คำพูดของอันเจ๋อทำให้สีหน้าเซียวหลินเทียนผันแปร พลางก้มศีรษะมองสองขาไร้ความรู้สึกของตน นัยน์ตาพลันมืดครึ้มทันใด“ในเมืองหลวงแห่งนี้มิได้มีเพียงข้าแซ่เซียว!”อันเจ๋อกล่าวอย่างนิ่งสงบ “บางทีเราไม่อาจยุติสงครามให้ใต้หล้าสงบสุขได้!”“แต่เราสามารถลดจำนวนประชาชนล้มตายบาดเจ็บได้ ปกป้องบ้านเมืองเราพ้นจากผลกระทบของเพลิงสงคราม ทำให้พวกเขามีชีวิตได้อย่างไม่หิวโหย...”“เราอาจช่วยคนทั้งใต้หล้ามิได้ แต่เราจะช่วยมากเท่าที่ทำได้! นี่แหละคือความหมายของชีวิต!”“คำพูดเหล่านี้ช่างคุ้นหูนัก?”เซียวหลินเทียนหลับตาทุกข์ใจ คำพูดเหล่านี้ต้องคุ้นหูแน่นอน เพราะนี่คือคำพูดของเขากล่าวปลุกเร้าสามเหล่าทัพให้สู้สุดชีวิตขณะอยู่สนามรบอันเจ๋อลุกขึ้นเดินนั่งยอง ๆ ตรงหน้าเก้าอี้ล้อ เขาเอื้อมมือไปกุมมือของเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนขัดขืนสักพัก ทว่าถูกอันเจ๋อจับไว้อย่างแน่น“อาเทียน ข้าอยากพูดคำเหล่านี้ต่อเจ้ามานานแล้ว! แต่ข้ารู้สึกว่าเจ้าต้องพักผ่อนเสียบ้าง!”“เพียงแค่ท่านยืนไม่ได้ มันไม่ได้หมายความว่าเจ้ากลายเป็นคนไร้ค่าตามขี้ปากสามัญชนพวกนั้น!”“เจ้ายังมีสมองนะ! ตราบใดที่เจ้าปรารนา แม้จะนั่งเก้าอี้ล้อเจ้าก็
แม่นมลี่หาช่างฝีมือได้แล้วก็เริ่มซื้อวัสดุตระเตรียมขยายเรือนหลิงอวี๋กำลังพะวงเรื่องการหาเครื่องยาสมุนไพรให้เซียวหลินเทียน วันรุ่งขึ้นครั้นทานมื้อเที่ยงเสร็จก็พาหลิงซินกับหลิงเยวี่ยไปโรงเหยียนหลิงเมื่อเข้าประตูก็พลันเห็นหลี่ฉินช่วยหมอเลี่ยวชะล้างลานร้านและทำความสะอาดอย่างมือไม้พัลวันหลิงอวี๋หัวเราะแผ่วเบา หลี่ต้าหนิวสั่งสอนเด็กสองคนนี้ไม่เลวจริง ๆ!“หลี่ฉิน พี่สาวเจ้ามาถึงรึยัง?” หลิงอวี๋ร้องเรียก“อาจารย์ ท่านมาแล้ว! ท่านพี่ข้ายังไม่มาเจ้าค่ะ!”หลี่ฉินรั้งศีรษะมองเขา ยิ้มตาหยีกล่าวคำ “วันนี้ท่านย่าข้าดูมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะมาก ตอนเช้ายังกินโจ๊กหมดชามหนึ่งด้วยเจ้าค่ะ!”“หมอเลี่ยวตรวจนางแล้ว บาดแผลของนางไม่มีอาการร้ายแรงอันใด!”“แม่นางหลิงมาแล้ว!”หมอเลี่ยวได้ยินความปั่นป่วนพลันรีบเดินมา เขาดูหมดอาลัยตายอยากพลางมองหลิงอวี๋กล่าวอึก ๆ อัก ๆ“เป็นอะไรไป? เลี่ยวเซียนแลกตัวเลี่ยวหมิงออกมามิได้หรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างห่วงใย“เข้าเรือนก่อนค่อยกล่าวเถิด!” หมอเลี่ยวทอดถอนใจพลางพาหลิงอวี๋เข้าเรือน“เมื่อวานเซียนเอ๋อร์นำตั๋วเงินไปแลกคนแล้ว แต่ไม่ได้ออกน่ะสิ ทั้งยังโดนคนในหน่วยงานรา
เมื่อหลิงอวี๋ได้ฟังก็พูดไม่ออก อย่างไรเสียสายสัมพันธ์ซับซ้อนนี่ก็มิใช่ว่านางจะลงมือได้ถ้ามีโอกาสในภายหน้านางจะทูลไทเฮาให้ใส่ใจสักหน่อย“เลี่ยวเซียน ที่พูดว่าแม่ทัพนครหลวงน่ะ! เขาเป็นคนเช่นไรรึ?”ในเมื่อเกาเฉิงมีความเกี่ยวข้องกับโรงหุยชุนจึงไม่อาจมุ่งหวังเกาเฉิงได้ หลิงอวี๋เพียงต้องขอพบเจ้าหน้าที่บริหารสูงสุดองพวกเขาเท่านั้น“แม่ทัพนครหลวงคือแม่ทัพเฉิน เขาค่อนข้างเที่ยงตรงไม่เสื่อมเสีย เขาคือหลานขององค์ชายเฉิงและได้รับสนับสนุนให้เลื่อนตำแหน่งจากองค์ชายเฉิงด้วย”“ทว่าช่วงระยะนี้ แม่ทัพเฉินลางานดูแลมารดาที่ป่วยอยู่เรือน มิได้บริหารกิจงานรัฐ!”เลี่ยวเซียนกล่าวท่าทางขุ่นเคืองว่า “ข้าก็อยากไปร้องเรียนกับเขาเหมือนกัน แต่ไปหลายครั้งแล้วล้วนไม่เห็นคน! เล่าลือว่าเขาพักอยู่ชนบทเป็นเพื่อนมารดา ข้าสอบถามหลายแห่งต่างก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพเฉินพักอยู่ที่ใด!”หลิงอวี๋ได้ยินแล้วใจสั่นสะท้านพลางเอ่ยถาม “มารดาของเขาป่วยเป็นอันใด? โรงหุยชุนมิได้ส่งหมอไปรักษามารดาเขาหรือ?”เลี่ยวเซียนหัวเราะเยาะหยัน “มีเรื่องให้ประจบเจ้านายเช่นนี้ ไยเกาเฉิงจะไม่ทำ!”“แน่นนอนว่าเขาส่งไป หมอของโรงหุยชุนผลัดกันไปไม่หยุดหย่
เกิ่งเสี่ยวหาวกลับมา หลิงอวี๋กำลังดื่มชาดีที่เปียวจื่อยกมาเปียวจื่อเอ่ยเอาใจว่า “พระชายาอ๋องอี้ ยาทาที่ท่านส่งมาให้ข้าคราก่อนได้ผลดีมากขอรับ ท่านดูเถิด บ่าวทาหลอดเดียวก็หายขาดดังคาดแล้ว!”เขาชี้ที่ลำคอตัวเองอวด พลางส่งยิ้มกล่าวคำ“ท่านลุงข้าก็ป่วยเป็นโรคเดียวกันกับข้า ข้าเหลือยาทาให้เขาแล้ว เขาทาก็ได้ผลดีเหมือนกันขอรับ!”“พระชายาอ๋องอี้ ท่านทำยาทาอีกสองหลอดให้บ่าวได้หรือไม่ขอรับ...”เกิ่งเสี่ยวหาวเพิ่งเข้ามาก็พลันได้ยินวาจานี้ โมโหจนตบกบาลเปียวจื่อหนึ่งฝ่ามือพลางตำหนิ“เจ้าเด็กนรก เจ้าคิดว่ายาของท่านพี่พัดมาตามลมเราะ! คราวก่อนส่งให้เจ้าสองหลอด เจ้ายังไม่รู้จักพออีก!”เปียวจื่อลูบศีรษะพลางเอ่ยน้อยใจ “ท่าน บ่าวยังพูดไม่จบขอรับ! บ่าวไม่ได้ขอเปล่า ท่านลุงข้าบอกว่าจ่ายเงินเท่าใดย่อมได้ทั้งนั้น!”“นั่นเพราะหาซื้อยาทาเช่นนี้มิได้ตามร้านโอสถทุกร้านในเมืองหลวง บ่าวขอร้องพระชายาไม่ได้หรือ?”หลิงอวี๋ยิ้มกล่าวว่า “ท่านลุงเจ้าทายาหนึ่งหลอดก็หายขาดแล้ว เหตุใดยังต้องซื้อเพิ่ม!”เปียวจื่อตอบว่า “เขารู้จักพ่อค้าต่างถิ่นผู้หนึ่งก็ป่วยเป็นโรคเช่นนี้ ได้ยินเรื่องยาทามหัศจรรย์ที่ท่านลุงข้าพูดเลย
หลังหลิงอวี๋ทานข้าวเย็นอยู่ภัตตาคารจี๋เสียง เกิ่งเสี่ยวหาวห่อขนมอบของภัตตาคารจี๋เสียงให้หลิงเยวี่ยอีก ก่อนจะส่งหลิงอวี๋ลงชั้นล่างบัดนี้ ลิ่วล้อที่สืบถามข่าวคราวแม่ทัพเฉินกลับมาพอดี พลางให้ที่อยู่เกิ่งเสี่ยวหาวเกิ่งเสี่ยวหาวเห็นว่าหมู่บ้านเฉินเจียที่ห่างตัวเมืองยี่สิบกว่าลี้พลางกล่าวคำ“วันพรุ่งข้าไปรับซื้อเครื่องยาที่หมู่บ้านเฉินเจียพอดี ข้าจะไปส่งท่านพี่!”หลิงอวี๋ไม่ได้ปฏิเสธ ครั้นนัดเวลาเดินทางกับเกิ่งเสี่ยวหาวกันดีแล้วก็นำขนมอบกลับตำหนักอ๋องอี้ทันทีพอกลับถึงตำหนักอ๋องอี้ฟ้าล้วนมืดแล้ว หลิงอวี๋ถือขนมอบกลับเรือนบุหงา ครั้นเห็นเครื่องยาที่ตนให้หลิงซินนำกลับกำลังวางอยู่ ก็เอาเครื่องยาหมายส่งให้เซียวหลินเทียนนางเห็นขนมอบขอบภัตตาคารจี๋เสียง คิดแบ่งอีกห่อ ถือพร้อมกันเดินไปเรือนริมวารีของเซียวหลินเทียนเรือนยังมีแสงไฟตะเกียง ประตูเรือนเปิดอ้า องครักษ์สองนายเฝ้าอยู่ประตูหลิงอวี๋กำลังคิดส่งเขาไปแจ้งให้ตน พลันได้ยินเสียงหัวเราะอันไพเราะมากเสน่ห์ของชิวเหวินซวงลอยมาจากในเรือน“ท่านอ๋อง ท่านดื่มเก่งจริง ๆ ท่านพี่จ้าวกับลู่หนานร่วงหมดแล้วเพคะ!”“ท่านอ๋อง ข้าไม่ไหวแล้ว! ดื่มไม่ได้แ
แม่ทัพเฉินหยุดฝีเท้า หมายเอี้ยวตัวต่อว่าอย่างขุ่นเคือง“นักต้มตุ๋นร่อนเร่จากไหนอีก ไล่นางไปเสีย!”“หมอหลวงในวังต่างสิ้นวิธี นางสตรีอ่อนแอผู้เดียวขวัญกล้าอ้างว่ามีวิธีรักษาท่านแม่ข้า!”“ต้มสามัญชนพวกนั้นก็แล้วไป! คาดไม่ถึงว่าจะมาต้มถึงหน้าประตูตระกูลเฉิน!”คนเฝ้าประตูคลี่ยิ้มให้ “นายท่านขอรับ บ่าวก็ต่อว่านางเช่นนี้ แต่นางพูดว่าหมอหลวงในวังไม่มีวิธี ไม่ได้บ่งบอกว่านางไม่มีวิธี!”“นายท่าน แม่นางหลิงอาจจะเป็นคนมีฝีมือจริง ๆ ก็ได้นะขอรับ นางไม่ได้ตรวจชีพจรบ่าวก็เอ่ยขึ้นว่าบ่าวมีโรคข้อเสื่อม เป็นตอนวัยแรกรุ่นร่วงลงถ้ำน้ำแข็ง!”“นายท่าน อย่างไรให้นางเข้ามาลองตรวจสักหน่อยก็ไม่เสียหายอันใด หากนางรักษาฮูหยินใหญ่ได้ นั่นคือวาสนาของฮูหยินใหญ่ขอรับ!”“ถ้ารักษาไม่ได้ค่อยไล่ไปก็ได้แล้วขอรับ!”เฉินเจียวฟังแล้วใจสั่นไหวพลางกล่าวว่า “ท่านพ่อ มิใช่ว่าท่านย่าเอ่ยบ่อย ๆ หรือว่ามีคนเก่งมากนักในหมู่คนสามัญ? บางทีแม่นางหลิงอาจเร้นศักยภาพไว้ก็เป็นได้นะเจ้าคะ!”“หวังป๋อพูดถูก ให้นางเข้ามาลองตรวจก็ไม่ได้เสียหายอะไร บางทีอาจช่วยท่านย่าได้จริงก็ได้!”แม่ทัพเฉินนึกถึงอิริยาเจ็บปวดของมารดา ที่สุดแล้วใจทนไม
หลิงอวี๋ทำเป็นไม่เห็นท่าทีลนลานของแม่ทัพเฉิน พลางปั่นเข็มเงินแผ่วเบาอย่างจดจ่อ“ฮูหยินใหญ่ เจ็บหรือไม่?”ฮูหยินใหญ่รู้สึกถึงความอุ่นและสบายที่ลอยมาตามคลื่นจากจุดที่เข็มเงินวางอยู่นางรู้สึกกลับไปมีกำลังอีกครา และกลับพบว่าความเจ็บปวดจนปรารถนาสิ้นใจช่วงเวลานี้ล้วนหายไปอย่างประหลาด“ไม่เจ็บแล้ว!”พอฮูหยินใหญ่เอ่ยจบ หลิงอวี๋พลันดึงเข็มเงินสามเล่มออกพลางใช้แอลกอฮอล์เช็ดให้สะอาด เก็บในกล่องยาของตัวเอง“มาเถิด ข้าจักประคองท่านลุก!”หลิงอวี๋เก็บกล่องยาเรียบร้อยแล้ว ประคองฮูหยินใหญ่ลุกอย่างระวังแม่ทัพเฉินกับเฉินเจียวต่างตะลึงอ้าปากตาค้างอีกหนระยะนี้เพียงเห็นฮูหยินใหญ่แขนขาขดตัวไร้วิธียืดตรงมาตลอด ไม่คาดคิดว่าเหยียดขาลงล่างเตียงได้แล้วหลิงอวี๋ก้มกายนั่งยอง ๆ พลางสวมรองเท้าให้ฮูหยินใหญ่ฮูหยินใหญ่ย่างก้าวแรกด้วยตัวโงนเงน ก้าวสอง…หลิงอวี๋ปล่อยมือ ฮูหยินใหญ่ออกก้าวสาม ต่อก้าวสี่“อ๊ะ… ข้าเดินได้แล้ว!”ฮูหยินใหญ่ยืดเอวตรง เดินไปเดินมาในห้อง ร้องเรียกขึ้นราวกับเด็กน้อยดีอกใจดีใจ“ลูกแม่ ข้าเดินได้แล้ว! ไม่เจ็บเลยสักนิดเดียว!”“เจียวเจียว ข้าหิวนัก ข้าอยากกินข้าว!”ครั้นตาเห็นเป็น
หลิงอวี๋ได้ฟังก็ขมวดคิ้ว หลิงเยวี่ยเป็นเด็กที่ทั้งรู้ความทั้งว่านอนสอนง่าย นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!เหตุใดเซียวหลินเทียนถึงจะทำโทษให้เขาคุกเข่า?“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”หลิงอวี๋เอ่ยถาม“เฮยจื่อน่ะสิเจ้าคะยั่วให้เกิดเรื่อง!”หลิงซินบอกอย่างโมโห “ช่วงก่อนหน้านี้เขาซี่โครงหัก ต้องรักษาตัวอยู่ในเรือน! แต่สองวันมานี้ดีขึ้นแล้ว วิ่งได้กระโดดได้ ก็ออกมาเที่ยวเล่น!”“บ่าวกับแม่นมลี่กำลังทำความสะอาดเรือนอยู่ เยวี่ยเยวี่ยก็เอาขนมที่คุณหนูให้เขาเมื่อวานไปให้ลุงปี้กินเจ้าค่ะ”“ผลก็คือระหว่างทางถูกเฮยจื่อขวางไว้ เฮยจื่อจะเอาขนมของเยวี่ยเยวี่ยแล้วเยวี่ยเยวี่ยไม่ให้ เฮยจื่อเลยวิ่งตามเยวี่ยเยวี่ยเจ้าค่ะ”“ไม่รู้ว่ามันเป็นเยี่ยงไร ทั้งสองวิ่งไปจนถึงริมสระน้ำ จากนั้นเฮยจื่อก็ลื่นล้มตกน้ำไปเจ้าค่ะ!”หลิงซินเอ่ยอย่างคับข้องใจ “นางรับใช้ช่วยเหลือเฮยจื่อขึ้นมาไว้ได้ แล้วก็วิ่งไปกราบทูลท่านอ๋อง ท่านอ๋องจึงโกรธแล้วก็ให้เยวี่ยเยวี่ยขอโทษเฮยจื่อเจ้าค่ะ”“เยวี่ยเยวี่ยไม่ยอม ท่านอ๋องก็ให้คนพาตัวเขาไปคุกเข่าอยู่ด้านนอกเรือนริมวารี บอกว่าเยวี่ยเยวี่ยขอโทษเมื่อใดก็จะสามารถลุกขึ้นได้เมื่อนั้น!”หลิงอวี๋ได้
เซียวหลินเทียนทอดถอนใจพลางเอ่ย “ตอนนั้นเสด็จพ่อยังต้องพึ่งพาท่านอดีตเสนาบดีให้ช่วยพระองค์เฝ้าระวังที่ชายแดน ท่านอดีตเสนาบดีขอร้องให้หลิงเสียงกัง เสด็จพ่อก็มิอยากทำร้ายจิตใจขุนนางเก่าแก่ จึงไว้ชีวิตหลิงเสียงกัง!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ มีจักรพรรดิสูงสุดเป็นเกราะป้องกันให้องค์ชายคัง มิน่าหลิงเสียงกังอยากจะพลิกคดีแต่กลับยากเย็นนักเกรงว่าตอนนั้นที่หลิงเสียงกังออกจากเมืองหลวงแล้วบอกจะออกไปตามหาความจริงก็คงเพราะมองจุดนี้ออกแล้ว“คดีกล่าวหาท่านลุงของหม่อมฉันคือเสด็จพ่อที่สร้างขึ้น หากตอนนี้ท่านจะพลิกคดีให้เขาก็จะเป็นการตั้งคำถามเสด็จพ่อของท่าน ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เหล่าขุนนางเชื่อมั่น การดึงคดีนี้ขึ้นมาก็จะเป็นการอกตัญญู!”หลิงอวี๋วิเคราะห์ได้ตรงประเด็นมากเซียวหลินเทียนกังวลว่า หลิงอวี๋จะเข้าใจผิดว่าตนมิยินดีจะล้างมลทินชื่อเสียงให้หลิงเสียงกัง จึงรีบเอ่ย “ข้าแค่จะบอกว่าหากต้องการจะพลิกคดีนี้ในเวลามินานนั้นเป็นไปมิได้! มิได้หมายความว่าข้าจะมิยินดีช่วยหลิงเสียงกังพลิกคดี!”“อาอวี๋ เรายังมีพื้นที่ให้จัดการเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “จนถึงตอนนี้เงินทหารสองล้านตำลึงนั้นก็ยังมิปราก
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะสิ้นสุดลงไปกับการโกนหัวของนางซุนแล้ว!นางซุนใช้วิธีเด็ดขาดนี้มาตัดการแต่งงานครึ่งชีวิตของตนกับหลิงเสียงกังแล้วทิ้งหลิงหว่านกับหลิงเสียงกังไว้และสุดท้ายนางก็มิอาจต้านทานการเกลี้ยกล่อมของหลิงหว่านได้ จึงเลือกที่จะเป็นแม่ชีอยู่ที่อารามเล็ก ๆ ซึ่งห่างจากเมืองหลวงไปห้าสิบลี้‘พิธีศพ’ ของนางซุน หลิงอวี๋ก็ออกจากวังมาร่วมงานด้วยในฐานะหลานสาวสำหรับการช่วยครั้งสุดท้ายของนางซุนที่มีต่อหลิงเสียงกังกับหลิงหว่าน ทำให้ความโกรธที่หลิงอวี๋มีต่อนางหายไปสำหรับนางซุน บทสรุปเช่นนี้ก็นับว่าสบายใจเช่นกันแต่สำหรับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ หลิงเสียงกังกับหลิงหว่านล้วนมีเส้นทางยาวไกลที่ตนต้องเดินไป...หลิงเสียงกังสามารถลงมาเดินได้แล้ว จึงมาร่วมงานศพนางซุนโดยมีหลิงหว่านประคองมาหลังจากงานศพเสร็จสิ้น เขาก็คุกเข่าให้หลิงอวี๋“ฮองเฮา เรื่องต่าง ๆ ก่อนหน้านี้เป็นหลิงเสียงกังเองที่ผิด กระหม่อมเป็นหนี้นางซุนและทุกคน!”“กระหม่อมสมควรตาย แต่กระหม่อมตายมิได้ กระหม่อมต้องแสวงหาความยุติธรรมเพื่อชื่อเสียงของตนและแสวงหาความยุติธรรมให้แก่เหล่าทหารที่ติดตามกระหม่อมและต้องตายไปอย่างอยุติธรรม!”หล
มิเพียงแต่หลิงอวี๋ที่กลุ้ม ท่านอดีตเสนาบดีเองก็โกรธมาก หลิงเสียงกังยังมิทันจะเดินลงพื้นได้ ท่านอดีตเสนาบดีก็ได้ยินเขาบอกว่าจะตามนางซุนไปที่บ้านเกิด จึงพุ่งเข้าไปด่าหลิงเสียงกังที่เตียงผู้ป่วย“หลิงเสียงกัง นางซุนทำเรื่องเลวร้ายเอง นางรนหาที่ตายข้าก็ปล่อยนางไปแล้ว แต่เหตุใดเจ้าต้องตามนางไปด้วย?”“ข้าดูแลเจ้ามา ลำบากลำบนสอนสั่งเจ้ามา มิใช่เพื่อให้เจ้าทำให้เสียเปล่าเองเช่นนี้!”หลิงเสียงกังมองท่านอดีตเสนาบดีที่แก่ลงไปมากอย่างขมขื่น พลางเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษขอรับท่านพ่อ ลูกทำให้ท่านผิดหวัง!”“อย่ามาพูดไร้สาระกับข้า เจ้ามันอกตัญญูมิรู้คุณ...”ท่านอดีตเสนาบดีเอ่ยอย่างปวดใจ “เจ้าอายุยังน้อย วรยุทธ์ในกายยังสามารถทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้ เจ้าไปเช่นนี้จะมิใช่การชดใช้ แต่เป็นการหลบหนี!”“ตอนนั้นเหตุใดเจ้าถึงถูกถอดออกจากตำแหน่ง? ก่อนหน้ามิสามารถพูดให้ชัดเจนได้ ตอนนี้หลิงอวี๋ก็เป็นฮองเฮาแล้ว ขอเพียงเจ้าอยากพลิกคดี นางจะมิช่วยเหลือเจ้าหรือ?”“ตระกูลหลิงของเรามิเคยเกิดเรื่องเช่นนี้ เจ้ามิคิดเพื่อตัวเจ้าเอง เจ้าก็ต้องนึกถึงฮองเฮากับหลิงเสี่ยงบ้าง!”หลิงหว่านยืนอยู่ข้างเตียงเงียบ ๆ นางมิ
นางซุนแขวนคอตาย!วันรุ่งขึ้นข่าวนี้ก็ไปถึงหูของหลิงอวี๋ หลิงซวนยิ้มขมขื่นพลางเอ่ยกับหลิงอวี๋ “ข้างนอกพูดกันว่านางซุนทำเรื่องแย่ ๆ ไว้ มิสามารถสู้หน้าครอบครัวและฮองเฮาได้จึงยอมตายชดใช้ความผิดเพคะ!”“แต่ความจริงคือหลิงหว่านไปพบทันเวลาจึงช่วยนางซุนลงมาแล้ว!”“ท่านอดีตเสนาบดีให้คนมาส่งข่าวบอกให้ฮองเฮาถือเสียว่านางตายไปแล้วเถิด! หลิงเสียงกังก็ฟื้นแล้วบอกว่าตนทำให้นางเดือดร้อนจึงขอร้องแทนนาง บอกว่าครอบครัวของพวกเขาจะไปจากเมืองหลวง นับแต่นี้ไปจะมิปรากฏตัวที่เมืองหลวงอีกเพคะ”หลิงอวี๋ฟังแล้วก็ทอดถอนใจ เพราะว่านางซุนมีบุญคุณต่อตน นางเองก็มิได้มีความคิดว่าจะต้องสังหารเสียให้หมดนางซุนจะฆ่าตัวตายเพราะอยากจะหลีกหนีการใส่โซ่ตรวนเดินตามถนน หลิงอวี๋เองก็มิอยากเห็นนางซุนทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน เช่นนั้นก็เอาตามนี้เถิด!“ความทรงจำของหลิงเสียงกังกลับมาแล้วหรือไม่?”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง แม้ว่าจะเอาก้อนเลือดออกมาสำเร็จแล้ว นางก็มิอาจรับประกันว่าประสาทของหลิงเสียงกังจะมิได้รับความเสียหาย“เห็นว่าจำได้มากแล้วเพคะ แต่ลืมรายละเอียดต่าง ๆ ไปแล้ว! อย่างน้อยเขาก็จำหลิงหว่านกั
หลิงหว่านกลั้นน้ำตาที่กำลังจะร่วงหล่นลงมาแล้วรีบเอ่ย “ขอบคุณท่านพี่เผยที่ช่วยข้ากับท่านพ่อ! แล้วก็ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าเผยที่ให้เกียรติข้าก่อนหน้านี้...”“เป็นข้าเองที่มิคู่ควรกับท่านพี่เผย ขอให้ในภายภาคหน้าท่านพี่เผยได้พบกับภรรยาที่ดีและมีคุณธรรมยิ่งกว่าข้า ข้าขอให้พวกท่านมีความสุข!”หลังจากพูดจบ หลิงหว่านก็หันหลังวิ่งเข้าบ้านไปเผยอวี้ตามนางไปแล้วรั้งนางไว้ จากนั้นก็กอดนางไว้ในอ้อมแขน“หว่านเอ๋อร์ นี่มิใช่ความผิดของเจ้า ข้าจะมิยอมถอนหมั้น!”“ข้าคิดแล้ว… การแต่งงานของเราเป็นการประทานจากองค์จักรพรรดิ มีพระราชโองการลงมาแล้ว ขอเพียงองค์จักรพรรดิมิเห็นด้วย ท่านพ่อกับท่านย่าของข้าก็มิอาจคัดค้านได้!”เผยอวี้ยิ่งพูดก็ยิ่งลนลาน “เจ้าเป็นภรรยาที่ดีและมีคุณธรรมที่สุด ข้ามิต้องการผู้อื่น หากต้องแต่งงานข้าก็จะแต่งกับเจ้าเท่านั้น!”“ท่านพี่เผย!”หลิงหว่านมิอาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกแล้ว จึงปล่อยให้น้ำใสไหลรินลงมาเป็นไปได้หรือ?นางยังแต่งงานกับเผยอวี้ได้หรือ?ท่านแม่ของนางทำเรื่องแย่กับพี่หญิงหลิงหลิงมากถึงเพียงนั้น องค์จักรพรรดิจะยังอนุญาตให้เผยอวี้แต่งงานกับตนหรือ?“เจ้าดูแลท่านพ่อของเจ้าอ
งานเลี้ยงท้องถนนจบลงแล้วใต้เท้าเถี่ยลงโทษพวกคนที่ด่าที่ชาวบ้านจับออกมาต่อหน้าทุกคน และใส่โซ่ตรวนให้เดินไปตามถนน ทุกคนถูกตัดสินให้ใช้แรงงานห้าปีเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่นนางซุนเองก็ถูกระบุชื่อด้วย นางจึงก้าวมาข้างหน้าอย่างเศร้าใจแล้วคุกเข่าลงเล่าเรื่องทั้งหมดที่ตนถูกหนานฮุ่ยข่มขู่ออกมาสุดท้ายนางซุนก็ร้องไห้พลางเอ่ย “คำพูดเหล่านั้นที่ข้าพูดที่ราชสำนักล้วนเป็นการใส่ร้ายฮองเฮา ฮองเฮามิเคยแย่งชิงทรัพย์สินของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน ข้าพูดโกหกเอง!”“ข้าทำผิด มิกล้าขอให้ฮองเฮาประทานอภัย ขอเพียงให้ฮองเฮาอนุญาตให้ข้าได้รอให้สามีฟื้นขึ้นมาและได้พูดกับเขามิกี่คำ แล้วข้าจะยอมตายชดใช้ความผิด!”ใต้เท้าเถี่ยประกาศออกไปอย่างเที่ยงตรง “นางซุนใส่ร้ายฮองเฮา มีความผิดโทษฐานทำลายชื่อเสียงของฮองเฮา ดังนั้นจึงต้องลงโทษไปตามความผิด!”“เห็นแก่ที่ถูกคนบีบบังคับ มีเหตุผลยอมรับได้ ได้รับการละเว้นจากโทษประหาร ให้ใส่โซ่ตรวนเดินไปตามถนนและรับโทษใช้แรงงานห้าปี!”บัณฑิตเหล่านั้นต่างก็ชื่นชมกับคำตัดสินของใต้เท้าเถี่ย เดิมทีทุกคนคิดว่าครานี้นางซุนจะต้องตายแน่นอนแล้วนางใส่ร้ายฮองเฮาผู้เป็นที่เคารพ แม้ว่าจะถูก
หลิงหว่านมาถึงหลังจากที่หลิงอวี๋เข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว ระหว่างทางนางได้ยินพวกหลู่ชิ่งพูดเรื่องที่นางซุนทำต่อหลิงอวี๋หลิงหว่านมิรู้ว่าจะเผชิญหน้ากับท่านแม่อย่างไร ดังนั้นแม้ว่าจะอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว นางก็มิได้เข้าไปพบหน้านางซุนนางซุนเป็นมารดาของตน นางเป็นห่วงเรื่องความเป็นความตายของตนกับหลิงเสียงกังจึงถูกคนบีบให้ทำเรื่องที่เลอะเทอะเหล่านี้แต่หลิงอวี๋เป็นลูกพี่ลูกน้องของตน ปกติแล้วก็ปฏิบัติต่อครอบครัวของตนอย่างดี!หลิงหว่านยอมตายแต่มิคิดจะทำร้ายหลิงอวี๋จะหน้ามือหรือหลังมือก็เนื้อเช่นกันตัดตรงไหนก็เจ็บปวด หลิงหว่านมิอาจพูดได้ว่าท่านแม่ผิด แต่ก็มิอาจยอมรับได้เช่นกันว่าท่านแม่ถูก!“ฮองเฮา หลิงเสียงกังมิเป็นไรใช่หรือไม่?”ท่านอดีตเสนาบดีเองก็เข้ามาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเช่นกันแม้ว่าท่านอดีตเสนาบดีจะเป็นห่วงความเป็นความตายของลูกชายตน แต่เขาเป็นห่วงชื่อเสียงของหลิงอวี๋ยิ่งกว่า ครอบครัวของตนต่างหากที่ทำผิดต่อหลิงอวี๋เขามิสามารถให้หลิงเสียงกังทำให้หลิงอวี๋เดือดร้อนได้อีก“ท่านปู่ ข้าลงมือเอง ท่านยังมิวางใจหรือ?”หลิงอวี๋เห็นความเป็นห่วงในแววตาของท่านอดีตเสนาบดีก็ยิ้มอย่างมั่นใจพลาง
เหล่าราษฎรและบัณฑิตเปลี่ยนจากความโกรธที่มีต่อหลิงอวี๋เมื่อครู่กลายเป็นความเป็นห่วงแล้วเนื่องจากสิ่งนี้เป็นการผ่าตัดที่มิเคยได้ยินได้เห็นมาก่อน แม้ว่าหลิงอวี๋จะมีทักษะการแพทย์ยอดเยี่ยมก็มิสามารถรับประกันได้ว่าจะมิเกิดความผิดพลาดฮองเฮาที่นึกถึงราษฎรเช่นนี้ มิควรถูกคนหักล้างความดีความชอบไปเพราะการทำผิดพลาดเพียงครั้งเดียว!สายตาของทุกคนล้วนมองไปทางทางห้องผ่าตัดที่กั้นผ้าม่านไว้อย่างเป็นห่วง เสียงความวุ่นวายในสถานที่แห่งนี้ก็ค่อย ๆ เงียบไปคนที่เป็นห่วงหลิงอวี๋ต่างก็กังวลกับหลิงอวี๋ ส่วนคนที่ด่าถูกปรามไว้นานแล้วจึงไม่มีโอกาสได้แสดงออกยามนี้เมื่อเห็นว่ามีโอกาสแล้วจึงแย่งกันตะโกนขึ้นมา“ฮองเฮา ท่านทำการรักษาจนหลิงเสียงกังตายแล้วใช่หรือไม่ รักษาเขาตายแล้วท่านก็ออกมาบอกทุกคนเถิด! มีคนมากมายที่รอฟังผลอยู่!”“ท่านอดีตเสนาบดี ท่านมิควรเชื่อฮองเฮา ใต้หล้านี้มีที่ไหนที่เปิดกะโหลกแล้วยังมีชีวิตอยู่ได้อีก ท่านถูกนางหลอกแล้ว ท่านทำให้ลูกชายตายด้วยน้ำมือของท่านเองแล้ว!”“ฝ่าบาท พระองค์จะทรงให้พวกเรารออย่างมิสิ้นสุดเช่นนี้มิได้พ่ะย่ะค่ะ รีบรับสั่งให้หลิงอวี๋ออกมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”นางซุนทำอะไรมิ
ผู้นำคนหนึ่งและชาวบ้านของหลายหมู่บ้านพากันคุกเข่าลงอย่างล้นหลาม“ฝ่าบาททรงนึกถึงราษฎรและนำพาความร่ำรวยมาสู่พวกเราเช่นนี้ พวกเราจะให้ความร่วมมือกับฝ่าบาท จะเลี้ยงวัวนมอย่างดี ทำให้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมพัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นไปพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาทโปรดวางประทัย กระหม่อมเสี่ยวเฮยจะเลี้ยงวัวนมให้ขาวสะอาดและแข็งแรง ในทุกวันจะรีดนมวัวให้ได้มาก ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”ชาวบ้านแต่ละคนแย่งกันแสดงออกถึงความภักดีและความมุ่งมั่นต่อเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็ยิ้มให้ชาวบ้านเหล่านั้นอย่างเมตตาพลางเอ่ย “ผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้ล้วนเป็นฮองเฮาที่คิดขึ้นมา พวกเรามิอาจทำให้เจตนาของฮองเฮาต้องผิดหวังได้! พวกเราต้องพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมของผลิตภัณฑ์วัวนมให้ดี ทำให้แคว้นฉินตะวันตกร่ำรวยและราษฎรแข็งแกร่ง!”“อีกอย่างผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้มิเพียงแต่ทำให้อิ่มท้องแต่ยังทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วย คนชรากินเข้าไปกระดูกก็จะดี เด็ก ๆ กินแล้วก็แข็งแรงและเติบโตขึ้น...”“ฉินตะวันตกของเราต้องเลี้ยงวัวนมให้มาก ให้ราษฎรของฉินตะวันตกสามารถดื่มนมได้วันละถ้วย เมื่อร่างกายแข็งแรง ก็จะสร้างฉินตะวันตกที่แข็งแกร่งได้!”คำพูดขอ