หลิงอวี๋ทำเป็นไม่เห็นท่าทีลนลานของแม่ทัพเฉิน พลางปั่นเข็มเงินแผ่วเบาอย่างจดจ่อ“ฮูหยินใหญ่ เจ็บหรือไม่?”ฮูหยินใหญ่รู้สึกถึงความอุ่นและสบายที่ลอยมาตามคลื่นจากจุดที่เข็มเงินวางอยู่นางรู้สึกกลับไปมีกำลังอีกครา และกลับพบว่าความเจ็บปวดจนปรารถนาสิ้นใจช่วงเวลานี้ล้วนหายไปอย่างประหลาด“ไม่เจ็บแล้ว!”พอฮูหยินใหญ่เอ่ยจบ หลิงอวี๋พลันดึงเข็มเงินสามเล่มออกพลางใช้แอลกอฮอล์เช็ดให้สะอาด เก็บในกล่องยาของตัวเอง“มาเถิด ข้าจักประคองท่านลุก!”หลิงอวี๋เก็บกล่องยาเรียบร้อยแล้ว ประคองฮูหยินใหญ่ลุกอย่างระวังแม่ทัพเฉินกับเฉินเจียวต่างตะลึงอ้าปากตาค้างอีกหนระยะนี้เพียงเห็นฮูหยินใหญ่แขนขาขดตัวไร้วิธียืดตรงมาตลอด ไม่คาดคิดว่าเหยียดขาลงล่างเตียงได้แล้วหลิงอวี๋ก้มกายนั่งยอง ๆ พลางสวมรองเท้าให้ฮูหยินใหญ่ฮูหยินใหญ่ย่างก้าวแรกด้วยตัวโงนเงน ก้าวสอง…หลิงอวี๋ปล่อยมือ ฮูหยินใหญ่ออกก้าวสาม ต่อก้าวสี่“อ๊ะ… ข้าเดินได้แล้ว!”ฮูหยินใหญ่ยืดเอวตรง เดินไปเดินมาในห้อง ร้องเรียกขึ้นราวกับเด็กน้อยดีอกใจดีใจ“ลูกแม่ ข้าเดินได้แล้ว! ไม่เจ็บเลยสักนิดเดียว!”“เจียวเจียว ข้าหิวนัก ข้าอยากกินข้าว!”ครั้นตาเห็นเป็น
หลิงอวี๋ได้ฟังก็ขมวดคิ้ว หลิงเยวี่ยเป็นเด็กที่ทั้งรู้ความทั้งว่านอนสอนง่าย นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!เหตุใดเซียวหลินเทียนถึงจะทำโทษให้เขาคุกเข่า?“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”หลิงอวี๋เอ่ยถาม“เฮยจื่อน่ะสิเจ้าคะยั่วให้เกิดเรื่อง!”หลิงซินบอกอย่างโมโห “ช่วงก่อนหน้านี้เขาซี่โครงหัก ต้องรักษาตัวอยู่ในเรือน! แต่สองวันมานี้ดีขึ้นแล้ว วิ่งได้กระโดดได้ ก็ออกมาเที่ยวเล่น!”“บ่าวกับแม่นมลี่กำลังทำความสะอาดเรือนอยู่ เยวี่ยเยวี่ยก็เอาขนมที่คุณหนูให้เขาเมื่อวานไปให้ลุงปี้กินเจ้าค่ะ”“ผลก็คือระหว่างทางถูกเฮยจื่อขวางไว้ เฮยจื่อจะเอาขนมของเยวี่ยเยวี่ยแล้วเยวี่ยเยวี่ยไม่ให้ เฮยจื่อเลยวิ่งตามเยวี่ยเยวี่ยเจ้าค่ะ”“ไม่รู้ว่ามันเป็นเยี่ยงไร ทั้งสองวิ่งไปจนถึงริมสระน้ำ จากนั้นเฮยจื่อก็ลื่นล้มตกน้ำไปเจ้าค่ะ!”หลิงซินเอ่ยอย่างคับข้องใจ “นางรับใช้ช่วยเหลือเฮยจื่อขึ้นมาไว้ได้ แล้วก็วิ่งไปกราบทูลท่านอ๋อง ท่านอ๋องจึงโกรธแล้วก็ให้เยวี่ยเยวี่ยขอโทษเฮยจื่อเจ้าค่ะ”“เยวี่ยเยวี่ยไม่ยอม ท่านอ๋องก็ให้คนพาตัวเขาไปคุกเข่าอยู่ด้านนอกเรือนริมวารี บอกว่าเยวี่ยเยวี่ยขอโทษเมื่อใดก็จะสามารถลุกขึ้นได้เมื่อนั้น!”หลิงอวี๋ได้
หลิงเยวี่ยหันหนีไปอีกครั้ง เฮยจื่อก็คอยตามไม่ยอมปล่อย“เสี่ยวเมา เจ้าไม่เคยได้กินขนมที่อร่อยเช่นนี้มาก่อนเลยใช่หรือไม่! ข้าจะกินให้เจ้าดู มันหวานมากจริง ๆ!”ขณะที่เฮยจื่อกำลังจะยัดเข้าปากตนเอง กลับถือไม่ดีตกลงไปที่พื้นเขามองขนมที่พื้นแล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กลอกตา แล้วเอ่ยกับหลิงเยวี่ย“ขนมนี่ข้าให้เจ้าแล้วกัน! เจ้าคลานไปกินที่พื้นเอาสิ!”หลิงอวี๋ที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ มาตลอด ตอนที่ช่วยเฮยจื่อวันนั้นเฮยจื่อกำลังสลบอยู่ จิตใจที่คิดแต่จะช่วยเหลือคนของนางก็ไม่ได้พิจารณาอะไรอย่างถี่ถ้วนวันนี้เฮยจื่อกระโดดโลดเต้นไปมาเช่นนี้ หลิงอวี๋จึงเห็นเขาได้ชัดเจนเฮยจื่อเพิ่งจะอายุประมาณหกขวบเท่านั้น มีคิ้วหนาและตาโต ไม่รู้ว่าเป็นเพราะในช่วงนี้เขารักษาตัวแล้วได้กินอะไรดี ๆ เกินไปหรือเปล่า เขาดูแข็งแรงมากโคมไฟที่หน้าประตูส่องไปที่เขา ใบหน้าของเขาแดงก่ำ การแต่งตัวก็เหมือนกับลูกของตระกูลร่ำรวยในเมืองหลิงอวี๋เห็นเฮยจื่อถือขนมยั่วให้หลิงเยวี่ยเห่าแบบสุนัขก็ขมวดคิ้วกระทั่งตอนที่เห็นว่าเฮยจื่อให้หลิงเยวี่ยเลียนแบบสุนัขแล้วคลานไปกินขนมที่ตกพื้นความโกรธของหลิงอวี๋ก็ปะทุขึ้นมาอย่างไม่สามารถ
ลู่หนานไม่รู้ว่าหลิงอวี๋จะทำอะไร แต่ก็พาเฮยจื่อลงไปเฮยจื่อเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร จึงมองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างขอความช่วยเหลือเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่พาหลิงเยวี่ยไปตรงที่ที่นางยืนอยู่อย่างครุ่นคิด“เฮยจื่อ เจ้าถูกเยวี่ยเยวี่ยผลักตกลงไปจากตรงนี้ใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างเย็นชาเฮยจื่อมองไปทางเฉี่ยวชุนนางรับใช้ของตนเองอย่างขอความช่วยเหลือ เฉี่ยวชุนพยักหน้าเบา ๆ“ใช่! เสี่ยวเมาผลักข้าลงไปจากตรงนี้!”เฮยจื่อเอ่ยเสียงดังทันที“ยืนอยู่นิ่ง ๆ นะ!”หลิงอวี๋ยิ้มเย็นชา พลางเอ่ย “เยวี่ยเยวี่ย เจ้าขึ้นไปผลักเขาลงนี้ มีแรงเท่าไหร่ก็ผลักให้เต็มแรง!”หลิงเยวี่ยขึ้นไปอย่างเชื่อฟัง แล้วผลักเฮยจื่ออย่างรุนแรง เฮยจื่อเซ แต่เท้ากลับไม่ขยับเลย“ทำต่อ! เยวี่ยเยวี่ย เจ้าไม่ได้กินข้าวก็ใช่ว่าจะไม่มีแรงนี่! ออกแรงผลักอีก!”หลิงเยวี่ยผลักไปอีกสองสามครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เฮยจื่อตกน้ำได้เขาเอ่ยอย่างท้อแท้ “ท่านแม่ ข้าผลักไม่ไป ข้าพยายามแล้วขอรับ!”หลิงเยวี่ยไม่ต้องพูด เซียวหลินเทียนกับทุกคนก็ต่างเห็นว่าหลิงเยวี่ยพยายามออกแรงเต็มที่แล้ว ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นแดงก่ำไปหมด แต่ก็ไม่สาม
หลังจากกลับมาที่เรือนบุหงาแม่นมลี่ก็ทำอาหารให้หลิงเยวี่ย หลิงเยวี่ยจึงเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ “แม่นมเหนื่อยแย่เลยนะขอรับ”“เด็กคนนี้ช่างรู้ความจริง ๆ! พูดจาอย่างกับผู้ใหญ่!”แม่นมลี่หันหลังกลับไปพลันน้ำตารื้นหลิงอวี๋เองก็น้ำตารื้นเช่นกัน นางรู้สึกขอบคุณแม่นมลี่กับปี้ไห่เฟิงเป็นที่สุดหากไม่มีการสั่งสอนของทั้งสองคนนี้ เด็กอย่างหลิงเยวี่ยจะมีนิสัยรู้ความเช่นนี้ได้เยี่ยงไร!นึกถึงคำพูดที่หลิงเยวี่ยพูดกับเซียวหลินเทียนต่อหน้าทุกคน ‘กระหม่อมรับคำขอโทษจากท่าน แต่กระหม่อมไม่อยากให้อภัยท่าน!’ในตอนนั้นนางกับพวกของเซียวหลินเทียนต่างเป็นเหมือนกัน ที่ตะลึงกับคำพูดของหลิงเยวี่ยใช่เลย ขอโทษหลังจากเรื่องราวทั้งหมดมันจะมีประโยชน์อันใดเล่า?หากฆ่าคนโดยไม่เจตนาไปแล้ว จะสามารถทำให้คนที่ถูกฆ่าไปมีชีวิตกลับมาได้อีกหรือ?เจ้าขอโทษ แล้วข้าจำเป็นต้องให้อภัยหรือ?ไม่ใช่ความผิดทุกอย่างจะสามารถใช้คำว่าขอโทษมาทำให้ยิ้มให้กันได้โดยหักล้างความโกรธแค้นกันไปได้!หลิงเยวี่ยอายุน้อย ทั้งยังมีจิตใจที่เคารพตนเองแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น แต่ถูกให้คุกเข่าอยู่ที่เรือนนั้นตั้งมากกว่าสองชั่วยาม!แค่คำว่าขอโทษจะสามารถ
หลิงอวี๋มองไปทางชิวเหวินซวงที่ยืนอยู่ด้านข้าง นางรับใช้และแม่นมในเรือนต่างเชื่อฟังนาง เฮยจื่อหายตัวไปครั้งนี้ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับชิวเหวินซวงด้วย“เซียวหลินเทียน ข้าบอกว่าข้าไม่รู้ว่าเฮยจื่ออยู่ที่ใด เจ้าเชื่อหรือไม่?” หลิงอวี๋เอ่ยถาม“พระชายา พระชายาบอกที่อยู่ของเฮยจื่อของพวกเรามาเถิด! เขายังเด็ก ทำผิดพลั้งไปเราก็ค่อย ๆ สอนเขาก็ได้! พระชายาให้โอกาสเขาสักครั้งเถิด!”ชิวเหวินซวงเอ่ยเตือน ‘ด้วยความหวังดี’หลิงอวี๋รำคาญแม่นางดอกบัวขาวที่ช่างยุแยงให้คนแตกคอกันนี่เหลือเกิน เสแสร้งทำเป็นคนดีนัก!“เซียวหลินเทียน ข้าไม่ได้เอาตัวเฮยจื่อไป ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาอยู่ที่ใด! ข้าคงปล่อยตัวเขามิได้หรอก!”หลิงอวี๋คร้านจะสนใจชิวเหวินซวง พลางเอ่ยไปตรง ๆ “หากเจ้าเชื่อก็เชื่อ หากไม่เชื่อก็ช่าง! ตีข้าให้ตาย ข้าก็พูดเช่นเดิม!”เซียวหลินเทียนจ้องมองหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เองก็จ้องเขาตอบอย่างไม่ยอมอ่อนข้อหลิงอวี๋ยิ้มเย็นชาพลางเอ่ย “เจ้าไปสืบหาดูก็ได้ หากยืนยันว่าข้าเป็นคนลักพาตัวเฮยจื่อไปจริง ๆ ข้าจะยอมทำตามที่เจ้าต้องการ!”เซียวหลินเทียนกับนางต่างไม่มีใครยอมใครอยู่เป็นเวลานาน เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋ยั
คนของจ้าวซวนเรียกนางรับใช้และแม่นมทั้งหมดในเรือนของเฮยจื่อไปสอบปากคำอีกครั้งนางรับใช้และแม่นมทุกคนยืนกรานในคำให้การก่อนหน้านี้ บอกว่านอกจากหลิงอวี๋กับหลิงเยวี่ยแล้ว ก็ไม่มีใครอื่นไปที่เรือนของเฮยจื่ออีก เฉี่ยวเหลียนถูกถามก็ร้อนใจพลางเอ่ยอย่างคับข้องใจ “พี่จ้าว พวกเราไม่รู้จริง ๆ ว่าเหตุใดเฮยจื่อจึงหายตัวไป!”“พระชายาอยู่ในห้องนั้นนานมาก แม้ว่านางจะไม่ได้เป็นคนพาเฮยจื่อไป นางก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นแน่!”“จะต้องเป็นนางที่ดุด่าเฮยจื่อ ทำให้เฮยจื่อทนไม่ไหวถึงได้แอบหนีไป! ขอเพียงหาตัวเฮยจื่อเจอ ก็จะสามารถยืนยันได้ว่าเป็นความผิดของพระชายาหรือไม่!”จ้าวซวนเห็นว่าถามแล้วไม่ได้ผลอะไร จึงทำได้เพียงให้พวกนางกลับกันไปก่อนคนในตำหนักอ๋องอี้ล้วนถูกซักถามกันหมดแล้ว เบาะแสเดียวที่ได้คือเบาะแสที่ปี้ไห่เฟิงเป็นคนบอกปี้ไห่เฟิงบอกว่า ตอนที่เขาให้อาหารม้าเขาเห็นเฮยจื่อมาที่คอกม้า แต่พอเขาหอบหญ้ากลับมาก็ไม่เจอเฮยจื่อแล้วตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจ คิดว่าเฮยจื่อแค่มาเดินเล่นรอบ ๆข้อมูลทั้งหมดรวบรวมไว้ที่ห้องตำราของเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนร้อนใจขึ้นมาทันทีคำบอกเล่าของปี้ไห่เฟิงเป็นการยืนยันไ
หลิงซินถูกหลิงอวี๋ตะคอกจนไม่กล้าร้องไห้แล้ว นางเช็ดน้ำตาพลางเอ่ย“บ่าวกับแม่นมลี่พาเยวี่ยเยวี่ยออกไปจ่ายตลาด พอซื้อของครบแล้ว แม่นมลี่ก็ลื่นล้มไปเจ้าค่ะ!”“บ่าวก็เลยพยุงแม่นมลี่ขึ้น แต่พอหันกลับไป เยวี่ยเยวี่ยก็หายไปแล้ว!”หลิงซินพูดถึงตรงนี้ น้ำตาแห่งความหวาดกลัวก็ร่วงลงมาอย่างอดไม่ได้“บ่าวกับแม่นมลี่ต่างก็ตกใจ พากันตามหาทั่วทุกที่ แต่ก็ไม่พบเลยเจ้าค่ะ! แม่นมก็ยังตามหาอยู่ที่ตลาดอยู่เลย บ่าวนึกขึ้นได้ว่าเยวี่ยเยวี่ยอาจจะมาที่โรงเหยียนหลิง ก็เลยวิ่งมาหา...”หลิงอวี๋หลับตาลง หายใจเข้าลึก ๆ แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมกับสงบสติได้แล้ว“เสี่ยวหาว เจ้ารีบหาคนสักสองสามคน ไปช่วยข้าหาที่ตลาด แล้วก็หาคนไปถามที่ตำหนักอ๋องอี้ว่าเยวี่ยเยวี่งกลับตำหนักแล้วหรือยัง! หากยังไม่กลับให้หาตามเส้นทางไปตำหนักอ๋องอี้!”เกิ่งเสี่ยวหาวเคยเจอเยวี่ยเยวี่ยและชอบเด็กฉลาดคนนั้นมาก ทันทีที่ได้ยินจึงเอ่ยขึ้นมา“ท่านพี่ ท่านวางใจได้ ข้าจะส่งคนไปช่วยพี่หา!”“อืม ได้ข่าวแล้วก็บอกข้า!”หลิงอวี๋ดึงหลิงซินขึ้น ไปบอกลาหมอเลี่ยวแล้วจึงเดินออกไปหมอเลี่ยวได้ยินจากบทสนทนาของทั้งสามคนแล้วนึกขึ้นได้ว่าชื่อของหลิงอวี๋ค