังลืมพวกเราไปแล้วด้วย นี่คือเหตุจากการถูกปิดผนึกพ่ะย่ะค่ะ! หากพวกเราสามารถหาคนมาช่วยพระนางปลดผนึกไปได้ ฮองเฮาก็จะจำพวกเราได้แล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ก็เหมือนกับเสวี่ยเหมยก่อนหน้านี้ ตอนนั้นนางก็จำพวกเรามิได้ แต่เพราะขันทีโม่ช่วยปลดผนึกให้นาง นางจึงจำอดีตขึ้นมาได้!”เซียวหลินเทียนยิ้มขมขื่น “หากพวกเราบอกนางไปตามตรงว่านางถูกปิดผนึก เจ้าคิดว่านางจะยอมให้เราปลดให้กับนางแต่โดยดีหรือ?”“มิแน่ว่า นางอาจจะคิดว่าพวกเราปิดผนึกนาง แล้วหนีไปเร็วยิ่งกว่าเดิมก็ได้!”เถาจื่อพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “นับตั้งแต่ที่ฮองเฮาถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยพาตัวไป ทุกคนที่พระนางพบล้วนเป็นคนที่ต้องการจะทำร้ายพระนาง”“เก๋อฮุ่ยหนิงตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น เหมียวหยางก็อาศัยอำนาจมารังแก ส่วนหยางหงหนิงก็มิได้มีเจตนาที่ดีต่อพระนางอีก เมื่อได้เผชิญหน้ากับคนเหล่านี้แล้ว พระนางไม่มีทางไว้ใจพวกเราง่าย ๆ แน่!”เซียวหลินเทียนสนใจกับคำพูดของเถาจื่อ แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “มีหนึ่งคนที่เป็นข้อยกเว้น!”เขามองลงไปในเหว
พวกเซียวหลินเทียนรีบดึงเถาวัลย์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกเขาเห็นข้อความของหลิงอวี๋ ก็รู้สึกโล่งใจแต่เซียวหลินเทียนสังเกตเห็นจากหางตาว่ามีคำสองคำเขียนด้วยอักษรแบบย่อนี่คือความเคยชินเล็ก ๆ ของหลิงอวี๋ ตอนนั้นเซียวหลินเทียนเคยล้อเลียนหลิงอวี๋ว่าขี้เกียจ มิเขียนตัวอักษรให้สมบูรณ์แต่หลิงอวี๋กลับเอ่ยออกมาอย่างมิเห็นด้วย ‘ท่านมิคิดหรือเพคะว่าการเขียนเช่นนี้สะดวกกว่า? ราษฎรจำนวนมากมิรู้หนังสือ ก็เพราะอักษรหลายตัวมีขีดเยอะและเรียนรู้ได้ยากเพคะ!’‘หากทำให้กระชับลงเช่นนี้ เด็ก ๆ ก็จะเรียนรู้ได้ง่าย และราษฎรที่มิรู้หนังสือก็จะจำได้ง่ายด้วยเพคะ!’‘เซียวหลินเทียน เมื่อสถานการณ์ราชสำนักมั่นคงแล้ว ท่านควรส่งเสริมให้บรรดาครูปฏิวัติการเขียนตัวอักษรเพคะ เขียนตัวอักษรให้กระชับ ทำให้ราษฎรอ่านออกเขียนได้มากขึ้นด้วย!’เหอะ ๆ!เซียวหลินเทียนมองอักษรที่กระชับสองตัวนั้น พลางคิดถึงคำพูดของหลิงอวี๋ แล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา“นายท่านอู่ ท่านหัวเราะอะไรหรือ?”เผยอวี้เอ่ยถามอย่างแปลกใจ“พวกเจ้าดูเถิด นี่คือหลักฐานที่ดีที่สุด! สิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋!”เซียวหลินเทียนยื่นข้อความให้กับเผยอวี้ พร้อมก
เมื่อทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน เวลาหนึ่งชั่วยามก็ผูกบันไดให้ยาวเพียงพอได้แล้ว เซียวหลินเทียนจึงช่วยหลิงอวี๋วางบันไดลงไปบันไดเหล่านั้นจมเข้าไปในหมอกหนา และมิรู้ด้วยว่าเพียงพอไปถึงด้านล่างหน้าผาหรือไม่“ข้าจะลงไปดู!”เซียวหลินเทียนจับบันไดให้มั่นคงแล้วเอ่ยออกมา“ไม่ ข้าจะลงไป!”หลิงอวี๋หยุดเขาไว้แล้วเอ่ยออกมา “ข้าน้ำหนักเบากว่าท่าน บันไดสามารถรับน้ำหนักข้าได้!”“อีกอย่าง ในหมอกหนาทึบเหล่านั้นมิรู้ว่ามีพิษอยู่หรือไม่ ข้ามีความรู้เรื่องทักษะการแพทย์ ข้าสามารถปรับตามสถานการณ์ได้!”เมื่อหลิงอวี๋เอ่ยเช่นนี้ พวกเผยอวี้ก็คิดว่าสมเหตุสมผลดี“ศิษย์พี่หญิง เช่นนั้นเจ้าระวังตัวด้วย พวกเราจะรออยู่ข้างบน หากเจ้าเจอพี่ชายของเจ้า ก็ส่งสัญญาณมา พวกเราจะดึงพวกเจ้าขึ้นมาเอง!”เถาจื่อกำชับ“อืม เช่นนั้นข้าลงไปแล้ว!”แล้วหลิงอวี๋ก็ไต่บันไดลงไปทีละขั้น ๆเซียวหลินเทียนมองอยู่ด้านข้างอย่างกังวล มิรู้ว่าบันไดนี้ปลอดภัยหรือไม่ คงจะมิพังลงกลางคันกระมัง!“พวกเจ้านำเถาวัลย์เหล่านั้นมาต่อเข้าด้วยกันเสีย หากบันไดยาวมิพอ จะได้สามารถใช้ได้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยออกมา แล้วเผยอวี้กับเถาจื่อก็รีบต่อเถาวัลย์แรก
ในบรรดาคนเหล่านี้ นอกจากหลิงอวี๋ที่มีพลังต่ำแล้ว คนอื่น ๆ ล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น บางคนก็ใช้กระบี่ บางคนก็ใช้มีด ในเวลามินานที่ขอบหน้าผาก็มีกองเถาวัลย์อยู่กองหนึ่ง“พวกเจ้าตัดไป ข้าจะทำบันไดเอง!”หลิงอวี๋ถอดเสื้อคลุมออก จากนั้นก็ฉีกจนเป็นผ้าเส้น ๆ แล้วนำมามัดกับเถาวัลย์ไว้เมื่อเถาจื่อเห็นว่าเถาวัลย์กองอยู่มาก จึงมาผูกเถาวัลย์กับหลิงอวี๋ด้วย“ศิษย์พี่หญิง เจ้าต้องการเท่าใดก็บอกมาได้ พวกพี่ชายของข้ามีกำลังเหลือเฟือ! จัดการให้เจ้าได้สบาย!”เถาจื่อเริ่มต้นพูดคุยกับหลิงอวี๋“ขอบคุณ!”ในใจของหลิงอวี๋มีความระแวงคนพวกนี้อยู่แล้ว จึงมิได้พูดอะไรมากแล้วก้มหน้ามัดต่อไปแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะกังวลมาก เพราะเขาต้องการลงจากภูเขาไปตามหาหลิงอวี๋ที่จัตุรัสเมืองหลวงแดนเทพแต่เส้นทางลงจากภูเขาล้วนถูกตระกูลเฉียวหรือแม้แต่คนของมหาปราชญ์ปิดกั้นไว้หมดแล้ว หากเขาลงจากภูเขาไปในเวลานี้ จะต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดแน่นอน เขาจึงทำได้เพียงเลื่อนออกไปก่อนก่อนหน้านี้ตอนที่ฉินซานมาที่เมืองหลวงแดนเทพ เขาได้ทำแขนเทียมครึ่งหนึ่งมาใส่แขนข้างที่ขาดไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดเผยตัวตน หลังจากที่สับเถาวัลย์ด้วยแขน
“ศิษย์พี่หญิง ทางลงเขาถูกปิดกั้นไปแล้ว ตอนนี้พวกเราออกไปมิได้ แกล้งทำเป็นช่วยพวกเขาจับตัวคนกันไปก่อนเถิด!”เมื่อเถาจื่อเห็นพวกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเดินไปข้างหน้า นางจึงดึงหลิงอวี๋เดินไปส่วนหลิงอวี๋ที่ล้มเลิกการแก้แค้น เพราะกังวลเรื่องความเป็นความตายของเถาจื่อและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย จึงสะบัดมือของเถาจื่อออกแล้วเอ่ยออกไปอย่างเย็นชา“เรื่องที่เจ้าให้ข้าทำข้าก็ทำให้แล้ว ข้าจะไปตามหาพี่ชายของข้า! เจ้าอย่าได้ตามข้ามา และอย่าได้คิดที่จะขู่ข้าอีก มิเช่นนั้นก็อย่ามาโทษว่าข้าไร้ความปรานี!”หลังจากพูดจบแล้ว หลิงอวี๋ก็เดินตรงไปอีกทางหนึ่ง“ศิษย์พี่หญิง!”เถาจื่อรู้สึกกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก นางรู้ว่าคำพูดที่ตนขู่สิงอวี๋ไปเมื่อครู่นั้นทำให้นางโกรธเสียแล้วที่สิงอวี๋ช่วยก็เพียงเพราะนางมิอาจทนเห็นคนมากมายต้องตายไปก็เท่านั้น“ข้าจะไปตามหาด้วยกันกับเจ้า! ข้าสาบานว่าข้าจะไม่มีทางทำร้ายเจ้าเด็ดขาด!”เถาจื่อพูดแล้วก็รีบหยิบตั๋วเงินออกมายัดให้หลิงอวี๋อย่างรวดเร็ว “ศิษย์พี่หญิง ข้าขอโทษ เมื่อครู่ข้าร้อนใจจึงขู่เจ้าไป แต่ข้ามิได้คิดจะสังหารเจ้าจริง ๆ นะ!”“นายหญิงของข้าเป็นคนจิตใจดี นางสอนพว
หลิงอวี๋ตะลึงกับคำพูดของเถาจื่อไปครู่หนึ่ง ตอนนี้นางจึงได้รู้ว่าเรื่องที่เถาจื่อขอให้ตนทำนั้นสำคัญมากเพียงใดนางสามารถวางยาพิษสังหารเซียวหลินเทียนได้ แต่ในขณะเดียวกัน ตัวตนของเซียวหลินเทียนก็มิอาจปกปิดได้เช่นกันเช่นนั้นเถาจื่อและคนที่อยู่ในคฤหาสน์อู่ทุกคนก็จะหนีมิทัน และจะต้องถูกมหาปราชญ์สังหารจนหมดสิ้นอย่างแน่นอน!เซียวหลินเทียนสังหารลูกชายของตน แต่ชีวิตของคนจำนวนมากมายเหล่านั้นล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ หากนางวางยาพิษสังหารเซียวหลินเทียน ก็จะเป็นการสังหารคนเหล่านั้นทางอ้อมไม่มีเวลาให้หลิงอวี๋ได้คิดแล้ว เซียวหลินเทียนพี่ใหญ่ของเถาจื่อมุดตัวออกมาจากพุ่มไม้แล้วเซียวหลินเทียนพบว่าตนตกหลุมพรางแผนการร้ายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยและเช่นเดียวกับที่เถาจื่อพูดไปเมื่อครู่ เขาสามารถอาศัยวรยุทธ์ของตนหนีไปจากภูเขาหมางหลิ่งเพียงลำพังได้แต่เผยอวี้ ฉินซานและผู้คุ้มกันของคฤหาสน์อู่ที่พามาด้วย ก็จะถูกเปิดเผยตัวตนเพราะเหตุนี้ และจะต้องถูกมหาปราชญ์ล้อมโจมตีเป็นแน่เซียวหลินเทียนจะปล่อยให้เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต้องลำบากเพราะตนเพียงผู้เดียวได้อย่างไร ดังนั้นในความเร่งรีบเขาจึงนึกถึงสิงอวี๋ขึ้นมาสิงอวี๋มีความ