ลู่หนานไม่รู้ว่าหลิงอวี๋จะทำอะไร แต่ก็พาเฮยจื่อลงไปเฮยจื่อเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร จึงมองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างขอความช่วยเหลือเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่พาหลิงเยวี่ยไปตรงที่ที่นางยืนอยู่อย่างครุ่นคิด“เฮยจื่อ เจ้าถูกเยวี่ยเยวี่ยผลักตกลงไปจากตรงนี้ใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างเย็นชาเฮยจื่อมองไปทางเฉี่ยวชุนนางรับใช้ของตนเองอย่างขอความช่วยเหลือ เฉี่ยวชุนพยักหน้าเบา ๆ“ใช่! เสี่ยวเมาผลักข้าลงไปจากตรงนี้!”เฮยจื่อเอ่ยเสียงดังทันที“ยืนอยู่นิ่ง ๆ นะ!”หลิงอวี๋ยิ้มเย็นชา พลางเอ่ย “เยวี่ยเยวี่ย เจ้าขึ้นไปผลักเขาลงนี้ มีแรงเท่าไหร่ก็ผลักให้เต็มแรง!”หลิงเยวี่ยขึ้นไปอย่างเชื่อฟัง แล้วผลักเฮยจื่ออย่างรุนแรง เฮยจื่อเซ แต่เท้ากลับไม่ขยับเลย“ทำต่อ! เยวี่ยเยวี่ย เจ้าไม่ได้กินข้าวก็ใช่ว่าจะไม่มีแรงนี่! ออกแรงผลักอีก!”หลิงเยวี่ยผลักไปอีกสองสามครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เฮยจื่อตกน้ำได้เขาเอ่ยอย่างท้อแท้ “ท่านแม่ ข้าผลักไม่ไป ข้าพยายามแล้วขอรับ!”หลิงเยวี่ยไม่ต้องพูด เซียวหลินเทียนกับทุกคนก็ต่างเห็นว่าหลิงเยวี่ยพยายามออกแรงเต็มที่แล้ว ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นแดงก่ำไปหมด แต่ก็ไม่สาม
หลังจากกลับมาที่เรือนบุหงาแม่นมลี่ก็ทำอาหารให้หลิงเยวี่ย หลิงเยวี่ยจึงเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ “แม่นมเหนื่อยแย่เลยนะขอรับ”“เด็กคนนี้ช่างรู้ความจริง ๆ! พูดจาอย่างกับผู้ใหญ่!”แม่นมลี่หันหลังกลับไปพลันน้ำตารื้นหลิงอวี๋เองก็น้ำตารื้นเช่นกัน นางรู้สึกขอบคุณแม่นมลี่กับปี้ไห่เฟิงเป็นที่สุดหากไม่มีการสั่งสอนของทั้งสองคนนี้ เด็กอย่างหลิงเยวี่ยจะมีนิสัยรู้ความเช่นนี้ได้เยี่ยงไร!นึกถึงคำพูดที่หลิงเยวี่ยพูดกับเซียวหลินเทียนต่อหน้าทุกคน ‘กระหม่อมรับคำขอโทษจากท่าน แต่กระหม่อมไม่อยากให้อภัยท่าน!’ในตอนนั้นนางกับพวกของเซียวหลินเทียนต่างเป็นเหมือนกัน ที่ตะลึงกับคำพูดของหลิงเยวี่ยใช่เลย ขอโทษหลังจากเรื่องราวทั้งหมดมันจะมีประโยชน์อันใดเล่า?หากฆ่าคนโดยไม่เจตนาไปแล้ว จะสามารถทำให้คนที่ถูกฆ่าไปมีชีวิตกลับมาได้อีกหรือ?เจ้าขอโทษ แล้วข้าจำเป็นต้องให้อภัยหรือ?ไม่ใช่ความผิดทุกอย่างจะสามารถใช้คำว่าขอโทษมาทำให้ยิ้มให้กันได้โดยหักล้างความโกรธแค้นกันไปได้!หลิงเยวี่ยอายุน้อย ทั้งยังมีจิตใจที่เคารพตนเองแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น แต่ถูกให้คุกเข่าอยู่ที่เรือนนั้นตั้งมากกว่าสองชั่วยาม!แค่คำว่าขอโทษจะสามารถ
หลิงอวี๋มองไปทางชิวเหวินซวงที่ยืนอยู่ด้านข้าง นางรับใช้และแม่นมในเรือนต่างเชื่อฟังนาง เฮยจื่อหายตัวไปครั้งนี้ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับชิวเหวินซวงด้วย“เซียวหลินเทียน ข้าบอกว่าข้าไม่รู้ว่าเฮยจื่ออยู่ที่ใด เจ้าเชื่อหรือไม่?” หลิงอวี๋เอ่ยถาม“พระชายา พระชายาบอกที่อยู่ของเฮยจื่อของพวกเรามาเถิด! เขายังเด็ก ทำผิดพลั้งไปเราก็ค่อย ๆ สอนเขาก็ได้! พระชายาให้โอกาสเขาสักครั้งเถิด!”ชิวเหวินซวงเอ่ยเตือน ‘ด้วยความหวังดี’หลิงอวี๋รำคาญแม่นางดอกบัวขาวที่ช่างยุแยงให้คนแตกคอกันนี่เหลือเกิน เสแสร้งทำเป็นคนดีนัก!“เซียวหลินเทียน ข้าไม่ได้เอาตัวเฮยจื่อไป ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาอยู่ที่ใด! ข้าคงปล่อยตัวเขามิได้หรอก!”หลิงอวี๋คร้านจะสนใจชิวเหวินซวง พลางเอ่ยไปตรง ๆ “หากเจ้าเชื่อก็เชื่อ หากไม่เชื่อก็ช่าง! ตีข้าให้ตาย ข้าก็พูดเช่นเดิม!”เซียวหลินเทียนจ้องมองหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เองก็จ้องเขาตอบอย่างไม่ยอมอ่อนข้อหลิงอวี๋ยิ้มเย็นชาพลางเอ่ย “เจ้าไปสืบหาดูก็ได้ หากยืนยันว่าข้าเป็นคนลักพาตัวเฮยจื่อไปจริง ๆ ข้าจะยอมทำตามที่เจ้าต้องการ!”เซียวหลินเทียนกับนางต่างไม่มีใครยอมใครอยู่เป็นเวลานาน เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋ยั
คนของจ้าวซวนเรียกนางรับใช้และแม่นมทั้งหมดในเรือนของเฮยจื่อไปสอบปากคำอีกครั้งนางรับใช้และแม่นมทุกคนยืนกรานในคำให้การก่อนหน้านี้ บอกว่านอกจากหลิงอวี๋กับหลิงเยวี่ยแล้ว ก็ไม่มีใครอื่นไปที่เรือนของเฮยจื่ออีก เฉี่ยวเหลียนถูกถามก็ร้อนใจพลางเอ่ยอย่างคับข้องใจ “พี่จ้าว พวกเราไม่รู้จริง ๆ ว่าเหตุใดเฮยจื่อจึงหายตัวไป!”“พระชายาอยู่ในห้องนั้นนานมาก แม้ว่านางจะไม่ได้เป็นคนพาเฮยจื่อไป นางก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นแน่!”“จะต้องเป็นนางที่ดุด่าเฮยจื่อ ทำให้เฮยจื่อทนไม่ไหวถึงได้แอบหนีไป! ขอเพียงหาตัวเฮยจื่อเจอ ก็จะสามารถยืนยันได้ว่าเป็นความผิดของพระชายาหรือไม่!”จ้าวซวนเห็นว่าถามแล้วไม่ได้ผลอะไร จึงทำได้เพียงให้พวกนางกลับกันไปก่อนคนในตำหนักอ๋องอี้ล้วนถูกซักถามกันหมดแล้ว เบาะแสเดียวที่ได้คือเบาะแสที่ปี้ไห่เฟิงเป็นคนบอกปี้ไห่เฟิงบอกว่า ตอนที่เขาให้อาหารม้าเขาเห็นเฮยจื่อมาที่คอกม้า แต่พอเขาหอบหญ้ากลับมาก็ไม่เจอเฮยจื่อแล้วตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจ คิดว่าเฮยจื่อแค่มาเดินเล่นรอบ ๆข้อมูลทั้งหมดรวบรวมไว้ที่ห้องตำราของเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนร้อนใจขึ้นมาทันทีคำบอกเล่าของปี้ไห่เฟิงเป็นการยืนยันไ
หลิงซินถูกหลิงอวี๋ตะคอกจนไม่กล้าร้องไห้แล้ว นางเช็ดน้ำตาพลางเอ่ย“บ่าวกับแม่นมลี่พาเยวี่ยเยวี่ยออกไปจ่ายตลาด พอซื้อของครบแล้ว แม่นมลี่ก็ลื่นล้มไปเจ้าค่ะ!”“บ่าวก็เลยพยุงแม่นมลี่ขึ้น แต่พอหันกลับไป เยวี่ยเยวี่ยก็หายไปแล้ว!”หลิงซินพูดถึงตรงนี้ น้ำตาแห่งความหวาดกลัวก็ร่วงลงมาอย่างอดไม่ได้“บ่าวกับแม่นมลี่ต่างก็ตกใจ พากันตามหาทั่วทุกที่ แต่ก็ไม่พบเลยเจ้าค่ะ! แม่นมก็ยังตามหาอยู่ที่ตลาดอยู่เลย บ่าวนึกขึ้นได้ว่าเยวี่ยเยวี่ยอาจจะมาที่โรงเหยียนหลิง ก็เลยวิ่งมาหา...”หลิงอวี๋หลับตาลง หายใจเข้าลึก ๆ แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมกับสงบสติได้แล้ว“เสี่ยวหาว เจ้ารีบหาคนสักสองสามคน ไปช่วยข้าหาที่ตลาด แล้วก็หาคนไปถามที่ตำหนักอ๋องอี้ว่าเยวี่ยเยวี่งกลับตำหนักแล้วหรือยัง! หากยังไม่กลับให้หาตามเส้นทางไปตำหนักอ๋องอี้!”เกิ่งเสี่ยวหาวเคยเจอเยวี่ยเยวี่ยและชอบเด็กฉลาดคนนั้นมาก ทันทีที่ได้ยินจึงเอ่ยขึ้นมา“ท่านพี่ ท่านวางใจได้ ข้าจะส่งคนไปช่วยพี่หา!”“อืม ได้ข่าวแล้วก็บอกข้า!”หลิงอวี๋ดึงหลิงซินขึ้น ไปบอกลาหมอเลี่ยวแล้วจึงเดินออกไปหมอเลี่ยวได้ยินจากบทสนทนาของทั้งสามคนแล้วนึกขึ้นได้ว่าชื่อของหลิงอวี๋ค
“เพียะ!”หลิงอวี๋ตบนางอย่างแรงอีกครั้งแบบไม่เกรงใจ และเตะเพิ่มอีกครั้งด้วยการเตะครั้งนี้ทำให้นางรับใช้ตกบันไดไปอยู่ตรงหน้าเงินที่นางโยนลงไปพอดี“เจ้านับว่าเป็นสิ่งใดกัน กล้ามาพูดจาเอ็ดตะโรกับข้า! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร?”หลิงอวี๋มองต่ำลงไปอย่างเย่อหยิ่งพลางเอ่ย “เอาเงินไปเสีย ข้าให้รางวัลเจ้า! เอาไปซื้อยาเถิดไป!”“หลิงอวี๋ เจ้ากล้าตบนางรับใช้ของข้าหรือ!?”หลิงเยี่ยนเห็นเข้า ก็โวยวายขึ้นมาอย่างโมโห “ใครก็ได้ จับตัวนางไว้ที วันนี้ข้าจะสั่งสอนนังคนไม่รู้จักอับอายผู้นี้!”นางรับใช้หลายคนกับคนเฝ้าประตูเข้าไปล้อมหลิงอวี๋เอาไว้ หลิงอวี๋ไม่อยากให้ท่านอดีตเสนาบดีคิดว่าตนเองมาก่อเรื่องที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน จึงเจรจาด้วยเหตุผลก่อน“ข้ามีเรื่องด่วนมาหาท่านอดีตเสนาบดีหากพวกเจ้ายังกล้ามาขัดขวางข้าอีก ก็อย่ามาโทษว่าข้าลงไม้ลงมือ!”พวกนางรับใช้หลายคนไม่ฟังคำพูดนาง ต่างเข้ามาจับหลิงอวี๋ไว้คนละไม้คนละมือขณะที่หลิงอวี๋กำลังคิดจะลงมือ ก็มีมือหนึ่งยื่นเข้ามาแล้วดึงนางออกจากวงล้อมของพวกนางรับใช้“เมื่อวันก่อนท่านอดีตเสนาบดีออกจากเมืองหลวงไปฝึกทหารที่นอกเมือง!”เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินดังนั้น จิตใ
หลิงอวี๋คิดไปพลางเอ่ยอย่างทำเหมือนดีใจ "เช่นนั้นก็ดีเลย! เจ้ารีบส่งพวกแม่นมกับนางรับใช้ไปช่วยข้าตามหาสิ! หากเจอเยวี่ยเยวี่ย ข้าจะขอบคุณพวกเจ้ามาก ๆ เลย!"เมื่อได้ยินหลิงอวี๋ใช้งานตนเองอย่างไม่เกรงใจ มุมปากของชิวเหวินซวงก็ยกยิ้มดูถูก แสร้งทำเป็นเอ่ยอย่างลำบากใจ“พระชายา ข้าปากไวเอง! เรื่องที่เฮยจื่อหายตัวไปนั้น ท่านอ๋องโกรธมาก! เขาเพิ่งออกคำสั่งเมื่อเช้านี้ ว่าหากไม่ได้รับอนุญาตจากเขา คนรับใช้ในตำหนักจะไม่สามารถเข้าหรือออกจากตำหนักได้ตามอำเภอใจ!”“หากท่านอ๋องอยู่ที่นี่ ก็ต้องได้รับอนุญาตจากเขาก่อน ข้าจึงจะสามารถช่วยท่านได้!”"แต่ท่านอ๋องไม่อยู่ ข้าก็ไม่สามารถตัดสินใจส่งคนไปกับท่านโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ ข้าต้องขอโทษจริง ๆ!"ปากว่าตาขยิบ!ตอนนี้หลิงอวี๋มั่นใจมากกว่า ชิวเหวินซวงแม่ดอกบัวขาวผู้นี้กำลังหยอกล้อตนเองอยู่!หลิงอวี๋ยิ้มเรียบ ๆ จู่ ๆ ก็พุ่งเข้าไปหาชิวเหวินซวง และกัดฟันเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง“ชิวเหวินซวง เจ้าเป็นคนส่งคนมาจับเยวี่ยเยวี่ยไปใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋พูดพลางมองตาของชิวเหวินซวงไปด้วย เมื่อเห็นแววตาของนางเคร่งเครียดขึ้นโดยไม่รู้ตัวตอนที่เอ่ยถึงการจับตัวไป หัวใจของหลิ
“ตำรับยา?”ตำรับยาอะไร?ดวงตาของชิวเหวินซวงเป็นประกาย นึกถึงที่สองวันมานี้ลู่หนานเทกากยาทิ้ง หรือว่ายานี้ลู่หนานไม่ได้กินเอง แต่เซียวหลินเทียนเป็นคนกิน?ตอนนี้เซียวหลินเทียนเชื่อใจหลิงอวี๋ กระทั่งกล้ากินตำรับยาที่นังคนชั้นต่ำนี่จัดให้แล้วหรือ?มิน่า เฮยจื่อหายตัวไป ท่านอ๋องไม่สงสัยหลิงอวี๋เลย!!ชิวเหวินซวงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย นางประมาทไป ทำให้เซียวหลินเทียนเชื่อใจหลิงอวี๋ไปแล้วโดยไม่รู้ตัว!“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องจะไม่ช่วยตามหาเยวี่ยเยวี่ยจริงหรือเพคะ?”ชิวเหวินซวงเอ่ยอย่างระมัดระวัง "สิ่งที่พระชายาพูดก็มีเหตุผลนะเพคะ ไม่แน่เด็กทั้งสองคนอาจถูกคนพวกเดียวกันลักพาตัวไปก็เป็นได้! ขอเพียงพบคนหนึ่ง ก็จะพบอีกคนเช่นกัน!"เซียวหลินเทียนยังคงอยู่ในอารมณ์โกรธไม่หาย จึงเอ่ยอย่างหงุดหงิด“เจ้าไม่ได้ยินที่นางพูดว่านางจะเสนอรางวัลใหญ่เพื่อตามหารึ? นางมีเงินและมีฉินซานคอยช่วยเหลือ เช่นนั้นก็ไปหาเอาเองแล้วกัน! เหตุใดข้าจะต้องเข้าไปยุ่งด้วย!”ชิวเหวินซวงไม่ยอมแพ้ เอ่ยแนะนำ"ท่านอ๋อง อย่าได้ตรัสอย่างโกรธเคืองเช่นนี้เลยเพคะ! เมื่อครู่หม่อมฉันเพิ่งพบพระชายาที่ประตู แล้วก็นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง!"“วัน
หากหานเหมยเชื่อฟังและอยู่ต่อก็ช่างไป มิฉะนั้นนางจะฆ่าหานเหมยเสีย...หากหาอะไรกินมิได้เลยจริง ๆ หานเหมยก็พอที่จะให้ตนอดทนจนเฉียวเค่อมาตามหาได้!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยหิวมากจนหมดเรี่ยวแรง จนทนมิไหวแล้วจริง ๆ เนื้อมนุษย์นางก็กินได้ขณะที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยกมีดเล็งไปที่คอหานเหมย ก็ได้ยินเสียงของหลิงอวี๋จากข้างนอก “เสี่ยวอวี้ เจ้าออกมาดูสิ พี่ตีกระต่ายมาให้เจ้าตัวหนึ่งนะ!”หานเหมยหลุดพ้นจากการควบคุมของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอย่างมีความสุขแล้วมุดออกไปจ้าวหรุ่ยหรุ่ยออกแรงมากเกินไปจึงล้มลงไปกับพื้น นางรีบซ่อนกริชไว้ก่อนที่จะเดินออกมาหลิงอวี๋มิได้ทิ้งพวกนาง!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพูดมิออกว่าในใจรู้สึกอย่างไร ทั้งมีความสุขและมีความสับสนเล็กน้อยหากเปลี่ยนเป็นตนคงจะใช้โอกาสนี้หลบหนีไปตามลำพังอย่างแน่นอนภูเขาหิมะที่เหน็บหนาวและยาวไปสุดลูกหูลูกตานี้เมื่อไรจึงจะออกไปได้ หนีไปคนเดียวจะมิสะดวกกว่าหรือ?“พี่หญิง เป็นกระต่ายจริง ๆ ด้วย พี่หญิงสุดยอดมาก!”หานเหมยรับกระต่ายที่หลิงอวี๋ส่งมาแล้วกรีดร้องอย่างตื่นเต้นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมองไปที่กระต่าย แล้วคิดถึงสิ่งที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ หากหลิงอวี๋สามารถหาของกินมาได้ ต่อไปต
วัง?บนภูเขาหิมะจะมีวังได้อย่างไร?หลิงอวี๋มองดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนเมื่อครู่บนภูเขายังคงมีหมอกอยู่ จึงมองเห็นฝั่งตรงข้ามมิชัดเจนแต่เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นส่องแสงเหล่ากลุ่มหมอกก็สลายหายไป วังแห่งนั้นจึงปรากฏขึ้นมาหลังคาสูงและกำแพงที่ดูสง่างามนั้นสีขาวราวกับหิมะที่อยู่รอบ ๆ สะท้อนแสงอาทิตย์และส่องแสงระยิบระยับออกมา!มันคือวังจริง ๆ วังน้ำแข็ง!หลิงอวี๋รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เมื่อเห็นวังก็หมายความว่ามีคนอยู่ เช่นนั้นพวกนางก็ไม่มีทางหิวและแข็งตายอยู่บนภูเขาหิมะนี้แล้วหลิงอวี๋รีบสังเกตเส้นทางไปสู่วังน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว ขอเพียงลงจากภูเขาหิมะนี้ แล้วหาเส้นทางภูเขาฝั่งตรงข้ามก็สามารถเข้าถึงวังน้ำแข็งได้แล้วหลิงอวี๋จดจำทิศทางของวังน้ำแข็งแล้วย้อนกลับไปตามทางที่มานางยังคงคิดถึงกระต่ายตัวนั้นอยู่นึกได้ว่าจะไปวังน้ำแข็งจะต้องใช้กำลัง หากมิได้กินอะไรสักหน่อย ก็คงเป็นเรื่องยากที่พวกนางจะไปถึงวังน้ำแข็งแห่งนั้น!หลิงอวี๋มีความหวังขึ้นมาแล้ว นางจึงมองหาร่องรอยของกระต่ายอย่างใจเย็น มิช้าหลิงอวี๋ก็พบมูลสัตว์เมื่อตามทิศทางของมูลไป ในที่สุดหลิงอวี๋ก็พบกระต่ายหิมะสองสามตัวกำลังกินอาหารอยู่ใน
เมื่อนึกถึงเฉียวเค่อ จู่ ๆ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็มีความหวังขึ้นมาอีกครั้งเป้าหมายของเฉียวเค่อในการมาที่ฉินตะวันตกครานี้คือการจับตัวหลิงอวี๋ ตราบใดที่หลิงอวี๋อยู่ในมือของตน เฉียวเค่อจะต้องหาวิธีตามหาพวกนางอย่างแน่นอนเมื่อถึงตอนนั้นก็จะสามารถหนีไปจากสถานที่แย่ ๆ นี้ได้แน่!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย มิรู้ว่าเผลอหลับไปเมื่อใดหลิงอวี๋และหานเหมยกอดกันเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นและค่อย ๆ หลับไปเช่นกันแต่เมื่อถึงกลางดึก ทั้งสามคนต่างก็ถูกความหนาวเย็นปลุกให้ตื่นขึ้นมาอุณหภูมิในภูเขาหิมะลดลงเร็วเกินไป และหิมะที่ลมหนาวพัดมาก็ตกลงมาบนตัวของทั้งสามคน ทำให้ทั้งสามหนาวเหน็บจนร่างจะแข็งจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิสนใจความแค้นของนางกับพวกหลิงอวี๋ เบียดเสียดเข้าไประหว่างทั้งสองนั้นแล้วพยายามให้ทั้งสองคนทำให้ตนอบอุ่นยาวนานกว่าจะถึงรุ่งสาง จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็รู้สึกว่าตนหิวมากจนกินหมูทั้งตัวได้เลย“มิได้ พวกเราจะเดินทางเช่นนี้มิได้ ต้องหาอาหารให้อิ่มท้องแล้วค่อยลงจากภูเขา!”“มิเช่นนั้นพวกเราคงไม่มีแรงเดินลงภูเขาแน่!”อุณหภูมิร่างกายที่ลดลงทำให้พลังงานของทั้งสามคนหมดไป จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเองก็ไม่มีแรงแล้ว แต่ก
หลิงอวี๋เห็นท่าทีของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอ่อนลง อีกทั้งความตั้งใจเดิมก็เป็นความหวังดี จึงปล่อยไม้เท้าแล้วเอ่ยเสียงเรียบ“ขอเพียงเจ้ามิทำร้ายพวกเรา จะอะไรก็คุยง่ายทั้งนั้น ไปเถิด!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยถูกเผยอวี้ยิงที่น่องจนบาดเจ็บ ทั้งยังถูกธนูยิงเข้าที่ท้องน้อยอีกด้วย จึงเดินมิเร็วนักหลิงอวี๋จึงให้หานเหมยประคองนาง ส่วนตนก็สำรวจเส้นทางอยู่ข้างหน้าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยคิดว่าภูเขาหิมะแห่งนี้ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา หลิงอวี๋หนีไปมิพ้น จึงมิกังวลเมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด อุณหภูมิก็ลดลงอย่างรวดเร็วตามที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยบอกไว้ตอนที่ทั้งสามคนอยู่ที่ฉินตะวันตกเป็นวสันตฤดู จึงมิได้สวมเสื้อผ้ามากนัก ไหนเลยจะคิดว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะพาพวกนางมาที่ภูเขาหิมะ พวกนางต่างก็หนาวจนตัวสั่นกันไปหมดหลิงอวี๋รู้สึกเพียงว่าร่างกายของตนเริ่มจะแข็ง และในที่สุดก่อนฟ้ามืดก็พบร่องเขาแห่งหนึ่งที่พอจะให้ทั้งสามคนเข้าไปซ่อนตัวได้ร่องเขาเป็นช่องตรงกลางของก้อนหินหลายก้อน ข้างหน้าไม่มีที่กำบัง ทั้งสามคนจึงเกาะกลุ่มเข้าด้วยกันแล้วพิงกันเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นลมหนาวพัดอย่างรุนแรงอยู่ข้างนอก ทั้งสามคนมิได้เอาของกินใด ๆ มา เดินกันมานานก็หิวโ
ตอนที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยถูกหลิงอวี๋ยิงได้รับบาดเจ็บและตกลงมาจากกิ่งไม้ นางนอนอยู่บนพื้นหญ้า รู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณกำลังสลายไปอย่างรวดเร็ว รู้ว่าหากตกอยู่ในมือหลิงอวี๋ นางต้องหนีมิรอดเป็นแน่ในยามคับขันระหว่างความเป็นความตาย นางหยิบลูกแก้ววิญญาณที่เฉียวเค่อให้มา มิสนใจคำเตือนของเฉียวเค่อที่ว่าห้ามใช้โดยพลการ เพื่อเอาชีวิตรอด เพราะนางยอมเสี่ยงหลิงอวี๋เดินเข้ามาพอดี จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงพาหลิงอวี๋ไปด้วยใครจะไปคิดว่าลูกแก้ววิญญาณจะพาพวกนางทั้งสามมาที่ยอดเขาหิมะ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นคนแรกที่ตื่นขึ้น เห็นเทือกเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ถึงกับเกือบจะสติแตกนี่มันที่ไหนกัน?นางมิรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เช่นนั้นจะหาทางกลับไปอย่างไร?แต่สิ่งที่ทำให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยฮึดขึ้นมาใหม่คือการที่นางเห็นหลิงอวี๋และหานเหมยที่นอนอยู่ข้าง ๆนางมิได้อยู่คนเดียว!ศัตรูของนางก็มาด้วย!ฮ่า ฮ่า ฮ่า!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิสนใจที่จะยินดี ค่อย ๆ คลานไปหาหลิงอวี๋ แล้วหยิบเข็มเงินออกมาปิดกั้นจิตสำนึกของหลิงอวี๋ และยังแทงเข็มเงินที่บริเวณจุดตันเถียนของหลิงอวี๋อีกหลายเข็ม เพื่อให้แน่ใจว่าหลิงอวี๋จะมิสามารถใช้พลังได้แต่แค่
เผยอวี้และฉินซานรีบออกจากวังเพื่อเตรียมออกเดินทาง หลิงซวนให้เถาจื่อไปกับหานอวี้เพื่อช่วยเหลือหลิงอวี๋ ส่วนตนจะอยู่ดูแลเซียวเยวี่ยท่านอ๋องเฉิงรีบเขียนจดหมายแจ้งข่าวการหายตัวไปของหลิงอวี๋ให้เซียวหลินเทียนทราบข่าวสารถูกส่งไปด้วยความเร็วสูงสุด ใช้เวลาเพียงสองวันก็ถึงมือเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนมิเคยคาดคิดมาก่อนว่า แม้จะรีบกลับมายังเมืองหลวงด้วยความเร็วสูงสุดเขาก็ยังหวังว่าจะได้พบกับภรรยาและลูก แต่กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเซียวหลินเทียนโกรธจนมือสั่น คนอย่างจ้าวหรุ่ยหรุ่ย เขาเกลียดจนอยากจะลอกเนื้อเถือหนังนางทั้งเป็นเมื่อเซียวหลินเทียนสงบสติอารมณ์ลง เขาก็ตัดสินใจมิกลับเมืองหลวง ให้อันเจ๋อเป็นหัวหน้าคณะกลับไปเมืองหลวงก่อน ร่วมมือกับท่านอ๋องเฉิงปกป้องเมืองหลวงส่วนจ้าวฮุยและองค์ชายคัง เซียวหลินเทียนมอบอำนาจให้ท่านอ๋องเฉิงจัดการได้อย่างเต็มที่จ้าวฮุยมีความผิดฐานก่อกบฏต่อแคว้น มีองค์ชายอิงและเจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปด้วยเป็นพยาน รวมกับความผิดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่ลักพาตัวฮองเฮา ความผิดทั้งสองข้อนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลจ้าวถูกทำลายล้างได้แล้วส่วนองค์ชายคัง เซียวหลินเทียนได้รับข่า
คำพูดของเย่หรงมิได้นำความหวังมาให้มากนัก เผยอวี้รีบพูดว่า “ถึงแม้ลูกแก้ววิญญาณของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเคลื่อนย้ายได้เพียงมิกี่ร้อยลี้ เราก็ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะไปถึง จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะยอมให้ฮองเฮารอจนเราไปช่วยได้หรือ?”“ใช่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น พื้นที่มิกี่ร้อยลี้กว้างใหญ่ออกปานนั้น เราจะไปหาฮองเฮาได้ที่ไหน!”ฉินซานก็พูดอย่างร้อนรนเย่หรงพูดมิออก จะอธิบายพลังของพวกเขาในแดนเทพให้คนธรรมดาเหล่านี้ฟังอย่างไร!เขาไม่มีความอดทนเมื่อต้องอธิบายกับคนที่มิรู้จัก เห็นว่าคนเหล่านี้ช่วยอะไรมิได้ จึงหันหลังเดินจากไป“ข้าบอกทิศทางให้พวกเจ้าแล้ว หลิงหลิงมิอยู่ เช่นนั้นขอตัวก่อน! ข้าไปแล้ว!”เมื่อเผยอวี้รู้ตัวและต้องการจะเรียกเขาไว้ เย่หรงก็หายไปแล้ว“คุณชายเย่…”เผยอวี้ตะโกนอย่างร้อนรน“มิต้องเรียกแล้ว เขามิอยากช่วย เจ้าเรียกจนเสียงแหบก็มิกลับมาหรอก!”แม่นมอูหัวเราะเยาะ พูดอย่างเรียบ ๆ ว่า “พ่อหนุ่มตระกูลเย่คนนี้มิยอมแพ้ในการค้นหาหลิงอวี๋ง่าย ๆ เราตามเขาไป ก็จะหาที่อยู่ของหลิงอวี๋จนเจอ!”“จะตามอย่างไร? เขาวิ่งเร็วขนาดนั้น ข้าตามมิทันหรอก!”เผยอวี้เห็นแล้วว่าพลังของเย่หรงเหนือกว่าตน หากเย่หรงอยาก
เผยอวี้สั่งให้ทหารบางส่วนอยู่ค้นหาหลิงอวี๋ต่อไป อีกส่วนหนึ่งนำตัวมือสังหารที่จับตัวไท่เฟยเส้าและฮองเฮาไปส่งยังเมืองหลวงในบรรดาคนเหล่านั้นมีจ้าวเฉียงฮั่วลุงรองของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยู่ด้วย เขาเห็นว่าสถานการณ์มิดี จึงฉวยโอกาสหนีไปกับมือสังหารที่หลบหนีระหว่างการต่อสู้จ้าวเฉียงฮั่วรีบลงเขาอย่างรวดเร็วและรีบกลับจวนเก็บข้าวของและพาครอบครัวหนีไปองค์หญิงใหญ่และไท่เฟยเส้าพ่ายแพ้แล้ว จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็หายตัวไป ในเวลานี้หากมิรีบหนีแล้วจะรอให้เสียวหลินเทียนกลับมาสังหารหรือไร?ขบวนของเผยอวี้ได้พบกับเย่หรงและแม่นมอูที่กำลังรีบมาสมทบกับหลิงอวี๋ เย่หรงมิเห็นหลิงอวี๋ในขบวน จึงใจหาย หรือว่าตนมาช้าเกินไป หลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารไปเสียแล้ว?“หลิงหลิงอยู่ที่ใด?”เย่หรงบุกเข้ามาขวางเผยอวี้อย่างดุเดือด หากเรื่องเป็นอย่างที่ตนคิด เขาจะต้องไปฆ่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยให้ได้“เรื่องนี้ยืดยาวนัก ไว้กลับไปคุยกันที่วังเถอะ!”เผยอวี้คว้าตัวเย่หรงไว้ ระหว่างทางก็เล่าเรื่องราวให้ฟังใจของเย่หรงจึงสงบลง แม้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นน้อย แต่ก็มิได้หมายความว่าหลิงอวี๋จะตายเสียเลยเมื่อรู้เรื่องแล้ว เขาจะต้องช่วยหลิง
“องค์หญิงใหญ่ ท่านกับไท่เฟยเส้ามิใช่พี่น้องร่วมสาบานกันหรอกหรือ?”หานอวี้พูดเสียงเย็นชาว่า “ไท่เฟยเส้าตายแล้ว หากท่านมิตามพระนางไปยมโลก พระนางคงจะเหงาแย่...”ก่อนที่องค์หญิงใหญ่จะรู้ว่าหานอวี้ทำอะไร หานอวี้ก็ดึงปกเสื้อของนางออก แล้วเอาผิวหนังที่เน่าเปื่อยของไท่เฟยเส้ายัดเข้าไปในปกเสื้อขององค์หญิงใหญ่หลิงซวนเห็นเหตุการณ์นี้ มิได้พูดอะไร และหันหลังเดินจากไปนางเข้าใจความรู้สึกของหานอวี้ หานเหมยเป็นญาติเพียงคนเดียวของนางในใต้หล้าแห่งนี้หานเหมยและฮองเฮาถูกวังวนลึกลับนั้นดูดหายไป มิรู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร หานอวี้จึงใช้โอกาสนี้ระบายความกลัวและความกังวลใจองค์หญิงใหญ่รู้สึกว่า ผิวหนังของนางซึ่งสัมผัสกับผิวหนังที่เน่าเปื่อยของไท่เฟยเส้าเริ่มคันและเจ็บปวด นางร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวแต่เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างก็กำลังตามหาหลิงอวี๋และหานเหมย ใครกันจะสนใจนาง!องค์หญิงใหญ่ขอความช่วยเหลือมิได้ หัวเราะมิออกอีกต่อไปหลิงอวี๋ที่เป็นคนเดียวที่จะช่วยนางได้ ก็มาหายตัวไปแล้ว นางจะไปหาใครมาช่วยได้อีก!กรรมใดใครก่อ ผลนั้นย่อมตกแก่ผู้นั้น!องค์หญิงใหญ่นึกถึงคำพูดของหลิงอวี๋ที่เคยกล่าวกับไท่เฟย